014:กิลด์นักผจญภัย⑧(พูดคุยกับท่านแม่)
「――คุณหนูถ้าทำธุระเสร็จแล้วก็กลับบ้านกันเถอะค่ะ」
「อ๊าาาาาาาาาาาาา?!」
ลูน่าที่ไม่สามารถลงทะเบียนเป็นนักผจญภัยได้ เลยต้องถอยกลับด้วยความไม่พอใจนัก เธอสะดุ้งทันทีเมื่อได้ยินเสียงจากเมดที่คุ้นเคยตรงหน้า
「เอ่อ แอนนา คิดจะมาขู่กันเหรอ………..แล้วทำไมถึงมาอยู่ที่นี่!?」
(ตัวฉันคนนี้ไม่สามารถรับรู้ตัวตนของเธอได้เนี่ยนะ……!!)
「เนื่องจากคุณหนูเคยเล่นเล่าให้ฉันฟัง ดิฉันก็เลยคิดว่าคุณหนูอาจจะหนีออกจากคฤหาสน์ แถมยังหนีออกจากคฤหาสน์นานอีกนะคะ?」
เมดส่วนตัวของฉันมองโอไกด้วยความหวาดระแวง
ลูน่าตัวน้อยคิดว่าคงจะลำบากถ้าไม่ได้ทำอะไรเลยคงจะมีปัญหา
「เอ่อ หมอนี่ชื่อโอไก เป็นผู้คุ้มตัวกันส่วนตัวของฉัน」
「เอ่อคุณหนูค่ะ นี่ไม่ใช่หมาหรือแมวนะคะที่จะมารับเลี้ยงไปทั่ว」
「แต่ว่าฉันไม่ใช่พวกสมองคับแคบแบบเธอนะ」
「อย่างแรกเลยนะคะ การที่ผู้คุ้มกันเป็นผู้ชายที่จะปกป้องลูกสาวของมาร์ควิสที่งดงามเช่นท่าน ยิ่งไปกว่านั้นหมอนี่ยังดูเป็นพวกหัวรุนแรงด้วยนะคะ……」
「……ท่านลูน่า ท่านเป็นลูกสาวของตระกูลมาร์ควิสเหรอครับ」
「เอ๊ะ ฉันไม่เคยเล่าให้ฟังเหรอ?」
「เอ่อ กระผมพึ่งได้ยินครั้งแรกนี่แหละครับ」
「ฉันก็คิดว่านายน่าจะได้ยินเรื่องราวของฉันจากเจ้าหมูอ้วนกลมนั่นแล้วซะอีก」
เขาดูประหลาดใจเล็กน้อย
เพราะเป็นเรื่องธรรมดาที่จะรู้ก่อนที่ฉันจะอ้างตนเอง สิ่งนั้นมันคือความคิดของเรื่องที่เธอคิด
แต่ว่าลูน่าก็อธิบายว่า「เจ้าหมู」นั่นเป็นหัวหน้าองค์กรลักพาตัวเพราะฉันไม่รู้ชื่อมันน่ะสิ
โอไกยักไหล่「แล้วจะเอายังไงดีล่ะครับ?」เขากล่าวเช่นนั้น
「ไม่ว่าจะเป็นยังไง นายก็จะเป็นลูกน้องของฉันไม่เปลี่ยนแปลง ฉันอยากให้นายมาช่วยเหลืองานต่างๆฉันในอนาคต และนั่นคือเหตุผลที่ฉันคอยตามหาคนแบบนาย ต่อให้ใครจะพูดอะไรอย่าได้สนใจ」
ลูน่าใช้นิ้วชี้ของเธอม้วนผมสีเงินอันเงางาม
แต่ว่าเมดคนนี้เองก็ไม่ยอมลามือ
「เข้าใจแล้วล่ะค่ะ คุณหนู」
ไม่สำคัญว่าใครจะพูดอะไร สิ่งที่ฉันได้ตัดสินใจไปแล้วจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลง แอนนาได้ก้มศีรษะน้อมรับมัน
หลังจากนั้นทั้งสามคนก็กลับไปที่คฤหาสน์ของมาร์ควิสและร่วมรับประทานอาหารเย็น
ท่านพ่อยังไม่กลับมา ดังนั้นก็ไม่จำเป็นต้องรอ เป็นมื้ออาหารระหว่างแม่ลูกทั้งสอง
ณ ตอนนี้ ลูน่าถูกดุอย่างหนักเมื่อเรื่องที่เธอแอบออกจากคฤหาสน์ไปที่กิลด์นักผจญภัยถูกเปิดเผย
「นี่ ลูก ลูกต้องตระหนักนะว่าเป็นถึงบุตรสาวของกระตูลมาร์ควิส」
「อึก………ค่าาา……」
แม่ที่ปกติมักเป็นคนสบายๆ แต่เมื่อเธอโกรธนั้นก็ยากที่จะหยุดยั้ง
ตอนนี้ฉันได้ตรัสรู้แล้วว่าถ้าฉันทำแบบนี้ต่อไป ได้เจอลูปนรกแห่งการเทศนาอีกแน่นอน จนกว่าความโกรธของเธอจะสงบลง ฉันก็ได้เล่าว่าฉันไปหาผู้คุ้มกันมา
