หลังจากที่ฉันออกมาจากที่ที่ฉันอาศัยอยู่แล้ว
ฉันก็ตรงดิ่งไปยังสถานที่ที่ฉันนัดตัวเอกไว้ทันที
มันใช้เวลาพักใหญ่เลยที่ฉันต้องเดินไปยังสถานที่นัด
มันเป็นเพราะว่าฉันอยู่ในสลัมซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมือง
แล้วสถานที่นัดที่ตัวเอกนัดไว้นั้นมันอยู่ในตัวเมือง
มันเลยใช้เวลามากเลยล่ะ
ระหว่างทางเดินคิมจีฮุนก็พยายามส่งข้อความมาหาฉันว่าฉันถึงไหนแล้ว
ฉันเลยพิมพ์ตอบกลับเขาไปอยู่หลายครั้ง
จนในที่สุดฉันก็มาถึงสถานที่นัด
มันเป็นร้านคาเฟ่เล็กๆ
ภายในร้านฉันเห็นใบหน้าของเด็กผู้ชายคนหนึ่ง
ผมสีดำสนิทและใบหน้าที่หล่อระดับที่แม้แต่ฉันยังตกใจเลยที่เห็น
เพราะว่าในนิยายมันมีภาพของตัวเอกอยู่ก็เถอะ
แต่มันเป็นภาพห่างๆ เบลอๆ น่ะสิ
ฉันมองไปที่ตัวเอกอยู่พักหนึ่งถึงกลับคืนสู่ความเป็นจริงและเดินเข้าไปข้างในร้านคาเฟ่
ทันทีที่ฉันเข้ามาข้างในร้านคาเฟ่
พวกเราก็สบสายตากันทันที
ฉันก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกผิด
มันเป็นเพราะว่าการนัดครั้งนี้ ฉันมาเพื่อที่จะขอยืมเงินเขา
มันน่าอายที่ฉันจะต้องมาขอยืมเงินคนอื่นทั้งที่ในชีวิตนี้ของฉันไม่เคยยืมเงินใครเลยสักครั้ง
“อ่า.. ว่าไง”
“อืม, แล้วเธอมีเรื่องอะไรล่ะ”
ฉันทักทายคิมจีฮุนไปทว่าสิ่งที่ได้รับกลับมาคือ สายตาที่เย็นชาและน้ำเสียงตอบกลับที่เย็นยะเยือก
สายตาของเขามองไปทั่วร่างกายของฉันที่ตอนนี้อยู่ในชุดเก่าๆ และสายตานั้นก็หยุดมาที่แขนของฉันที่ถูกพันด้วยผ้าพันแผล
พวกเราไม่ใช่ว่าเป็นเพื่อนกันหรอ?
คำถามนั่นผุดขึ้นมาในหัวของฉัน
ฉันได้แต่ยิ้มราวกับคนโง่ส่งไป
“ฮะฮะ… คือว่า… จะว่าไงดี”
“รีบๆ พูดออกมาเถอะ ฉันไม่ได้มีเวลาเยอะ”
“อะ..อื้อ คือว่า… ฉันอยากจะขอยืม… เงิน”
ฉันก้มหน้ามองพื้น มือของฉันขยุกขยิกไปมาเพราะความกังวล
“จะเอาไปทำอะไร”
“คือ… เป็นค่ายาและอาหาร…”
“…..”
พวกเราทั้งสองเงียบกันไปพักใหญ่ก่อนที่เขาจะถอนหายใจออกมาพร้อมกับสายตาสมเพชมองมาที่ฉัน
“หึ… เธอตกต่ำถึงขนาดนี้เลยงั้นหรอ?”
