สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ 31 เคสที่ 16 ไร้กำหนดการ (2)

ตอนที่ 31 เคสที่ 16 ไร้กำหนดการ (2)

ผ่านไปไม่นาน ก็มีเด็กนักเรียนเข้ามาในสภา

ตามปกติต้องประธานจะเป็นคนรับหน้าให้ แต่เพราะวันนี้ผมอยู่ด้วย น้องเขาจึงขอทำเอกสารและให้ผมกับสมาชิกที่เหลือจัดการกันเอง

เป็นประธานก็ยุ่งเหมือนกันนะ เราไม่ค่อยเข้าสภาเลยไม่รู้

“ตามที่พูดไปแหละค่ะ เพราะเป็นช่วงใกล้สอบ ไม่ว่าจะชวนใครไปเที่ยวไหนก็ไม่มีใครไปด้วยเลยน่ะค่ะ หนูก็เป็นพวกอยู่คนเดียวไม่ได้ซะด้วย สภานักเรียนช่วยเอาการสอบออกไปได้มั้ย? ยังไงการสอบวัดคะแนนมันก็เป็นเรื่องไม่จำเป็นอยู่แล้ว ไหนจะต้องมาอ่านหนังสือ…จับกลุ่มติว…บลาๆๆ”

ผมรับฟังลูกเคสที่เป็นเด็กมอสี่พูดเป็นต่อยหอยด้วยสีหน้าเรียบเฉย ในใจก็คิด… น้องประธานเจอแต่เคสไร้สาระแบบนี้ทุกวันเลยเหรอ?

“อะ เอ่อ ถ้างั้น…น้องก็อ่านหนังสือกับเพื่อนสิ? จะได้ทำคะแนนดีๆให้คุณพ่อคุณแม่ภูมิใจด้วย…”

“อย่าทำเป็นรู้ดี ไม่มีใครรอชื่นชมหนูหรอกค่ะ”

“…”

เรียกน้องประธานตอนนี้ทันมั้ยนะ…

เมื่อเห็นว่าผมอึกอัก เจ้าของเคสเด็กมอสี่ก็กอดอก

“อุตส่าห์ถ่อมาถึงสภานักเรียน ทำไมต้องมาคุยกับฝ่ายควบคุมความประพฤติด้วยนะ พี่เป็นคนที่ชอบไปช่วยชมรมกีฬาทำความสะอาดใช่มั้ยคะ?”

“อะ อืม วันนี้ว่างเลยมาช่วยที่สภาแทนน่ะ”

“ถ้างั้นก็ไปที่อื่นเถอะค่ะ หนูกะจะมาขอให้ประธานลูกซาตานช่วยสักหน่อย แต่เจ้าประธานนั่นไม่เห็นจะสนใจเลยสักนิด”

เจ้าของเคสก็เหลือบมองไปที่น้องประธานซึ่งกำลังตั้งสมาธิกับงานเอกสารจนไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง

“…ต้น อยู่มอหกสิเนอะ? งั้นก็พี่ต้น!”

เสียงแว่วยังคงดังเรื่อยๆ ดูเหมือนจะพูดยาวกว่าเดิมอีกต่างหาก

ผมทำตามที่น้องพลอยบอกตอนแรก คือไม่ตอบกลับ

“เข้าใจแล้วนะคะ? เพราะงั้นเรียกลูกซาตานนั่นมาสักทีเถอะค่ะ ส่วนพี่…จะไปช่วยชมรมไหนก็เชิญเลยค่ะ”

ไม่คิดเลยว่าจะโดนตำหนิหนักหน่วงถึงเพียงนี้ แต่ผมก็คงทำหน้าที่ได้ไม่ดีจริงๆนั่นล่ะ

ขณะกำลังจะยอมแพ้และลุกไปเรียกน้องประธาน

น้องพลอยก็เอ่ย

“คุณเจ้าของเคส…อยู่มอสี่ใช่มั้ยคะ?”

