019:การรบครั้งแรก⑤ งานเลี้ยงฉลอง
พื้นที่รัศมีห้ากิโลเมตรกลายเป็นดินแดนรกร้างที่ไม่มีพืชพรรณ
ลูน่าที่ลอยอยู่ในอากาศเพื่อดูว่าไอ้งูยักษ์มันจะฟื้นคืนชีพไหม แต่ว่าร่างกายของมันระเหยไปในอากาศด้วยความร้อนสูง ดูเหมือนว่ามันจะตายเป็นที่เรียบร้อย
「เอ่อยังมีงานอีกอย่างที่ต้องทำนี่นะ」
เธอพูดเช่นนั้นขณะลงจอดกลางกองทัพของอัศวินเวลซัคที่โดนแรงระเบิดซัดจนล้มลง ในขณะที่เธอยังยืนอยู่ในเครื่องแบบเบลเซอร์ที่ไร้รอยขีดข่วน
เมื่อฟังเสียงคร่ำครวญของเหล่าทหารเธอก็เปิดโหมดเทพธิดาตามปกติ
「เฮ้อทำแบบนี้แต่แรกก็สิ้นเรื่องแล้ว!」
คราวนี้ฉันรู้แล้วว่ามีคนหลายพันคนที่ฉันต้องรักษา ฉันเลยไม่คิดจะปกปิด
ปีกสีขาวบริสุทธิ์หกคู่ผุดออกมาและวงแหวนทั้งสี่ก็ลอยอยู่เหนือศีรษะ
การักษานั้นครอบคลุมไปทั่วเพราะพลังอันแสนบริสุทธิ์
เสาแห่งแสงแผ่กระจายออกไปและเสียงแหลมสูงได้กลืนกินกองทัพทั้งหมด แม้กระทั่งกำแพงส่วนหนึ่งของซิเรียส ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ด้านหลังค่าย
จากมุมมองของลูน่าที่ได้คำนึงถึงความเสียหายที่เกิดจากตะวันลับฟ้า นั้นส่ร้างความเสียหายไม่เลือกฝั่ง
พูดตรงๆก็คือกะจะฆ่าทุกคนให้ตายตั้งแต่ต้นเพราะว่าคืนชีพเหนือพิภพมันทำให้ทุกคนเยาว์วัยลง
แถมยังมีนัยยะอื่นๆแอบแฝงอีกมากมาย
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือสลักความน่าเกรงขามของฉันให้ทุกคนได้เห็นและแสดงให้เห็นถึงปาฏิหาริย์อันน่ากลัวที่สามารถทำลายล้างและฟื้นคืนชีพได้ในเวลาเดียวกัน
เพื่อให้สามารถออกคำสั่งยามขับคันได้ลูน่าจึงทำให้พวกเขาต้องติด “หนี้บุญคุณ”
หากลูน่าทำตามชะตากรรมของเธอในหนังสือแห่งคำทำนาย ในที่สุดเธอก็จะโดนถอนหมั้น
ยังไม่ต้องพูดคุยถึงเรื่องอื่น แต่เธอควรทำประกันชีวิตไว้มากกว่านี้
ขั้นตอนแรกฉันอยากถอนหมั้นให้เร็วที่สุด ฉันเคยเห็นเจ้าชายทั้งสองที่บุกมาในงานวันเกิดของฉัน และคิดว่าเป็นพวกเด็กเปรตที่ริอาจลงมือกับสาวน้อย ถ้าต้องมาอยู่ใกล้ฉันจะจับฝึกให้ตายไปข้างเลย และจากมุมมองของฉันในฐานะผู้หญิง พวกนั้นไม่ใช่สเปคฉันเลย และฉันเองก็มีความปรารถนาอย่างจะล้างแค้นไอ้พวกที่ขับไสไล่ส่งฉัน
ขุนนางนั้นเป็นมาเฟียถูกกฏหมายที่ห่อหุ้มร่างกายไว้ด้วยคำพูดอันสวยหรู กล่าวอีกนัยหนึ่ง “ถ้าพวกนั้นโดนลงโทษ ก็จบเห่”
และหากลูกสาวของตระกูลขุนนางถูกขับไล่ก็จะทำให้ตระกูลเกิดความด่างพร้อย แต่ว่าจะยังไม่ถูกยึดอำนาจเว้นแต่จะสร้างหายนะขึ้นมา
ในท้ายที่สุดแล้วการมีกองกำลังไว้โค่นล้มราชวงศ์ก็เป็นคีย์สำคัญในการเป็นประกันภัยของฉันเช่นกัน
