ตอนที่ 822 ได้เวลาทานอาหารแล้ว
……….
‘ฟิ้ว!’
‘ฟิ้ว!’
ทั้งสองร่างเร่งความเร็วพุ่งเข้าประกบซ้ายขวา ทั้งสองลงมือพร้อมกัน และแยกกันจับหุ่นเชิดหญิงชราเอาไว้ทั้งสองข้าง ไม่จำเป็นต้องทักทายอีก ชิงลงมือพร้อมกันทันที!
‘แกรก…’ หุ่นเชิดถูกผีดิบทั้งสองตัวโจมตีฉีกกระชากออกเป็นชิ้นๆ โดยตรง แต่ทว่านอกจากร่องรอยอักขระที่แตกหักในตัวหุ่นเชิดแล้ว ก็ไม่มีอะไรอีก
เด็กชายสูดหายใจเข้าลึก โน้มตัวก้มไปเก็บหุ่นเชิดที่พังเสียหายขึ้นมา และฉีกโปสเตอร์โฆษณาน้ำมะพร้าว ‘ดื่มตั้งแต่เด็กจนโต’ ที่ติดอยู่บนกำแพงข้างตัวออกมาห่อชิ้นส่วนหักพังของหุ่นเชิดไว้ข้างใน พร้อมกับมัดปมแบกไว้บนบ่า
ไหล่เล็กๆ แบกของกองโต
“ตกหลุมพลางแล้ว” อิงอิงพูดอย่างจนปัญญาเล็กน้อย ก่อนหน้านี้พวกเขาทั้งคู่ไล่ตามหุ่นเชิดหญิงชราออกมา ก่อนหน้านี้คิดว่า ภายในหุ่นเชิดหญิงชรานี้ใส่ตัวจริงเอาไว้ แต่กลับกลายเป็นว่าไม่ใช่
เด็กชายกลับไม่ยี่หระ และชั่งน้ำหนักให้แน่ใจว่าโปสเตอร์จะไม่ฉีกขาด
“เฮ้ เจ้าจะเก็บของพังๆ ไปเพื่ออะไร” อิงอิงถาม
หุ่นเชิดถูกฉีกทึ้งเป็นชิ้นๆ อีกทั้งก่อนหน้านี้อันที่จริงก็เสียหายหนักอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ยิ่งเละเทะเกลื่อนกลาดจนดูไม่ได้
“นำมันกลับไปให้เหล่าสวี่วิจัยดู ถือว่านำอุปกรณ์กลับไปให้เขาทดลอง” เด็กชายตอบอย่างราบเรียบ
“ระยะนี้แม่นางสวี่เอาแต่วิจัยอักขระเหล่านั้นที่ลอกแบบมาจากบนตัวเถ้าแก่ ค้นคว้าวิจัยจนคนแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว จะเอาเวลาที่ไหนไปดูเจ้านี่อีก”
“ง่วนอยู่กับการทำโจทย์คณิตศาสตร์ระดับสูงมาเยอะแล้ว พอเปลี่ยนมาทำโจทย์ประถมก็สามารถผ่อนคลายสมองได้พอดีเลย”
“อย่างนั้นตอนนี้เรากลับกันเถอะ เถ้าแก่ของเรายังคงเก่งกาจมาก สามารถมองออกได้ทันทีว่านี่เป็นกลอุบายล่อเสือออกจากถ้ำ”
“ไม่ว่าจะเป็นกลอุบายหรือไม่ พวกเราก็ต้องไล่ล่าจัดการเจ้าสิ่งนี้อยู่ดี อย่างไรเสีย นี่ก็ไม่ใช่การซื้อลอตเตอรี่ ไม่มีทางรับประกันได้ว่าจะไม่ถูกรางวัลที่หนึ่งเสียทีเดียว”