ด้วยเสียงที่น่าขนลุกไม่น้อย

“หนูเหรอคะ? ใช่ค่ะ หนูอยู่มอสี่ ส่วนพี่คือรองประธานสินะคะ?”

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ …คือพี่อยากจะเตือนอะไรน้องสักหน่อย”

“คะ?”

เจ้าของเคสขมวดคิ้วสงสัย

น้องพลอยจับมือเจ้าของเคสเบาๆ ราวกับจะบอกเป็นนัยๆว่า ให้รับฟังอย่างตั้งใจซะ

“จริงอยู่ว่าสภานักเรียนเป็นชมรมที่จะช่วยเหลือนักเรียนทุกคน แม้คำขอที่ว่าจะไร้สาระและเห็นแก่ตัวขนาดไหน สภานักเรียนก็ต้องทำเท่าที่ทำได้เพราะหน้าที่”

“แล้วไงคะ?”

“คำขอของน้องมันทั้งไร้สาระและเห็นแก่ตัวสุดๆเลยล่ะค่ะ แน่นอนว่าทั้งพี่และพี่ต้นเองก็พยายามหาวิธีช่วย …แต่ต่อให้เป็นอย่างนั้น ก็ไม่ใช่เหตุผลที่คุณเจ้าของเคสจะพูดจาไม่มีความเคารพกับรุ่นพี่ได้นะคะ?”

“อะ อะไรกันคะเนี่ย!? เป็นแค่สภานักเรียนแท้ๆ…”

น้องพลอยบีบมือเจ้าของเคสแน่นขึ้นไปอีก

“ถ้ายังไม่เปลี่ยนวิธีพูด ก็รบกวนเชิญกลับได้เลยค่ะ”

“ตะ แต่ว่า…ที่นี่คือสภา…”

“เชิญกลับได้เลยค่ะ”

พอน้องพลอยพูดจบ เจ้าของเคสก็ขบริมฝีปาก ก่อนจะลุกขึ้นเหมือนสะบัดตัวและออกไปจากสภาทั้งๆอย่างนั้น

ผมถามด้วยความกังวล

“อะ เอ่อ…แบบนี้จะไม่มีปัญหาเอาเหรอ?”

“ก็อาจจะ…นิดหน่อยค่ะ แต่หนูรับคนที่พูดจาแบบนั้นไม่ได้ ยิ่งกับคนที่พยายามแนะนำก็ควรจะให้ความเคารพกันสักหน่อยน่ะค่ะ”

“เมื่อกี้พี่แนะนำไปก็จริงอยู่หรอก แต่น่าจะยังคิดไม่ดีเท่าไหร่ น้องคนนั้นถึงได้โมโห”

“อย่าโทษเป็นความผิดตัวเองเลยค่ะพี่ต้น …นักเรียนที่มาขอให้สภานักเรียนช่วยบางรายก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ คิดว่าสภาเป็นคนรับใช้ที่ต้องทำให้ทุกอย่าง ชี้นิ้วสั่งอย่างกับพวกเราเป็นทาส …ที่พี่ต้นพูดเมื่อครู่ก็ถูกแล้วค่ะ นั่นเป็นปัญหาที่ตัวน้องคนนั้นอยู่แล้ว …เฮ้อ นึกยังไงถึงมาขอให้เอาการสอบออกกันน้า”

น้องพลอยบ่นพึมพำ และพูดต่อ

“และก็…ถึงจะมีปัญหา คนที่ต้องรับผิดชอบก็คือหมอนั่นต่างหากค่ะ พวกเราแค่ทำงานไปตามดุลพินิจ ส่วนเรื่องความรับผิดชอบก็ปล่อยให้เจ้าลูกซาตานนั่นจัดการเถอะค่ะ”

