ราชาซากศพบทที่ 357 การประลอง (5)

บทที่ 357 การประลอง (5)

    บทที่ 357

    การประลอง (5)

    

    ”เจ้าค่ะ! นายน้อย! พอได้ยินคำพูดของหลินเว่ย ซูว่านก็พยักหน้าซ้ำ ๆ จากนั้นนางจึงโบกมือเพื่อนำสิ่งของที่อยู่ในแหวนมิติออกมา หลังจากนั้นซูว่านมองเห็นว่ามี ชุดเกราะเบื้องหน้ามีพลังปราณแข็งแกร่งครอบคลุมทั่วพื้นผิว

    

    และดาบสั้นที่มีพลังปราณเข้มข้น พลันปรากฏเบื้องหน้าของนาง

    

    “ หืม! โอ๊ะ! นี่ไม่ใช่อุปกรณ์ซวนฉีหรอกใช่ไหม? หนึ่งในศิษย์ของสถานศึกษาเทียนหยูร้องอุทานออกมา

    

    ”ไร้สาระ! หลินเว่ยจะมอบซวนฉีให้เด็กผู้หญิงคนนั้นเพื่ออันใด เนื่องจากเห็นใจนาง…คงเป็นเพียงอาวุธวิญญาณเท่านั้น ไม่มีทางเป็นซวนฉีไปได้หรอก”

    

    “ บ้าน่า! ทำไมข้าจึงไม่เป็นเกิดมาเป็นสาวน้อยบ้างนะ? สามารถได้รับซวนฉีมาอย่างง่ายดาย เทียบกับข้าที่หามันมาได้อย่างเลือดตาแทบกระเด็น กว่าจะได้มาไว้ครอบครองสักชิ้น”

    

    “ ……” เมื่อศิษย์ในสถานศึกษาเทียนหยู มองเห็นซวนฉีที่อยู่เบื้องหน้าของซูว่าน ใบหน้าของทุกคนเกือบจะทุกคน ล้วนเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา ในทางตรงกันข้าม พวกเขาเหล่านี้เนื่องจากถูกคัดออก จึงมีเวลาว่างพอที่จะมาดูการแข่งขันของผู้ที่ผ่านเข้าไปในรอบที่สอง”ในระหว่างที่ทุกคนพูดคุยกัน ต่างก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น “สนามประลองนี้ข้าพอจะเข้าไปแข่งขันได้หรือไม่?” ชายคนหนึ่งเดินออกมาจากฝูงชน และตรงมาที่สนามประลองของซูว่าน

    

    แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นแววตาเย็นชาของหลินเว่ย กำลังมองมาที่เขา จึงหยุดเดินด้วยความรีบร้อน น้ำเสียงของเขาสั่น

    

    พั่บๆ

    

    “ ข้าขอแนะนำว่า เจ้าควรหาสนามประลองอื่นดีกว่า แน่นอนว่าหากต้องการที่จะขึ้นไปแข่งขัน โปรดเตรียมตัวเตรียมใจ” หลินเว่ยมองหน้าด้วยรอยยิ้ม อย่างไรก็ตามในน้ำเสียงของเขาพลันเปลี่ยนเป็นการคุกคาม จนทำให้อีกฝ่ายทรุดลงบนพื้น

    

    ”ขอบคุณมาก ขอบคุณที่เอ่ยเตือนข้า! ข้าไปที่สนามประลองอื่นดีกว่า” ชายคนนั้นลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล และจากนั้นก็รีบวิ่งกลับเข้าไปในฝูงชน

    

    “ ขอบคุณนายน้อย!” ซูว่านกำลังง่วนอยู่กับการขัดเกลาอาวุธที่หลินเว่ยมอบให้นาง แต่นางก็ให้ความสนใจกับสถานการณ์ภายนอกอยู่เสมอ เมื่อเห็นหลินเว่ยถ่วงเวลาและสกัดกั้นคนเหล่านั้น ที่ต้องการฉวยโอกาสในตอนที่นางยังพร้อม นางก็รู้สึกซาบซึ้งใจและอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขอบคุณ

