อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต 152 การตัดสินใจของมอทัลเยลโล่ 2

ตอนที่ 152 การตัดสินใจของมอทัลเยลโล่ 2

 

 

เมื่อฉันเห็นเซกัลในร่างที่เล็กจิ๋วเกินกว่าจะเรียกว่ายักษาทมิฬได้ ฉันก็ถึงกับตกตะลึง จากนั้นความโกรธภายในใจของฉันมันก็ปะทุออกมา

 

ระหว่างการต่อสู้ เซกัลได้หายสาบสูญไป

 

มันทิ้งพวกเราไปราวกับจะบอกว่าพวกเราคือสิ่งที่ผิดพลาด เป็นของที่ถูกทอดทิ้ง

 

แล้วทำไมถึงมาโผล่หัวเอาตอนนี้กัน

 

เพราะคนที่สามารถสร้างพลังแห่งดวงดาราได้ปรากฏขึ้นเหรอ?

 

 

 

「———คุ เซกัล!! ทำไมถึงมาโผล่หัวเอาตอนนี้?!」

 

 

ฉันถามออกไปด้วยความโกรธและเตรียมจะเข้าโจมตีเซกัล แต่โกลดี้ก็เข้ามาหยุดฉันเสียก่อน

 

 

「ใจเย็นๆ ก่อน…จากที่พวกเราเห็นก็น่าจะรู้แล้วว่ามันไม่ได้อยู่ในสถานะปกติ」

 

『……อย่าที่เจ้าพูด ตอนนี้ข้าเป็นเพียงเศษเสี้ยวของพลังงานที่หลงเหลืออยู่ภายในร่างของบลู ร่างหลักของข้ายังคงถูกกักขังอยู่ภายในอาณาจักรหมู่ดาวเอลิเชีย』

 

「ทำไมศัพท์เฉพาะมันโผล่มายุบยับเลยฟะ」

 

 

 

กำลังถูกกักขัง……?

 

หมายความว่าเขาถูกขังตั้งแต่ตอนนั้นเลยเหรอ?

 

 

 

『ข้าเสียใจจริงๆ ที่ไม่สามารถช่วยเหลือพวกเจ้าได้จนทำให้พวกเจ้าตกลงสู่ความชั่วร้าย』

 

「เอาเป็นว่าบอกเรื่องของนายมาก่อน เดี๋ยวฉันจะตัดสินใจอีกทีว่าจะโกรธไหม」

 

『อื้ม』

 

 

พอเห็นฉันเริ่มสงบลง ทางเซกัลเองก็เริ่มโล่งใจนิดหน่อย ก่อนจะมองไปรอบๆ แล้วพูดขึ้น

 

 

 

『ทุกอย่างที่เริ่มต้นขึ้นในภารกิจช่วยเหลือเด็กสาวจากดาวเคราะห์ที่ถูกทำลาย———ใช่แล้วภารกิจที่พวกเราเข้าไปช่วยเหลืออัลฟ่าที่ทำลายดาวของตัวเอง』

 

「ไอ้ภารกิจระยำนั่น……!! เพราะภารกิจนั้นพวกเรดก็เลย……」

 

『อันที่จริงแล้วด้วยพลังดั้งเดิมของพวกเจ้า พวกเจ้าน่าจะสามารถช่วยเหลือเด็กสาวและดาวเคราะห์ที่กำลังจะตายนั้นได้….』

 

「……หือ?」

 

 

ช่วยเหลือได้?

 

เดี๋ยวก่อนนะ อัลฟ่าเหรอ?

 

 

「ไม่สิ ภารกิจนั้นพวกเราต่อสู้กับอัศวินดำ….」

 

『นั่นคือความทรงจำที่พวกเจ้าถูกเขียนขึ้นมาใหม่จากสิ่งที่ทำให้พวกเจ้าตกลงสู่ความชั่วร้าย』

 

 

 

ความทรงจำปลอม?