พร้อมมองไปยังน้องประธาน

ดูเหมือน…ความคิดเกี่ยวกับสภาของผมกับน้องพลอยจะต่างกันนิดหน่อย

ผมคิดว่าต้องทำงานทุกอย่างที่ได้รับมอบหมายอย่างเลี่ยงไม่ได้ เมื่อกี้ผมก็คิดไม่ตกเลยล่ะว่าจะต้องทำยังไง …ซึ่งจริงๆแล้ว ที่น้องพลอยทำนั่นเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้องแล้วล่ะ

เคสที่เป็นไปไม่ได้และส่งผลกระทบมากเกินไป ก็ไม่จำเป็นต้องทำ…

นั่นก็ส่วนน้องพลอย แต่น้องประธานก็เป็นยังงี้รึเปล่านะ? วิธีการทำงานของแต่ละคน ต่อให้เป็นสภานักเรียนเหมือนกันก็ไม่เหมือนกันเสียด้วยสิ….

“…โห ขนาดหน้าตอนคิดมากยังหล่อเลย! ถึงอายุอย่างฉันจะเรียกเธอว่าพี่ไม่ได้ก็เถอะ แต่ให้ความรู้สึกอยากเรียกพี่ขึ้นมาเลย! พี่ต้น! พี่ต้น! พี่ต้น!”

“น้องพลอย เสียงแว่วมันหนักข้อขึ้นเรื่อยๆเลย ทำไงดี…”

“อย่าไปสนใจค่ะ ถ้าเป็นวิญญาณมาขอบุญกุศล เดี๋ยวสักพักก็หายไปเอง”

“ไม่ใช่สักหน่อย! แค่อยากคุยด้วยเฉยๆเอง! ตอบกลับหน่อยสิ!”

เสียงแว่วยังคงแทรกขึ้นมา ผมบอกน้องพลอย

“เสียงนั่นตอบน้องด้วยล่ะ…”

“คุยกับหนูด้วยเหรอคะ? อืม…หรือจะเป็นวิญญาณประเภทอื่นกันนะ? แปลกจริงๆนะเนี่ย?”

น้องพลอยพึมพำ ส่วนดิวก็ก้มหน้าก้มตากินขนมไม่พูดไม่จามาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว กระนั้น บางทีก็เหลือบมองไปยังที่ว่างๆด้วยดวงตาเหม่อลอย

ส่วนน้องประธานก็เหมือนจะหงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆ…เกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย?

“นี่ๆ ตอบหน่อยสิพี่ต้น! ฉันก็เป็นสภานักเรียนเหมือนกันนะ!? ทำความรู้จักกันไว้หน่อยสิ!”

““เงียบๆหน่อย””

น้องประธานกับน้องดิวพูดขึ้นพร้อมกัน

ผมถามด้วยความสงสัย

“ทะ ทั้งสองคนบอกใครน่ะ…?”

““หมิงหมิง””

…ใครล่ะนั่น

ผมเหลือบไปทางน้องพลอย แต่เธอก็ทำหน้าไม่เข้าใจเหมือนกัน

“นี่น้องพลอย…เสียงแว่วนั่นบอกว่าตัวเองเป็นสภานักเรียนด้วย…”

“ใครล่ะคะนั่นน่ะ? สภานักเรียนพึ่งก่อตั้งไม่กี่ปีเอง มันจะไปมีสภาชิกเก่าแก่ที่เป็นวิญญาณได้ยังไงล่ะคะ? ประธานกับดิวก็ด้วย! เมื่อกี้คุยกับใครอยู่คะเนี่ย!?”

…ทำไมความรู้สึกผมกลับคิดว่าไอ้เสียงแว่วของผมกับที่น้องประธานกับน้องดิวทำท่าทีแปลกๆ มันเกี่ยวข้องกันยังไงไม่รู้สิ

“พี่ต้นๆ! น้องพลอยๆ! ใครก็ได้คุยกับฉันหน่อยสิ!”