    

    ”มันเป็นเรื่องง่ายๆ เจ้าขัดเกลาอาวุธไปอย่างสบายใจเถอะ! ไม่มีใครมารบกวนเจ้า ในขณะที่หลินเว่ยมองกลับมาที่ ซูว่าน เขาโบกมือไปที่ซูว่านพูดด้วยน้ำเสียงเฉยเมย

    

    ”ดี!” เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเว่ย ซูว่านก็พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็มุ่งความสนใจไปที่การขัดเกลาอาวุธชุดใหม่ กระบวนการในการขัดเกลาดูเหมือนจะเพิ่มความเร็วขึ้นเล็กน้อย

    ”ศิษย์น้อง เจ้ามันคนร้ายกาจ! มือเติบและยังใจกว้างไม่เหมือนใคร ซวนฉีจำนวนมาก โดยเฉพาะชุดที่อยู่ตรงหน้าที่มอบให้สาวน้อยนี่ไม่ธรรมดาเลย เป็นซวนฉีที่หาได้ยากมาก! และดาบสั้น คือซวนฉีชั้นยอด! ไม่ลังเลใจในการมอบให้สาวน้อย แม้เพียงนิดเดียว ” หยางไป๋ไป๋เม้มริมฝีปากของเขา และถอนหายใจ คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชมหลินเว่ย

    

    “ ฮึ!”

    

    “ ฮึ!”

    

    “ ฮึ!” น้ำเสียงปนความไม่พอใจของหญิงสาวทั้งสามคนดังขึ้น เมื่อคำพูดของหยางไป๋สิ้นเสียง รอบ ๆ ตัวเขา พลันเกิดเสียงครวญครางเย็นชาทั้งสามเสียง

    

    ใบหน้าของหยางไป๋เปลี่ยนไปด้วยความตกใจ เขานั่งตัวตรง ยักไหล่ และเริ่มหัวเราะในคราวทุกข์ของคนอื่น

    

    เสียงฮึ่ม ๆ เย็นชา ทั้งสามนี้ หนึ่งมาจาก เสวี่ยมู่ จากนั้นตามมาด้วย ซางกวนหรูเสวี่ย และนอกจากนี้ มาจาก ซางกวนหรูผิง

    

    เมื่อได้ยินเสียงครวญครางอย่างเยือกเย็นของเสวี่ยมู่ จากนั้น ซางกวนหรูเสวี่ยก็มองหน้ากันด้วยความเข้าใจ แต่พวกนางกลับไม่เข้าใจว่า เหตุใด ซางกวนหรูผิงจึงไม่พอใจไปด้วยอีกคน

    

    “ ข้าไม่ชอบเขา หลอกล่อหัวใจของสาวน้อย ด้วยวิธีการแบบนั้น” เมื่อจ้องมองด้วยสายตาของคนสองคน ซางกวนหรูผิงก็รู้สึกผิดและรีบอธิบาย แต่ในใจของนาง ราวกับมีกวางน้อยสองสามตัวมาวิ่งวนในใจของนาง ใบหน้าของนางร้อนผ่าวอย่างห้ามไม่อยู่

    

    ”ฮึ่ม! ฟังดูดีกับคำพูดของเจ้า….แต่ทำไมเจ้าไม่ปฏิเสธตอนที่หลินเว่ยมอบอาวุธให้ล่ะ ดูจากท่าทางของเจ้า ยังใช้งานได้อย่างคล่องแคล่ว ข้าเห็นว่าเจ้าเพียงไม่ยอมรับ และพยายามแก้ต่างให้ตนเอง ไม่เช่นนั้น ในเรื่องนี้พวกเรามาแข่งขันกันอย่างยุติธรรมเถอะ

