หน้าตาดีกว่าศิษย์พี่ใหญ่หลายเท่า !
ได้ยินเช่นนั้น ชวี่เหวินเซี่ยก็ถึงกับชะงักงัน ก่อนจะหัวเราะออกมา อย่างกลั้นมิอยู่
“หล่อเหลากว่าหลี่ซิวหยวน แต่คุณสมบัติกลับด้อยกว่าหลี่ซิว หยวนอีกใช่หรือไม่ ? ”
นางกระดกสุราอึกใหญ่อีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นนั่งและถามขึ้นอย่าง สนใจ
จื่อเหยามีท่าทางสลดลงเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้าออกมาอย่าง ลังเล
ความจริงแล้วนางก็พูดได้มิเต็มปากว่าด้อยกว่าจริงหรือไม่
เพราะศิษย์น้องเล็กที่มาใหม่ผู้นี้ ยังเป็ นหน้าใหม่ในการฝึกเซียน
อีกทั้งที่ผ่านมาเวลาท่านอาจารย์รับศิษย์ใหม่ ก็มักจะสนใจแค่ เพียงรูปลักษณ์ภายนอก มิเคยทดสอบคุณสมบัติของอีกฝ่ ายว่าเป็ น เช่นไร
ฉะนั้นคุณสมบัติแท้จริงเป็ นเช่นไร คงต้องรอดูตอนที่บาเพ็ญ เพียรในวันข้างหน้า จึงจะรู ้ได้
แต่สิ่งหนึ่งนางรับรู ้ได้อย่างชัดเจนตอนที่อยู่ในหอเก็บตารา
นั่นก็คือศิษย์น้องเล็กผู้นี้ช่างดูไร ้เดียงสามากจริง ๆ
เขามิได้รู ้สึกสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับเคล็ดวิชาจอมปลอมเหล่านั้น ที่ วางอยู่ในหอเก็บต าราเลย แม้แต่น้อย เขาท าท่าทางราวกับว่าตัวเอง นั้นกาลังอยู่ในสานักเซียนลึกลับก็มิปาน
เช่นนั้นนางจึงอดมิได้ที่จะรู ้สึกสงสัยในตัวศิษย์น้องเล็กผู้นี้
ตอนนั้นเอง
“จริงสิ ข้าเกือบลืมไป”
“คนประหลาดอย่างตาเฒ่าชิงอวิ๋น ที่ผ่านมาเวลารับศิษย์มัก สนใจเพียงรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น มิใช่คุณสมบัติของอีกฝ่าย”
ชวี่เหวินเซี่ยเหมือนกับนึกบางอย่างขึ้นมาได้ พลางตบหน้าผาก ของตัวเองเบา ๆ “แต่ดูจากรูปลักษณ์ภายนอกของพวกเราแล้ว ภายนอกยิ่งดูดีมากเท่าไร คุณสมบัติในการฝึกเซียนก็ยิ่งด้อยมาก เท่านั้น”
เอ่ยเพียงถึงตรงนี้ ชวี่เหวินเซี่ยเหมือนจะสังเกตเห็นความผิดปกติ บางอย่างของจื่อเหยาโดยบังเอิญ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นว่า “จื่อเหยา เจ้าคงมิได้คิดอะไรกับศิษย์ที่มาใหม่ใช่หรือไม่ ? ”
ได้ยินเช่นนั้น
“ศิษย์พี่… ข้ารู ้สึกละลายแล้ว”
จื่อเหยาตอบรับอย่างอ้อมแอ้มไปคาหนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยถามสิ่งที่ ค้างคาใจออกมาว่า “ศิษย์พี่ ท่านยังมิได้อธิบายให้ข้าฟังเลยว่า ละลายแล้ว หมายความว่าเยี่ยงไรกันแน่ ? ”
