017:การรบครั้งแรก③ เผชิญหน้ากับท่านปู่
ในช่วงเวลาที่ออกเดินทาง ลูน่าแต่งตัวที่ไม่เหมาะสำหรับการบินบนท้องฟ้าเลยสักนิด เธอสามารถมองเห็นขาอ่อนภายใต้กระโปรงของเธอได้
(((แอบดูได้ด้วยเฟ้ย……)))
ระยะห่างระว่างพวกผู้ชายหื่นกามกับลูน่าลดลงอย่างไม่รู้ตัว และพวกมันก็โฟกัสจ้องมองขาอ่อนและกางเกงในของลูน่า
ใช่ มนุษย์นั้นเกิดมาพร้อมกับนิสัยโง่เขลาและน่าเศร้า พวกนั้นกำลังจ้องมองเข้าไปในภายใต้กระโปรงของลูน่า
(เอ่อ ชาติก่อนเอง ฉันก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน มันห้ามกันไม่ได้สินะ……)
ดังนั้นลูน่าจึงบินลงมาด้วยตัวเองในขณะที่ให้ทุกหน่วยยังคงบินอยู่บนฟ้า และเมื่อเธอลงจอดในป่าใกล้ๆ เธอหยิบกางเกงรัดรูปออกมาจากกระเป๋าเป้และมองดู
มันก็เป็นพฤติกรรมปกติของมนุษย์ผู้ชายที่หื่นกระหาย
แต่ว่า เท่าที่ฉันจำได้ในชาติก่อนต่อให้ใส่กางเกงรัดรูปที่ให้หนุ่มๆมองเห็นได้ พวกเขาก็ยังคงจ้องมันอยู่ดีไม่ใช่เหรอไง
มันปกติงั้นเหรอที่จะใส่กางเกงภายใต้กระโปรง?
จากนั้นลูน่าก็ไตร่ตรองสักพัก
「เอ่อ ก็เข้าใจหรอกว่าชุดถูกออกแบบมาให้น่ารัก แต่ว่าการโดนพวกผู้ชายจ้องมองด้วยสายตาหื่นกระหายมันก็ยากเกินกว่าจะรับไหว……」
ฉันเอือมระอาขณะที่พิงหลังบนต้นไม้
ตอนนี้เธอสวมกระโปรงพลีทและชุดที่เหมือนกับเครื่องแบบเบลเซอร์ นอกจากนี้ยังปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งสองแขนของเธอมีเกราะเหล็กหนาๆ ซึ่งดูเหมือนเครื่องรางบางอย่าง
นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มความมีสีสันดันมีกางเกงรัดรูปสีดำเข้ามาเกี่ยวข้อง นี่มันมีความหมายแฝงอะไรรึเปล่า
「พี่สาว มีอะไรงั้นเหรอคะ?」
อลิซ่าเข้ามาหาฉัน
เธอลงมาหาลูน่าซึ่งเธอแต่งตัวเหมาะกับการเป็นหัวหน้าหน่วยมากกว่าลูน่า
ก่อนลงจอดกระโปรงของเธอเปิดขึ้นพอให้เห็นกางเกงขาสั้นของเธอ
「ก็เพราะแบบนั้นไง?!」
「อะไรงั้นเหรอคะ?」
เธอสวมกางเกงขาสั้นไว้ใต้กระโปรง
มันเป็นสิ่งที่ลูน่าไม่มีไงล่ะ
ไม่ มีแม้กระทั่งความคิดที่จะใส่กางเกงขาสั้นไว้ใต้กระโปรงเลยแม้แต่น้อย
แต่เมื่อคิดดูดีๆแล้วกระโปรงก็ช่วยเปล่งประกายความน่ารักของสาวๆออกมา แต่ถ้าไม่อยากให้คนเห็นสิ่งที่อยู่ใต้กระโปรงก็สามารถใส่กางเกงขาสั้นทับเข้าไปได้
เอ๊ะแต่ว่ามันสมเหตุสมผลเหรอ
แต่ว่าพอมองมาที่ฉันแล้ว……。
เธอรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าในฐานะสาวน้อย
「อลิซ่าจัง ฉันขอไปซื้อกางเกงที่จุดแวะได้ไหม」
「จะบ้าเหรอคะท่านพี่!!」
「เอ๊ะ ทำไมล่ะ?!」
「สำหรับท่านพี่การใส่กางเกงภายใต้กระโปรงถือเป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับสาวน้อยเลยนะคะ!」
「หมายความว่าไง?!」