เพียงเท่านั้น น้องพลอยก็หันหน้ามาทางผมช้าๆ

“หนะ หนูก็ได้ยินเหมือนกันค่ะ…”

“อย่าไปตอบกลับสิ”

“ยังไม่ได้ตอบสักหน่อย แค่พูดขึ้นมาเฉยๆค่ะ”

ในกรณีนั้นยังถือว่าเซฟสินะ… ที่จริงไอ้ที่พวกผมพูดกันก่อนหน้านี้น่ะ เรียกว่าเซฟได้ยังไงก็ยังไม่แน่ใจเลย

คิดซะว่าเสียงแว่วนี่เป็นคนที่ไม่ได้เคร่งมากก็น่าจะได้…

น้องพลอยผสานมือไว้บนตัก พูดด้วยเสียงเรียบๆ

“จนกว่าจะรู้ว่าคืออะไร…พวกเราอย่าไปตอบโต้ดีกว่าค่ะ”

“อะ อื้ม เป็นความคิดที่ดีนะ”

 

…แม้ผมกับน้องพลอยจะพยายามไม่ตอบโต้เสียงแว่วมากเท่าที่จะทำได้ แต่เสียงกลับพูดเยอะขึ้นเรื่อยๆ จนรู้สึกน่ารำคาญเข้าไปทุกที…

“…พี่ต้นเป็นตัวอะไรล่ะเนี่ย? เอเลี่ยน? ใส่จานบินไว้ที่แขนด้วยนี่? ส่วนน้องพลอยก็น่าจะเป็น…นางสาวไทย? ล่ะมั้ง?”

“ผีนางรำต่างหาก…”

“…น้องพลอย”

“เมื่อกี้ไม่ได้ตอบค่ะ แค่พูดเฉยๆ”

น้องพลอยทำหน้าหงุดหงิดรับคำเตือนจากผม …เจ้าเสียงแว่วนี่ฉลาดน้อยน่าดู

“อะไรล่ะเนี่ย? รับทั้งเอเลี่ยนทั้งนางสาวไทยเข้าสภา แต่กว่าฉันจะได้เข้านี่อะไรมากมายก็ไม่รู้ ความเท่าเทียมอยู่ตรงไหนกัน!???”

เพราะไม่เห็นตัวเลยไม่รู้ว่ากำลังตำหนิใครอยู่ แต่เล่นเรียกกระหังว่าเอเลี่ยนก็ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าเหมือนกัน แถมตอบกลับไม่ได้ด้วย

“ฟะ ฟังเพลงกันมั้ยคะ? พี่ต้น”

“อะ อื้ม! ก็ดีนะ ที่ห้องเก็บของน่าจะมีลำโพงอยู่ เดี๋ยวเชื่อมบลูทูธแล้วเปิดเพลงฟังดีกว่า!”

ผมรุดไปที่ห้องเก็บของของสภา หยิบลำโพงบลูทูธออกมา และเอามาตั้งไว้ที่โต๊ะรับแขก

“เชื่อมกับโทรศัพท์น้องพลอยก็ได้”

“หนูไม่ค่อยฟังเพลงเท่าไหร่น่ะค่ะ พี่ต้นเปิดเลยก็ได้”

“…พี่ก็ไม่ค่อยฟังเหมือนกัน ส่วนใหญ่มีแต่เพลงที่ยัยน้ำเลือกไว้ให้น่ะ…”

“พี่น้ำเหรอคะ? ก็น่าจะได้มั้งคะ? ลองๆเปิดดูเถอะ”

เมื่อน้องพลอยยืนยัน ผมก็พยักหน้าและเอาโทรศัพท์ตัวเองต่อบลูทูธกับลำโพง

“โห ลำโพงอ๋อ? ที่บ้านฉันก็มีอันนึง รุ่นเดียวกันเลยรึเปล่าเนี่ย???”

