ซื่อไป๋รู้สึกคนทั้งคนไม่ดีขึ้นมา เขากัดฟันพร้อมทำท่าทางยอมรับไม่ได้ “ไม่! ข้าไม่เชื่อ เจ้าหลอกข้า เป็นไปได้อย่างไร คนอย่างเยี่ยยวน…”
“แล้วแต่เจ้าจะเชื่อไม่เชื่อ!” อิ้งหลุนกรอกตาขาว “อีกอย่าง เจ้าอย่าลืม เจ้าหน้าตาเหมือนเยี่ยยวน!” รังเกียจใครกัน
“เหตุใดเจ้าจึงไม่รีบพูด”
“เจ้าให้โอกาสข้าได้พูดด้วย! ก่อนหน้านี้ใครกันที่ไม่รอให้ข้าพูดจบก็ลักพาตัวคนมา” ตัวเองสมองมีหลุมยังจะโทษเขาอีก สองวันนี้กว่าเขาจะเข้ามาในอาณาเขตได้ ไม่ง่ายเลย
อิ้งหลุนกรอกตาขาวระรัว
อวิ๋นเจี่ยวมองทั้งสองคน หมายความว่าอย่างไร ทั้งสองคนกำลังทำอะไรกัน อีกทั้งยังเหมือนจะเกี่ยวข้องกับเธอ เธอฟังด้วยความฉงน เห็นเพียงแต่ซื่อไป๋ตัวห่อเหี่ยวลงไป ราวกับรับไม่ได้กับอะไรบางอย่าง เขานั่งลงกับพื้นทำหน้ายากเกินที่จะยอมรับ
อิ้งหลุนหันหลังเดินมาทางอวิ๋นเจี่ยว “ศิษย์ตัวน้อย เจ้าเป็นอย่างไร ตกใจกับเจ้าบ้าหรือไม่ เจ้าวางใจ เขาไม่มีวันลงมือกับเจ้าอีก หากเจ้าโกรธมาก เยี่ยยวนใกล้ตื่นแล้ว คงจะวันสองวันนี้ เมื่อถึงเวลาเจ้าให้เขามาสั่งสอน ซื่อไป๋สมองมีหลุม เจ้าไม่ต้องสนใจเขา”
อวิ๋นเจี่ยวมองไปยังคนที่กำลังนั่งเหม่อลอยอยู่ไม่ไกล ก่อนจะเอ่ยปากถามขึ้น “เขา…เป็นอะไร”
“รู้สึกไม่เท่าเทียมอย่างไรกัน” อิ้งหลุนส่งสายตาดูถูกให้อีกฝ่าย “เจ้าอย่าสนใจเขา! เขาก็เป็นเช่นนี้! เขาจับเจ้ามาได้อย่างยากลำบาก เดิมทีคิดจะใช้เจ้าแก้แค้นเยี่ยยวน ตอนนี้รู้ว่าเยี่ยยวนจริงจังกับเจ้า ทำให้แผนการของเขาล้มเหลว ไม่อาจยอมรับได้ในเวลาหนึ่งเท่านั้น”
“หมายความว่าอย่างไร” อวิ๋นเจี่ยวไม่เข้าใจ “อาจารย์ปู่จริงจัง มีประโยชน์กับเขาไม่ใช่เหรอ” เขาไม่ได้ต้องการข่มขู่เยี่ยยวนเหรอ
อิ้งหลุนหัวเราะขึ้น ก่อนจะพูดเยาะเย้ย “ไม่ เขากลัวเยี่ยยวนโกรธจริง!”
“…” ฮะ?