 

ฉันพยายามนึกให้ออกว่าความจริงมันเป็นเช่นไร….แต่ไม่ว่าจะพยายามนึกสักแค่ไหน ภายในหัวของฉันก็มีเพียงตัวเองพ่ายแพ้ให้กับอัศวินดำ ส่วนเหตุผลหรือสาเหตุที่แพ้ดันนึกไม่ออกเลยสักนิด

 

 

「ไม่เข้าใจเลยสักนิด….ทำไมกันล่ะ?ตอนนั้น อัศวินดำยังเด็ก…..เธอร้องเพลง…..ดวงดาวถูกทำลาย……」

 

「เปลี่ยนแปลงการรับรู้?」

 

 

เซกัลส่ายหัวเมื่อคัตสึมิ โฮมุระพูด

 

『มันไม่ได้เป็นของสะดวกสบายเช่นนั้น สิ่งที่ทำน่าจะคล้ายกับการล้างสมองเสียมากกว่า….ส่วนสาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะพลังงานแห่งดวงดาราที่ข้าเป็นผู้ดูแลได้ถูกพรากไป』

 

「……หืม」

 

『หนอนแห่งห้วงมิติ กระแสวังวนผู้กลืนกิน ตัวตนเร้นลับ ชื่อของพวกมันถูกเรียกไปต่างๆ นาๆ ทว่ามันก็คือสิ่งที่แฝงตัวอยู่ในเนบิวลาและไล่ล่าพลังงานแห่งดวงดารา พวกข้าเรียกพวกมันว่าฝูงแมลงกลืนกินจักรวาล สตับเบอร์』

 

「สตับเบอร์……?」

 

 

เซกิลได้เอ่ยชื่อจริงของพวกมันออกมา

 

 

『ในตอนนั้นพวกเจ้าได้เผชิญหน้ากับพลังของอัลฟ่าสาว…ซึ่งสถานการณ์เสี่ยงสุดๆ เพราะพลังของเธอเป็นสิ่งที่รับมือได้ยาก ในขณะที่ข้ากำลังจะยื่นมือไปช่วยเหลือพวกเจ้า ข้าก็ไม่ทันได้ระวังตัวและถูกขโมยการควบคุมพลังงานแห่งดวงดาราไป จนมันส่งผลกระทบไปถึงพวกเจ้า』

 

「ไม่จริงน่า」

 

『จากนั้นพวกมันก็ได้ทำการล้างสมองพวกเจ้า ทำให้จิตใจแตกสลาย ตกลงสู่ความมืดกลายมาเป็นมือเท้าให้กับพวกมันแทน』

 

 

พวกเราถูกล้างสมองแล้วกลายเป็นปีศาจร้าย?

 

ถ้าอย่างงั้น ความแค้นที่ฉันมีต่ออัศวินดำซึ่งอยู่ลำดับที่ 8…..

 

 

 

「อึก…..ตอนนั้นพวกเราไม่สามารถช่วยเธอได้….อัลฟ่าคนนั้น…」

 

และแล้วความทรงจำที่แท้จริงของฉันก็กลับมา

 

ภาพของเด็กสาวที่กุมหัวตัวเองและร้องข้อความช่วยเหลือจากพวกเราเพราะพลังที่ตื่นขึ้นของเธอกำลังค่อยๆ ทำลายดาวที่เธออาศัยอยู่

 

ใบหน้าของเด็กสาวที่ทับซ้อนกับลำดับที่ 8 ซึ่งโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว

 

พวกฉันไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเธอได้ และตกลงสู่ความชั่วร้ายซะเอง

 

 

 

「แฮกๆ」

 

 

แล้วทำไมลำดับที่ 8 ถึงยังอยู่กับพวกเราล่ะ?

 

แก้แค้น?ไม่สิ เป็นไปไม่ได้…เธอพยายามปกป้องพวกเราอยู่เหรอ?

 

ทุกอย่างมันแปลกไปหมด

 

เพราะจากที่เห็นลำดับที่ 8 ก็ไม่ลังเลที่จะทำลายร่างของเรดซะด้วย ฉันจึงไม่เข้าใจว่าเธอคิดอะไรอยู่

 

ทว่าพอได้รู้ความจริงบางส่วนแล้ว เรี่ยวแรงของฉันมันก็หายไปจนแทบล้มลง

 

 

 

「โฮ่ย มอทัลเยลโล่ เธอไหวไหม รีบนั่งลงก่อนเถอะ!!」

 

「ฉันยังไหว….แค่รู้สึกเวียนหัวนิดหน่อย….」

 

 

เพราะช็อคกับสิ่งที่เกิดขึ้นไปหน่อยก็เลยเกือบจะล้ม แต่ฉันก็พยายามประคองร่างตัวเองแล้วหันไปมองเซกัล

 

 

 

『ทางเลือกที่ข้าสามารถทำได้ในตอนนั้นช่างเหลือน้อยนิด ในวินาทีสุดท้ายที่ข้ากำลังจะถูกผนึก ข้าได้พยายามรับพลังที่คุ้มคลั่งนั้นไว้เองก่อนจะส่งมันให้กับบลูที่พยายามจะช่วยเหลือเจ้าเช่นเดียวกัน』