ผมกับน้องพลอยไม่สนใจเสียงแว่วที่เหมือนกำลังพินิจพิจาณาลำโพงบลูทูธ

แน่นอนว่าตั้งแต่ผมได้ยิน รวมถึงหลังจากที่น้องพลอยได้ยิน พวกผมก็พยายามไม่ตอบกลับเสียงแว่วกันสุดๆ โดยสรุปก็ถือว่าทำได้ดีเยี่ยม

อีกทั้งยังเนียนมาเปิดเพลงฟังกลบเสียงโดยที่ไม่ให้เจ้าเสียงแว่วประหลาดนี่เห็นว่าผิดสังเกตด้วย

…อารมณ์เหมือนคนที่เจอผีตรงหน้าแล้วแกล้งว่ามองไม่เห็นนั่นล่ะ

ผมคิดเช่นนั้น ก่อนจะเปิดเพลงจากเพลย์ลิสต์ที่ยัยน้ำเลือกไว้ให้…

 

ซื้อยาคูล น้าเรรูว~~~!

 

เสียงเพลงภาษาญี่ปุ่นที่เคยฮิตอยู่ช่วงนึงก็ดึงขึ้น

น้องพลอยเอ่ยเสียงสั่น

“อะ เอ่อ เพลงอะไรคะเนี่ย…”

“เพลงการ์ตูนน่ะ …พี่ก็บอกแล้วว่ายัยน้ำเลือกให้”

“ปะ เป็นเพลงที่สนุกดีนะคะ…”

“อะ อืม ไม่ได้เปิดขึ้นมาเพราะจะกลบเสียงอะไรเลยสักนิด แค่เพลงมันสนุกเฉยๆ …เนอะ?”

“ใช่ค่ะๆ!”

พวกผมพากันพยักหน้าจนคอแทบหลุด

ส่วนเจ้าเสียงแว่วเจ้ากรรมนั่นก็…

“โบคูโว้~ ซือเรเท้~ ซูซูเม๊~~~~~~~~~~!!!!!!!!!”

““หมิงหมิง! หุบปาก!!!””

จู่ๆ น้องประธานกับน้องดิวก็ตะโกนขึ้นมา

พวกผมถามด้วยความสงสัย

“อะ เอ่อ ทั้งสองคนคุยกับใครเหรอ…?”

“นะ นั่นสิคะ หมิงหมิงนี่คือ…?”

หลังจากรับคำถามของพวกผม น้องประธานก็เก็บกองเอกสารก่อนพูดขึ้นด้วยเสียงเหนื่อยๆ

“ยังไม่ได้แนะนำให้รู้จักสินะ…ยัยนี่ชื่อหมิงหมิง เอ้า โผล่ออกมาได้แล้ว”

สิ้นเสียง เสียงเหมือนระเบิดควันเด็กเล่นก็ดังขึ้น

ปรากฏร่างของเด็กสาวผิวแทนผมสั้น พร้อมด้วยสภาพร่างกายที่พังยิบเยิน

“กริ๊ด!!!”

น้องพลอยกรีดร้องเอามือกุมหน้า น้องเขาไม่ค่อยถูกกับเรื่องน่ากลัวเท่าไหร่นี่นะ

ส่วนผมก็มองเด็กสาววิญญาณที่ร่างกายโปร่งๆด้วยความประหลาดใจ

“สวัสดีจย้า! ฉันชื่อหมิงหมิง! สภานักเรียนคนที่เจ็ดเองจ้า!”

“ฉันยังไม่ได้ให้เธอเข้าสภาสักหน่อย”

“เอ๋~! ก็ไหนบอกว่าถ้าอยู่เงียบๆ จะให้เข้าสภาไม่ใช่เหรอ?”

“แล้วหล่อนคิดว่าเธอเงียบแล้วหรือไงหา?”

ดูเหมือนน้องประธานจะรู้จักหมิงหมิงอยู่พอสมควร …วิญญาณจากที่ไหนกันเนี่ย?

“น้องประธาน…คุณหมิงนี่เป็นใครเหรอ?”

“หมิงหมิง!”

หมิงหมิงตะโกนแทรกขึ้นมา ผมจึงเปลี่ยนวิธีเรียก

“หมิงหมิงคนนี้…เธอเป็นใครเหรอ?”