เวลานี้เมฆครึ้มเป็นพิเศษก่อตัวเหนือท้องฟ้าบริเวณนั้นอย่างชัดเจน ราวกับว่ามีใครบางคนกำลังใช้มือขุดคว้านหลุมกลมเล็กๆ บนท้องฟ้า
“ทางนั้นเกิดเรื่องแล้ว เรารีบกลับกันเถอะ” สายตาของอิงอิงพลันฉายแววจริงจังขึ้นมา
“ไม่ต้องรีบร้อน ได้เวลา ‘บรรพบุรุษ’ รับประทานอาหารแล้ว”
…
เมื่อมือขนปุกปุยโผล่ออกมาจากวงแสงสีดำ เมื่อเสียงเย่อหยิ่งแข็งกร้าวดังออกมาจากข้างใน โจวเจ๋อรู้ดี เรื่องนี้ไม่มีทางจบง่ายๆ แล้ว หากเทียบกับความวุ่นวายนองเลือดที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อเจ้านี่โผล่มา สิ่งที่ทำให้โจวเจ๋อปวดหัวและจนปัญญายิ่งกว่าก็คือความวู่วามและความอยากอาหารของเจ้าโง่ของเขาต่างหาก
ตอนนั้นในพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง โจวเจ๋อได้เห็นผลงานที่เจ้าโง่นั่งอยู่บนบัลลังก์กระดูก ที่จริงนั้นโจวเจ๋อรู้สึกมาโดยตลอดว่า ในภาพนั้นขาดสิ่งที่สำคัญมากอย่างหนึ่งไป ขาดกะละมังเหล็กกล้าไร้สนิมขนาดใหญ่ไปนั่นเอง
ทุกครั้งที่ได้เวลาอาหาร เจ้าโง่ก็จะก้าวลงจากบัลลังก์เดินไปหยิบกะละมังเหล็กขนาดใหญ่ด้านหลังบัลลังก์ออกมาเคาะเสียงดัง ‘เก๊งๆๆ’ แล้วก็วิ่งแจ้นออกไปจับปีศาจมากิน หลังจากกินพวกมันแล้วก็นำกระดูกของพวกมันมารองบัลลังก์กระดูก เหมือนคนขี้เกียจที่กินอาหารเสร็จแล้วชอบโยนถุงพลาสติกไว้ใต้เตียง
สมบูรณ์แบบมาก
เถ้าแก่โจวยืนนิ่ง หลับตา ปล่อยให้มันเป็นไป ยอมมอบอำนาจควบคุมร่างกายนี้ให้ แต่ทว่ารออยู่นานทีเดียว กลิ่นอายเจ้าโง่ก็ยังไม่โผล่ออกมาเสียที ร่างนี้จึงยังอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา
‘ผมพร้อมแล้ว คุณเคลื่อนไหวหน่อยสิ’ โจวเจ๋อตะโกนในใจ แกเป็นคนบอกว่าหิว หรือว่าขี้เกียจแม้แต่จะขยับตัวลุกจากเตียงมากินข้าวน่ะ
‘ตัว…จริง…ของ…มัน…อยู่…นรก…’
โจวเจ๋อเข้าใจทันที มันเป็นเช่นนี้นี่เอง มือตรงหน้าข้างนี้น่าจะมาจากสถานที่ที่ถูกผนึกไว้ในนรก