     “เสวี่ยมู่ แค่นเสียง พร้อมกับใบหน้าแสดงความไม่พอใจ และโต้ตอบด้วยเสียงเย็นชา

    

    ”เจ้า…เจ้ากำลังพูดถึงอะไร? ข้าไม่ได้ชอบเขา ส่วนอาวุธ เขามอบให้ข้า และข้าไม่ได้บังคับให้เขามอบให้เสียหน่อย” ซางกวนหรูผิงดูเหมือนกับว่ามีคนมาสะกิดหัวใจของนาง ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความโกรธ และรีบอ้าปากตอบโต้

    

    ”เอาล่ะ! อย่าทะเลาะ…พวกเจ้าทั้งสองคนมา ดูการแข่งขันต่อไปเถอะ ซางกวนหรูเสวี่ย เป็นคนมีเหตุผล และรีบ อ้าปากห้ามปรามสองสามทันที

    

    “ ฮึ!” เสวี่ยมู่หันศีรษะแค่นเสียงด้วยใบหน้าบูดบึ้ง แต่ไม่ได้พูดอะไร

    

    “ ฮึ!” ซางกวนหรูผิงก็หันศีรษะของนางพร้อมกับส่งเสียงครวญครางเย็นชา ใบหน้าของนางไม่พอใจ และนางพูดกับตัวเองว่า “ไอ้หัวไชเท้าริอาจเด็ดดอกไม้ข้างทาง” สองชั่วโมงต่อมา มีมากกว่าครึ่งหนึ่งที่สามารถเอาชนะสิบครั้งติดต่อกัน

    

    และผ่านเข้ารอบสามไปได้

    

    ”นายน้อย! ข้าพร้อมแล้ว ซูว่านมองไปที่อาวุธทั่วร่างกายของนาง และพูดอย่างตื่นเต้น

    

    ”พร้อมแล้วหรือ?” ใบหน้าของหลินเว่ยจ้องมองไปที่ซูว่าน และจ้องมองอาวุธเหล่านี้ที่ถูกคัดสรรมาอย่างดีโดยหลินเว่ย แม้ว่าพวกมันจะดูไม่เหมาะกับซูว่าน แต่มีพลังมาก

    

    “ งั้นเริ่มเลยเถอะ! ข้าจะไปแข่งขันแล้ว ไม่เช่นนั้น ข้าจะไม่มีคู่ต่อสู้หลงเหลือพอ ในภายหลัง” หลินเว่ยพยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม

    

    ”ดี! นายน้อย ท่านรีบไปเร็วเข้า! อาวุธที่มอบให้ข้านั้น ทำให้ความแข็งแกร่งของข้าเพิ่มขึ้นมาก ข้าจัดการได้ ซูว่านพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

    

    ”ดี!” หลินเว่ยพยักหน้า แล้วเดินตรงไปข้างหน้า

    

    เมื่อเห็นว่าหลินเว่ยกำลังจะทำอะไรบางอย่าง ใบหน้าของผู้ที่อยู่บนสนามประลองก็พลันเปลี่ยนไปทีละคน ใบหน้าของพวกเขาก็แสดงความตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง เมื่อเห็นดวงตาของหลินเว่ย มองไปที่พวกเขาทีละคน

    

    แต่ละคนรู้สึกตื่นตระหนกฉายผ่านในดวงตา บนหน้าผากพลันระเบิดเหงื่อเย็นและภาวนา ขอไม่ให้หลินเว่ยเลือกตนเอง

    

    ”อืม! เอาล่ะ ข้าเลือกเจ้า” หลินเว่ยพยักหน้า ราวกับว่าเขาได้ตัดสินใจแล้ว จากนั้นเขาก็ก้าวเข้าสู่สนามประลองภายใต้สายตาของทุกคนเมื่อเห็น หลินเว่ยก้าวเข้าสู่สนามประลอง คนอื่น ๆ ก็โล่งใจ แต่แล้วพวกเขาก็เต็มไปด้วยความเห็นใจชายผู้โชคร้ายที่หลินเว่ยสุ่มเลือก

