012:กิลด์นักผจญภัย⑥(ฉันต้องการคนรับใช้!)
บะคู้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมม……。
ชายคนนั้นที่ร่างกายไหม้เกรียมครึ่งหนึ่งนอนอยู่บนพื้น
เมื่อแขนทั้งสองข้างและขาข้างหนึ่งหมุนผิดพิศผิดทางจนไม่สามารถทำอะไรได้อีกต่อไป นับประสาอะไรกับการเดินอย่างถูกต้อง
อย่างน้อยนั่นคือสิ่งที่อลิซ่าสาวน้อยผมสีแดงคิดอยู่
「สุดยอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด……」
อลิซ่าตกตะลึงขณะอุทานออกมา แต่ลูน่านั่งลงต่อหน้าตัวตนที่จะกลายเป็นศพในไม่ช้าและยกมือขึ้นก่อนจะหันกลับมาหาตัวเธอ
「ทำอะไรอยู่เหรอคะ……?」
「อ๋อ กำลังรักษาอยู่น่ะสิ」
อลิซ่าสงสัยเล็กน้อยเมื่อโดนบอกว่าไม่มีอะไร
「ทำไมล่ะคะ?」
「ดูเหมือนหมอนี่จะลูกเล่นแพรวพราว ดังนั้นจะหายหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับร่างกายของหมอนี่แล้ว ฉันช่วยรักษาให้แล้วล่ะ」
เห็นได้ชัดว่าลูน่าไม่มีเจตนาจะปล่อยให้เขาตาย
เมื่อเงบหน้าขึ้นก็เห็นชายคนหนึ่งนอนอยู่อีกด้านหนึ่งขณะที่เลือดไหลอาบทั่วร่าง แต่ยังคงหายใจอยู่
「จะรักษาเจ้าอ้วนกลมนี่ด้วยเหรอคะ?」
「ไม่อะ ปล่อยมันไว้แบบนั้นแหละ ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ」
เมื่อถูกถามเธอก็ตอบกลับมาง่ายๆ
อืม เข้าใจแล้ว
อลิซ่ามั่นใจ ลูน่าแค่พยายามรักษาใครบางคนที่อาจเป็นประโยชน์ต่อเธอ และเธอไม่มีความเห็นอกเห็นใจหรืออะไรทำนองนั้นแต่แรก
「โอ้ยยยยยยยย……」
「โอ้ว อรุณสัวสดิ์ ตามที่คาดไว้เลยว่าต้องตื่นแต่เช้า」
ชายคนนั้นกำลังคร่ำครวญ
ใบหน้าของเขารวมไปถึงเปลือกตาไหม้เกรียม และเขาดูเหมือนจะลืมตาไม่ได้
「ทำไม………ถึงไว้ชีวิตข้าล่ะ?」
เขาคนนั้นพึมพำออกมาเบาๆ
ลูน่าวางมือบนร่างของเขา และก็มีแสงเล็กน้อยเปล่งประกายออกมา
「อยากจะให้คำแนะนำแก่นาย มาเป็นลูกน้องของฉันซะสิ นายน่ะไม่ได้อ่อนแอเลย ความเชื่อมั่นอันแน่วแน่ในกำปั้นของนายต่างจากพวกอันธพาลพวกนั้น มันเป็นกำปั้นที่ผ่านการฝึกฝนมาหลายปี เป็นสิ่งที่พึ่งพาได้จากการฝึกฝนอย่างถูกต้องและจริงจัง ฉันชอบกำปั้นที่มีความมุ่งมั่น ตอนนี้ถึงเวลาแล้ว อยากจะถามนายน่ะ อยากจะใช้กำปั้นนั่นเพื่อฉันรึเปล่า」
