สามีข้าคือขุนนางใหญ่บทที่ 861 เซวียนหยวนฉีตื่นรู้!

บทที่ 861 เซวียนหยวนฉีตื่นรู้!

บทที่ 861 เซวียนหยวนฉีตื่นรู้!

แม่นางจางไม่รู้ว่าตัวเองจะคลอดก่อนกำหนด ตอนที่เก็บสัมภาระจึงมิได้เตรียมเสื้อผ้าของเด็กทารกออกมาด้วย กู้เจียวเลยต้องหาผ้าสะอาดมาห่อร่างเจ้าทารกน้อยนี่ไปก่อนชั่วคราว จากนั้นนำผ้ามาพันไว้รอบตัวเพื่อทำเป็นกระเป๋าอุ้มเด็ก

ถังเย่ว์ซานอยากจะช่วยแบ่งเบาภาระให้ ทว่าเขาไม่กล้าแตะต้องทารกที่เพิ่งเกิดแบบนี้

เพราะเขากลัวว่าจะเผลอทำแขนเล็กๆ ของเจ้าตัวน้อยหักโดยไม่รู้ตัว

เขาถือธนูขนาดใหญ่ของตัวเองไว้บนหลัง โดยมีลูกธนูอีกนับสิบลูกอยู่ในกระบอก และมีดาบยาวอยู่ที่เอวของเขา

ส่วนอาวุธของกู้เจียวคือทวนเงินที่เฮยอู๋ฉางน้อยทิ้งไว้ให้ แม้จะเทียบกับทวนพู่แดงไม่ได้ แต่ก็เอามาใช้ได้เหมือนกัน

การเดินทางครั้งนี้มีโอกาสรอดห้าสิบห้าสิบเท่านั้น ด้วยความที่พวกเขาต้องพาเด็กไปด้วย จึงมีความเป็นไปได้สูงว่าอาจถูกพวกทหารแคว้นจิ้นเจอตัว

แต่เพื่อชีวิตของชาวบ้านนับพัน พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น

“แน่ใจนะว่าจะไม่เพิ่มคนไปอีก” ซ่างกวานชิ่งถาม

กู้เจียวตอบ “ไม่ต้อง แค่ข้ากับอาถังก็พอแล้ว คนเยอะเสียเปรียบเปล่าๆ ”

ถังเย่ว์ซานเห็นด้วยอย่างยิ่ง “ถูกต้อง อีกอย่าง พวกเจ้ามีกำลังคนไม่มากนัก อยู่ที่นี่รับมือกับพวกทหารแคว้นจิ้นดีกว่า”

ซ่างกวานชิ่งจึงไม่เอ่ยอะไรต่อ

แม่นางจางฟื้นทันก่อนที่พวกเขาจะออกเดินทาง กู้เจียวจึงให้นางให้นมทารกก่อน

หลังจากให้นมเสร็จ แม่นางจางก็ยื่นทารกให้กับกู้เจียวทั้งน้ำตา

ซ่างกวานชิ่งเป็นคนนำทาง โดยมีทหารอีกสองคนประกบด้านหลัง เข้าสู่เส้นทางที่คดเคี้ยว

ยิ่งเขาเดินเข้าไปลึกเท่าไหร่ ถังเย่ว์ซานก็ยิ่งประทับใจกับความมหัศจรรย์ของทางเดินใต้ดินเหล่านี้ ถ้าที่เมืองเย่ว์กู่มีอุโมงค์ใต้ดินลึกลับแบบนี้ พวกเขาคงกำจัดพวกแคว้นเฉินไปได้สบายๆ ตั้งนานแล้ว!

ถังเย่ว์ซานเริ่มเอ่ยกับตัวเองในใจ ‘ทหารของเรามีจำนวนไม่เยอะ แต่ด้วยอุโมงค์ใต้ดินแห่งนี้ที่มีความสลับซับซ้อน ไม่มีทางที่ทหารแคว้นจิ้นสองหมื่นนายจะเข้ามาพร้อมกันทีเดียว อย่างมากก็เข้ามาได้แค่ทีละคน ถ้าเป็นอย่างนั้น พวกเขาก็น่าจะยังรับมือกับอีกฝ่ายได้บ้าง’

แต่ถึงกระนั้น ยิ่งปล่อยไว้นานเท่าไหร่ ฝั่งเราอาจเป็นฝ่ายเสียเปรียบเอง เพราะหากพวกมันพบว่ามีคนของพวกมันถูกฆ่า พวกมันก็จะยิ่งเรียนรู้เส้นทางในอุโมงค์ลับนี้ได้ไวขึ้น

‘ต้องรีบนำกำลังเสริมมาถึงให้เร็วที่สุด’

ให้ตายสิ!