เห็นได้ชัดว่าอลิซ่านั้นจ้องเขม็งมาที่กางเกงรัดรูปของฉัน
ฉันไม่รู้ว่าทำไม แต่ฉันทำอะไรไม่ได้เพราะน้องสาวตัวน้อยคัดค้านอย่างแรง
เพราะงั้นแผนการสวมกางเกงภายในกระโปรงจึงล้มเหลว
◆ ◆ ◆
การแสวงบุญยังคงดำเนินต่อไป (โชว์กางเกงรัดรูปสีดำ)
พวกเราบินผ่านท้องฟ้าด้วยความเร็วสามร้อยกิโลเมตร ในไม่ช้าก็พบกับเมืองที่คาดว่าเป็นจุดแวะ พวกเราลงไปที่ประตูด้านหน้าและอธิบายสถานการณ์ให้ทหารยามฟัง แต่พวกเขาไม่อนุญาตให้ฉันเข้าเมือง ดังนั้นเลยลงเอยด้วยการพักที่นอกเมือง ใช้เวลาพักหนึ่งชั่วโมงแล้วบินกันต่อ
มากกว่านั้นทหารยามต่างตกใจเมื่อเห็นกองทัพของเรากำลังบินบนน่านฟ้า และลูน่าก็ล้มเลิกการเข้าเมือง โดยตระหนักได้ว่าคงเป็นเรื่องยากที่จะเอาใจ
เพื่อให้เป็นความแน่ใจเธอก็เลยต้องหยุดแวะพักที่หน้าเมืองเพื่อเป็นการบอกว่าเธอมาถึงที่นี่ตอนไหน และตามปกติจะต้องแจ้งล่วงหน้าถ้ามากันเป็นหมู่คณะและอยากเข้าเมือง
เพราะจำเป็นต้องคุยกับเจ้าเมืองเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนกับทหารยามและประชาชนด้วย
แต่ว่าลูน่าก็ตัดสินใจจากไปอย่างกะทันหัน และแม้ว่าจะมีม้าเร็วมาแจ้งให้ทราบในภายหลัง แต่ก็ไม่มีม้าเร็วไหนตามความเร็วกลุุ่มของลูน่าได้
เพราะแบบนั้นก็เลยเกิดความสับสน
อย่างน้อยในอาณาจักรอัลฟิเลียก็ไม่มีกองทหารกลุ่มไหนที่บินรบ ดังนั้นแม้จะแสดงตราประจำตระกูลหรืออธิบายอย่างสุภาพ รายละเอียดความปฏิบัติการที่เป็นความลับ ต้องอธิบายโดยไม่ให้เนื้อหาสำคัญถูกแพร่กระจายออกไป ยังไงคนส่วนใหญ่ก็ไม่เชื่อ ต่อให้เชื่อก็ต้องรอการอนุมัติจากเจ้าเมือง เพราะมันเป็นสังคมที่แบ่งแยกด้วยชนชั้น จนสุดท้ายก็ต้องรอจนมืดค่ำ
ดังนั้นพวกเราจึงตัดสินใจที่จะไม่เข้าเมืองและมุ่งหน้าไปยังจุดหมายเพราะเสียเวลาเกินไป
「――พวกเจ้ายังมีจิตวิญญาณที่กล้าแกร่งอยู่รึเปล่า? พวกเราจะไม่หยุดพักจนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทางถัดไป นั่นคือเมือง ซิเรียส เมืองของดยุคเวลซัค และขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ไม่แน่ว่าพวกเราอาจจะได้เข้าร่วมสนามรบทันทีที่ไปถึง เพราะงั้นตั้งสติเอาไว้ให้ดีพยายามอย่าให้ความเร็วตกลง!!」
「「「เยส มายลอร์ด!!」」」
จากนั้นพวกเขาก็ขานรับ
แม้ว่าพวกเขาจะกระซิบกระซาบต่อจากนี้ แต่เธอก็ไม่สนใจ
◆ ◆ ◆
สมาชิกทั้งห้าสิบนายของกองกำลังพิทักษ์นางฟ้าได้มาถึงจุดหมายปลายทางซิเรียส ขณะที่พระอาทิตย์เริ่มตกดิน และกองทัพของดยุคเวลซัคมีประมาณสองพันนายซึ่งตั้งแคมป์ที่ชานเมือง มองพวกลูน่าที่บินลงมาจากท้องฟ้า ขณะที่ดูผิดหวังกับจำนวนของพวกเรา
「――ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ ดยุคแกรนด์」