 

「พี่……」

 

『ส่วนที่ข้าสามารถแสดงตัวออกมาได้ก็เพราะนางผู้นั้น』

 

 

เซกัลมองไปยังคาเสะอุระ

 

คาเสะอุระดูเหมือนจะแปลกใจที่อยู่ดีๆ ชื่อของตัวเองก็โผล่ขึ้นมา

 

 

『ไม่มีอะไรที่ข้าสามารถทำได้อีกแล้วนอกเสียจากประคองจิตวิญญาณของบลูไม่ให้แตกสลายและพยายามยื้อไว้ให้ถึงที่สุด จนกว่าวันนั้นจะมาถึง』

 

「……อย่าบอกนะว่าพี่ยัง…」

 

『ใช่แล้ว』

 

 

เซกัลพยักหน้าให้กับฉัน

 

 

『พี่ชายของเจ้ายังสามารถรักษาได้———นี่คือสิ่งสุดท้ายที่ข้าพอจะชดใช้ให้กับนักรบแห่งดวงดาวของข้าได้』

 

 

พี่สามารถถูกรักษาได้

 

ฮิลด้าในร่างเด็กน้อยตรงเข้ามาช่วยพยุงฉันที่กำลังจะล้มลงอีกรอบเอาไว้

 

 

『และผู้ที่จะช่วยเหลือพี่ชายของเจ้าได้ก็คือจิตวิญญาณแห่งดวงดาราที่ถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ หรือก็คือนางผู้นั้น』

 

「อะ เอ๋?ฉะ ฉันเหรอ ทำไมอยู่ดีๆ ก็เหมือนได้ความรับผิดชอบที่ใหญ่สุดๆ มาเลยล่ะ….」

 

 

 

คาเสะอุระถึงกับไปไม่เป็น

 

โกลดี้ที่ได้ยินแบบนั้นก็เข้ามาแทรกแล้วถามคำถามกับเซกัล

 

 

「เซกัล ฉันมีเรื่องอยากจะถาม พลังแห่งดวงดาราคืออะไรกันแน่?ฉันเข้าใจว่ามันคือพลังงานที่แตกต่างออกไปจากแกนพลังงานที่จักรวาลนี้ใช้กัน จนมันให้ความรู้สึกเหมือนเป็นพลังเฉพาะตัวของสิ่งมีชีวิตพิเศษเกินกว่าจะเป็นพลังงานที่มีอยู่ภายในจักรวาลแต่แรก」

 

『……』

 

「ถึงจะบอกว่าต่างแต่ก็คล้ายกับพลังของพวกอัลฟ่า ให้ตายสิไม่เข้าใจเลยสักนิด ในฐานะนักวิทยาศาสตร์แล้ว ถึงจะน่าโมโหไปบ้างแต่พลังงานดังกล่าวมันอยู่เหนือทฤษฎีที่จักรวาลนี้จะอธิบายได้」

 

 

สิ่งที่ฉันรู้เกี่ยวกับพลังงานแห่งดวงดารานั้นก็มีไม่มาก

 

ฉันรู้แค่เพียงมันถูกส่งผ่านแกนพลังงานแห่งดวงดาราที่ติดตั้งอยู่ภายในยานของพวกเราและให้พลังงานกับสูทที่พวกเราใช้กันอีกที

 

เซกัลไม่เคยอธิบายว่าที่มาของพลังงานนั้นมันมาจากไหน

 

 

『นั่นสินะ ข้าควรจะบอกเรื่องนี้กับพวกเจ้าเพราะพวกเจ้าคือผู้ที่ช่วยให้เหล่าเซไคเซ็นไตหลุดพ้นจากเงื้อมมือพวกมัน』

 

 

เซกัลที่ลอยอยู่ได้ชี้ไปตรงอกของตน

 

 

『ประการแรก พลังงานแห่งดวงดารานั้นคือพลังงานชีวิตของเผ่าพันธุ์ข้าหรือก็คือเหล่าเซเลสเทีย ซึ่งเดิมทีในจักรวาลของพวกข้าตัวตนของพวกข้ามีไว้เพื่อต่อสู้กับศัตรูต่างมิติและอัลฟ่าบรรพกาล ซึ่งแต่ละตนก็จะมีพลังแตกต่างกันไป』

 

