สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ 5 เคสที่ 2 ผีไร้หัว (2)

ตอนที่ 5 เคสที่ 2 ผีไร้หัว (2)

ก่อนออกมา ก็ฝากให้พลอยกับดิวเป็นคนรับหน้าคนที่จะมาขอความช่วยเหลือในช่วงที่ผมไม่อยู่

ถึงอย่างไรสองคนนั้นก็พอจะฝากฝังได้รองลงมาจากพี่ต้นเลยล่ะนะ

ปัญหาจริงๆมันอยู่ที่สองคนข้างๆผมมากกว่า…

“พี่น้ำ! หนูหิวน้ำ!”

“จ้าๆ …น้องคริส พวกพี่ขอตัวไปซื้อน้ำสักเดี๋ยวได้มั้ย?”

สไปรท์พูดกับพี่น้ำเหมือนเด็กเอาแต่ใจ พอพี่น้ำหันมาบอกผมอย่างนั้น ผมก็ตอบไปอย่างหงุดหงิด

“นี่สรุปเรื่องที่พี่จะให้ผมช่วยมันใช่ปัญหาจริงๆมั้ยครับเนี่ย?”

“พี่บอกแล้วนี่ว่าไม่ได้โกหก …แต่น้องสไปรท์หิวน้ำนี่นา? หรือน้องคริสจะปล่อยน้องสไปรท์ไว้แบบนี้?”

“อย่าพูดเหมือนผมเป็นพวกใจแคบสิครับ เฮ้อ…เร็วๆด้วยล่ะ”

พี่น้ำก็หัวเราะเบาๆและเดินหายไปกับสไปรท์

 

หลังจากรอไม่นาน พวกเธอก็กลับมา และก็ได้เริ่มเดินทางไปอาคารเรียนหลักเสียที

นอกจากน้ำแล้ว ยังซื้อขนมมาอีกด้วย

สไปรท์เคี้ยวขนมด้วยใบหน้าร่าเริง มองเห็นฟันเขี้ยวแหลมคมทุกครั้งๆที่อ้าปากพูดขณะกิน

ส่วนพี่น้ำก็หยิบขึ้นมากินบ้างด้วยกิริยาอ่อนช้อย

และถ้าจะถามว่าพี่น้ำที่เป็นผีไร้หัวทำไมถึงได้กินขนมได้ล่ะก็ …ตรงส่วนศีรษะพี่เขามันเป็นอาณาเขตพิศวงนี่นะ อย่างตอนที่เอาของเข้าปาก ก็ให้ความรู้สึกเหมือนโดนดูดหายเข้าไปเลย

น่าพิศวง…และก็ไม่ต้องไปสนใจในเวลาเดียวกัน

ระหว่างทาง เมื่อเดินผ่านพวกชมรมกีฬาต่างๆ ก็จะมองเห็นเหล่าสมาชิกชมรมเพศชายเหลือบมองมาที่พวกผมเป็นตาเดียว

ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ เพราะคนที่อยู่ข้างๆผมตอนนี้ก็เป็นเด็กสาวมอสี่ที่เป็นที่น่าเอ็นดูของใครหลายๆคน

และยังมีสาวรุ่นพี่ที่มีสัดส่วนชวนฝันด้วยอีกหนึ่ง

จะโดนมองก็ไม่น่าแปลกใจ …ไม่รู้จะมีใครนึกอิจฉาผมหรือเปล่า? แต่ขอบอกเลยว่าตอนนี้รู้สึกปวดขมับมากกว่าดีใจเสียอีก

กระนั้น มามองลูกน้องผมด้วยสายตาแฝงด้วยกิเลศแบบนั้น ก็รู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์นิดหน่อย

แต่เอาเถอะ มนุษย์เพศชายก็งี้แหละ ต่อให้จะเป็นลูกหลานของสิ่งมีชีวิตลี้ลับ แต่เนื้อในก็เป็นแค่เด็กวัยรุ่นเพศชายธรรมดา เห็นเด็กสาวน่ารักสมวัยก็ต้องชายตามองบ้างเป็นปกติ…

“ทำไมอยู่ๆน้องคริสก็ทำหน้าน่ากลัวอีกแล้วเนี่ย?”