「เอ่อเหตุผลที่ท่านแม่โกรธหนูก็เพราะกังวลที่ว่าหนูยังเป็นเด็กและออกไปในเมืองคนเดียว ดังนั้นหนูก็เลยตามหาคนคุ้มกันและจ้างชายคนหนึ่งที่มีทักษะมากที่สุดในเมืองแห่งนี้」
「แต่ว่าใครจะเป็นคนจ่ายค่าจ้างเหล่านั้นให้กับเขาล่ะลูก? อย่างที่ทราบกันดีว่าเขตของเราน่ะลดจำนวนคนคุ้มกันเพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย และแม้แต่บรรดาเหล่าเมดก็มีค่าจ้างที่ต้องได้รับ ลูกทำลงไปโดยคำนึงถึงค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตไหม?」
แม่ของฉันนั้นไม่คิดจะยอมผ่อนผันให้เลยสักนิด และดูเหมือนความโกรธที่ดับลงไปแล้วเหมือนกับปะทุออกมาเมื่อพูดถึงเรื่องค่าใช้จ่าย
ดังนั้นลูน่าจึงตัดสินใจจะเล่าให้เธอฟัง
「สำหรับสิ่งที่ท่านแม่พูด หนูเข้าใจค่ะว่าท่านแม่ไม่อยากจะขูดรีดภาษีจากประชาชนมากนัก แต่ถ้าท่านแม่ยังคิดบริหารดินแดนต่อไปแบบนี้ มีความเสี่ยงที่พวกเราจะล้มละลาย จากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดนะคะ เช่น ปัญหาภัยแล้ง ที่จะนำความอดอยากมาสู่ดินแดนของเรา หนูว่าพวกเราต้องปรับเปลี่ยนวิธีการในการบริหารดินแดนนับตั้งแต่ตอนนี้」
「ลูกอยากจะพูดอะไรกันแน่จ้ะ?」
「กล่าวอีกนัยหนึ่งพวกเราแค่สร้างแหล่งรายได้ใหม่ขึ้นมา แม้ว่าค่าใช้จ่ายมันจะเพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่หากมีรายได้มากกว่ารายจ่าย การเงินของเราจะไม่ขาดตกบกพร่อง」
「สิ่งที่ลูกพูดมามันก็ถูกอยู่หรอกน้า แต่แล้วลูกจะใช้สิ่งใดเพื่อเป็นแหล่งรายได้ใหม่ของพวกเรากันล่ะ?แม่ยอมรับความเห็นต่าง แต่ถ้าไม่มีวิธีการที่ถูกต้องแม่ก็ขอปฏิเสธนะจ้ะ」
แม่ของฉันมักจะเข้มงวดเสมอเพราะพวกเราคุยกันด้วยหลักเหตุและผล แต่ในด้านของการบริหารเศรษฐกิจแล้วเธอค่อนข้างที่จะคำนวณเรื่องกำไรขาดทุนได้อย่างแม่นยำ
ลูน่าบอกว่าพวกเราก็แค่สร้างแหล่งรายได้ใหม่ขึ้นมา แต่เธอก็คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มานานแล้วเช่นกัน แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้ดินแดนของเรามีกำไรได้มากเท่าที่ควร
ถึงกระนั้นก็ยากที่จะบอกว่าการเงินของเรานั้นมั่งคั่ง เพราะมันยากที่จะสร้างกำไรจากการรับภาษีจากประชาชนอย่างเดียว
เมื่อมาถึงจุดนี้ลูน่ายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
「ท่านแม่ พวกเรามาลงทุนกันเถอะค่ะ」
「ลงทุนคืออะไรเหรอจ้ะ?」
「พวกเราจะลงทุนกับสมาคมการค้าลาบรุส(ラブルス) ซึ่งตอนนี้มีพนักงานไม่กี่คน แต่ว่าในอนาคตอีกสิบปีข้างหน้าพวกเขาจะสามารถสร้างรายได้มากกว่าทรัพย์สินที่มีอยู่แต่เดิมพันเท่าค่ะ」
「นั่นเอง ก็มาจากความฝันของลูกเหรอจ้ะ?」
「ค่ะ และวันนี้หนูไปที่เมืองก็เพื่อยืนยันว่าสมาคมการค้านั่นมีอยู่จริง」
แม้ว่าจะกล่าวกันว่าเป็นเรื่องราวในฝัน แต่มันเป็นพ่อค้าที่ปรากฏขึ้นในเกมจีบสาวต่างหากล่ะ
