แม่ปากร้ายยุค​ 80 1109 ถามหาเหตุผล

ตอนที่ 1109 ถามหาเหตุผล

ตอนที่ 1109 ถามหาเหตุผล

……….

ตอนที่ 1109 ถามหาเหตุผล

หลังจากงานเลี้ยงแต่งงานจบลงและทุกคนทยอยกลับออกไป พ่อไป๋ก็ใส่ขนมมากมายในกระเป๋าขนาดเล็กของเถียนเถียนและเสี่ยวตงตง

เสี่ยวเถียนเถียนตบกระเป๋าที่ปูดโปนด้วยความตื่นเต้นและมีความสุขมาก

เสี่ยวตงตงยังคงไม่พอใจ เขาจึงหยิบถุงพลาสติกใบเล็กและวิ่งไปหาพ่อไป๋ หนูน้อยเงยหน้าขึ้นมองพลางกล่าวอ้อน “คุณตาครับ ผมอยากได้ขนมเพิ่ม”

พ่อไป๋ยิ้มและกรอกลูกกวาดใส่ถุงพลาสติกใบเล็กให้เขา

จากนั้นเสี่ยวตงตงก็ติดตามคุณปู่และคนอื่น ๆ ออกไปอย่างพึงพอใจ

เพื่อรักษาหน้าของเสี่ยวตงตง หลินม่ายจึงไม่ได้พูดอะไรในงาน แต่หลังจากขึ้นรถแท็กซี่แล้ว เธอก็พูดขึ้นว่า “ลูกกินลูกกวาดทั้งหมดนั่นไม่ได้นะ ไม่อย่างนั้นฟันจะผุ แล้วก็การร้องขอสิ่งของจากคนอื่นมันไม่ใช่เรื่องดีด้วย”

เสี่ยวตงตงพูดอย่างจริงจัง “ผมเปล่านะ”

“แล้วลูกอยากได้ลูกกวาดเพิ่มไปทำไมล่ะ?” หลินม่ายถามด้วยความงุนงง

เสี่ยวตงตงกะพริบตา “ความลับครับ”

หลินม่ายลูบหัวเล็ก ๆ ของเขา “ตัวใหญ่กว่ากบนิดเดียวหัดริมีความลับแล้ว”

เสี่ยวมู่ตงตอบกลับอย่างอารมณ์ดี “ไม่มีกบตัวไหนใหญ่กว่าผมหรอกครับ”

ขณะพูด เขาก็หันศีรษะเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกหลินม่ายลูบหัว

ฟางจั๋วหรานพูดกับลูกชาย “เป็นเด็กเป็นเล็กหัดมีความลับแล้วเหรอ?”

ไม่นานแท็กซี่ก็มาถึงทางเข้าลานบ้านของหลินม่าย ก่อนที่ทั้งครอบครัวจะลงจากรถ

โต้วโต้วยังคงซ่อนตัวอยู่ที่เดิม ขณะมองดูครอบครัวของหลินม่ายด้วยความโหยหา

จนกระทั่งพวกเขาทั้งหมดเข้าไปในลานบ้านและประตูลานบ้านถูกปิดลง หล่อนก็จากไปด้วยความพึงพอใจ

แต่ก่อนที่จะเดินไปได้ไกล หล่อนกลับได้ยินเสียงประตูลานบ้านเปิดออกจากด้านหลัง

โต้วโต้วหันมองย้อนกลับไปโดยไม่รู้ตัว ก่อนเห็นเสี่ยวตงตงวิ่งออกจากประตูลานที่เปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง จากนั้นวิ่งมายังมุมอับที่หล่อนมักซ่อนตัว

ดวงตาของโต้วโต้วเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ เสี่ยวมู่ตงรู้ว่าหล่อนซ่อนตัวอยู่ที่นี่ตลอดเลยเหรอ?