“แค่รู้สึกเลี่ยนกับกิเลศของมนุษย์น่ะครับ”

ตั้งแต่กำเนิด ผมก็จะความรู้สึกไวต่อกิเลศของมนุษย์มากเป็นพิเศษ อย่างว่าล่ะนะ ก็เป็นลูกซาตานที่มีตัวตนเป็นผู้ที่เล่นกับกิเลศตัณหานี่นา

“หืม? หมายถึงพวกผู้ชายที่มองๆนั้นน่ะเหรอ?”

“ครับ ถึงจะชินแล้วก็เถอะ แต่เล่นแผ่กิเลศกันโต้งๆแบบนั้น ก็ไม่ค่อยสบอารมณ์นิดหน่อย”

“น้องคริสเป็นซาตานนี่เนอะ? แต่ก็อยากไปซีเรียสมากสิ พี่ก็โดนมองบ่อยจนพรุนไปทั้งตัวยังไม่คิดอะไรเลยนะ”

“จะเป็นห่วงลูกน้องบ้างมันผิดตรงไหนล่ะครับ?”

“แหมๆ ถึงจะเป็นหัวหน้าจริงๆก็เถอะ แต่คนส่วนใหญ่ไม่พูดกับรุ่นพี่ว่าเป็นลูกน้องกันตรงๆแบบน้องคริสหรอกนะ”

“นั่นก็แค่มุมมองของมนุษย์ ผมไม่ใส่ใจหรอกครับ”

“เท่จริงๆเลยน้า ซาตานเนี่ย~”

พี่น้ำกุมแก้มเบาๆอย่างเขินอาย แต่เหมือนโดนล้อเล่นใส่ไงชอบกล

“ถึงพี่จะไม่คิดอะไรก็เถอะ แต่ยัยสไปรท์ล่ะ?”

“ไม่ต้องห่วงน้องสไปรท์หรอก ดูสิ…”

 

“นี่! พวกนายน่ะ! ขยันซ้อมกันด้วยล่ะ! โคชิเอ็งรออยู่ไม่ไกลแล้วนะ!!!”

““โอ้ว!!!””

“เห็นมั้ยล่ะ? สนิทกับพวกชมรมกีฬาจะตาย”

พี่น้ำที่เห็นเหล่าชมรมกีฬาตะโกนด้วยความฮึกเหิมหลังจบคำพูดของสไปรท์ก็ว่ามาแบบนั้น

นั่นสินะ สไปรท์ชอบเล่นกีฬานี่นา ถึงจะไม่ได้เป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการ แต่ก็มีแอบไปขอเล่นด้วยอยู่บ่อยๆ โดยไม่จำกัดว่าเป็นชมรมหญิงหรือชาย

คงเห็นยัยนี่เป็นเหมือนรุ่นน้องไฟแรงที่น่าเอ็นดูล่ะมั้ง?

ดีจังนะ ในสายตาผมยังเห็นเป็นแค่ลูกน้องเหลวแหลกอยู่เลย

ว่าแต่ ที่ตะโกนใส่ไปเมื่อกี้มันชมรมเทนนิสไม่ใช่เรอะ? ต่อให้ซ้อมให้ตายยังไงมันจะได้ไปโคชิเอ็งที่ไหนกันเล่า ไม่ใช่เบสบอลนะเฟ้ย

แล้วไอ้พวกชมรมเทนนิสที่ฟังเสร็จยังมีไฟซ้อมกันอีกนี่ จะเรียกว่าบ้าๆบอๆกันทั้งสองฝั่งได้มั้ยนะ?

“เป็นรุ่นน้องที่น่ารักมากเลยเนอะ?”

“จะสมาชิกคนไหน ผมก็มองเป็นแค่ลูกน้องทั้งนั้นแหละครับ”

“ที่พูดนี่ หมายถึงน้องพลอยด้วยเหรอ?”

“พลอย? ก็ใช่นะครับ”

“หืม…ยังงี้พี่ก็มีหวังอยู่สิเนี่ย?”