‘ละลายแล้ว ? ’
ดวงตาเรียวยาวของชวี่เหวินเซี่ยกะพริบปริบ ๆ ก่อนจะเอามือกุม ท้องและหัวเราะออกมาเสียงดัง
จื่อเหยา “……”
อีกด้านหนึ่ง
หลังจากแยกกับจื่อเหยาแล้ว
เย่ฉางชิงก็กลับไปยังที่พักของตัวเองด้วยความรีบร ้อน
หลังกลับถึงห้องพัก
เขาก็รีบน าภาพเทพปีศาจโบราณมาแขวนไว้ตรงหน้าของตัวเอง ทันทีโดยมิลังเล จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิลงกับพื้น และเริ่มพิจารณา ใคร่ครวญภาพเทพปีศาจโบราณอีกครั้ง
โดยเขาคิดว่าตอนนี้ตัวเองได้เข้ามาเป็ นสมาชิกคนหนึ่ง ของ ส านักเซียนลึกลับอย่างส านักชิงหยางแล้ว ความส าเร็จบนวิถีเซียนใน ภายภาคหน้า จึงมิอาจประเมินได้อย่างแน่นอน
เช่นนั้นจึงมิจาเป็ นที่จะต้องรีบร ้อนในตอนนี้
แต่ผู้ที่มีชีวิตอยู่มาสามโลก และเป็ นคนขี้แพ้มาแล้วถึงสองครั้ง เช่นเขา
ต้องการที่จะรู ้จริง ๆ ว่าในโลกนี้ คุณสมบัติของเขานั้นจะเป็ นเช่น ไร !
จะสามารถได้รับวาสนาเช่นไร จากภาพเทพปีศาจโบราณภาพนี้ บ้าง !
แม้ศิษย์พี่เก้าผู้นั้นจะได้มอบเคล็ดวิชาชิงหยางเล่มหนึ่งให้แก่เขา อีกทั้งยังได้กาชับว่าการบาเพ็ญเพียรจะต้องค่อย ๆ ฝึกฝนอย่างเป็ น ขั้นเป็ นตอน
แต่เขาคิดว่าตนเองจะสามารถท าความเข้าใจภาพเทพปี ศาจ โบราณภาพนี้ได้ ต่อให้ได้รับสุดยอดเคล็ดวิชาอะไรจากภาพนี้มา เขาก็ยังสามารถใช ้เคล็ดวิชาชิงหยางในการเริ่มบาเพ็ญเพียรก่อนได้ จากนั้นค่อยใช ้เคล็ดวิชาอื่นในการบาเพ็ญเพียรต่อทีหลัง
แต่เวลานี้เขาแค่รู ้สึกอดทนรอมิไหวแล้วที่จะพิสูจน์ตัวเอง เสียก่อน
จนเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งก้านธูป
ระหว่างที่เย่ฉางชิงค่อย ๆ ตกอยู่ในภวังค์ของการพิจารณาอะไร บางอย่างนั้น
ยอดเขาอวิ๋นชาง บนจัตุรัสแห่งหนึ่ง
นักพรตชิงอวิ๋นยืนเอามือไพล่หลังด้วยท่าทางหดหู่ ขณะที่ สายตาจับจ้องไปยังขอบฟ้ าที่ถูกแสงตะวันอาบไล้กลายเป็ นสีแดงฉาน
“ท่านบรรพจารย์ หลายปีมานี้เจ้าสานักทุกรุ่นของสานักชิงหยาง ได้ทาตามที่ท่านกล่าวเอาไว้มาโดยตลอด การรับศิษย์ที่ผ่านมามิมี การถามหาคุณสมบัติ เพียงแค่ดูจากรูปลักษณ์ภายนอกและลักษณะ ท่าทางเท่านั้น”
“บัดนี้สานักชิงหยางกาลังตกที่นั่งลาบาก และข้าก็บังเอิญได้พบ กับเย่ฉางชิง จึงได้พาเขากลับมายังสานักชิงหยางด้วย อีกทั้งมิว่าจะ รูปลักษณ์หรือว่าลักษณะท่าทางของเย่ฉางชิง ล้วนยากที่จะมีผู้ใดมา เทียบเคียงได้”