「อุหวา อุหวา หลานข้าเติบโตถึงเพียงนี้เชียวรึเนี่ย……!」
หลังจากพวกเราลงจอดที่พื้นดินและเข้าแถว ท่านแกรนด์ ก็เข้ามาหาพวกเราเขาอายุราวๆห้าสิบปี แต่รูปลักษณ์ยังดูแข็งแรงไม่สมกับวัย
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเราได้พบกัน
ประมาณสองปีที่แล้ว มีจดหมายส่งมายังคฤหาสน์ว่า「ข้าอยากจะเห็นหน้าหลานสาว」และในวันเดียวกันก็มาถึงทันทีพร้อมจดหมาย เคาะประตูคฤหาสน์ของเรา
เห็นได้ชัดว่ามีคำสอนในตระกูลเวลซัค “ถ้าคิดอะไรบางอย่าง ก็จงลงมือทำซะ” แต่อย่ามากะทันหันแบบนี้ได้ไหม ฉันยังไม่พร้อมจะเจอท่านแกรนด์ ลูน่าคิด และท่านแม่ก็ยิ้มออกมา
ฉันพอจะเดานิสัยของเขาได้คร่าวๆเลยว่าเป็นคนใจร้อน
「ลูน่า หลานบินผ่านท้องนภามาพร้อมกับกองทัพดูเหมือนตระกูลดิแซคจะมีนักเวทย์เยอะมากสินะ」
「เอ่อไม่ใช่แบบนั้นะคะท่านแกรนด์ พวกเราไม่ใช่นักเวทย์แต่เป็นผู้ใช้พลังปราณไงคะ」
「อ่า แบบนั้นหรอเรอะ ขอบคุณที่รีบมาหาข้านะหลานรัก」
「ท่านแม่จะรีบมาในภายหลัง แต่คาดว่าคงใช้เวลาเคลื่อนทัพหนึ่งสัปดาห์กว่าจะถึงที่นี่ค่ะ」
「งั้นเหรอ ข้าเข้าใจแล้ว」
เมื่อพวกเราเจอกันท่านแกรนด์ก็ดันเข้าใจผิดว่าพวกเราเป็นกลุ่มนักเวทย์
ลูน่าที่บอกว่าไม่ใช่นักเวทย์ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจมันในตอนนี้
ก็จริงที่ว่าพวกนักเวทย์สามารถบินได้ก่อนผู้ใช้พลังปราณ แต่ในทางกลับกัน ยุคก่อนคนส่วนใหญ่ก็บินด้วยพลังปราณทั้งนั้น ดังนั้นจึงช่วยไม่ได้หากมีมุมมองแบบนั้น แต่ลูน่าคิดว่าพลังปราณคือความถูกต้อง และอดที่จะหงุดหงิดไม่ได้ที่ทุกคนเข้าใจผิดว่าเป็นเวทมนตร์
ดังนั้นตอนที่พบกันครั้งแรกเมื่อสองปีที่แล้วพวกเราเลยไม่ค่อยสนิทกัน
จากที่ได้ยินดูเหมือนท่านแกรนด์เองก็อารมณ์เสียที่หลานสาวตัวน้อยไม่ยอมเล่นด้วย แต่ตัวฉันในตอนนี้ก็ใช้คำพูดระมัดระวังเพื่อไม่ให้ไปจุดระเบิดเข้า
「แต่ว่ากองทัพอากาศงั้นเหรอ ข้าเองก็ชักอยากจะได้บ้างแล้วสิ」
「ใช้เวลาในการฝึกสองสามปีเลยนะคะ?」
「ถ้าแค่สองสามปีก็นับว่าเร็วมาก หากสามารถจัดตั้งกองทัพที่สามารถบินไปได้ทุกหนแห่ง ก็สามารถดับฝันฝั่งตรงข้ามที่มีหนึ่งหมื่นนายได้อย่างง่ายดายเลย หลานเอ่ย」
เขาชวนฉันคุยเรื่องกองทัพ
「ดูเหมือนว่าแม่ของเจ้าจะบ้าไปแล้วที่ให้เด็กอายุสิบสองอย่างเจ้าออกมาต่อสู้ แต่ถ้าหากข้าตายไปทุกอย่างที่ทำมาก็สูญเปล่า ต้องขอโทษด้วยนะ」
「เงยหน้าขึ้นเถอะ ท่านแกรนด์」
ลูน่ารู้สึกสับสนเล็กน้อยต่อท่านแกรนด์ที่โค้งคำนับเธอ
มันเป็นการพูดคุยส่วนบุคคล ไม่ใช่การพูดคุยในฐานะผู้บัญชาการกับลูกน้อง
「เอ่อ พวกเราได้รับคำสั่งมาว่าให้อยู่ภายใต้คำสั่งของดยุคแกรนด์ ดังนั้นหนูไม่มีสิทธิ์ในการสั่งการในครั้งนี้ เพราะงั้นท่านผู้บัญชาการได้โปรดออกคำสั่งแก่หน่วยรบของเราด้วยค่ะ」