“ฮะฮะ เล็งตำแหน่งรองประธานกันโต้งๆงี้เลยสินะครับ”

“ฮิฮิ …ใช่ๆ ตำแหน่งรองประธาน”

พี่น้ำทำเสียงหยอกล้อ จนนึกสงสัยว่าผมจับใจความสำคัญผิดไปหรือเปล่า

แต่อย่างพี่น้ำที่แค่ปีนี้ก็เรียนจบแล้วน่ะ คงไม่ทันได้เป็นรองประธานหรอกมั้ง? แถมที่ดูก็เหมือนพี่เขาจะไม่ได้สนใจเรื่องตำแหน่งด้วยสิ

อืม…ไม่ค่อยเข้าใจเลยแฮะ คำพูดเมื่อกี้มีอะไรแฝงอยู่รึเปล่านะ?

ขณะผมสงสัย สไปรท์ก็กระโดดมาล็อคคอ

“คุยไรกันอยู่อะ!?”

“ระวังๆหน่อยสิเฮ้ย!? เขาฉันไม่ใช่แค่เครื่องประดับนะ!”

“หือ? คมขนาดนั้นเลยอ๋อ? ….ไหนลองจับดูหน่อยซิ โห! เลือดพุ่งเลย!!!”

“หะ?”

“เอ๋?”

ส่วนพี่น้ำก็อุทานอย่างสงสัยเช่นกัน

เมื่อพวกผมหันไปมอง ก็พบว่าปลายนิ้วชี้เรียวยาวของสไปรท์กำลังพุ่งกระฉูดด้วยเลือด

“นี่หล่อนจะไปจับทำซากอะไรหา!? พลาสเตอร์? ไม่สิ! ห้องพยาบาล!”

“ฮะฮะ พี่คริสโตเฟอร์นี่ตลกจัง ……ทำไมรู้สึกหน้ามืดแปลกๆ…”

ว่าแล้วสไปรท์ก็ล้มตึงไปทั้งๆแบบนั้น

“สไปรท์โว้ย!!!”

 

เนื่องจากสไปรท์เสียเลือดจนหน้ามืดจากที่โดนเขาบนศีรษะของผมบาดเข้าไปลึก จึงต้องรีบนำส่งห้องพยาบาลทันที

ถึงจะรู้ว่าเป็นพวกซุกซนก็เถอะ ก็ไม่คิดว่าจะบ้าบอถึงขนาดนี้

ตูล่ะไม่อยากจะเชื่อ…

“เดี๋ยวจบเรื่องเมื่อไร พี่ค่อยไปพาน้องสไปรท์กลับบ้านแล้วกัน”

“รบกวนด้วยนะครับ”

“เป็นรุ่นน้องที่น่ารักมากเลยเนอะ?”

“ตอนนี้ผมเปลี่ยนยัยนั่นจากลูกน้องเป็นพวกปัญญานิ่มแทนแล้วล่ะครับ”

พอจบเรื่องวุ่นวายอันไม่คาดคิด จนแทบจะลืมจุดประสงค์ที่กำลังจะไปอาคารเรียนไปแล้ว สุดท้ายก็มาถึงจนได้

อาคารเรียนหลักของมัธยมปลาย

สำหรับโรงเรียนอาคมจิตตวิทยาก็มีมัธยมต้นเช่นกัน แต่จะอยู่แยกกันคนละส่วน

เพราะงั้นจะบอกได้ว่า พื้นที่ของโรงเรียนนี้นั้น กว้างใหญ่ไพศาลก็ว่าได้

แต่ผมก็ไม่ได้ไปข้องแวะกับเขตมัธยมต้นเลยตั้งแต่ขึ้นมัธยมปลายแล้วล่ะนะ…

…พวกผมเข้ามาด้านใน ตัวอาคารหกชั้นที่ทุกๆสองชั้นจะไล่ระดับชั้นปีขึ้นไป 

พี่น้ำพาผมมาถึงชั้นบนสุดที่เป็นของมอหก

“ห้องนี้แหละ ห้องของพี่”

“รู้อยู่แล้วล่ะครับ ผมเคยมาเดินตรวจช่วงพักระหว่างคาบอยู่นิดหน่อย”

“นั่นสินะ แต่ตอนพี่โบกมือให้ก็ไม่เห็นน้องคริสจะสนใจเลยนี่นา?”