ตอนทำศึกในแคว้นเยียนไม่เห็นมีเรื่องให้ต้องกังวลเยอะขนาดนี้เลย!

ช่างเถอะ เพื่อลูกบุญธรรมของเขา

“มาถึงแล้ว” ซ่างกวานชิ่งถือตะเกียงไว้ในมือพร้อมกับส่องไปที่กำแพง “หลังกำแพงประตูนี้เป็นทางเดินที่นำไปสู่ทางออกของเขากุ่ยซาน หลังจากที่พวกเจ้าออกไปแล้ว ประตูนี้จะถูกทำลาย ไม่มีใครสามารถเข้ามาได้อีก ดังนั้นข้าขอถามพวกเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย พวกเจ้าคิดดีแล้วใช่ไหม ต่อให้พวกเจ้าถูกสังหารข้างนอกนั่น ข้าก็ไม่อาจออกไปช่วยพวกเจ้าได้แล้ว”

“ข้าเข้าใจดี” กู้เจียวเอ่ย

แสงสลัวจากตะเกียงส่องสะท้อนใบหน้าที่สงบของกู้เจียว ปานสีแดงนั้นช่างเหมือนกับดอกไม้ที่บานสะพรั่งในคืนที่มืดมน

“แม้พวกเราจะรู้จักกันไม่นาน แต่ข้ากลับรู้สึกคุ้นเคยกับเจ้ายิ่งนัก” ซ่างกวานชิ่งเอ่ย

ก็เพราะพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันอย่างไรเล่า

“เปิดประตูเถอะ” กู้เจียวเอ่ย

ข้าสัญญาว่าจะช่วยพวกเจ้าออกไปจากที่นี่ และพาเจ้าไปหาพ่อ แม่ และน้องชายของเจ้า

เจ้าเป็นความหวังเดียวของทุกคน ดังนั้น เข้มแข็งเข้าไว้นะ เซียวชิ่ง

หลังจากที่กู้เจียวและถังเย่ว์ซานเดินผ่านทางลับเข้ามา ก็ได้ยินเสียงสั่นสะเทือนดังมาจากทางด้านหลัง เป็นเสียงของกลไกประตูที่กำลังทำลายตัวเองลง

หลังจากที่เอ่ยเขาเดินอยู่นาน ในที่สุดก็มาถึงบริเวณใต้ต้นไม้ใหญ่แห่งหนึ่ง ถัดจากตรงนี้ไปราวสิบก้าวพวกเขาก็สามารถออกจากเขากุ่ยซานได้แล้ว เพียงแต่ ปัญหาก็คือ กองทหารแคว้นจิ้นหลายร้อยคนประจำการอยู่ที่ทางออก

พวกเขาจะวู่วามไม่ได้เด็ดขาด

หากวิ่งไปตัวเปล่าแบบนั้นมีหวังได้ถูกจับอย่างแน่นอน

ถังเย่ว์ซานหันมาส่งสัญญาณมือให้กู้เจียว “อ้อมไปทางด้านหลังพวกมันแล้วกัน”

ตอนนี้ฟ้ายังมืดอยู่ หากพวกเขาค่อยๆ ย่องอ้อมไป ก็อาจจะหลบอีกฝ่ายได้

แต่แผนการนี้จะสำเร็จได้ หากเจ้าตัวเล็กไม่ร้องไห้เสียงดัง

กู้เจียวก้มดูทารกน้อยที่กำลังหลับปุ๋ย แล้วพยักหน้าให้เขา

“ใครน่ะ!”