ใช่… ฉันตกต่ำและยากจนจนถึงขนาดไม่มีเงินเลยสักแดงเดียว
แม้แต่ข้าวสักมื้อฉันยังไม่รู้จะทำยังไงดีเลย
เพียงแค่ค่ายารักษาของฉันมันก็มากเกินไปที่จะพูดถึงค่าอาหารแล้ว
“ขอโทษ…”
ฉันได้แต่พูดออกไปด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
ฉันรู้ดีว่าเขาคงโกรธฉันแน่ๆ ถึงมันจะไม่ใช่ความผิดของฉันก็เถอะ
นั่นก็เป็นเพราะว่า…
พวกเราทะเลาะกันก่อนที่จะเลิกติดต่อกันไปนานยังไงล่ะ
ส่วนสาเหตุมันก็มาจากการที่ตัวฉัน
ไม่สิ.. ตัวฮันซอยอนในนิยายนั้นรู้สึกว่าตัวเองนั้นไร้ค่าและผลักไสคิมจีฮุนที่มีโอกาสเติบโตออกไป
แม้ว่าคิมจีฮุนจะพยายามเข้ามาในชีวิตของเธอแต่ความน้อยเนื้อต่ำใจของฮันซอยอนนั้นก็ไม่อาจทนการที่ได้เห็นหน้าของเขาได้
ฮันซอยอนจึงไล่และด่าคิมจีฮุนด้วยถ้อยคำรุนแรง
สุดท้ายนั่นเลยเป็นเหตุผลที่ฮันซอยอนและคิมจีฮุนทะเลาะกันและเลิกติดต่อกันไป
แต่ฉันรู้ดีว่าตัวเอกอย่าง ‘คิมจีฮุน’ นั้นไม่มีทางเมินเฉยต่อฉันที่เคยเป็นเพื่อนสนิทหรอก
แต่ว่าความรู้สึกผิดนี้มันกลับทำให้ฉันรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ
“ช่างเถอะ… จะเอาเท่าไหร่ล่ะ?”
“เอ่อ…”
ฉันลากเสียงยาวทันทีที่ได้ยินคำตอบของคิมจีฮุน
ภายในหัวของฉันคำนวณถึงค่ายารักษาของฉัน
ฉันไม่อยากรบกวนคิมจีฮุนไปมากกว่านี้ด้วย
ฉันต้องการค่ายาที่มากเพียงพอที่จะให้ฉันตั้งตัวไปได้
เมื่อถึงระดับหนึ่งฉันจะเริ่มแผนการของฉันและคืนเงินให้เขา
“สิบล้านวอน…” [ล้านวอน = 24,500 บาท]
“……”
สิบล้านวอนมันคือจำนวนที่มากจนฉันไม่อาจจะจินตนาการได้เลย
แต่ว่าค่ายารักษาน่ะ มันแพงมากจริงๆ
ยาที่ฉันใช้มันแพงขนาดที่ว่าเข็มละล้านวอนเลยทีเดียว
แต่ก่อนฉันก็เคยใช้ยาที่ราคาถูกกว่านี้มากอยู่หรอก
แต่ว่าอาการของมันไม่ได้ดีขึ้นเท่ากับยาในตอนนี้น่ะสิ
หลังจากฉีดยาที่ฉันใช้ในปัจจุบัน
เพียงแค่ฉีดเข้าไป ภายในห้านาทีร่างกายของฉันจะรู้สึกดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ร่างกายของฉันจะรู้สึกแข็งแรงขึ้นอย่างรวดเร็วและความเจ็บปวดจะหายไป
นอกจากนั้นยามันยังทำให้หัวของฉันโล่งและมีความสุขมากๆ
ถึงแม้ว่ามันจะมีข้อเสียที่ว่า มันจะทำให้ฉันไม่อยากทำอะไรเลยและรู้สึกอยากฉีดมันอยู่ตลอดเวลาก็เถอะ
แต่ว่ามันก็ยังดีไม่ใช่หรอ?
เพราะว่าอาการเจ็บปวดมันหายไปนี่
“เธอจะบ้าหรอ? เธอจะเอาเงินจำนวนขนาดนั้นไปทำอะไร? พูดความจริงมา”
“จะ..จริงๆ นะ มันเป็นค่ายารักษาของฉันจริงๆ”
ฉันเงยหน้าขึ้นสบตากับตัวเอก
ฉันไม่รู้เพราะอะไร.. ตาของฉันรู้สึกชื้นขึ้นมา
เพราะว่าเขาไม่เชื่อใจฉันหรอ?
แต่ว่าฉันก็เข้าใจเขาที่เขาจะไม่เชื่อใจฉันนะ
มันจะมีใครที่ให้คนที่ตัวเองพึ่งทะเลาะไปยืมเงินบ้าง?
ถ้าหากฉันเป็นคิมจีฮุน.. ฉันก็คงไม่ให้ยืมเหมือนกัน
“…..”
คิมจีฮุนเงียบไปพักใหญ่ก่อนที่เขาจะถอนหายใจหลังจากที่เราสบตากัน
“ได้, แต่หลังจากนี้ถือว่าเราจบกัน”
“อะ… ไม่นะ”
ฉันตกใจและพูดออกมา
“ทำไม? เธออยากได้เงินนั่นไปไม่ใช่หรอ? งั้นก็เอาไปสิ ฉันไม่รู้หรอกว่าเธออยากจะเอาเงินขนาดนั้นไปทำอะไรแต่อยากได้ก็เอาไปแต่หลังจากนี้เราจบกัน”
ฉันยืนอึ้งอยู่ตรงนั้นกับคำพูดของคิมจีฮุน
สิ่งที่ฉันกำลังทำอยู่มันคือการขายมิตรภาพระหว่างเรางั้นสินะ
แต่ว่าฉันไม่อยากขายความสัมพันธ์ของพวกเราจริงๆ
เพราะถ้าหากทำแบบนั้น… แผนการทั้งหมดของฉันมันก็จะพังทั้งหมด
“เข้าใจแล้ว.. ฉันไม่เอาก็ได้..”