ในอดีตที่ผ่านมา ทุกครั้งที่เจ้าโง่นี่ออกมากินอาหาร หากกลืนลงไปในคราวเดียวได้จะไม่พูดพล่ามแน่นอน แต่ทว่าสถานการณ์ตรงหน้านี้ ถ้าเขาปรากฏตัวขึ้น เป็นไปได้มากที่ตำแหน่งและตัวตนของเขาจะถูกเปิดเผย คาดว่าเจ้าสัตว์ดุร้ายที่อยู่ตรงหน้าก็อาจจะรู้จักเจ้าโง่นี่ก็ได้ บางทีในสมัยโบราณอาจจะเคยหมอบคลานบนพื้น และเหลือบดูบัลลังก์กระดูกพลางตัวสั่นงกๆ
ถึงตอนนั้นสิ่งที่ต้องเผชิญก็คือ การแก้แค้นอย่างบ้าคลั่งของศัตรูเก่าในอดีต บวกกับพระกษิติครรภโพธิสัตว์และพญายมคนอื่นๆ ที่เพิ่งถูกเพิ่มเข้าไปในบัญชีดำด้วย
สาเหตุที่สามารถเข้าๆ ออกๆ ไปรบราฆ่าฟันในนรกได้ ก็เพราะว่าในตอนแรกนั้น พญายมผิงเติ่งหวังถูกขันทีทั้งสิบไล่ล่าจนจนตรอก จึงหลอมละลายตัวเองเข้าปากโจวเจ๋อเพิ่มเชื้อเพลิงสำหรับสตาร์ทเครื่องให้กับเจ้าโง่ แต่ในความจริงนั้น เจ้าโง่นี่กลับไม่ฟื้นพละกำลังมากเท่าใดนัก
ถ้าพูดอย่างจริงจัง เขายังอยู่ในขั้นตอนการรักษาและเลียบาดแผล เว้นเสียแต่หนึ่งในพญายมสิบตำหนักอีกคนจะอุทิศจิตวิญญาณเข้ามาร่วมวงเล่นด้วย ไม่อย่างนั้นความสำเร็จของการเดินทางสู่นรกในตอนแรกคงจะทำซ้ำอีกครั้งได้ยาก
‘ได้ นี่หมายความว่าให้ผมป้อนคุณใช่ไหม’ เถ้าแก่โจวยกยิ้มมุมปาก ทำไมรู้สึกเหมือนเขาเลี้ยงสุนัขล่ะเนี่ย ระหว่างเราทั้งสองใครเป็นสุนัขกันแน่
‘เจ้า…เป็น…สุนัข…’
‘เกินไปแล้วนะ คุณดักฟังความเคลื่อนไหวในใจผมด้วยหรือไง ยังอยากให้ผมจับเหยื่อให้คุณกินอยู่ไหม’
‘ข้า…ทำ…เอง…ได้…’
ข่มขู่ ขู่เข็ญซึ่งกันและกัน เมื่อพูดถึงตรงนี้ โจวเจ๋อไม่กล้ายั่วยุเจ้าโง่ต่อไปจริงๆ
เขาได้รู้จากปากเด็กชายในภายหลังว่า ตอนแรกที่อยู่ในถ้ำของเด็กชาย คิดไม่ถึงว่าอิ๋งโกวจะใช้สถานะบรรพบุรุษผีดิบ บีบบังคับให้เจ้าผีดิบน้อยฆ่าตัวเอง เพียงเพื่อไม่ให้โจวเจ๋อหัวเราะเยาะเขาหลังจากเสร็จเรื่อง!
หากเวลานี้เขายังเยาะเย้ยต่อไป เดาว่าอิ๋งโกวอาจจะเข้ายึดร่างของเขาแล้ววิ่งไปตัดมือข้างนั้นออกจริงๆ หลังจากกินมื้อใหญ่จนอิ่มหมีพีมัน ก็พาเขาไปแปลงกายเป็นดอกไม้ไฟอันงดงามภายใต้การล้อมของศัตรูที่น่ากลัวในอดีตด้วยกัน จนสุดท้ายก็ใช้น้ำเสียงติดอ่างพึมพำกับตัวเองก่อนตาย ‘ใคร…ใช้…ให้…เจ้า…ยั่ว…’
ตายพร้อมกันเลย!