「ถึงจะมีเรื่องที่อยากถามเป็นภูเขา…แต่ก่อนอื่น พลังงานแห่งดวงดาราสร้างขึ้นมาจากสิ่งมีชีวิตงั้นเหรอ?!」

 

『ใช่แล้ว อย่างไรก็ตามหลังการต่อสู้อันดุเดือด เซเลสเทียทั้ง 5 นอกเหนือจากข้าได้สิ้นชีพลง และศพของพวกเขาก็ได้ถือกำเนิดขึ้นเป็นเอลิเชียซึ่งค่อยปลดปล่อยพลังแห่งชีวิตออกมาจากร่าง———หรือก็คือพลังงานแห่งดวงดารา』

 

 

สเกลมันดูเหนือกว่าที่ฉันคิดไปไกลเสียอีก….

 

ก็แปลว่าในอดีตเซกัลเองก็มีพวกพ้องสินะ?

 

 

「หรือก็คือเอลิเชียเป็นสถานที่ที่กำเนิดขึ้นมาจากซากศพของเซเลสเทีย และคอยปลดปล่อยพลังแห่งดวงดาราออกมา…และนายก็ได้ใช้พลังของพวกเขาในการสร้างแกนพลังงานขึ้นมาเพื่อมอบมันให้กับผู้ที่เหมาะสมสินะ…..นี่มันไม่ต่างอะไรกับการสร้างพระเจ้าเทียมขึ้นมา….」

 

「ทะ ทำไมอยู่ดีๆ สเกลเนื้อเรื่องมันถึงกลายเป็นคอมมิกฝั่งตะวันตกไปได้ล่ะ…」

 

 

ในขณะที่โกลดี้กำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องที่ได้ยิน คาเสะอุระก็พูดอะไรบางอย่างที่ฉันไม่เข้าใจออกมา

 

คัตสึมิ โฮมุระเองก็ฟังอยู่เงียบๆ แต่ในมุมของฉันเขาคงจะไม่เข้าใจเรื่องที่ได้ยินเลยสักนิด

 

เมื่อเซกัลเห็นปฏิกิริยาของแต่ละคน เขาก็เริ่มพูดต่อ

 

 

『แกนพลังงานทั้ง 5 ที่ข้ามอบให้กับเหล่าเซไคเซ็นไต คือหัวใจที่ตกผลึกของพวกพ้องทั้ง 5 ของข้า ซึ่งมันจะทำการดึงเอาพลังของพวกเขาจากเอลิเชียมาใช้งานได้อีกทั้งมันยังเป็นตัวตนเพียงหนึ่งเดียวในทุกพหุจักรวาล』

 

 

「….แล้วทำไมแกนพลังงานแห่งดวงดารามันถึงผิดปกติไปหลังฉันไปอีกโลกหนึ่งล่ะ?」

 

『อาจจะเป็นเพราะมิติดังกล่าวมันอยู่นอกมิติสังเกตการณ์ของพวกฝูงแมลงกลืนกินจักรวาล สตับเบอร์ซึ่งเป็นผู้ถือครองพลังงานแห่งดวงดาราในขณะนี้』

 

 

ว่าแต่ฮิลด้าเอาแกนพลังงานนั่นไปทำอะไรมากัน?

 

ถึงไม่อยากจะนึกถึงมันอีก แต่ฉันก็สงสัยว่าตอนนี้แกนพลังงานนั่นมันไปอยู่ที่ไหนแล้ว

「มิติสังเกตการณ์……?」

 

『ไม่ว่าจะเป็นมิติหรือเส้นเวลาใด ตัวตนของอิลิเชียก็มีเพียงหนึ่งเดียวซึ่งพลังงานกังกล่าวมันสามารถเปิดประตูมิติไปยังทุกพหุจักรวาลได้แต่ก็ใช่ว่าจะสอดส่องทั่วถึงทุกมิติหากไม่พยายามจริงๆ ดังนั้นมิติที่พวกเจ้าหลุดเข้าไปอาจจะอยู่นอกเหนือสายตาของพวกมันหรือพวกมันไม่ได้สนใจมิตินั้นแต่แรกจึงไม่เปิดประตูเชื่อเอาไว้ แกนพลังงานแห่งดวงดาราก็เลยทำงานผิดปกติ』

 

「…ก็พอเข้าใจบ้างแล้วแหละ」

 

『ว่าแต่…ตอนนี้แกนพลังงานแห่งดวงดาราไปอยู่ที่ไหนเสียแล้วล่ะ?ข้าสัมผัสได้ว่ามันไม่อยู่ในที่แห่งนี้』

 

「อ้อ โทษทีนะ พอดีฉันเอามันไปให้กับคนที่อยู่ต่างโลกแล้วน่ะ」

 

 

 

……เอ๋?