ลูกน่าพูดอย่างช้าๆ
ชายคนนั้นสูดอากาศระหว่างริมฝีปากที่เปิดเล็กน้อย
「น่าสนใจดีนะข้อเสนอนั่น แต่ข้าน่ะไม่สามารถมีชีวิตภายใต้แสงสว่างได้แล้ว……..อย่างที่เห็นข้ากำลังจะตาย」
「ถ้านายอยากตายจริงๆ ฉันก็จะไม่ห้าม แต่ว่าความแข็งแกร่งของนาย ยังสามารถเติบโตได้มากกว่านี้อีกนะ ความแข็งแกร่งนั่นพอที่จะทำให้ชื่อนายถูกจารึกลงไปในประวัติศาสตร์」
「จารึกงั้นเหรอ……」
「ฉันรับประกันให้เลยนะขอบอก」
เสียงของลูน่ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง
「สำนักวิชากราโด้สินะ? แม้จะดูสมบูรณ์แบบด้านวิชาหมัด แต่จากมุมมองของพลังปราณมันยังอ่อนด้อยนัก」
「พูดอะไรน่ะ?」
เสียงของชายคนนั้นพูดออกมาด้วยความโกรธ
แต่ว่าเธอยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นๆ
「ดูเหมือนนายจะเข้าใจผิด แต่พลังสำนักวิชามังกรซากุระไม่ใช่วิชาที่ใช้ต่อสู้ตั้งแต่แรก และไม่ใช่การต่อสู้ด้วยดาบหรือหอก หัวใจสำคัญของวิชาคือการเค้นพลังปราณออกมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ในระยะสั้นๆลำดับการเคลื่อนไหวที่อาจดูเหมือนวิชาการต่อสู้ ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน ไม่มีอะไรไปมากกว่านั้น ทุกการเคลื่อนไหวนั้นขับเคลื่อนไปด้วยพลังปราณ
――กล่าวอีกนัยหนึ่งมันก็คล้ายกับเวทมนตร์
ฉันคิดค้นวิชามังกรซากุระ เพื่อเอาชนะพระเจ้า แต่นั่นเป็นเพราะนี่เป็นสิ่งเดียวที่ฉันคิดได้เมื่อไปถึงขอบเขตของพระเจ้า
ในทางกลับกันพลังปราณของสำนักฉันสามารถผนวกเข้ากับวิชาของสำนักอื่นได้
ถ้างั้น ฉันจะถามนายอีกคครั้ง โอไก
จะยอมมาเป็นลูกน้องของฉัน นายจะสามารถมีชีวิตอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ได้และตัวนายจะแข็งแกร่งขึ้นด้วย」
น้ำเสียงที่เย็นและอ่อนโยนยังคงดังก้องกังวาน
ชายคนนั้นเบิกตากว้างดวงตาที่ไหม้เกรียมไปข้างหนึ่งของเขาจ้องมองลูน่า
「ข้าสัญญา ว่าจะรับใช้เจ้า」
ชายคนนั้นตอบตกลง
「ดีใจที่นายคิดได้สักทีนะ」
ลูน่าตอบกลับ
ฝ่ามือกดทับร่างที่ไหม้เกรียม แสงสว่างไหลออกมาจากร่างและเริ่มเปล่งประกายขึ้น
――สำนักวิชามังกรซากุระ เคล็ดวิชาลับ・คืนชีพเหนือพิภพ(天武再生)!