นักพรตชิงอวิ๋นเอ่ยพลางหยิบตาราเล่มหนึ่ง ออกมาจากอกเสื้อ อย่างช ้า ๆ
เขาค่อย ๆ เปิดตาราเล่มนั้นออก โดยด้านบนเขียนเอาไว้ว่า
ข้าบาเพ็ญเพียรมาห้าร ้อยปี ในที่สุดก็สามารถก้าวเข้าสู่แดน ก่อกาเนิดได้สาเร็จ ทว่ากลับยากที่จะก้าวต่อไปได้อีกแม้เพียงครึ่ง ก้าว
นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ข้าพบว่าผู้ที่มีหน้าตาและลักษณะ ท่าทางดี ความส าเร็จในวิถีเซียนมักมิอาจประเมินได้
ศิษย์ของสานักชิงหยางจงจาเอาไว้ นับแต่นี้ต่อไปการรับศิษย์ ของสานักชิงหยางของเราจะมิดูที่คุณสมบัติ แต่จะดูที่รูปลักษณ์ ภายนอกและลักษณะท่าทางเท่านั้น
นักพรตชิงอวิ๋นกวาดตามองมองเนื้อหาที่อยู่ในตารา จากนั้นก็ ได้เพ่งสมาธิ
วินาทีต่อมา ตาราที่สืบทอดต่อกันมาหลายพันปี ก็กลายเป็ น ผุยผงภายในพริบตา
จนเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งก้านธูป
เมื่อราตรีคืบคลานเข้ามาอย่างช ้า ๆ
ระหว่างที่นักพรตชิงอวิ๋นถอนสายตากลับมา พลางถอนหายใจ ออกมาเบา ๆ และเตรียมจะจากไปนั้น
จู่ ๆ ปราณวิญญาณฟ้ าดินที่ปกคลุมบริเวณเขาอวิ๋นชาง พลัน ปะทุขึ้นมาอย่างมิทราบสาเหตุ
‘อ๊ะ ! ’
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ! ’
นักพรตชิงอวิ๋นมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที พร ้อมกับมองไปรอบ ๆ
มิกี่อึดใจต่อมา
นักพรตชิงอวิ๋นเหมือนสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง จึงเงยหน้าขึ้น
ก็ได้พบกับภาพอันตระการตาภาพหนึ่ง !
เมื่อดวงดารามากมายบนท้องนภาลอยต่าลงมา แสงอันเจิดจรัส แทบจะส่องให้โลกที่เพิ่งถูกราตรีอันมืดมิดดูดกลืน กลับมาสว่างอีก ครั้งราวกับเวลากลางวันก็มิปาน
มินานก็มีเสียงลึกลับเสียงหนึ่งดังขึ้นกลางอากาศ ราวกับเสียง แห่งสามพันมหามรรคาก็มิปาน ทาให้เขาอดมิได้ที่จะใจสั่นสะท้าน ขึ้นมา
จากนั้นบนท้องนภาที่มิไกลเท่าไรนัก ก็ได้มีภาพมายาของเทพ ร่างหนึ่งค่อย ๆ ปรากฏขึ้น
เขาหันหลังให้แก่สรรพสิ่ง และถูกปกคลุมเอาไว้ด้วยสัญลักษณ์ โบราณที่ซับซ ้อนมากมาย ขณะเดียวกันรอบกายก็แผ่พลังที่เบาบาง ออกมาด้วย
และขณะที่เขานั่งลงนั้น รูปหยินหยางขนาดใหญ่รูปหนึ่งก็ปรากฏ ขึ้น
ภาพเช่นนี้ช่างทาให้รู ้สึกตื่นตระหนก และใจสั่นสะท้านยิ่งนัก !