“เฮ้อ ศิษย์ตัวน้อย เจ้าอย่าฟังเรื่องที่ซื่อไป๋บอกเจ้า ราชาเทพ เทพปีศาจและราชายมโลกอะไรกัน อันที่จริงพวกข้าทั้งสามก็เหมือนกัน” ปากของเขากระตุกเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยความปวดหัว “อย่างไรเจ้าก็รู้ไม่น้อยแล้ว ข้าก็จะไม่ปิดบังเจ้า พวกข้าทั้งสามเกิดขึ้นจากโลกนี้ เดิมทีก็ไม่อาจขาดใครไปได้ แต่เยี่ยยวนมีความพิเศษเล็กน้อย เขาเกิดก่อนพวกข้าสองคน ดังนั้นจึงมีพลังแข็งแกร่งกว่าพวกข้า ซื่อไป๋มีคุณสมบัติตรงข้ามกับเขา ตั้งแต่ช่วงต้นของการสร้างโลก เขาก็แข่งกับเยี่ยยวนทุกเรื่อง หาเรื่องเขาอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งเอาชนะไม่ได้แต่ก็ยังไม่จำ แต่ถึงแม้เขาจะโง่เขลาแค่ไหน เขาก็รู้สิ่งที่ทำไม่ได้”
จะว่าไปหลายปีมานี้ ก็มีเพียงซื่อไป๋ที่ไปหาเรื่องอีกฝ่าย เยี่ยยวนไม่เคยสนใจเขาแม้แต่น้อย มีเพียงรู้สึกรำคาญถึงได้จัดการเขา ให้เขาหลับใหลไปสักระยะ อีกทั้งตัวเขาเองชอบไปใส่ร้ายอีกฝ่าย สร้างเรื่องเทพปีศาจออกมา มีเพียงเยี่ยยวนที่ไม่สนใจเขา แต่หากทำให้อีกฝ่ายโกรธขึ้นมาจริง เขาก็คงรับมือไม่ไหว
ดังนั้นหลังจากที่รู้ว่าเยี่ยยวนจริงจังต่อศิษย์ตัวน้อยแล้ว เขาจึงไม่กล้าลงมืออีก
“ว่าใครโง่เขลากัน” เมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูด ซื่อไป๋ที่นั่งห่อเหี่ยวรีบลอยเข้ามา ก่อนจะพูดด้วยความโกรธเคือง “อิ้งหลุนข้าเตือนเจ้า อย่าเรียกข้าว่าโง่เขลา!”
“ซื่อไป๋…ไป๋ซื่อ…ก็คือโง่เขลา! เจ้าตั้งชื่อเองแต่ไม่ให้คนเรียกหรืออย่างไร ข้าจะเรียก” เมื่อเทียบกับท่าทางหวาดเกรงเมื่ออยู่ต่อหน้าอาจารย์ปู่ ครานี้อิ้งหลุนตอบกลับอย่างใจกล้าและท้าทาย
“เจ้า…เจ้า…เจ้าๆๆ…” ซื่อไป๋โมโหอย่างมาก กัดฟันเสียงดังกรอด “เจ้าอย่าทำเกินไป เยี่ยยวนอาศัยว่าตนเองกำเนิดก่อนท้าทายข้า เป็นปรปักษ์กับข้า ข้าก็แค่อยากแก้แค้นเขา”
“เจ้าแก้แค้นสิ บอกข้าทีว่าเจ้าเคยทำสำเร็จหรือไม่” อิ้งหลุนตอกกลับ
“อย่างน้อยข้าลงคำสาปให้เขาสำเร็จ! ให้เขาลิ้มลองรสชาติของการหลับใหล! เจ้าล่ะ? เพียงแค่เห็นหน้าก็ขี้ขลาดแล้ว”
“ข้ามองความเป็นจริง เจ้าไม่เข้าใจ! อีกอย่าง เจ้าเรียกว่าลงคำสาป น่าตลกสิ้นดี! คำสาปของเยี่ยยวนทำให้เจ้าหลับตั้งแต่ล้านปีก่อนจนถึงตอนนี้ เจ้าล่ะ? หลายปีนี้เยี่ยยวนหลับไปเพียงกี่ครั้ง อีกทั้งยังตื่นเร็วขึ้นเรื่อยๆ เจ้าเรียกว่าลงคำสาป? เจ้าลงนาฬิกาปลุกให้เขามากกว่า เมื่อถึงเวลาตื่นขึ้นอย่างแน่นอน”
“แล้วอย่างไร เขาก็ไม่มีวิธีไม่ใช่เหรอ เขาไม่อาจถอนคำสาปได้ อีกทั้งยังต้องให้คนมาหาอาวุธคำสาปให้อีก”
“ชิ! เจ้าคิดว่าเขาถอนไม่ได้จริงเหรอ หากเขาไม่ได้ผนึกความทรงจำของตนเอง คำสาปแค่นี้เขาจะต้องใช้อาวุธคำสาปมาถอน หน้าใหญ่เสียจริง!”