เสี่ยวมู่ตงรีบวิ่งเข้ามาหาโต้วโต้ว และยัดถุงขนมที่เขาถือเข้าไปในอ้อมแขนของหล่อน

นอกจากนี้เขายังหยิบลูกอมทั้งหมดในกระเป๋าเพื่อมอบให้หล่อนทั้งหมด โดยไม่เหลือไว้สำหรับตัวเองเลย

จากนั้นเขาเผยยิ้มและแสดงสัญลักษณ์หัวใจให้โต้วโต้ว ก่อนจะวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน

ดวงตาของโต้วโต้วเอ่อรื้นด้วยน้ำตา แม่หลินก็เคยสอนหล่อนถึงวิธีแสดงความรักเมื่อตอนที่ยังเป็นเด็กเช่นกัน แต่ต่อมาหล่อนได้หลงลืมที่จะทำมัน

หลังอาหารเย็น หลินม่ายวางแผนไปเยี่ยมซิ่วหลิงและแม่ของหล่อนตามลำพัง

ซิ่วหลิงเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดาที่เธอพบโดยบังเอิญ และไม่จำเป็นต้องดึงฟางจั๋วหรานเข้ามายุ่ง

แต่เพราะเธอกำลังตั้งครรภ์ ผู้เฒ่าทั้งสามในครอบครัวจึงไม่สบายใจที่เธอจะออกไปข้างนอกคนเดียวยามค่ำคืน เลยยืนกรานที่จะให้ฟางจั๋วหรานติดตามเธอไปด้วย

ในที่สุดทั้งคู่ก็ไปโรงพยาบาลด้วยกัน

ซิ่วหลิงได้สติกลับมานานแล้ว แม้ร่างกายจะอ่อนแอ แต่จิตใจถือว่าเข้มแข็งมาก

แม่ของซิ่วหลิงและเด็กหญิงทั้งสี่รวมตัวกันอยู่รอบเตียงของซิ่วหลิง

เด็กหญิงทั้งสี่ล้วนยังเป็นเด็ก พวกหล่อนมีความสุขมากที่ได้เห็นแม่ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งสี่สาวพากันพูดคุยด้วยปากเล็ก ๆ ไม่หยุด

พี่สาวคนโตหยิบขนมที่เสี่ยวมู่ตงมอบให้และยื่นไปที่ปากของซิ่วหลิง “หม่าม้า กินขนมค่ะ”

ซิ่วหลิงส่ายหัว “ในช่วงสองวันที่ผ่านมานี้แม่กินอะไรไม่ค่อยได้น่ะ”

หล่อนถามลูกสาวคนโตว่าเอาขนมในมือมาจากไหน ลูกสาวคนโตจึงบอกว่าลูกชายของป้าหลินเป็นคนมอบให้

ขณะที่ครอบครัวกำลังพูดเรื่องนี้ แม่ของซิ่วหลิงก็รู้สึกซาบซึ้งมากเมื่อเห็นหลินม่ายและสามีมาเยี่ยม โดยบอกว่าทั้งสองใส่ใจครอบครัวของพวกเขามาก และยังส่งคนนำอาหารมาส่งให้พวกเขาด้วย

หลินม่ายและสามีต่างก็สับสน วันนี้มีงานแต่งงานของพ่อไป๋ ทั้งคู่จึงมุงความสนใจไปที่งานมากกว่า พวกเขาต้องช่วยกันรับรองแขก และไม่มีเวลาสนใจครอบครัวของซิ่วหลิง แล้วเธอจะจัดให้คนมาส่งอาหารให้ครอบครัวซิ่วหลิงได้อย่างไร คงจะเป็นปู่ฟางและย่าฟางที่จัดเตรียมสิ่งนี้กระมัง

ตอนที่หลินม่ายได้เกิดใหม่ เธออายุแค่ 17 ปีและออกจากตระกูลอู๋โดยไม่มีอะไรติดตัว ผู้เฒ่าใจดีทั้งสองคนนี้ยื่นความช่วยเหลือให้เธอมากมาย และนั่นทำให้เธอเป็นเธอได้ทุกวันนี้

เนื่องจากครอบครัวของซิ่วหลิงอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชเช่นนี้ คุณปู่และคุณย่าฟางจะไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือได้อย่างไร!