ทหารแคว้นจิ้นตะโกนถาม

“ก็แค่กระต่ายป่าน่ะ” สหายของเขาเอ่ยพร้อมกับทำหน้ายิ้มกริ่มหลังจากที่จับกระต่ายป่าได้ “เดี๋ยวจะมาย่างให้กินนะ”

กู้เจียวและถังเย่ว์ซานค่อยๆ ย่องอ้อมไปทางด้านหลังของทหารสองคนนั้น

เขากุ่ยซานเป็นที่ราบสูงทำให้มีอากาศหนาวมากในตอนกลางคืน กองทหารแคว้นจิ้นมากกว่าครึ่งหนึ่งตัดสินใจที่จะนอนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน มีทหารเพียงสิบกว่าคนเท่านั้นที่รวมตัวกันรอบกองไฟเพื่ออบอุ่นร่างกายขณะเฝ้าทางเข้าออก

ไม่มีใครสังเกตเห็นเงาของคนสองคนที่กำลังผ่านไป

เมื่อทั้งสองกำลังจะเดินออกจากป่า ฝีเท้าของกู้เจียวก็พลันหยุดทันที

เกิดอะไรขึ้น

ถังเย่ว์ซานส่งสายตาถาม

กู้เจียว เหมือนว่าข้ากำลังเหยียบโดนอะไรบางอย่างเข้า

ขณะที่ถังเย่ว์ซานกำลังจะตอบ ฝีเท้าของเขาเองก็พลันหยุดเช่นกัน

เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ พร้อมกับหันไปเอ่ยด้วยสายตา ข้าเองก็เหยียบโดนเหมือนกัน

พวกเขาทั้งสองเงยหน้าขึ้นพร้อมกัน และเห็นมีดคมๆ หลายแถวห้อยอยู่บนลำต้นของต้นไม้ ปลายมีดเหล่านั้นล้วนชี้มาทางพวกเขา

หากพวกเขายกเท้าขึ้น ฝนดาบเหล่านี้ก็จะพุ่งเข้าใส่พวกเขาทันที

มีดพวกนี้ไม่ใช้มีดธรรมดา แต่เป็นมีดที่ถูกขึงด้วยด้ายไหม มีความเร็วกว่าลูกศรหลายเท่า

แย่ละ คราวนี้แย่แน่ๆ

ถังเย่ว์ซาน พวกทหารแคว้นจิ้นเก่งขนาดนี้เลยเรอะ

กู้เจียว… น่าจะเป็นกับดักของซ่างกวานชิ่งมากกว่า

นี่เป็นกับดักที่เอาไว้เล่นงานพวกทหารแคว้นจิ้น หารู้ไม่ว่ากู้เจียวและถังเย่ว์ซานเหยียบมันเข้าเต็มๆ

ถังเย่ว์ซาน แล้วจะทำอย่างไรดีละ รอเวลารึ

กู้เจียว ถ้าเจ้าตัวเล็กร้องไห้ ก็ถูกจับได้ หรือไม่ก็รอให้พวกทหารแคว้นจิ้นมาเจอพวกเรา สุดท้ายก็ถูกจับได้อยู่ดี

ถังเย่ว์ซาน “……”

“เอาละ ข้าไปทำธุระก่อนนะ” ทหารแคว้นจิ้นนายหนึ่งยืนขึ้นและยืดตัว พร้อมกับเอามือถูไปมาแล้วถอนหายใจ “หนาวมากจริงๆ ”

สหายของเขาเอ่ยหยอกเขา “คนขี้เกียจมักอู้ไปทำธุระบ่อย!”

“มีใครจะไปด้วยกันไหม”

“อะไรกัน เจ้ากลัวผีรึ”

“แล้วพวกเจ้าไม่กลัวหรือ”

“อ่ะๆๆ ไปด้วยกันก็ได้!”

แย่ละ คราวนี้อีกฝ่ายมากันถึงสิบกว่าคน คงไม่มีทางหลบแล้วล่ะ

กู้เจียวกำทวนเงินในมือแน่น

โจมตีก่อนเลยก็แล้วกัน!

ถังเย่ว์ซาน จับคนมารับดาบแทนด้วย

กู้เจียว เข้าใจแล้ว

จากนั้นทหารแคว้นจิ้นจำนวนสิบกว่าคนเดินมุ่งหน้ามาทางป่า โดยที่กู้เจียวและถังเย่ว์ซานกำลังเตรียมบุกโจมตีพวกเขา

ทหารจินซึ่งดื่มอยู่นิดหน่อยก็ปลดเข็มขัดออก เหลือบมองอย่างสบายๆ และถามอย่างไม่แน่ใจ “หืม มีใครอยู่ตรงนั้นหรือไม่”

ทหารแคว้นจิ้นทุกคนจึงหยิบธนูที่แขวนอยู่ด้านหลังออกมาอย่างไม่สนใจกางเกงที่ถอดอยู่

“ปล่อยธนูได้!”

แย่แล้ว!

พวกมันกำลังจะยิงมาทางนี้แล้ว!

จะให้หลบยังไงดีละทีนี้!