“แน่ใจนะครับว่าแค่โบกมือ?”

ที่จำได้คือ ทันทีที่พี่น้ำเจอผมในอาคารเรียนเมื่อไร ก็จะรีบวิ่งมากอดอยู่เรื่อย

…ลวนลามทางเพศชัดๆ

“เอ๋ พี่จำผิดเหรอ? สงสัยไปโบกมือให้คนอื่นที่ไม่ใช่น้องคริสแน่เลย”

“คงงั้นครับ”

“หึงรึเปล่า?”

“มีความจำเป็นอะไรจะต้องหึงลูกน้องแถมยังเป็นผีไทยด้วยล่ะครับ?”

“พูดแรงจังน้า~ …เข้ามาก่อนสิ”

พี่น้ำเดินนำเข้าไปในห้องเรียน

ตอนนี้คือช่วงเวลาชมรม ที่จริงในเวลานี้นักเรียนอย่างพวกผมไม่ควรเข้ามาในตึกเรียนหลักด้วยซ้ำ …ครูที่เห็นก็ทำท่าจะห้ามตอนขึ้นมานั่นแหละ แต่พอเห็นหน้าผมก็เข้าใจว่าน่าจะมีเหตุจำเป็นอะไรสักอย่าง

ก็เป็นหนึ่งในสิทธิพิเศษของสภานักเรียนน่ะนะ

…สภาพภายในก็ไม่ต่างจากห้องเรียนมอสี่ มอห้าเท่าไหร่ อย่างว่า…โรงเรียนรัฐบาลก็งี้

โต๊ะเรียนที่ถูกจัดเป็นแถวละห้าที่นั่งทั้งหมดห้าแถว รวมๆแล้วมีนักเรียนในหนึ่งห้องอยู่ยี่สิบห้าคน

พี่น้ำเดินไปที่โต๊ะหน้าสุดของห้องที่อยู่แถวกลาง

“นี่คือโต๊ะของพี่ค่ะ”

“เป็นที่นั่งที่เห็นกระดานชัดๆสุดเลยนะครับนั่น…”

“จะเห็นว่าเป็นโต๊ะที่อยู่หน้าสุด”

“อ่าครับ?”

“ประเด็นสำคัญมันอยู่ตรงนี้แหละ”

ว่าแล้วพี่น้ำก็เดินไปด้านหลังสุด นั่งลงบนเก้าอี้ที่เจ้าของโต๊ะนั้นเป็นใครก็ไม่ทราบ

พี่น้ำมองผมที่ยืนนิ่งๆอย่างงงงวยด้วยท่าทีเรียบเฉย

“เข้าใจเรื่องที่พี่จะขอให้ช่วยรึยังคะ?”

“เหอะ ไม่เข้าใจเลยสักนิด”

ข้อมูลที่ได้ก็มีแค่โต๊ะพี่น้ำอยู่หน้าสุด แล้วพอเวิ่นเว้ออะไรสักอย่างก็ย้ายมานั่งโต๊ะหลังสุด

อืม ตูรู้แค่นั้นแหละ

“เป็นประธานนักเรียนแต่โง่จังเลยนะ”

แรงมากแม่ …น้ำเสียงหวานอย่างกับน้ำเชื่อมแต่แฝงไปด้วยยาพิษ นี่ผมกำลังโดนโกรธอยู่รึเปล่าเนี่ย?

“ให้ไอน์สไตน์มาอยู่ตรงนี้ก็ไม่เข้าใจหรอกครับ”

เมื่อผมบ่นพึมพำแบบนั้น

พี่น้ำก็กอดอก

“คือน้องคริสจะบอกว่าต่อให้เป็นคนที่ฉลาดที่สุดในโลกมาอยู่ที่นี่ก็จะไม่เข้าใจสินะ?” 