ประธานบริษัทการค้ามีชื่อว่า ไมเคิล ลาบรุส(ミハエル・ラブルス)และเขายังมีลูกชายที่ชื่อว่าอีแวน(エヴァンス)แม้จะไม่ใช่เป้าหมายในการจีบ แต่ก็ถือเป็นตัวละครที่มีบทบาทสำคัญในเนื้อเรื่อง
ตราบใดที่เชื่อฟังในสิ่งที่เธอพูด หากไม่มีอีแวนล่ะก็ ตัวละครหลักจะไม่มีคีย์ไอเทมในการดำเนินเนื้อเรื่องต่อไปได้
หากเป็นแบบนั้นวิธีแก้หนทางแห่งหายนะขั้นที่หนึ่งคือการสร้างคอนเนคชั่นกับสมาคมการค้าที่จะกลายเป็นแหล่งทรัพย์ชั้นยอดในอนาคต
「และอีกหนึ่งเหตุผลที่หนูไปหาคนคุ้มกันเพราะมีโบสถ์ร้างเล็กๆ อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมือง แต่ตอนนี้มันเป็นที่มั่นของพวกโจรซึ่งเราต้องระดมกองกำลังเข้าจับกุม」
「เอ๊ะ?!」
สีหน้าของท่านแม่ดูตกใจมาก
「สิ่งที่หนูต้องการมันอยู่ในนั้น หากขุดลึกลงไปใต้ดิน พวกเราจะพบกับบ่อน้ำพุร้อน หากสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกในรูปแบบการบูรณะโบสถ์ สิ่งนี้ก็จะสามารถสร้างเป็นรายได้เสริมของเราด้วย」
「บ่อน้ำพุร้อน……」
「สิ่งที่หนูรู้มาคือพวกเราต้องขุดพื้นที่บริเวณนั้น แล้วพวกเราจะมีบ่อน้ำพุร้อนไว้ใช้งาน แต่ว่าทางที่ดีเราควรจัดการโจรที่ยึดที่นั่นเป็นแหล่งกบดาน หลังจากนั้นเราจะโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมดไปให้สมาคมการค้าและจ่ายค่าบูรณะและสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกขึ้นมาใหม่ หลังจากนั้นพวกเราจะจ้างเด็กกำพร้าให้มีงานทำและให้พวกเขาเป็นพนักงานของพวกเรา นั่นก็จะช่วยลดความยากจนของประชากรในดินแดนด้วยค่ะ」
「……」
ถึงเวลานี้ใบหน้าของท่านแม่นั้นเข้าสู่โหมดนักธุรกิจเต็มตัว
แน่นอนว่าเธอกำลังคำนวณค่าใช้จ่ายและกำไรที่จะได้อยู่ในหัว
「ดูเหมือนว่าบ่อน้ำพุร้อนจะมีผลดีต่อสุขภาพด้วยนะคะ ก่อนที่พวกเราจะเปิดเป็นร้านที่ให้เข้ามาใช้บริการ จะขอให้สมาคมการค้าลาบรุส ที่กล่าวถึงเป็นฝ่ายโฆษณา นอกจากนี้หากพัฒนาให้สร้างพื้นที่แถวนั้นเป็นย่านเศรษฐกิจด้วยการลงทุนซื้อของที่เหมาะกับบ่อน้ำพุร้อนก็จะทำให้ประชาชนมีกำลังซื้อและมีเงินทุนในการสร้างรายได้แล้วภาษีที่พวกเราจะเก็บได้เพิ่มขึ้นค่ะ」
「เพราะแบบนั้นสมาคมการค้ามีไว้เพื่อสิ่งนี้สินะ……..ลูน่า ตอนแรกแม่ก็คิดว่าลูกบ้า แต่ลูกนี่มันอัจฉริยะชัดๆเลยนะ?」
แม่พูดแกมแซะฉัน เธอรู้สึกอายเล็กน้อยที่ได้รับคำชมจากท่านแม่
อุหวาท่านแม่น่ารักชะมัด
「แต่ท่านแม่ ถ้าพวกเรามีเงินทุนมากขึ้น หนูขอแนะนำให้เพิ่มกองกำลังรบของพวกเรานะคะ」
「ทำไมเหรอ?」
「ห้าปีต่อมา บวกลบเล็กน้อย จะเกิดการแพร่ระบาดของพวกสัตว์ประหลาดที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างผิดปกติและเมืองจะถูกทำลายค่ะ」
「!?」
ท่านแม่ถึงกับสะดุ้ง
สีหน้าของลูน่านั้นไม่หวั่นไหวและแสดงความจริงจังออกมา
「ถ้างั้นพวกเราจะขอกำลังเสริมจากทางเมืองหลวง」