 

หมายถึงทิ้วไว้ในโลกคู่ขนานที่ไปมาเหรอ?!

 

ในขณะที่ฉันกำลังตกใจกับคำตอบของฮิลด้าที่เหนือความคาดหมายของฉันสุดๆ เซกัลก็พูดกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ดูอ่อนโยน

 

『งั้นหรือเช่นนั้นข้าก็ขอขอบคุณ เพราะอย่างน้อยสิ่งนั้นก็ได้ทำหน้าที่ของมันจริงๆ ได้ นอกจากนี้ยังเป็นมิติที่ห่างไกลจากสายตาของพวกสตับเบอร์อีกด้วย นั่นคงเป็นความปรารถนาสูงสุดของพวกพ้องข้า』

 

เซกัลหยุดพูดไปเหมือนจะเปิดโอกาสให้คนอื่นถามต่อ

 

 

「…เรื่องต่อมาคือฉันสงสัยเกี่ยวกับพวกศัพท์เฉพาะที่นายพูดมาซะยาวเหยียด ขอแบบนั่งจับเข่าคุยเลยได้ไหม?」

 

 

โกลดี้ที่พอจะเข้าใจเนื้อหาคร่าวๆ แล้วก็เหมือนจะอยากถามลงลึกขึ้น แต่ในขณะที่เซกัลกำลังจะตอบ ปลายเท้าของเขาก็เริ่มกลายเป็นอนุภาคแสง

 

 

『……น่าเสียดาย แต่เหมือนเวลาของข้าจะหมดลงแล้ว』

 

「ดะ เดี๋ยวก่อนสิเห้ย!! ยังไม่ได้ข้อมูลเท่าที่ต้องการเลย หรืออย่าน้อยก็ขอเรื่องเอลิเชียก็ได้ สรุปมาให้ที?!」

 

 

『ร่างจริงของข้าตอนนี้ได้ถูกผนึกเอาไว้ในเอลิเชียและกลายเป็นแหล่งพลังงานให้กับพวกมันในการดูดกลืนจนไม่สามารถทำอะไรได้ นี่คงจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าสามารถเข้ามาแทรงแซงปรากฏการณ์ภายในจักรวาลได้』

 

「เอาจริงดิ!? มาพูดให้อยากแล้วจากไปแบบนี้เลยเหรอ!?」

 

 

หลังจากมองดูร่างกายของตัวเองค่อยๆ หายไป เซกัลก็หันไปหาคาเสะอุระ

 

ฉันไม่สามารถเห็นใบหน้าของเขาได้ก็จริง แต่บรรยากาศนั้นช่างดูเหมือนกับตอนที่ฉันและพี่ชายเจอเขาเป็นครั้งแรก

 

 

『จิตวิญญาณแห่งดวงดาราเอ๋ย…ข้าขอถามนามของเจ้าได้หรือไม่?』

 

「มะ โมโมโกะ คาเสะอุระค่ะ」

 

『โมโมโกะ คาเสะอุระ ข้าต้องขอโทษสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเจ้าด้วย ทว่าเจ้าไม่จำเป็นต้องฝืนบังคับตัวเองให้ใช้พลังงานแห่งดวงดาราหรอก เพราะพลังดังกล่าวมันคือเจตจำนงแห่งจักรวาลที่เจ้าจะสำแดงขึ้นมาได้ด้วยความตั้งใจของตัวเองและมันจะเติบโตขึ้นตามพลังใจที่เจ้ามี』

 

「……ค่ะ」

 

 

เซกัลพยักหน้าอย่างพึงพอใจก่อนจะหันไปหาคัตสึมิ โฮมุระที่อยู่ข้างๆ

 

 

『เหล่าผู้แข็งแกร่งแห่งดาวโลกเอ๋ย ตัวตนของโมโมโกะ คาเสะอุระคือสิ่งที่เหนือความคาดหมายแม้จะเป็นตัวข้าก็ตาม นี่อาจจะเป็นปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นเพียงหนึ่งเดียวในจักรวาลที่มีปีกแฝดแห่งบรรพกาลอยู่ก็เป็นได้』

 

「「「……」」」

 