หลินม่ายบอกความจริงกับพวกเขาด้วยรอยยิ้ม จากนั้นนั่งลงที่ด้านหน้าเตียงของซิ่วหลิง และเริ่มพูดคุยกับหล่อนเสียงเบา

เมื่อเห็นสิ่งนี้ แม่ของซิ่วหลิงจึงพาหลานสาวสี่คนกลับไปนอน เพื่อให้หลินม่ายได้พูดคุยกับซิ่วหลิงตามลำพัง

ประโยคแรกที่หลินม่ายถามซิ่วหลิงคือ หล่อนมีค่ารักษาพยาบาลเพียงพอที่จะจ่ายล่วงหน้าหรือไม่

ซิ่วหลิงพยักหน้า “มีพออยู่ค่ะ”

หล่อนบอกหลินม่ายโดยไม่ปิดบังว่าตนและลูกสาวคนโตสามารถทำกำไรสุทธิได้เดือนละห้าถึงหกร้อยหยวนด้วยการขายโร่วเจียโหมวและนมถั่วเหลือง พวกเขามีเงินมากมายและไม่ต้องการความช่วยเหลือจากหลินม่าย

หลินม่ายพูด “ลูกสาวคนโตอายุได้ 6 ขวบแล้ว จะให้ขายของตลอดไปไม่ได้หรอก ต้องให้หล่อนไปโรงเรียนด้วย”

ซิ่วหลิงกล่าว “ฉันวางแผนที่จะรอจนกว่าหล่อนอายุ 7 ขวบในปีหน้า แล้วค่อยส่งหล่อนไปโรงเรียนน่ะค่ะ”

หลินม่ายเปลี่ยนเรื่องและถามว่า “ทำไมอดีตแม่สามีและคนอื่น ๆ ถึงได้รับการปล่อยตัวออกจากคุกก่อนกำหนดล่ะ? ฉันจำได้ว่าพวกเขาถูกตัดสินจำคุกอย่างน้อยสามปี”

ซิ่วหลิงกล่าว “ในเวลานั้นผู้อำนวยการเสิ่นส่งคุณย่าของเด็ก ๆ รวมถึงคนอื่นเข้าคุกข้อหาปล้นชิงทรัพย์ มันจึงมีโทษรุนแรงมาก แต่ภายในหนึ่งเดือน หน่วยงานกฎหมายทั่วประเทศได้เปิดตัวการรณรงค์เพื่อแก้ไขการพิพากษาลงโทษที่ไม่ยุติธรรมและไม่ถูกต้อง อดีตแม่สามีและคนอื่น ๆ ต่างก็บ่นว่าพวกเขาได้รับการตัดสินอย่างไม่ยุติธรรม ศาลจคงเปิดการพิจารณาคดีอีกครั้ง แล้วเห็นว่าพวกเขาไม่ได้มีความผิดฐานปล้นชิงทรัพย์ เป็นเพียงการยักยอกทรัพย์สินเท่านั้น ส่งผลให้ประโยคดังกล่าวมีโทษเบามาก โดยมีโทษจำคุกสูงสุดไม่กี่ปี ถ้าทรัพย์สินที่ถูกยึดได้รับคืนมา พวกเขาจะมีโทษเบาลง ในที่สุดศาลก็ลดโทษลงเหลือสามเดือน และพวกเขาก็ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำก่อนกำหนด”

“แล้วพวกสัตว์ร้ายเหล่านั้นก็มาที่หน้าประตูเพื่อขอเงินเธอเหรอ?”

ซิ่วหลิงพยักหน้ารับด้วยความเศร้า “เมื่อเดือนที่แล้ว อดีตแม่สามีได้ยินคนพูดกันว่าฉันมีรายได้จากการขายโร่วเจียโหมวได้เยอะ หล่อนจึงพาสามีและลูกชายสองคนมาขอเงินจากฉัน ฉันปฏิเสธที่จะมอบให้ พวกเขาเลยมาทุบทำลายแผงลอยฉันอยู่หลายครั้ง วันนี้พวกเขามาหาและขอเงินฉันอีก แต่ฉันยังยืนกรานที่จะไม่มอบให้ อดีตแม่สามีจึงสั่งให้สามีและลูกชายทั้งสองทุบตีฉันกับแม่”

เมื่อเล่ามาถึงตอนนี้ ซิ่วหลิงอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ “ถ้าพวกคุณไม่ได้บังเอิญมาช่วยทันเวลา ฉันและแม่คงถูกสัตว์ร้ายพวกนั้นทุบตีจนตายไปแล้ว”

หลินม่ายพูด “ฉันไม่ได้มาด้วยความบังเอิญหรอก แต่ฉันมาเพราะอยากคุยธุระด้วย”

ซิ่วหลิงปาดน้ำตาและถามว่า “เรื่องอะไรหรือคะ?”