ฉันก้มหน้าลง ตาของฉันรู้สึกชื้นยิ่งกว่าเก่า
ไม่สิ… น้ำตาของฉันมันไหลออกมาแล้วต่างหาก
คิมจีฮุนที่มองดูเพื่อนของตัวเองที่น่าสมเพชแบบนี้เขาจะคิดยังไงกันนะ?
ช่างเถอะ.. มันไม่สำคัญอะไรอีกแล้ว
สิ่งที่สำคัญมากกว่านั้นคือ ฉันจะไปหาเงินมาจากไหนเพื่อซื้อยารักษา
“…ฉันเห็นแก่ที่พวกเราเป็นเพื่อนกัน ฉันจะให้เงินเธอไปเป็นค่าอาหารแล้วกัน”
“…ขอบคุณนะ”
ฉันพูดออกไปขณะที่คิมจีฮุนหยิบโทรศัพท์ออกมา
ไม่นานโทรศัพท์ของฉันก็เกิดการสั่นขึ้น
[ท่านได้รับการแจ้งเตือน เงินเข้าบัญชีหนึ่งล้านวอน]
หนึ่งล้านวอน… มันเพียงพอค่ายาเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นสำหรับฉัน
แต่ว่าหากฉันใช้มันไปเป็นค่าอาหารแทน มันอาจจะทำให้ฉันใช้เป็นค่าอาหารได้ตลอดเดือน
แล้วพยายามหาทางหาเงินใช้ซื้อยารักษาด้วยวิธีอื่นมันยังพอเป็นไปได้
แต่ว่าฉันจะต้องทนกับความเจ็บแสบบนร่างกายที่ราวกับถูกไฟเผา
ไม่สิ… อย่างน้อยมันก็ยังคงมีเวลาอยู่
ยาที่ฉันฉีดเข้าไปมีผลอยู่ราวๆ สองวัน
ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งวันครึ่ง
ฉันจะต้องหาทางได้แน่นอน
ฉันเชื่อมั่นในตัวฉันในอนาคตว่าจะต้องหาทางได้แน่นอน
“ถ้างั้นก็ไปเถอะ”
คิมจีฮุนพูดออกมาขณะที่เขาลุกขึ้นยืนก่อนที่เขาจะเดินนำหน้าไป
ทว่าก่อนที่จะออกจากคาเฟ่ไปนั้นเองเขาก็หยุดลงโดยที่ไม่ได้หันกลับมามอง
“…แขนของเธอไปโดนอะไรมา?”
“อ่อ.. แค่เผลอไปล้มตรงเศษกระจกน่ะ…”
ฉันตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสับสนในขณะที่ดึงแขนของตัวเองมาซ่อนไว้ด้านหลัง
ฉันไม่รู้จะตอบกลับอะไรออกไปดี
ฉันควรจะบอกไปว่า แขนของฉันเกิดจากการฉีดยาที่บ่อยและถี่เกินไปงั้นหรอ?
หรือว่า… จะเป็นเรื่องที่ฉันอยากทดสอบว่ายารักษาที่ฉันใช้มันลดอาการความเจ็บปวดไปได้มากแค่ไหนกันล่ะ?
เพราะแขนของฉันน่ะ… มันเต็มไปด้วยรอยมีดที่ฉันกรีดแขนตัวเองเพื่อทดสอบยังไงล่ะ
“หรอ..”
หลังจากที่ได้ยินคำตอบของฉันคิมจีฮุนก็เดินออกไปจากร้านคาเฟ่
ฉันที่เห็นตัวเอกเดินออกไปจากร้านแล้วก็ถอนหายใจออกมา
ตอนนี้… คงถึงเวลากลับแล้วสิ
ความสัมพันธ์ของฉันกับตัวเอกอย่างคิมจีฮุนยังอยู่ปกติดี
ฉันไม่ได้ยอมทิ้งมันไป
ไม่สิ… หรือว่าฉันทิ้งมันไปแล้วกันแน่นะ…
เพราะว่าคิมจีฮุน… ดูไม่สนใจฉันเลยนี่นะ
ช่างเถอะ… ฉันต้องกลับไปที่บ้านของฉันก่อนดีกว่า