‘งั้นคุณต้องรอสักครู่ ผมค้นหาความรู้สึกก่อน’
ครั้งก่อนเจ้าใบหน้าครึ่งหนึ่งเป็นฝ่ายสลายจิตสำนึกหลอมรวมเข้าสู่งร่างของเขาก่อน และกลายเป็นอาหารของเขาเอง ช่วงระยะนี้ขณะโจวเจ๋อนอนหลับก็เอาแต่ฝัน คุณภาพการนอนหลับลดลงฮวบฮาบ บางทีอาจเพราะรับหลายสิ่งหลายอย่างมากไปในคราวเดียว พอถึงช่วงเวลาสำคัญจริงๆ บทอยากจะใช้ขึ้นมาเลยต้องตั้งใจค้นหามัน
แม้ว่ามือที่โผล่พรวดออกมาด้านหน้าจะไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง
แม้ว่าจะถูกผนึกไว้เป็นเวลาหลายปีไม่รู้วันคืน
แม้ว่าจะเสื่อมถอย จะบาดเจ็บสาหัส และกำลังจะตาย…
แต่ในฐานะสิ่งมีชีวิตที่ต้องให้ไท่ซานฝู่จวินรุ่นที่หนึ่งผนึกด้วยตนเองในสมัยนั้น เขาไม่ใช่ตัวละครที่สามารถจัดการได้ง่ายๆ แน่นอน
โจวเจ๋อหวังจะใช้สภาพที่แข็งแกร่งที่สุดมาปรับใช้จิตสำนึกและประสบการณ์การต่อสู้ของเจ้าใบหน้าครึ่งหนึ่ง เพื่อจัดการการต่อสู้ในเวลาอันสั้นที่สุดและรวดเร็วดุดันที่สุด
หลับตา
สงบใจ
จิตใจสงบไม่วอกแวก
หาความรู้สึก…
ทนายอันที่ยืนอยู่ข้างหลังโจวเจ๋อร้อนใจมาก เขารู้จักสิ่งที่อายุนับพันปีเหล่านั้น อ้อไม่สิ ไอ้สารเลวอายุหมื่นปีเหล่านั้นดีว่าน่ากลัวแค่ไหน พวกมันมีวิธีไปจับอาหารของมันมากินภายใต้เงื่อนไขที่ถูกตัดขาดจากกฎสวรรค์
แต่ท้ายที่สุดแล้ว ผู้คนก็มักจะตะโกนกู่ร้องอย่างมีความสุขว่า ‘ฟ้ามีตา’ นั่นเป็นเพราะส่วนใหญ่ท้องฟ้าจะมืดบอดเกือบตลอดเวลา จะลืมตาแต่ละครั้งไม่ง่ายเลยทีเดียว
หากเรื่องพวกนี้มันเกิดขึ้นที่อื่นก็ช่างมันปะไร แต่ถ้าหากเรื่องนี้เกิดขึ้นที่ทงเฉิง ทงเฉิงจะกลายเป็นพื้นที่แห่งแรกที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากภัยพิบัติครั้งนี้ ถึงตอนนั้นก็เป็นธรรมดาที่ความสนใจของยมโลกจะพุ่งเป้ามาที่นี่โดยเฉพาะ
เมื่อก่อนอาศัย ‘หนังสือรับรองยมทูต’ และใช้วิธีอื่นๆ หลบเลี่ยงหูตาสับปะรด ต่อมาภายหลังก็ผลที่ได้ก็ถึงขีดจำกัดแล้ว ดังนั้นถ้าร้านหนังสือถูกวางไว้ในตำแหน่งที่โดดเด่นสุดๆ ความลับที่ซ่อนไว้ทั้งหมดยังจะเก็บมันไว้ได้อยู่ไหม ก็เป็นเรื่องที่พูดยากจริงๆ
ร้านหนังสือเป็นร้านหนังสือของเถ้าแก่ แต่ก็รวมเลือดเนื้อและมันสมองของทนายอันเอาไว้ด้วย แถมยังเป็นกุญแจสำคัญที่เขาอันปู้ฉี่จะสามารถสวมเครื่องแบบเต็มยศกลับบ้านเกิดและหวนกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งได้หรือไม่!
ทว่าสถานการณ์เร่งด่วนก็จริง แต่เมื่อทนายอันเห็นเถ้าแก่หลับตาสบายๆ ทนายอันดูหมือนจะมั่นใจขึ้นมาทันที ดูท่าแล้ว เถ้าแก่ยังสามารถจัดการแก้ไขสถานการณ์นี้ได้ เพราะเถ้าแก่ของเขาไม่มีข้อได้เปรียบพิเศษอื่นใด ก็แค่มีสูตรโกงเยอะ!
แต่ทางนั้น ทารกเงยหน้าขึ้นมองมือขนปุกปุยที่ยื่นออกมาจากวงแสงสีดำที่เขาเปิดไว้ด้านบน ด้วยสายตาจริงจังเคร่งขรึม
ครู่ต่อมา เขากางแขนทั้งสองข้างของตัวเองและเริ่มสวดร่ายคาถา ยันต์คาถาสายแล้วสายเล่าถูกส่งเข้าไป เพื่อซ่อมแซมรอยแยกนี้อีกครั้ง!