“ฉันต้องการขายโร่วเจียโหมวในอเมริกาสักพักหนึ่ง และฉันอยากขอให้คุณเป็นผู้อำนวยการด้านเทคนิคให้ฉัน คุณจะยินดีไหม?”

ซิ่วหลิงต้องการกำจัดครอบครัวของสามีเก่าของหล่อนจริง ๆ ถ้าได้ไปสหรัฐอเมริกา หล่อนจะกำจัดครอบครัวของสามีเก่าได้ 100%

หล่อนจึงถามกลับ “ฉันเป็นคนเดียวที่ไปอเมริกาได้ หรือทั้งครอบครัวของฉันไปอเมริกาด้วยได้คะ? ถ้าฉันไปอเมริกาได้แค่คนเดียว ฉันคงไม่ไป”

หากหล่อนต้องไปสหรัฐอเมริกาเพียงลำพัง แล้วใครจะดูแลคนแก่และเด็กที่ถูกทิ้งไว้ในจีน?

หลินม่ายครุ่นคิดเล็กน้อย “ทั้งครอบครัวจะไปอเมริกาก็ได้ แต่คุณอาจมีแรงกดดันทางการเงินสูง”

ซิ่วหลิงตอบ “ฉันไม่กลัวค่ะ ฉันทนความยากลำบากได้”

หลินม่ายพยักหน้า “เมื่อไหร่ที่ฉันเตรียมพร้อมเรื่องที่นู่นแล้ว ฉันจะจัดการให้เลขาเสิ่นส่งครอบครัวของคุณทั้งหมดไปอเมริกา”

ซิ่วหลิงพยักหน้ารับรู้

ม้ามของซิ่วหลิงถูกนำออกไปแล้ว มันเป็นการผ่าตัดใหญ่และทำให้หล่อนรู้สึกเหนื่อยง่าย

หลังจากที่หลินม่ายพูดเรื่องที่ควรพูด เธอกับฟางจั๋วหรานก็ลุกขึ้นและกล่าวคำลา

หลังแม่ของซิ่วหลิงพาหลานทั้งสี่เข้านอน เธอก็รีบกลับไปในห้องผู้ป่วยเพื่อดูแลซิ่วหลิงต่อ

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ตงตงหนูเป็นเด็กดีจังเลยค้าบบ

ไปมีชีวิตใหม่ที่อเมริกาเถอะค่ะ ในเมื่อสู้เดนนรกพวกนั้นไม่ได้ก็ย้ายที่อยู่เอาง่ายกว่า มีปัญญามาหาเรื่องถึงอเมริกาก็ตามมา

ไหหม่า(海馬)

แม่ปากร้ายยุค​ 80

แม่ปากร้ายยุค​ 80

Score 10
Status: Completed
หลินม่ายได้กลับมาเกิดใหม่ในวันแต่งงานของตัวเอง​ และพบว่าทุกคนรอบตัวไม่ว่าจะเป็นครอบครัวตัวเองหรือครอบครัวสามีต่างก็ยังเป็นเศษสวะกันเหมือนเดิม​ แต่ขอโทษเถอะ…หลินม่ายคนนี้ไม่ใช่หลินม่ายคนเดิมแล้ว​ ใครหน้าไหนมารังแกฉัน​ คราวนี้แม่จะซัดให้หงาย​​ จะงัดมารยาสาไถทุกกระบวนมาใช้แก้เผ็ดมันให้หมด! จากนั้นก็จะหย่ากับสามีกะหลั่วแยกตัวออกมาสร้างฐานะแบบสวยๆ​ ไม่ต้องสนใจใครอีกแล้ว!

Options

not work with dark mode
Reset