『ท้ายที่สุดพวกมันจะต้องเริ่มรุกรานดาวโลกแห่งนี้เพื่อพาตัวจิตวิญญาณแห่งดวงดาราไปแย่างแน่นอน จงเตรียมตัวกันให้พร้อม———ความชั่วร้ายกำลังจะมาเยือนพวกเจ้าแล้ว』

 

 

แล้วเซกัลได้สลายหายไปเป็นอนุภาคจนสิ้น

 

เพราะว่าตัวเขาเป็นเพียงเศษเสี้ยวพลังงานที่เหลืออยู่ภายในตัวของพี่คงจะมาได้แค่นี้จริงๆ

 

 

 

「คาเสะอุระซังไหวไหม?」

 

「ก็พอจะไหวแหละ เจอเรื่องเกินคาดมาเยอะไปจนรู้สึกว่าเจออีกหน่อยก็ไม่แปลกใจแล้วสิ…เฮ้อ」

 

การต่อสู้ในครั้งถัดไปบางทีอาจจะเป็นศูนย์กลางคือตัวของเธอนี่แหละ

 

ฉันรู้ได้ทันทีว่าตัวเองควรจะทำเช่นไรต่อไป

 

ความหวังในการปลุกพี่ชายของฉันให้ตื่นขึ้นก็คือเธอ

 

เมื่อได้รับโอกาสเช่นนี้มาฉันก็จะทำมันให้ดีที่สุด

 

 

「โฮ่ย ฮิลด้า」

 

「หือ?」

 

「โซเรีย」

 

「เอ๋?」

 

「โซเรีย นั่นคือชื่อของฉัน จากนี้ไปช่วยเรียกด้วยชื่อนั้นแทนมอทัลเยลโล่ด้วย」

 

 

ฉันตัดสินใจเผยชื่อจริงของฉันให้เธอรู้

 

ชื่อที่ครั้งหนึ่งเคยใช้เมื่อตอนอยู่ในดาวที่กำลังล่มสลายกับพี่

 

แทนที่จะตายเพื่อชดใช้บาป ฉันจะมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อชดใช้มัน

 

และฉันจะต่อสู้ในฐานะโซเรีย หาใช่มอทัลหรือลีไลฟ์เยลโล่

 

 

 

—จบ—

 

ผู้แต่งได้แรงบันดาลใจส่วนหนึ่งของพวกเซเลสเทียมาจากอุลตร้าแมนซึ่งมันก็ใช่แหละ แต่ฟิลแบบอุลตร้าแมนมอบพลังให้เซ็นไตนี่มันก็จะแปลกๆหน่อย อยากรู้ว่ารูอินจะเอายังไงต่อ แต่จากที่ปล่อยพวกมันมาเล่นในจักรวาลตัวเองได้ก็คงคิดใช้ฝึกคัตสึมิแหละดูจากที่ปล่อยอาสึร่วมมือกับอีกฝ่ายแล้วให้สัตว์ประหลาดโผล่มาเต็มไปหมด

ส่วนที่คาใจสุดคงเป็นปีกแฝดแห่งบรรพกาล อาจจะหมายถึงชิโระกับโปรโตซึ่งเป็นอัลฟ่าแฝดที่ไม่น่าจะกำเนิดขึ้นมาได้ละมั้ง หรือจริงๆทั้งคู่คืออัลฟ่าแห่งบรรพกาลที่ลำดับ 2 พามา?

 มาเม้ามอยหลังอ่านกันได้ที่เพจนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ  และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต

อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต

Score 10
Status: Completed
คัตสึมิ โฮมุระ วายร้ายที่รู้จักกันในนาม อัศวินดำ ชายผู้คิดว่าตัวเองคือวายร้ายแสนโฉดชั่ว เมื่อพ่ายแพ้ให้กับฝั่งฮีโร่เขาก็ถูกจับตัวไป ทว่าสิ่งที่รอเขาอยู่กลับไม่ใช่คุกหรือพวกตำรวจ แต่กลับเป็นขุมนรกที่ตัวเขาเกินจะคาดฝันแทนซะอย่างงั้น โลกที่ขบวนการเซ็นไตมีอยู่จริง เรื่องราวของอัศวินดำจอมวายร้ายที่มีสามัญสำนึกผิดแปกและถูกคนธรรมดาเข้าใจผิดมาโดยเสมอ บัดนี้เขากำลังจะถูกลากเข้าขบวนการเซ็นไตเสียแล้ว ※ผลงานชิ้นนี้กาวล้วนๆไม่มีเกลือผสม

Options

not work with dark mode
Reset