น้องประธานก่ายหน้าผาก

“วิญญาณฆ่าตัวตายน่ะครับ อีกไม่นานก็จะไปสู่สุคติแล้ว …ก่อนหน้านี้ไปโดดตึกที่ดาดฟ้าตึกเรียนเก่าจนโดนชมรม…อะไรสักอย่างขอให้ช่วยน่ะครับ ลงท้ายก็เลยให้มาอยู่แถวๆสภาแทน”

เคสที่ผมไม่เกี่ยวข้อง กระนั้นก็น่าแปลกใจที่ถึงขนาดน้องประธานต้องเอามาไว้ที่สภาแบบนี้

“ทั้งสองคนก็รู้อยู่แล้วเหรอ?”

“ใช่ครับ ผมเป็นคนพาเข้าสภาเองนี่นา เห็นว่าอีกไม่นานก็จะไปแล้ว เลยว่าจะไม่บอกคนในสภาเพราะกลัวจะวุ่นวายน่ะครับ”

นั่นคือเหตุผลของน้องประธาน แต่ว่า…

ผมหันสายตาหารุ่นน้องผีปอบ

เธอก็รับสายตาของผม

“…ขี้เกียจ?”

เป็นเหตุผลที่สมกับเป็นน้องดิวสุดๆเลยล่ะ…

น้องประธานเดินมาทางโต๊ะรับแขก

“เป็นวิญญาณฆ่าตัวตายที่มีกำหนดออกตัวทุกเที่ยงคืนน่ะครับ ถ้าไม่ติดว่าพูดมากจนน่ารำคาญก็ไม่มีปัญหาอะไรเท่าไหร่ …แล้วเธอจะปิดตาอีกนานมั้ยเนี่ย? พลอย”

และพยายามดึงแขนน้องพลอยที่ปิดหน้าออก

“ประธาน! ฉันโกรธจริงๆนะคะ!”

“เฮ้อ ให้ตายสิ …หมิงหมิง รีเซ็ทให้กลับเป็นเหมือนเดิมหน่อย ยัยพลอยกลัวจนไม่กล้าคุยด้วยแล้วเนี่ย”

“รับทราบ!”

หมิงหมิงดีดนิ้ว พริบตานั้นเอง บาดแผลตามร่างกายก็หายไปทันที

…วิญญาณนี่มันน่าพิศวงจังเลยนะ

ผมคิดเช่นนั้น ขณะที่น้องประธานบอกให้น้องพลอยลืมตา

พลอยที่ถามแล้วถามอีกว่า ไม่มีอะไรน่ากลัวแล้วใช่มั้ย? ก็ลืมตาขึ้น จ้องไปที่หมิงหมิง

“ทะ ถ้าแบบนี้ก็โอเคค่ะ…”

“น้องพลอยใช่ม้า!? สวัสดีจ้า! พยายามเรียกตั้งหลายที น้องก็ไม่ตอบพี่สักที! น้องพลอยเป็นนางสาวไทยสิเนอะ!? สัมผัสที่หกเลยไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่!”

หมิงหมิงจับมือน้องพลอยและยกขึ้นลง

“หนะ หนูเป็นผีนางรำค่ะ…”

“เอ๊ะ? ผีนางรำเหรอ? แต่น้องพลอยไม่เห็นน่ากลัวเลยนี่! น่ารักจะตาย!”

“ขะ ขอบคุณค่ะ…”

“แล้วก็ๆ พี่ต้นๆ!”

หมิงหมิงหันมาทางผมต่อ

ผมพยักหน้า

“คะ ครับ…”

“นายเป็นเอเลี่ยนสินะ!? มียานบินเปล่า? หรือที่อยู่ตรงแขนคือยาน? ขยายใหญ่ได้เหรอ!? สุดยอดเลยเนอะ!?”

“ผมเป็นกระหังครับ…”

“กระหัง? ที่บินได้น่ะเหรอ?”