    

    ”เจ้า … ” เมื่อเห็นหลินเว่ยเดินขึ้นมายังสนามประลองของตนเอง คู่ต่อสู้ก็หน้าซีดเผือด ราวกับไร้วิญญาณ

    

    คู่ต่อสู้ที่ถูกเลือกของหลินเว่ย คือนักรบจากอาณาจักรมืดโบราณที่เอาชนะ เฉินเฉินมา ก่อนหน้านี้ หลินเว่ยขึ้นมายังสนามประลองเพื่อท้าทายฝ่ายตรงข้ามโดยตรง ซึ่งนักรบจากอาณาจักรมืดโบราณคนนี้ สามารถเอาชนะได้แปดครั้งติดต่อกัน เหลือเพียงสองครั้งเท่านั้น เขาก็จะผ่านเข้ารอบที่สาม

    

    ”อาณาจักรเฟิงหยู, สถานศึกษาเทียนหยู, หลินเว่ย โปรดชี้แนะ” หลังจากที่เขาขึ้นมาบนสนามประลอง หลินเว่ยกล่าวทักทายตามธรรมเนียม และประสานหมัดให้ฝ่ายตรงข้าม

    

    “ ……”

    

    ฟาจ้าน มองไปยังใบหน้าของหลินเว่ย และเต็มไปด้วยใบหน้าที่อดกลั้น แต่เขาก็เงียบงัน ไม่ตอบรับใดๆ

    

    ”เนื่องจากเจ้าไม่เริ่ม เช่นนั้นข้าขอเป็นฝ่ายเริ่มก่อน” หลังจากหลินเว่ยพูดจบ กลับปรากฏแสงสีม่วงจำนวนมาก ล้อมรอบตัวของเขา

    

    “ พรึ่บ!” ในเวลานี้ ผู้คนสามารถมองเห็นเพียงแสงสีม่วงที่สาดส่องเข้ามาในดวงตาของพวกเขา แต่อันที่จริงแล้ว มันคือพลังจากฟาจ้านที่ฉวยโอกาสลอบโจมตีหลินเว่ยหลังจากนั้น ฟาจ้านขบคิด และก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็ฉีดพลังจิตวิญญาณของเขา ลงในมงกุฎบนศีรษะของเขาอย่างรวดเร็ว

    

    “ พรึ่บ … !”พลังทางจิตวิญญาณจำนวนมาก ถูกฉีดเข้าไปในมงกุฎผมบนศีรษะของฟาจ้าน ราวกับว่ามันกำจัดจะถึงขีดจำกัด จนทำให้เกิดเสียงหึ่ง ๆ เบาๆ

    

    “ พรึ่บ!” คลื่นพลังไร้รูปร่างกวาดต้อนผ่านร่างกายของหลินเว่ย จากนั้นสายตาของฟาจ้าน ก็จับจ้องไปที่ดวงตาของ หลินเว่ย เมื่อเขาเห็นดวงตาของหลินเว่ยที่ปรากฏความสับสน ทันใดนั้นหัวใจของฟาจ้านก็เต็มไปด้วยความสุขและใบหน้าของเขาก็ตื่นเต้น

    

    เมื่อฟาจ้านคิดว่าการโจมตีของเขานั้นได้ผลจู่ ๆ ปากของ หลินเว่ยก็ยกขึ้นเล็กน้อย และปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยัน แววตาของเขาเข้าใจกระจ่างและไร้ซึ่งความขุ่นมัวและสับสนก่อนหน้านี้

    

    ”เป็นอย่างไรบ้าง เจ้ารู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย เพราะคิดว่าลูกไม้ของเจ้าสามารถใช้กับข้าได้ผล” หลินเว่ยพูดด้วยความเย้ยหยัน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหยอกล้อ