「ช้าเกินไปค่ะ เพราะหนูเองก็ไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นที่ไหน แต่จำนวนของมันมีมากมายหลายหมื่นตัว ไม่มีเวลาเพียงพอที่จะมาระดมกำลังรบเพื่อรับมือกับพวกมันหรอกนะคะ มันจะส่งผลให้เมืองลาทอสของเราหายไปจากประวัติศาสตร์」
「มากกว่าหมื่นงั้นเหรอ……」
มันถูกเรียกว่า “ปฏิบัติการจู่โจมลาพลัส” ตามที่ได้อธิบายไว้ในหนังสือแห่งคำทำนายและความเสียหายไม่เพียงแค่เมืองของเรา แต่ยังแพร่กระจายไปทั่วดินแดนของดิแซค และดินแดนใกล้เคียงซึ่งรวมไปถึงตระกูลวิมเบลด้วย
สิ่งนี้จะนำไปสู่การล่มสลายทางเศรษกิจของประเทศ และท่ามกลางความล้มเหลวเหล่านั้น จะทำให้ผลผลิตพืชผลทางการเกษตรเสียหายอย่างมาก ซึ่งในปีก่อนหน้านั้นจะตรงกับช่วงเวลาที่เกิดผลกระทบจากภัยแล้งและเกิดความอดอยากขึ้น
สำหรับลูน่า เธอไม่สามารถเสียการสนับสนุนจากท่านพ่อท่านแม่ได้ในช่วงเวลาที่เธอต้องไปเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องหลักของเกมจีบสาว
อาจกล่าวได้ว่าการออกนอกบ้านในครั้งนี้คือการหามาตรการรับมือในอนาคต
「ท่านแม่ หนูขอย้ำว่าสิ่งที่หนูพูดมาล้วนมาจากความฝันของหนู มันไม่มีหลักฐานเป็นตัวชี้วัดอย่างแท้จริง แต่ว่าการเตรียมพร้อมสำหรับสมมติฐานที่ว่าหากมันเกิดขึ้นจริงขึ้นมาจะดีกว่านะคะ」
「อืม นั่นสินะ」
หากกองทัพสามารถรับมือกับสัตว์ประหลาดหลายหมื่นตัวได้ในอีกห้าปีข้างหน้า ก็จำเป็นต้องรีบขยายกองทัพให้อยู่ในระดับที่เกือบเทียบเท่ากองทัพส่วนพระองค์
แต่ว่าหากเป็นกองทัพระดับชาติจะสามารถทำอะไรกับเรื่องนี้ได้รึเปล่าไหม?
ในกรณีนั้น มีเพียงสองทางเลือกว่าจะเพิกเฉยต่อความเสียหายอันร้ายแรงที่จะเกิดขึ้นกับดินแดน หรือ เตรียมพร้อมสำหรับมัน
และสำหรับลูน่าช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดที่เธอตัดสินใจหากไม่มีหนทางรอดจริงๆก็คือการสังหารตัวละครที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องราวทั้งหมด
ในกรณีนั้นจะให้โอไกที่มาอยู่ในมือฉันเป็นคนทำงานนี้
「เมื่อพูดถึงในด้านการเมืองแล้ว แม่คิดว่าปล่อยให้จิลล์คอยจัดการ…..ลูน่า ขอโทษด้วยนะแม่จะเก็บไปคิด」
「แน่นอนค่ะ」
「อืม ทุกอย่างจะต้องไม่เป็นไร」
แม่และลูกสาวที่สรุปเรื่องราวทั้งหมดแล้วก็ลุกออกจากที่นั่ง
แม่แจ้งกับพ่อบ้านและสาวใช้ที่ฟังข้อมูลในการสนทนาครั้งนี้ ไปตรวจสอบเรื่องราวทุกอย่างที่พูดว่ามีความจริงไหม และพวกเขาก็ออกไปพร้อมกับโค้งคำนับ
อาจจะมีปัญหาเรื่องที่ว่าพวกเราสามารถเชื่อใจพวกเขาได้ไหม แต่ถ้าเหล่าสาวใช้พลาดในการส่งข่าวในครั้งนี้จะทำให้เกิดหายนะครั้งใหญ่และรับผิดชอบด้วยชีวิต เพราะงั้นก็น่าจะวางใจได้
ดังนั้นตระกูลมาร์ควิสได้เลือกเดินเส้นทางที่แตกต่างจากเดิมซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นในหนังสือแห่งคำทำนาย
ณ จุดนี้ไม่มีใครรู้ว่าผลลัพธ์จะเปลี่ยนไปในทิศทางใด