“ครับ…”

เป็นคนที่ร่าเริงดีนะ ถ้าเป็นน้องสไปรท์จะออกแนวบ๊องๆ แต่หมิงหมิงนี่เรียกว่าเกินเลเวลของน้องสไปรท์จนน้องเขาดูเป็นคนปกติไปเลย…

“คริสคริส!”

หมิงหมิงเรียกน้องประธาน

“บอกว่าอย่าเรียกคริสคริส”

“คริสคริส ดิวดิว น้องพลอย พี่ต้น …ยังเหลืออีกกี่คนที่ฉันยังไม่รู้จักเนี่ย???”

เด็กสาววิญญาณพึมพำคนเดียว ดูเหมือนน้องประธานกับน้องดิวก็ค่อนข้างชินพอตัว จึงแทบไม่ได้ตอบโต้อะไรเลยแม้แต่น้อย

ผมเรียกน้องประธาน

“น้องประธาน…”

“ครับ? อ๋อ ต้องขอโทษที่ไม่ได้บอกแต่แรกด้วยครับ…”

“ไม่ๆ พี่ไม่ได้โกรธเรื่องนั้นหรอก แค่สงสัยว่าถ้าน้องประธานได้ยินตั้งแต่แรก ทำไมตอนพี่ถามเรื่องเสียงแว่วแปลกๆ น้องประธานถึงได้…”

น้องเขารู้ว่านั่นเป็นเสียงหมิงหมิง ดังนั้นถ้าได้ยินเธอเรียกชื่อผมล่ะก็ น่าจะรู้สิว่าเธอพยายามจะคุยกับผมอยู่ กระนั้นน้องเขากลับคิดว่าผมอยากได้ไม่แคะหูซะงั้น

น้องประธานกอดอก

“ไม่รู้หรอกครับ คือยัยนี่มันพูดมากจนผมขี้เกียจจะฟังแล้วน่ะครับ …เพราะงั้น ถ้าผมไม่ตั้งใจฟังจริงๆ ผมก็ไม่รู้หรอกว่ายัยนี่กำลังพูดบ้าอะไรอยู่”

เรียกว่าเป็นอีกขั้นของการฟังหูซ้ายทะลุหูขวาเลยสินะ…

หมิงหมิงลอยมากอดคอผม

“งั้นก็! ไหนๆก็รู้จักกันแล้ว! วันนี้จัดงานฉลองกันดีปะ! ที่ฉันได้เป็นสมาชิกสภาอย่างเป็นทางการ ใช่มั้ย? พี่ต้น!”

“เอ่อ…”

น้องประธานพูดแทรกขึ้นมาทันที

“ก็บอกอยู่ว่าเธอไม่ใช่สมาชิกสภาไงเล่า ยัยวิญญาณฆ่าตัวตายนี่”

“เอ๋~ ขี้งกอะ”

หลังจากนี้ ผมคงต้องเพลาๆเรื่องการไปช่วยชมรมอื่นหลังเลิกเรียนแล้วล่ะ มาช่วยน้องประธานที่นี่น่าจะดีกว่า สภาพตอนนี้สภาน่าจะยุ่งและวุ่นวายกว่าช่วงแรกๆน่าดู…

แต่ก็…ไว้ค่อยคุยเรื่องนั้นกับน้องประธานจริงๆจังๆทีหลังก็แล้วกัน

เคสที่ 16 ไร้กำหนดการ /จบ

สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ

สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ

Score 10
Status: Completed
คริสโตเฟอร์ ลูกชายของซาตาน ผู้ที่ลงมายังภพมนุษย์และศึกษาอยู่ในโรงเรียนสำหรับภูติผี ...หะ? ว่าไงนะ? โรงเรียนที่ว่านั่น เจ้าลูกชายซาตานเป็นประธานนักเรียนด้วยอย่างงั้นเหรอ!? แล้วยังงี้คริสโตเฟอร์ที่ต้องมานั่งแก้ปัญหาหนักอกหนักใจของวัยรุ่นเชื้อสาย 'ผีไทย' จะทำยังไงเนี่ย!?

Options

not work with dark mode
Reset