ลักษณะนี้บ้านผมเรียกฟื้นฝอยหาตะเข็บ จนไม่จำเป็นต้องสนใจก็ได้

แต่เพราะอยู่กันแค่สองคน จะทำเมินก็ใช่ที

“อ่าครับ”

“แต่การที่น้องคริสยกตัวอย่างคนที่ฉลาดที่สุดเป็นไอน์สไตน์ ก็สามารถบอกระดับไอคิวของน้องคริสได้เป็นอย่างดีแล้วคะ”

“ไอน์สไตน์ไม่ฉลาดตรงไหนกัน…”

“พี่ไม่ได้จะพูดอย่างนั้น แค่ในโลกนี้ยังมีคนที่ฉลาดกว่าอยู่อีก”

“หมายถึงใครกันครับ?”

ผมถามออกไปขณะคิดว่า นี่เรากำลังคุยเรื่องบ้าอะไรอยู่กันเนี่ย?

พี่น้ำก็หัวเราะในลำคอ…

 

“เซ็นคูไงคะ”

“ใครนะครับ?”

“เซ็นคูจากเรื่องดอกเตอร์สโ…”

“นั่นมันการ์ตูนไม่ใช่เรอะ!”

ใครมันจะบ้าเอาคนในชีวิตจริงไปเทียบกับตัวละครสมมุติในการ์ตูนกันหา?

พี่น้ำโบกนิ้ว

“ไม่ใช่การ์ตูนสักหน่อย อนิเมะกับมังงะต่างหาก”

“ต่างกันตรงไหนเนี่ย!?”

ถึงพี่น้ำจะเป็นที่ชื่นชอบของนักเรียนคนอื่นเพราะเรือนร่างน่าค้นหา แต่ก็มีงานอดิเรกเป็นดูอนิเมะกับอ่านมังงะอีกด้วย บางทีก็ชอบเอามาให้ผมอ่านด้วยอีกต่างหาก

พี่น้ำลุกขึ้น

“ถึงจะแอบแปลกใจที่น้องคริสก็รู้จักก็เถอะ แต่พักเรื่องล้อเล่นไว้เท่านี้ดีกว่านะ”

“คนเปิดก็คือพี่ไม่ใช่เหรอ…”

“งั้นพี่จะช่วยใบ้ให้อีกนิดแล้วกัน!”

แล้วลุกขึ้น พร้อมเดินเข้ามาใกล้

“อยากให้ช่วยอะไรก็รีบบอกมาเถอะครับ…”

นี่เห็นว่าเป็นคนรู้จักหรอกนะ ถ้าเป็นนักเรียนคนอื่นมาขอให้ช่วยแต่จะมาเล่นทายปัญหาแบบนี้ผมไล่กลับไปตั้งนานแล้ว

พี่น้ำเดินจนชิดกับผม

ผมสูงกว่าพี่เขาเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นพี่น้ำก็ตัวสูงกว่านักเรียนหญิงทั่วๆไปอยู่ดี ให้อารมณ์คล้ายพี่สาวใจดีเลยล่ะมั้ง?

และยังแรงยั่วยวนแบบแปลกๆที่ถ้าเป็นคนอื่นไม่ใช่ผมคงสติกระเจิงไปแล้วนี่อีก

แม้จะใกล้จนไม่รู้จะใกล้ยังไง พี่น้ำก็ยังขยับเข้ามาจนหน้าอกอันใหญ่โตแนบแน่น

รู้สึกได้ถึงความนุ่มนิ่มของก้อนเนื้อเพศหญิงอย่างชัดเจน

…หรือเพราะเป็นผีไร้หัว สารอาหารเลยไปเลี้ยงที่ก้อนเนื้อส่วนนี้แทนรึเปล่า?