หากยกเท้าออกก็เจอฝนดาบ แต่ถ้าไม่ยกเท้าออก ก็เจอกับฝนลูกธนูของทหารแคว้นจิ้นอยู่ดี

แต่แล้ว ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน จู่ๆ มีเงามืดพุ่งเข้ามาคว้าร่างของกู้เจียวและถังเย่ว์ซานออกไปทันที!

ฝนดาบจึงปะทะเข้ากับธนูของทหารแคว้นจิ้นจนหักเป็นสองท่อน!

“เข้าไปดูเร็ว!” ทหารนายหนึ่งเอ่ยขึ้น

หลังจากสวมกางเกงและรัดเข็มขัดเสร็จ พวกทหารก็รีบวิ่งเข้ามา แล้วก็ต้องตกใจกับภาพที่เห็น

ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเลยแม้แต่คนเดียวนอกจากสัตว์ป่าที่หลงเข้ามาแล้วถูกแทงจนบาดเจ็บ

“โถ่ อะไรกัน ก็แค่กวางโรนี่นา” หนึ่งในทหารแคว้นจิ้นบ่นอุบอิบ “สงสัยเจ้ากวางตัวนี้คงเผลอไปโดนกับดักเข้า…”

ทหารอีกคนจึงเอ่ยเสริม “ข้าถึงบอกว่าป่านี้ไม่ปลอดภัย ต่อไปต้องระวังให้มากขึ้น อย่าเผลอไปเหยียบโดนอะไรเข้าเชียวล่ะ”

กู้เจียวและถังเย่ว์ซานถูกพาตัวมาที่อุโมงค์ใต้ดินแห่งหนึ่ง

อันที่จริงกู้เจียวพอจะเดาได้ว่าเงาปริศนาผู้นี้คือใคร แต่ก็เลือกที่จะหยิบคบไฟขึ้นมาส่องใบหน้าของเขาให้เห็นชัดขึ้น เมื่อได้เห็นใบหน้าทีเต็มไปด้วยริ้วรอยของอีกฝ่าย ก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาทันใด

ราวกับว่าในที่สุดก็ได้เจอคนที่กำลังรอ

“ที่แท้ก็ท่านนี่เอง” กู้เจียวเอ่ย

“ใครรึ” ถังเย่ว์ซานถาม

“เซวียนหยวนฉี แม่ทัพใหญ่แคว้นเยี่ยน” กู้เจียวเอ่ยพร้อมกับมองไปทางชายในชุดเกราะ

“เซวียนหยวนฉีรึ…” ถังเย่ว์ซานเคยได้ยินชื่อเสียงของตระกูลเซวียนหยวนมาบ้าง แต่เขารู้แค่เซวียนหยวนลี่และเซวียนหยวนเซิ่งเท่านั้น ซึ่งบุคคลทั้งสองโด่งดังในนามเทพเจ้าแห่งสงคราม

“อ๋อ ข้านึกออกแล้ว เขาคือน้องชายของเซวียนหยวนลี่ แต่เอ๊ะ ไม่ใช่ว่าเขาตายไปเมื่อสามสิบปีก่อนแล้วรึ” ถังเย่ว์ซานถาม

“แกล้งตายน่ะ” กู้เจียวกล่าว

เซวียนหยวนฉีหันมาทางกู้เจียว “เจ้า รู้เรื่อง ของข้าด้วยรึ”

กู้เจียวครุ่นคิดว่าจะตอบไปอย่างไรดี “คือว่า…ข้าจะอธิบายกับท่านอย่างไรดี ท่านรู้เรื่องเกี่ยวกับซ่างกวานชิ่งหรือไม่”

สีหน้าของเซวียนหยวนฉีว่างเปล่า

ก็แปลว่าเขาไม่รู้เรื่องของเซียวเหิง

เช่นนั้นอ้างด้วยชื่อของกั๋วกงอันก็แล้วกัน

“ข้าเป็นลูกบุญธรรมของกั๋วกงอัน นามเซียวลิ่วหลัง”

เซวียนหยวนฉีรีบแย้ง “แต่ เจ้าเป็น เด็กผู้หญิง”