ก่อนหน้านี้ เขาทำเพียงเพื่อแก้แค้นและฆ่าทนายอัน อยากจะยืมพลังของคนผู้นั้น แต่ใครจะไปรู้ว่าคนผู้นั้นดันตื่นขึ้นมาจริงๆ ในเวลานี้
คนบางคนใช้ชีวิตอย่างเหนื่อยแสนเหนื่อย เหนื่อยหนักหลือเกิน ต้องตรากตรำไปชั่วชีวิต…
พวกเขามีชื่อเรียกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันคือ ‘คนดี’
ทั้งอยากจะตอบโต้เอาคืน อยากจะแก้แค้น อยากจะยืมพลังของสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวเหล่านั้น แต่กลับไม่ยินยอมให้พวกมันออกมาสร้างหายนะให้กับโลกมนุษย์ ใช้ชีวิตอย่างห่วงหน้าพะวงหลัง ใช้ชีวิตด้วยความหวาดกลัว
ดังนั้นในโลกใบนี้ หากผู้คนต้องเลือกจริงๆ ละก็ คนส่วนใหญ่อาจจะเลือกเส้นทางของทนายอันก็ได้
“บังอาจ ก่อนหน้านี้เคยช่วยให้พวกเจ้าหลบหนีการจับกุมของยมโลก ตอนนี้เจ้าคิดอยากจะควบคุมข้า เจ้าคู่ควรหรือ” เสียงคำรามดังลอดมาจากภายในวงแสงสีดำ ตรงกลางฝ่ามือขนปุกปุยนั้นมีดวงตาข้างหนึ่งฉายแววโกรธจัด
“เรื่องที่รับปากกับพวกเจ้าไว้ พวกข้าทำแน่ แต่ไม่รวมถึงการปล่อยให้เจ้าเสาะหาและเก็บรวบรวมอาหารในโลกมนุษย์ได้ตามอำเภอใจ!”
“ฮ่าๆ ฮ่าๆ…”
“เจ้าทรยศหักหลังยมโลกไปแล้ว มาพูดเช่นนี้อีก เจ้าเองไม่คิดว่ามันน่าขันหรอกหรือ”
ทารกนิ่งเงียบไม่พูด และเสริมผนึกให้แข็งแกร่งต่อไป
“เจ้าคิดว่าคนที่แปรพักตร์ออกมาจะเหมือนเจ้าทุกคนหรือ ข้อตกลงได้เปลี่ยนไปแล้ว มันเปลี่ยนไปแล้ว คนที่รั้นยึดมั่นถือมั่นมักจะตายอย่างน่าสังเวช ในโลกใบนี้มีคนฉลาดมากเกินไป ครั้งนี้เจ้าผนึกกลับไปได้ แต่หลังจากข้าฟื้นตัวมากขึ้น ครั้งหน้าเจ้ายังจะผนึกข้ากลับไปได้อีกหรือไม่ บางทีตอนนี้พวกสหายเหล่านั้นของเจ้าอาจจะปล่อยส่วนอื่นๆ ของข้าออกมาแล้วก็ได้ ข้าไม่รีบ ข้าไม่รีบร้อน ฮ่าๆๆๆ… ข้าจะออกมาไม่ช้าก็เร็ว ข้าจะออกมา จะออกมาแน่นอน! ยมโลก ไท่ซาน ข้าจะกลับมาจัดการความแค้นในอดีตแน่นอน!”
‘พึ่บ!’ เถ้าแก่โจวลืมตาโพลง “ฮู่ว…ในที่สุดก็หาความรู้สึกเจอแล้ว!”
‘ปึง!’ ในที่สุดวงแสงสีดำฝั่งตรงข้ามก็ลดขนาดลงจนเหลือเพียงรัศมี และหายไปในพริบตา
ทารกถอนหายใจโล่งอก “ฮู่ว…ปิดผนึกได้แล้ว”
“…” โจวเจ๋อ
“…” เจ้าโง่
…………………………………………………………………….