“ถุย! ถอนไม่ได้ก็คือถอนไม่ได้ ไม่จำเป็นต้องหาเหตุผล อย่างไรครั้งนี้ข้าชนะ ปีศาจกระเทียมไก่อ่อนอย่างเจ้าจะเข้าใจอะไร”
“ใครคือปีศาจกระเทียม เจ้าอย่าพูดเหลวไหล!”
“เจ้าคือปีศาจกระเทียม สิ่งมีชีวิตแรกที่เกิดขึ้นก็คือกระเทียม ไม่ใช่ปีศาจกระเทียมแล้วคืออะไร”
“มันเป็นแค่โอกาสในการกำเนิดข้า ไม่ใช่ร่างเดิมข้า เจ้าต่างหากที่เป็นปีศาจอากาศ!”
“โอกาสการกำเนิดของข้าคือแสงสว่าง! ไม่ใช่อากาศ!”
“เจ้าใช่ เจ้าใช่…เจ้ากัดข้า?”
“ถุย ข้ากลัวได้ลิ้มลองกระเทียม!”
“หึ! ดีกว่าอากาศที่ไม่มีรสชาติอย่างเจ้า!”
“ปีศาจกระเทียมอยากจะมีเรื่องใช่หรือไม่”
“มาสิ ข้ากลัวปีศาจอากาศอย่างเจ้าหรือไร”
“…”
มองดูคนทั้งสองที่ถกเถียงกัน อีกทั้งทำท่าจะต่อยตีกันเมื่อเถียงไม่ชนะ
อวิ๋นเจี่ยวระอาอย่างมาก อีกทั้งมีความรู้สึกเหมือนทัศนคติจะพังทลายลง พวกเขาคือเทพแห่งการสร้างโลก? เหมือนจะเป็นเด็กสามขวบที่วิ่งออกมาจากโรงเรียนอนุบาลเสียมากกว่า
ที่แท้การต่อสู้ระหว่างความดีความชั่ว เทพและปีศาจนั้น เป็นเพียงแค่การกระทำที่ซื่อไป๋ก่อขึ้นเนื่องจากไม่ชอบเยี่ยยวน บนโลกนี้มีเทพที่ปกติบ้างหรือไม่
ความรู้สึกเหนื่อยใจอย่างประหลาดปรากฏขึ้น ทันนั้นรู้สึกหมดแรงกับทุกสิ่งอย่าง อีกทั้งภาพตรงหน้าเริ่มเลือนรางขึ้นมา
ไม่! เลือนรางจริง!
เธอผงะไป ก่อนจะกระพริบตาที่มองไม่ชัด จากนั้นเอ่ยปากเรียก “ชาวสวน...”
“ศิษย์ตัวน้อย เจ้ารอเดี๋ยว!” อิ้งหลุนกำลังถลกแขนเสื้อด่าอย่างสนุกปาก เขาพูดขัดอีกฝ่าย “รอข้าด่าเขาให้ตายก่อน!”
อวิ๋นเจี่ยว “…”
เอาเถิด! มีเทพแห่งการสร้างโลกเช่นนี้ โลกนี้…ต้องสูญสิ้นไปในไม่ช้า! ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกไม่อยากจะให้การศึกษาต่ออยู่บนโลกนี้ อยากจะกลับบ้านขึ้นมา!
เมื่อความคิดนี้ของเธอปรากฏ แสงสีขาวรอบตัวสว่างขึ้นทันที ในสมองขาวโพลนไปชั่วขณะ ชาวสวนที่กำลังทะเลาะอยู่นั้นเหมือนสัมผัสบางอย่างได้ เขาหันกลับมาตะโกน “ศิษย์ตัวน้อย…”
สิ่งที่อวิ๋นเจี่ยวเห็นเป็นสิ่งสุดท้ายคือใบหน้าตกใจอย่างมากของอิ้งหลุน ก่อนที่ภาพตรงหน้าจะหายไป…