「อึก……」
ดวงตาที่แน่วแน่ของลูน่าทำให้ท่านแกรนด์ต้องปวดใจ
ความตั้งใจที่แท้จริงของลูน่าคือการบินไปที่แนวหน้าโดยเร็วที่สุดและขับไล่ปีศาจโดยไม่มีใครมาขวาง
「เอ่ออย่างน้อยก็ช่วยบอกสถานการณ์ของทางนี้ให้ทราบหน่อยได้ไหมคะ?」
「เข้าใจแล้ว」
ฉันเปลี่ยนเรื่องเพื่อพูดคุยกับท่านแกรนด์
ศัตรูตอนแรกมีห้าพันตัวแต่ตอนนี้เหลือสี่พันแล้วเพราะความพยายามของกองทัพ
แต่แลกกับทางนี้ที่ต้องเสียทหารไปหนึ่งพันนายเลยเหลือสองพันนาย
หากดูเพียงหลักตัวเลขก็ดูจะเป็นการเสียแบบหนึ่งต่อหนึ่ง แต่ความเป็นจริงแย่กว่านั้น
ศัตรูส่วนใหญ่คือฮอบก็อบลิน
ซึ่งมันอยู่ในรูปลักษณ์ของมนุษย์หากแปลงเป็นทรัพยากรบุคคลก็เทียบเท่ากับทหาร ห้าถึงสิบนาย
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเงาที่อยู่ในหมอกลึกเข้าไปในค่ายของศัตรู
ปีศาจที่มีหัวเก้าหัวเรียกได้ว่าเป็นปีศาจในตำนานที่ถูกเรียกกันว่า “ซิลล่า(スキュラ)”
「ทันทีที่ซิลล่ามาที่แนวหน้า พวกเราจะพังพินาศในทันที กล่าวอีกนัยหนึ่ง เพื่อจะจัดการมัน พวกเราจะต้องใช้กองทัพขนาดใหญ่ที่มีมากกว่าหมื่นนาย เพื่อจัดการมัน แต่ว่า มองดูความเป็นจริงซะ? พวกเรามีทหารทั้งหมดสองพันนายและขวัญกำลังใจยังต่ำลง และพวกเราอาจจะตายได้ทุกเมื่อ แต่ว่าก็ไม่มีทางหนีที่ไล่ให้พวกเรา」
ท่านแกรนด์พูดด้วยสีหน้าเศร้าๆ
ลูน่าที่ฟังอย่างเงียบๆหยุดชั่วครู่ก่อนที่เธอจะพูด
「ท่านแกรนด์ เพื่อที่จะเอาชนะในศึกครั้งนี้อาจจะต้องมีค่าใช้จ่ายราคาแพงสักหน่อยค่ะ」
「หืม นั่นคือ?」
「หนูจะบอกว่าตรงที่ๆซิลล่านั่นอยู่ ภายในรัศมีห้ากิโลเมตรทุกอย่างจะถูกลบหายไปกลายเป็นถิ่นธรกันดารที่ไม่มีพืชพรรณเติบโตได้อีกจะว่าไงคะ?」
「……เป็นไปได้เหรอที่จะฆ่าเจ้านั่นน่ะ?」
「หากท่านสั่งมาหนูก็พร้อมจะกำจัดมัน」
สำหรับเธอที่พูดแบบนั้นท่านแกรนด์ได้แต่บอกว่า「ฝากด้วยนะ หลานรัก」
ชั่วขณะหนึ่งลูน่าฉีกยิ้มออกมาด้วยความสุข
「ถ้างั้นงานนี้หนูขอรับเอาไว้เองนะคะ」
หลังจากพูดเช่นนั้นเธอก็เข้าไปหากองทัพของเธอ
「ได้ยินกันแล้วใช่ไหม ภารกิจของพวกเราคือไปทำลายไอ้พวกโสโครกนั่นและจัดการเจ้างูยักษ์ที่สามารถมองเห็นได้จากตรงนี้ พวกเราจะจัดการกับกองทัพฮอบก็อบลินทั้งสี่พันตัว!」
「「「เยส มัม เยส มายลอร์ด!!」」」
「ถ้าอย่างั้นเริ่มปฏิบัติการ บินขึ้นไปบนฟ้าเลยเหล่าทหาร!!!」
และหน่วยรบทางอากาศก็ทะยานไปบนท้องฟ้าด้วยความมุ่งมั่น
ขวัญกำลังใจของทหารสูงส่งภายใต้สาวน้อยผมสีเงิน
ใบหน้าหื่นกระหายของเหล่าทหารที่จ้องมองมาที่ลูน่าได้เห็นหลังหันกลับไป แต่หลังจากเหลือบมองแล้ว เธอก็ไม่กล้ากลับไปมองอีก