วิ้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง……………
น้ำเสียงแสบแก้วหูดังสะท้อนไปทั่วพื้นที่
อลิซ่าและชายคนนั้นมอง
ปีกสีขาวบริสุทธิ์งอกขึ้นบนบนหลังของลูน่า
วงแหวนสีทองเจิดจ้าเหนือศีรษะของลูน่า
ผมสีเงินแวววาวเปล่งประกายแสงสีทอง
รูปร่างหน้าตาของเธอเหมือนเทพธิดา
แสงจำนวนมากเปล่งประกายเจิดจ้า
จากนั้นเหมือนกับอลิซ่าได้เห็นปฏิหาริย์
เมื่อแสงมาบรรจบกันและหายไป ร่างของเขาที่นอนอยู่ก็ไร้ซึ่งบาดแผลเสียแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นใบหน้าของเขายังอ่อนวัยลง
ตอนนี้เขาดูอายุประมาณยี่สิบต้นๆ
เสื้อผ้ายังคงขาดรุ่งริ่งและไหม้เกรียม แต่ร่างกายที่เปลือยเปล่าเผยให้เห็นผิวพรรณที่เต่งตึง เมื่อเห็นกล้ามเนื้อที่เปล่งปลั่งมันเหมือนกับรูปปั้น
เห็นได้ชัดว่าอายุของเขาลดลง
「นี่เหรอ….นี่เหรอพลังของท่าน……」
ดวงตาของเขาเบิกกว้างและเขาลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางตื่นเต้น
เขาก้มลงมองร่างกายอันเปลือยเปล่าอย่างตั้งใจก่อนที่จะหันมามองลูน่าอีกครั้ง คราวนี้เขาคุกเข่าลงและกระแทกกำปั้นลงกับพื้น
「ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ข้าโอไก นายท่านของข้า ร่างกายของข้า และเลือดเนื้อเชื้อขัยของข้าถวายแด่ท่าน」
ชายคนนั้นก้มศีรษะ
ลูน่ายิ้มขณะที่ลูบผมสีดำสั้นของเขาเบาๆด้วยมือของเธอ
「ใช่ ฉันจะตั้งตารอ แต่ก่อนหน้านั้น ถ้ามีเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนจะดีมากเลยนะ ถ้าพานายไปทั้งๆที่สภาพล้อนจ้อนแบบนี้คงไม่ไหวอะ」
รอยยิ้มของเธอกระตุกเล็กน้อย
ชายคนนั้นลุกขึ้นยืนและถอยไปด้านหลัง
「นี่ลูน่า」
「มีอะไรเหรอคะ?」
อลิซ่าที่ได้สติกลับมาขณะลูบหลังของสาวน้อยผมสีเงินที่อายุใกล้เคียงกัน
「เธอเป็นใครกันแน่คะเนี่ย มีปีกด้วยอะ……」
「อ๋อ ปีกนั่นน่ะเหรอ เอ่อถึงจะโผล่ออกมาให้เห็นแต่ฉันก็บินไม่ได้หรอกนะคะ」
「นี่ ลูน่า」
「ค่า ค่า」
「ฉันอยากเป็นเจ้าสาวของเธอ!!」
ลูน่าที่ได้ยินเช่นนั้นก็ตาเบิกกว้าง เธอยังคงยิ้มและลูบผมสีแดงของเธอ
「เฮ้อ ถ้าอย่างงั้นก็เป็นผู้หญิงที่ดีให้ได้ก่อนนะคะ」
ลูน่ายิ้มให้กับอลิซ่า
อย่างน้อยก็ควรจะกอดเธอหน่อยใช่ไหม
หลังจากหยุดชั่วครู่ ทั้งสามคนก็กลับมาตามทางที่เข้ามาหาโอไก
ยังคงมีเสียงสั่นสะเทือนภายใต้โถงทางเดิน แต่ว่าฉันไม่สนใจและเดินไปที่ทางออก
เมื่อฉันเห็นประตูที่เหมือนทางเข้าอาคาร ประตูก็เปิดออกอย่างแรงและมีทหารติดอาวุธพร้อมชุดเกราะจากอีกด้าน
「เอ๊ะ พวกนายเป็นใคร?」
「พอดีได้รับรายงานมาว่ามีผู้ที่ลักพาตัวลูกสาวตระกูลขุนนางไว้ที่นี่ ก็เลยอยากจะขอให้ไปด้วยกันหน่อย」
ชายคนหนึ่งที่เป็นหัวหน้าทหารยืนอยู่ข้างหน้าทั้งสามคน
เขาแสดงท่าทีระมัดระวังเป็นพิเศษแต่เมื่อเห็นร่างของสาวน้อยทั้งสอง ก็ต้องงงทันที
「ก็ไม่รังเกียจหรอกนะคะแต่ว่าช่วยเร็วๆหน่อยนะคะ ถ้าใช้เวลานานฉันต้องขอปฏิเสธค่ะ ฉันต้องรีบกลับบ้านก่อนอาหารเย็น」
ลูน่าพูดอย่างนั้น และพยักหน้าเห็นด้วยกับอลิซ่าที่โอบแขนเธอ
จากนั้นก็เห็นว่าเหล่าทหารยามยักไหล่ด้วยความรำคาญ