ทว่าเมื่อนักพรตชิงอวิ๋นได้เห็นภาพที่ตระการตาภาพนี้ เขากลับ รู ้สึกคุ้นเคยกับภาพดังกล่าว อย่างมิทราบสาเหตุ
หรือข้าจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ? ’
‘มิน่าใช่ ! ’
‘ปรากฏการณ์ที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ ข้าจะลืมได้เยี่ยงไร ! ’
ระหว่างที่นักพรตชิงอวิ๋นกาลังเกาหัวด้วยความงุนงง และครุ่นคิด อยู่นั้น
หลี่ซิวหยวนที่กาลังฝึ กกระบี่อยู่ที่หน้าประตูสานักชิงหยาง ก็ สังเกตเห็นการปะทุขึ้นของปราณวิญญาณฟ้ าดิน รวมทั้งนิมิตอันน่า กลัวที่บนท้องฟ้ าด้วยเช่นกัน
ทว่าเมื่อเขาได้เห็นภาพอันคุ้นเคยนี้ ร่างทั้งร่างพลันแข็งค้างราว กับหินก็มิปาน
‘ดวงดารานับล้านลอยต่าลง ! ’
‘ร่างมายาที่นั่งสมาธิอยู่กลางอากาศ ! ’
‘ภาพหยินหยางขนาดใหญ่ ! ’
‘นี่มันเหมือนกับภาพวาดเทพปีศาจโบราณเลยนี่นา ! ’
‘แต่การที่ภาพเทพปีศาจโบราณปรากฏขึ้นในนิมิตเช่นนี้’
‘ก็หมายความว่ามีคนรู ้แจ้งภาพเทพปีศาจโบราณได้ส าเร็จแล้ว งั้นหรือ’
คิดถึงตรงนี้น้าตาแห่งความน้อยใจของหลี่ซิวหยวนก็ไหลออกมา เงียบ ๆ ในชั่วพริบตาเขาก็ร ้องห่มร ้องไห้ออกมาราวกับเด็ก
เพราะตอนที่ลงจากเขาไป เขาได้ใช ้เงินทั้งหมดที่มีซื้อภาพเทพ ปีศาจโบราณภาพนี้มา โดยมิรู ้สึกเสียดายเลยแม้แต่น้อย
ทว่าสุดท้ายเมื่อเขานาภาพเทพปี ศาจโบราณไปให้นักพรตชิ งอวิ๋น สิ่งที่ได้รับกลับมาหาใช่คาชมเชยไม่ แต่กลับถูกต่อว่าและถูก ลงโทษอย่างหนักแทน
เช่นนั้นภาพเทพปีศาจโบราณภาพนี้ จึงกลายเป็ นบาดแผลในใจ ของเขามาโดยตลอด
แต่ใครจะไปคิดว่า
จะมีสุดยอดอัจฉริยะสามารถรู ้แจ้งภาพเทพปี ศาจโบราณได้ ส าเร็จ
“ฮ่าฮ่า…”
หลังจากร ้องไห้ฟูมฟายจนสาแก่ใจแล้ว ดวงตาของหลี่ซิวหยวน พลันแปรเปลี่ยนเป็ นวาววับขึ้นมาทันที
“อาจารย์ ศิษย์ต้องขออภัยด้วย”
หลี่ซิวหยวนบีบที่กาปั้นของตนเอง ดวงตาหรี่ลงพร ้อมกับเอ่ยว่า “ตอนนั้นท่านเคยบอกว่า ขอเพียงมีคนสามารถรู ้แจ้งภาพเทพปีศาจ โบราณ ศิษย์ก็จะสามารถเอาคืนท่านได้”
ขณะเดียวกันชวี่เหวินเซี่ยและจื่อเหยาที่กาลังหยอกล้อกันอยู่ ก็ เห็นนิมิตที่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้ า
ทั้งคู่ต่างก็อ้าปากค้างไปตาม ๆ กัน สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่น ตระหนก
‘นิมิตเช่นนี้ ! ’
‘ศิษย์น้องเล็กที่มาใหม่ผู้นั้น สามารถรู ้แจ้งภาพเทพปีศาจโบราณ ได้สาเร็จเยี่ยงนั้นหรือ’
‘นี่มัน ! ’
‘นี่มัน ! ’
‘นี่มัน ! ’
‘ภาพเทพปีศาจโบราณภาพนี้ มีคนสามารถรู ้แจ้งได้จริง ๆ ? ’
‘หรือว่า’
‘คุณสมบัติของการเป็ นเซียนของศิษย์น้องเล็กผู้นี้ ถึงขนาดพลิก ฟ้ าได้เลยหรือ ? ’