ผมคิดเรื่อยเปื่อยไปเรื่อย ก่อนเอ่ยอย่างรำคาญใจ

“นมพี่โดนผมอยู่นะครับ”

“แหมๆ เป็นซาตานไม่ใช่เหรอ? หัดระงับกิเลศตัวเองไว้หน่อยสิ”

“ผมไม่ได้นึกหื่นอะไรกับพี่สักนิด แค่สงสัยว่ากำลังทำอะไรอยู่กันแน่”

กระนั้น พี่น้ำก็ยังอยู่นิ่งๆแบบนั้น

ผมพยายามจ้องหาเจตนาของสถานการณ์นี้ แต่อย่างที่รู้ ผมไม่รู้ว่าตาของพี่เขาอยู่ที่ไหนจึงอ่านเจตนาได้ยาก

“หน้าไม่แดง…แถมยังไม่ถอยออกด้วย ชินกับผู้หญิงน่าดูเลยนี่?”

“แค่ผีไทย ผมไม่สนใจหรอกครับ”

“แหมๆ จริงจังซะทางนี้เป็นฝ่ายเขินเองเลยนะเนี่ย เฮ้อ…น้องคริสนี่นะ”

ดูเหมือนจะไม่ได้อย่างที่ใจต้องการ พี่น้ำถึงถอยห่าง

สัมผัสนุ่มนิ่มหายไปแล้ว

พี่น้ำก็พูดเหมือนงอนๆ

“น้องคริสจำตอนจัดที่นั่งเปิดภาคเรียนได้รึเปล่า?”

ผมนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง

“…นั่งตามเลขที่ใช่มั้ยครับ? คนที่เลขต้นๆก็จะได้นั่งหน้า”

ส่วนใหญ่จะใช้ระบบแบบนั้น แต่ก็ยังมีดุลพินิจของอาจารย์ช่วยเสริมอีกนิดหน่อย แต่หลักๆก็คือการจัดที่นั่งตามเลขที่

แต่ก็ยังมีกรณีอื่นๆอยู่อีก…

ผมถามต่อ

“พี่น้ำเลขที่เท่าไหร่ครับ?”

“ยี่สิบห้า”

นั่นมันเลขที่สุดท้ายของห้องเลยไม่ใช่เรอะ …ทำไมถึงมานั่งหน้าสุดได้ล่ะเนี่ย

พี่น้ำถอนหายใจ

“ถึงจะจัดโต๊ะตามเลขที่ แต่ถ้านักเรียนบางคนสูงเกินไปก็จะถูกจัดไปนั่งด้านหลังอยู่ดี”

“เพื่อที่จะไม่บังกระดานคนข้างหลัง”

“อื้ม แต่ก็อย่างที่พี่โชว์ให้ดูเมื่อกี้ พี่สูงกว่านักเรียนหญิงในห้อง แต่ก็ดันถูกจัดมานั่งหน้าห้องทั้งๆที่มีเหตุผลในเรื่องความสูงและเลขที่”

อ๋อ ไอ้สถานการณ์ชวนเข้าใจผิดเมื่อกี้ ก็เพราะจะให้ดูความสูงของตัวเองเมื่อเทียบกับผมสินะ? เพราะผมก็สูงร้อยเจ็ดสิบหน่อยๆด้วย

“ที่พี่อยากให้น้องคริสช่วยก็เรื่องนี้แหละ ไม่รู้ทำไมพี่ถึงได้มานั่งหน้าสุด ทั้งๆที่พี่อยากนั่งข้างหลังแท้ๆ …น้องคริสช่วยพี่หน่อยได้มั้ย?”

ก็จริงแฮะ ทั้งๆที่สูงกว่านักเรียนหญิงทั่วๆไปและยังเลขที่ท้ายสุด กลับให้มานั่งโต๊ะหน้าสุดนี่มันก็แปลกไปหน่อย

ถึงอาจารย์จะจัดที่นั่งตามเลขที่เป็นส่วนใหญ่ แต่กรณีของพี่น้ำน่ะ อย่างไรก็ควรจะได้นั่งหลังสุด……

 

…ไม่ใช่สิ

 

ผมมองข้ามไป

เพราะเห็นพี่น้ำจนชินเลยไม่รู้สึกถึงความผิดปกติ…

อืม…ชัดเจนละ อาจารย์ไม่ได้ผิดอะไร เผลอๆจะทำการจัดที่นั่งไปตามความเหมาะสมจนน่าชื่นชมเลยด้วยซ้ำ 

และเมื่อไปถึงคำตอบ

“กลับกันเถอะ พี่น้ำ”

พี่น้ำเอียงคอ

“เอ๊ะ? แล้วเรื่องที่นั่งพี่ล่ะ?”