การทรยศต่อราชวงศ์จะถูกประหารโดยไม่มีการซักถาม
ดังนั้นต้องก่อกบฏให้สำเร็จรุล่วง หากทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผน
ลูน่าคิดว่าวิธีเดียวที่จะสามารถเพิ่มโอกาสชนะของลูน่าได้เพียงเล็กน้อยนั่นคือการสร้างรากฐานที่มั่นคง
「เหล่านักรบที่ได้รับบาดเจ็บล้มหายตายจากไปเอ๋ย ฉันจะมอบชีวิตที่สองให้พวกเจ้าได้จับดาบอีกครา!!」
ฉันพูดประโยคที่ดูเหมือนกับเทพธิดาออกมา
ต่อไปพลังงานทั้งหมดของฉันก็ถูกถ่ายเทไปสู่ร่างของทหารทั้งหมดที่อยู่โดยรอบทันที
แล้วเหล่าทหารที่ค่อยๆลุกขึ้นเหมือนกับหนอนผีเสื้อนั้น
ลูน่ายังลอยอยู่บนอากาศในขณะที่พื้นที่โดยรอบปกคลุมด้วยแสงสว่าง เพื่อดึงดูดความสนใจของพวกเขา
เมื่อแสงจางลง เหล่าทหารก็มองมาทางลูน่าด้วยสีหน้าวาดกลัว
「ศัตรูของพวกเจ้าได้ถูกกำจัดจนหมดสิ้น ตอนนี้ถึงตาพวกเจ้าแล้วที่จะตอบแทนตันฉัน หากยามใดที่ฉันต้องการความช่วยเหลือได้โปรดเป็นดาบให้กับฉันคนนี้」
เธอพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
ทหารทุกนายก้มกราบพร้อมบอกว่า「แน่นอนครับ ท่านเทพธิดา!!」
……เฮ้อ ไปกันใหญ่แล้วนะพวกเอ็ง
ทำไมพวกทหารเหล่านี้ถึงได้พูดเป็นเสียงเดียวกันอย่างพร้อมเพรียงด้วยนะ ฝึกมารึไง
ลูน่ามองไปยังเหล่าลูกน้องของเธอด้วยความกังวลใจ
◆ ◆ ◆
――คืนนั้นทหารของเวลซัคกำลังยุ่งกับการกำจัดซากของปีศาจจนถึงรุ่งสาง และดูเหมือนว่าจะมีพลังงานเหลือเฟือโดยที่ไม่เจอศัตรูเหลือเลย
ลูน่าและหน่วยรบของเธอได้รับ MVP ในการปฏิบัติการครั้งนี้และใช้เวลาทั้งคืนในเต็นท์ที่อยู่ปลายสุดของฐานบัญชาการ ใกล้กับกำแพงเมืองซิเรียส เมื่อถึงวันต่อมาทุกคนลุกขึ้นด้วยใบหน้าร่าเริงพร้อมออกเดินทางกลับ
ปรากฏว่ากระสุนลูกปรายนั้นจัดการฮอบก็อบลินได้ประมาณร้อยกว่าตัว
「――ณ เวลานี้กองทัพปีศาจได้ถูกจัดการอย่างราบคาบ!」
เมื่อพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ท่านแกรนด์ ประกาศออกมาขณะที่เหล่าลูกน้องกำลังเข้าแถว
จำนวนทหารนั้นกลับมาเป็นสามพันคนดั่งเดิม
เพราะพวกเขานั้นฟืนคืนชีพมาจากความตาย ทำให้ไม่เสียทหารไปเลยสักคน
การต่อสู้ถูกจัดขึ้นไกลจากตัวเมืองพอสมควร และจำนวนผู้เสียชีวิตเท่ากับศูนย์ หรืออาจะเพราะโดนกินจนไม่เหลือแม้แต่ร่างก็เป็นได้ หากอยู่ในระยะพลังของลูน่าก็คงฟื้นคืนชีพขึ้นมา
ตอนแรกลูน่าคิดว่ามันจะง่ายเพราะมีผู้บาดเจ็บมากมาย แต่เธอคิดว่ามันแปลกเพราะมันใช้พลังศักดิ์สิทธิ์มากกว่าที่เธอคิดเอาไว้ และนี่คือผลลัพธ์