เซียวลิ่วหลังหาใช่ชื่อของเด็กผู้หญิงไม่

เกือบลืมเลยว่านางเคยเอ่ยกับเซวียนหยวนฉีว่าตัวเองเป็นผู้หญิงไปแล้ว

“งั้นก็ได้ นามจริงของข้าคือกู้เจียว ส่วนนามเซียวลิ่วหลังเป็นตัวตนที่ข้าใช้ตอนมาที่แคว้นเยี่ยน นี่เป็นตราอาญาสิทธิ์ของกั๋วกงและองค์หญิง” กู้เจียวเอ่ยจบก็หยิบตราอาญาสิทธิ์ขึ้นมาให้เขา

เซวียนหยวนฉีไม่ได้รับมันไว้แต่อย่างใด เพียงแต่จ้องเด็กสาวตรงหน้าพร้อมกับเรียกชื่อ “กู้ เจียว”

ถังเย่ว์ซานพอฟังพวกเขาสองคนรู้เรื่องบ้าง แต่ก็ไม่ทั้งหมด เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดเซวียนหยวนฉีถึงต้องแกล้งตายและมาโผล่ที่ภูเขาผีแห่งนี้

อีกอย่าง เหตุใดแม่หนูนี่ถึงรู้จักเขา

หรือว่า ราชาผีที่พวกเขาเอ่ยถึง ก็คือเซวียนหยวนฉีคนนี้!

ถังเย่ว์ซาน ให้ตายสิ มีเรื่องให้ประหลาดใจตลอดทางเลย!

“ข้าต้องการออกนอกเมือง” กู้เจียวเอ่ยกับเซวียนหยวนฉี

“รอ ครึ่ง ชั่วยาม” เซวียนหยวนฉีกล่าว

เอ่ยจบเขาก็เดินออกไป

กู้เจียวจึงเดินตามเขาไป

ถังเย่ว์ซานเอื้อมมือไปจับคันธนูที่สะพายไว้ด้านหลัง พร้อมกับเดินตามพวกเขาไป

กู้เจียวคาดไม่ถึงว่าเซวียนหยวนฉีจะพาพวกเขากลับไปที่ถ้ำเดิมซึ่งเป็นที่ซ่อนของเขา

แล้วพวกเขาก็ได้เจอกับเจ้าเฮยเฟิงอีกครั้ง ทั้งยังมีม้าศึกอีกตัวที่เจ้าเฮยเฟิงไปพามาจากในป่าด้วย

เฮยเฟิงดีใจมากที่ได้เจอกับกู้เจียว และรีบวิ่งเข้ามาคลอเคลีย

“ลูกพี่” กู้เจียวเอามือลูบหัวมัน

เฮยเฟิงได้กลิ่นสิ่งมีชีวิตประหลาดที่อยู่ในอ้อมอกของกู้เจียว

“เขาเป็นเด็กทารกแรกเกิด ข้าจะพาเขาออกจากเมือง” กู้เจียวเอ่ยกับเฮยเฟิง

เจ้าเฮยเฟิงดมแล้วดมอีกเพื่อที่จะจดจำกลิ่นที่แปลกใหม่นี้

ส่วนเซวียนหยวนฉี พอกลับมาถึงที่ถ้ำ เขาก็เดินตรงไปยังบันไดหินตรงทางเข้าถ้ำ และมองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ไม่มีที่สิ้นสุด เกราะที่เต็มไปด้วยสนิมเขรอะของเขาสะท้อนแสงเย็นๆ จากดวงจันทร์

“ท่านนึกเรื่องในอดีตออกแล้วรึ” กู้เจียวเดินเข้ามาถามเขา

กู้เจียวใช้เสียงเดิมของตัวเองถามเขา

“อืม” เซวียนหยวนฉีตอบ “พอ ประ มาณ”

“เหตุใดท่านถึงมาที่นี่ล่ะ” กู้เจียวถามต่อ

“รอ คนคนหนึ่ง” เขาตอบ

“คนที่สร้างทางลับในภูเขาผีแห่งนี้ใช่หรือไม่”

“ใช่” เซวียนหยวนฉีตอบ

ใครกันนะที่สร้างเขาวงกตอันลึกลับซับซ้อนแห่งนี้

กู้เจียวพลันนึกถึงเจ้าแห่งเงามืดคนแรกขึ้นได้ แต่สักพักนางก็ส่ายศีรษะ

ถ้าเป็นเจ้าแห่งเงามืดจริง ก็ต้องมาพบเซวียนหยวนฉีตั้งนานแล้วมิใช่รึ

และอีกอย่าง เขาอาจจะไม่อยู่แล้วก็ได้

ทันใดนั้น เจ้าทารกน้อยเริ่มขยับตัวยุกยิก กู้เจียวจึงใช้มือตบเขาเบาๆ แล้วหันมาเอ่ยกับเซวียนหยวนฉีต่อ “อ้อ จริงสิ ข้าเจอลูกชายของท่านแล้วนะ ตอนนี้เขาบวชแล้ว และมีฉายาว่าเหลี่ยวเฉิน”