“ผมช่วยอะไรไม่ได้หรอกครับ”

“ดะ เดี๋ยวสิ! เมื่อกี้เหมือนน้องคริสจะคิดอะไรสักอย่างออกไม่ใช่เหรอ!? ทำไมจู่ๆก็จะทิ้งกันดื้อๆเลยล่ะ!”

“ไม่ได้ทิ้งครับ เรียกว่ารักษาน้ำใจดีกว่า”

“ไม่เห็นเข้าใจเลย! นี่! อย่าเดินหนีพี่แบบนี้น้า!!!”

พี่น้ำฉุดกระชากผมกลับมาในห้องเรียน

“ระ หรือว่า! น้องคริสจะรู้แล้วว่าพี่กำลังถูกคนในห้องแกล้ง? ที่จริงพี่ก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน! ยังงี้ต้องฟ้องอาจารย์ไปเล้ย!”

“ไม่มีใครแกล้งพี่ทั้งนั้นแหละครับ! ปล่อยได้แล้ว!!!”

อีกอย่างคนจัดที่นั่งก็อาจารย์ไม่ใช่เรอะ? มันจะไปมีใครแกล้งได้ยังไงกันเล่า!

“ถ้าน้องคริสไม่ช่วย! พี่ก็จะไม่ให้ไปไหนทั้งนั้น!”

“ก็ช่วยอยู่นี่ไง!”

“ไม่เห็นเข้าใจเลย!!!”

ก่อนที่จะดราม่าไปมากกว่านี้ 

ผมจับไหล่พี่น้ำเพื่อเรียกสติ

“อุ๊ย?”

“งั้นพี่ฟังผมดีๆนะครับ”

“อะ ค่ะ…”

“ที่พี่โดนจับมานั่งข้างหน้าทั้งๆที่สูงกว่าคนอื่นน่ะครับ…”

พี่น้ำรับฟังด้วยความเงียบ

ผมคร่ำครวญในใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดให้เสียงนุ่มนวลที่สุด มากพอที่จะไม่ทำร้ายจิตใจ

 

“คือ…พี่เป็นผีไร้หัวนะครับ…”

“……”

 

“ถ้าพี่ไม่สูงเท่าเปรต…ยังไงพี่ก็ต้องนั่งหน้าครับ …เพราะพี่ไม่มีหัว คนข้างหลังจึงมองเห็นกระดานผ่านจุดที่ควรเป็นหัวพี่ได้ชัดแจ๋วเลยล่ะครับ”

ที่ผมพูดไว้ว่าพี่น้ำมีความสูงกว่านักเรียนหญิงทั่วๆไปนั้น คือนับตั้งแต่ช่วงหัวไหล่ลงไปเท่านั้น เพราะส่วนหัวของพี่น้ำเป็นอาณาเขตพิศวงที่ไม่มีอะไรอยู่เลย

“ตะ ตะ ตะ แต่! พี่ตัวสูงนะ!”

อย่างกับแผ่นเสียงตกร่องเลยนะนั่น

“สูงไม่สูงไม่เกี่ยวหรอกครับ หัวพี่ไม่มีวันบังคนข้างหน้าเด็ดขาด …อาจารย์คงรู้แหละครับถึงได้เอาพี่มานั่งข้างหน้า”

ปิดเคสอย่างง่ายดาย 

คือก็ไม่รู้หรอกนะว่าห้องของพี่น้ำให้ใครนั่งตรงไหนบ้าง แต่ถ้าผมเป็นอาจารย์ก็คงเอาผีไร้หัวมานั่งหน้าสุดแน่นอน 

อย่างน้อยก็ตัดปัญหาไปได้แถวนึง…

“ก็พี่อยากนั่งข้างหลังนี่!!”

“เดี๋ยวผมจะลองช่วยคุยกับอาจารย์ให้ก็ได้ครับ …แต่คิดว่าคงช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี”

ทันทีที่ผมปล่อยมือ…

…ก็ได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ

“พี่น้ำ…ร้องไห้อยู่เหรอครับ?”