ทหารที่กลับมาจากความตายนั้นยังมีชุดเกราะกับดาบที่ได้รับความเสียหาย ดังนั้นจึงต้องใช้เวลาและเงินจำนวนมากในการฟื้นกำลังรบ
「ศึกนี้พวกเราได้รับชัยชนะ ในกรณีนี้ให้ทหารจำนวนหนึ่งเฝ้าระวังและที่เหลืออยู่ไปดื่มเหล้าองุ่นซะ!!」
เห็นได้ชัดว่าท่านแกรนด์ชอบเหล้ามาก เพราะร่างกายที่เหมือนกับหมีล่ะมั้ง
เมื่อเขาประกาศเช่นนั้นเหล่าทหารต่างก็แสดงสีหน้ามีความสุขออกมาและส่งเสียงเชียร์
แน่นอนว่ากองกำลังพิทักษ์นางฟ้าเองก็ด้วย
แต่ว่าเนื่องจากลูน่าไม่ใช่ผู้ใหญ่ เธอจำเป็นจะต้องดื่มน้ำผลไม้แทน แต่…
「เอาล่ะ อย่างที่ทุกคนได้ยินทุกคนได้รับอนุญาตให้ดื่มและคืนนี้พวกเราจะเมาหัวราน้ำไปเลย」
「「「โอ้วววววววววววว!!」」」
เมื่อเธอพูดเช่นนั้นเหล่าหทารก็ดีใจยกใหญ่
พวกทหารกินดื่มกันอย่างหนักและก็ล้มทั้งยืนด้วยความเมา
จากนั้นฉันก็คำนวณในหัวว่าวันพรุ่งนี้หลังเที่ยงที่กลับบ้าน
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมางานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่ได้เริ่มต้นขึ้น ณ กำแพงด้านนอกเมือง
โต๊ะจำนวนมากที่ไม่รู้เอามาจากไหนเยอะแยะวางทอดยาวและมีอาหารจำพวกเนื้อย่างและอื่นๆ
แก้วที่ถือเต็มไปด้วยเหล้า และพวกเขาดื่ม ร้องเพลง และเต้นกันจนไม่รู้จักเหนื่อย
แสงของกองไฟถูกจุดขึ้นตามสถานที่ต่างๆ ทำให้เหล่าทหารนั้นคึกคัก
「แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ……」
ท่ามกลางเหล่าหทารลูน่าดื่มน้ำส้มและนั่งลงบนท่อนซุง
หากกัดเนื้อที่เสียบไม้อยู่ไว้ในมืออีกข้างหนึ่งก็จะสัมผัสได้ถึงความช่ำที่แพร่กระจายไปทั่วปาก
ช่วงเวลาแห่งความสุขผ่านพ้นไป สิ่งที่มาในอกของฉันคือความรู้สึกที่ได้ทำบางอย่างสำเร็จและความเหงาที่เข้ากัดกินจิตใจ
แต่ว่ามันก็สบายกว่าที่ต้องทำตัวเป็นลูกขุนนางอยู่ตลอดเวลา
ฉันคิดเสมอว่าคนอย่างฉันไม่ควรจะมีชีวิตที่หรูหราแบบนี้
แต่แล้วผู้บัญชาการก็ทำลายบรรยากาศสะเทือนอารมณ์ของฉันไปจนหมด
ซึ่งนั่นก็คือท่านแกรนด์ของฉันเอง
「ลูน่า พอดีมีเรื่องจะคุยด้วยขอนั่งด้วยได้ไหม?」
「ท่านแกรนด์ เอ่อ เชิญค่ะ」
「ข้าจะมีความสุขมากกว่านี้นะหากเจ้าเรียกข้าว่าปู่」
「เอ่อแบบนั้นไม่ดูหยาบคายเกินไปเหรอคะ」
「อืม…………ไม่สำคัญหรอก ข้าอยากให้เจ้าเรียกน่ะ」
แกรนด์ทรุดตัวลงนั่งข้างๆเธอ
นายพลที่ผ่านศึกมาอย่างโชกโชนกำลังจ้องมองกองไฟตรงหน้าขณะที่เหล่าทหารกำลังเต้นรำและเรียกหลานสาว
「พอดีข้ามีเรื่องอยากจะถาม」
「ค่ะ」
「……เจ้าเป็นใครกันแน่」
「ลูน่า เบลล์ ดิแซค เป็นลูกสาวของตระกูลมาร์ควิส อายุ 12 ปี……….คงไม่ใช่คำตอบแบบนี้สินะคะ?」