แววตาของเซวียนหยวนฉีวูบไหว “เขายัง มีชีวิต อยู่รึ”

เขาไม่สงสัยคำเอ่ยของกู้เจียวแม้แต่นิด

กลายเป็นว่าพวกเขาต่างคนต่างคิดว่าอีกฝ่ายได้ตายไปแล้ว เมื่อรู้ดังนั้น กู้เจียวจึงช่วยเอ่ยยืนยันให้อีกครั้ง “ข้ารู้จักกับเขาตอนที่อยู่แคว้นเจา เขาเป็นพระอาจารย์เหลี่ยวเฉินประจำวัดหลังเขาแล้วนะ”

สภาพของเซวียนหยวนฉีตอนนี้ไม่ต่างกับคนที่ตายทั้งเป็น เขายังไม่สามารถแสดงอารมณ์ที่ซับซ้อนแบบที่มนุษย์คนหนึ่งควรจะเป็นได้เท่าใดนัก แต่กู้เจียวรับรู้ได้ถึงพลังงานบางอย่างที่เปลี่ยนไปของเขา

“บวชแล้วรึ ก็ดี” เขาเอ่ย

เหลี่ยวเฉินไม่ได้ออกบวชจริงๆ จังๆ เสียทีเดียว

รอวันไหนสองพ่อลูกกลับมาเจอกันอีกครั้ง ไว้ให้เจ้าตัวมาเล่าเองจะดีกว่า

“เขาน่าจะถึงชายแดนเร็วๆ นี้” กู้เจียวเอ่ย

ก่อนหน้านี้เหลี่ยวเฉินรับหน้าที่ส่งจิ้งคงกลับไปที่แคว้นเจาอย่างลับๆ เมื่อเขาเสร็จหน้าที่แล้วก็จะเดินทางไปยังทิศตะวันตกต่อ

“เขาต้องดีใจมากแน่ๆ ที่รู้ว่าท่านยังมีชีวิตอยู่ เขาคิดว่าท่านถูกพิชิตเวหาสังหารไปแล้วเสียอีก”

กู้เจียวครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนตัดสินใจถามเขา “ว่าแต่ ท่านจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างท่านกับพิชิตเวหาได้หรือไม่”

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

Score 10
Status: Completed
นิยายแปลไทยเรื่อง : สามีข้าคือขุนนางใหญ่ ชื่อภาษาอังกฤษ : The Grand Secretary's Pampered Wife ผู้เขียน : เพียนฟางฟาง(偏方方) ในอนาคตเขาจะได้เป็น 'ขุนนางใหญ่' อย่างนั้น 'เจ้' คนนี้จะประคอง 'สามี' คนนี้ ให้ไปถึงฝั่งฝันนั้นเอง! รายละเอียด นิยายโรแมนติก-คอเมดี้ ผู้เขียนเดียวกับเรื่องหมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม! จากสายลับสาวสวยแห่งยุคปัจจุบันต้องทะลุมิติมาอยู่ในร่างของ กู้จียว หญิงอัปลักษณ์สติไม่สมประกอบแห่งหมู่บ้านชนบทห่างไกล แม้สติไม่สมประกอบแต่ชอบคนหน้าตาดี กรรมเลยไปตกที่ เชียวลิ่วหลัง ที่เจ้าของร่างช่วยเหลือเอาไว้โดยบังเอิญ เพราะบุญคุณเชียวลิ่วหลังจึงต้องแต่งเข้าอย่างไม่เต็มใจและยังรังเกียจเจ้าของร่างเดิมสุดใจ แต่พราะ "ฝันบอกเหตุ' ที่ร่างเดิมมีทำให้ กู้เจียวคนหม่ได้รู้ว่าเขี้ยวลิ่วหลังสามีของนางคนนี้ ในนาคตจะได้กลายเป็นขุนนางใหญ่ของราชสำนัก เพราะงั้นนางจะปกป้องเขาจากภัยร้ยทั้งหลายเพื่อประคองเขาชื้นสู่ตำแหน่งอย่างราบรื่นเอง!

Options

not work with dark mode
Reset