    ”เจ้า … “ฟาจ้านตกตะลึง และริมฝีปากของเขาสั่นๆ แต่เขากลับพูดอะไรไม่ออก

    

    ”มงกุฎบนศีรษะของเจ้ามันดีมาก ดูเหมือนว่าจะเป็นซวนฉีชั้นยอด ข้าชอบมาก ช่วยมอบให้ข้าได้หรือไม่? หลินเว่ยเหลือบมองไปที่มงกุฎผมบนศีรษะของฟาจ้าน จากนั้นเอ่ยขออย่างตรงไปตรงมา

    

    ”ข้า … ” เมื่อเขาได้ยินคำพูดของหลินเว่ย ภายในใจของฟาจ้านรู้สึกอึดอัดในใจเล็กน้อย และก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว เขาวางมือบนมงกุฎของตน และมองไปที่หลินเว่ยด้วยความระมัดระวัง

    

    ”ข้าคิดว่า … ” เมื่อเห็นว่าการโจมตีอย่างเต็มที่ของเขานั้นไร้ผลต่อหลินเว่ย ฟาจ้านก็พร้อมที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ เพราะเขารู้ว่าเขาไม่มีวิธีอื่นใด ที่จะทำอันตรายต่อหลินเว่ย

    

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตอนนี้หลังจากที่หลินเว่ยจ้องมองไปที่มงกุฎผมของเขา เขาก็เอ่ยสารภาพยอมรับความพ่ายแพ้โดยตรง เพื่อรักษาซวนฉีของตนเองไว้

    อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทันที่จะได้อ้าปากพูด เขารู้สึกว่าร่างกายของเขารู้สึกชาวาบขึ้นมาทันที ทั้งร่างสั่นสะท้านและร่างกายของเขาก็ไม่สามารถควบคุมได้ อย่างไรก็ตาม

    

    ปากของฟาจ้านไม่สามารถเปล่งคำพูดอะไรออกมาได้อีก ทั้งร่างแข็งทื่อ มีเพียงดวงตาที่สามารถกลอกไปมาได้เล็กน้อย

    

    แต่ในเวลานี้หลินเว่ยได้เอื้อมมือออกไป คว้าถอดมงกุฎบนผมของอีกฝ่าย ทันใดนั้นพลังจิตวิญญาณที่ทรงพลังและหาที่เปรียบไม่ได้ก็หลั่งไหลออกมาจากคิ้วของหลินเว่ย เข้าไปยังมงกุฎผมของฟาจ้านในมือของหลินเว่ย

    

    อย่างบ้าคลั่ง

    

    ”สวบ!”

    

    ”กึก!” ด้วยพลังทางจิตวิญญาณของหลินเว่ย ที่ไหลบ่าเข้ามา เกิดเสียงที่คมชัดดังออกมาในมงกุฎผมของฟาจ้าน จากนั้นฟาจ้านพลันกระอักเลือด ใบหน้าไร้เลือดฝาด และดวงตาก็มืดลง

    ”สารเลว! เขาลบตราประทับของข้าออกจริง ๆ … ” ฟาจ้านตกตะลึงเมื่อรับรู้กับสิ่งที่หลินเว่ยทำ

    

    ”หืม! ดี.ดี! นี่เป็นซวนฉีชั้นยอดจริง ๆและผลของมันยังสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของจิตใจได้ ข้าไม่ได้คาดหวังว่าซวนฉีชั้นยอดเยี่ยมที่ข้ามา จะมีผลในการเพิ่มพลังจิตวิญญาณ

    

    และยังมีทักษะที่น่าหลงใหล ทั้งสองสิ่งนี้ มีความเชื่อมโยงกันหรือไม่?” หลินเว่ยพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ แต่แล้วเขาก็ขมวดคิ้วและขบคิดอยู่ในใจเงียบๆ

    

    

    

    

Options

not work with dark mode
Reset