ลูน่าถามเขาที่อยู่ข้างๆ ในขณะที่เธอกำลังม้วนผมเล่น
「ใช่」
นั่นคือคำตอบของชายคนนั้น
ลูน่าพยักหน้า และจากนั้นเธอก็พูดออกมา
「กาลครั้งหนึ่งเคยมีคนโง่ที่พยายามท้าทายเทพเจ้า ชายคนนั้นคิดแต่ว่าเขาจะสามารถโค่นล้มเทพได้ยังไง จากนั้นเขาก็ได้คิดวิชาสำนักมังกรซากุระขึ้นมา ซึ่งมันคงหายไปตามประวัติศาสตร์ ชายคนนั้นได้โค่นล้มจอมมาร ฆ่าล้างบางเทพเจ้า และตายโดยไม่มีใครรับรู้」
「วิชาสำนักมังกรซากุระ ! นี่เจ้า……!!」
「อย่าพูดเสียงดังสิคะ………อย่าพูดมันออกมาเด็ดขาด คนที่ตายไปแล้วมันก็ตายไปแล้วนั่นแหละ เศษเสี้ยวของความฝันที่ผลิบานเพียงชั่วครู่ภายในโลกแห่งนี้มันจะไปมีค่าอะไรกันล่ะคะ?」
ดูเหมือนเขาจะรู้จักวิชาของฉัน
แต่ลูน่าพยายามปิดปากเขา
จากนั้นเขาก็ถามฉันอีกครั้ง
「แล้วท่านผู้ยิ่งใหญ่ไร้ซึ่งนามเอ๋ย ! ถ้างั้นให้ข้าได้ถามเจ้าหน่อยเถอะ……..ข้าคิดเกี่ยวกับมันมาตลอดเวลาเลยเมื่อวานนี้ วิธีที่เจ้าใช้สู้แตกต่างออกไปอย่างมาก แสงสีสามารถทำลายล้างได้แม้แต่ทวยเทพด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ปาฏิหาริย์ที่สามารถฟื้นคืนชีพคนตายได้ นั่นเป็นสิ่งที่ไม่ควรมีอยู่ในโลกนี้ไม่ใช่เหรอ?」
「ไม่ช้าก็เร็ววิธีที่ผู้คนต่อสู้จะเปลี่ยนไป มันเป็นเหตุการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ในไม่ช้าความแข็งแกร่งของคนเองจะเป็นเครื่องพิสูจน์ ฉันก็แค่พยายามทุกวิถีทางเพื่อมีชีวิตรอดเท่านั้นค่ะ」
「แล้วเจ้าไปถึงตัวตนที่ใกล้เคียงกับเทพเจ้าได้ยังไง?」
「ตอนที่ฉันได้สังหารเทพ ความคิดแรกก็คือการไปอยู่ดินแดนเดียวกับเทพ แต่ว่าถ้าฉันยังคงก้าวเดินไปบนวิถีนั้นอีก ฉันจะกลายเป็นเทพซะเอง……」
เธอพูดและยิ้มออกมา
ช่างเป็นการประชดประชันต่อจุดจบของฉันที่คิดจะกำราบเทพด้วยการให้ฉันเป็นเทพเสียเอง
แกรนด์หลับตาและก้มหัว
「ข้าเข้าใจแล้ว แกรนด์ เวลซัค ผู้นี้ตราบใดที่ชีวิตยังหาไม่ จะขอปกป้องเจ้าจนกว่าชีวิตจะดับสูญ」
เขาลุกขึ้นและโค้งคำนับต่อหน้าฉัน
ลูน่าค่อยๆวางมือบนศีรษะของเขาและยิ้มออกมา
「อืม ความภักดีของท่าน เราจะรับมันไว้เอง」
คำสาบานของผู้เป็นนายและข้ารับใช้ได้ถือกำเนิดขึ้น
พรุ่งนี้เธอจะนำกองทัพออกจากดินแดนแห่งนี้
อย่างไรก็ตาม คำสาบานนี้จะถูกบังคับตราบชั่วชีวิตนี้จะหาไม่
「นอกจากนี้ยังมีคำขอที่เห็นแก่ตัวหนึ่งอย่าง」
「ว่ามาสิ」
「อย่างน้อยก็ช่วยเรียกข้าว่าปู่ทีเถอะ……」
「「……」」
นายพลชรามองมาที่เธอด้วยความคาดหวัง
รอยยิ้มของลูน่ากระตุกเล็กน้อย
สถานะการแปลนิยายตอนนี้ 42/124
เรื่องนี้ผู้แต่งยังอัพเดทเรื่อยๆ