“ไม่ใช่ค่ะ!”

มองยังไงก็ร้องไห้อยู่ชัดๆ…

จังหวะถัดมา ประตูห้องเรียนก็เปิดออกอย่างแรง

“พี่คริสโตเฟอร์ทำอะไรพี่น้ำน่ะ!!!”

สไปรท์ที่โผล่มาจากไหนไม่รู้พร้อมด้วยผ้าพันแผลที่พันทั้งมือขวา …โดนบาดแค่นิ้วเองไม่ใช่เหรอ ไหงออกมาเป็นสภาพนั้นได้ล่ะเนี่ย?

สไปรท์มองไปรอบๆด้วยความเร็วสูง

“เข้าใจทุกอย่างแล้ว!”

“หะ?”

“หนูเข้าใจทุกอย่างแล้ว!!!”

ยัยเสือสมิงนี่กำลังพูดอะไรอยู่นะ…

ขณะที่ผมกำลังสงสัยเช่นนั้น สไปรท์ก็เข้ามาหาพี่น้ำพลางลูบศีรษะ…หมายถึงจุดที่ควรจะเป็นศีรษะน่ะนะ

“โอ๋ๆ ไม่ต้องร้องนะพี่น้ำ ถึงจะนั่งตรงไหนพี่น้ำก็ยังเป็นพี่น้ำอยู่ดี”

“ฮะ ฮือ…น้องสไปรท์”

และทั้งสองก็กอดกันแน่น

พักเรื่องที่ว่าทำไมสไปรท์ถึงปะติดปะต่อเรื่องราวได้แม่นยำอย่างกับตาเห็นไปก่อน เพราะผมไปรู้ภายหลังว่าเธอออกมาจากห้องพยาบาลและมาแอบดูผมกับพี่น้ำได้สักพักนึงแล้ว

…แต่ขออนุญาตเบรกแป๊บนึง นี่พวกเธอทำซึ้งเรื่องบ้าอะไรอยู่เนี่ย? ไม่เห็นจะเข้าใจเลยสักนิด

แล้วไอ้ที่พูดมาเมื่อกี้คือกินใจแล้วเรอะ?

ผมตัดสินใจเดินออกมาจากห้องเรียน ปล่อยพวกบ้าๆบอๆปลอบใจกันเอง เพราะไม่ใช่หน้าที่ผม แถมไม่อยากทำด้วย

 

…ถึงจะเป็นเคสง่อยๆที่นอกจากจะไม่ได้ช่วยเหลือนักเรียนแต่กลับต้องช่วยเหลือคนในสภาด้วยกันเองก็ตาม 

แต่อย่างไรก็ถือว่าเป็นการยกตัวเองปัญหาของสิ่งมีลี้ลับได้อย่างดีเยี่ยม

นี่แหละที่ผมหมายถึง …สิ่งมีชีวิตลี้ลับที่เป็นนักเรียนอยู่ในโรงเรียนนี้น่ะ ถึงนิสัยจะเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วๆไป แต่ก็ยังประสบปัญหาจากชาติกำเนิดตัวเอง

ดังนั้นสภานักเรียน ก็มีอยู่เพื่อการนั้น

ส่วนผมที่เป็นประธานก็ต้องทำหน้าที่ให้ดียิ่งขึ้น เพื่อที่จะได้ช่วยเหลือนักเรียนอันแสนน่าสงสารต่อไป…

 

…ช่วงเช้าวันถัดมา ผมที่เป็นคนมาโรงเรียนแต่เช้าตรู่เป็นเรื่องปกติ ก็ได้เข้าไปคุยกับอาจารย์ประจำห้องเรียนของพี่น้ำ

ผมลองขอให้อาจารย์ย้ายพี่น้ำไปนั่งด้านหลังอย่างที่ควรจะเป็น 

แต่ก็อย่างที่เดาได้ อาจารย์ก็อยากเอานักเรียนที่ไม่มีวันบังคนอื่นมาไว้แถวหน้าๆ

หลังจากขอร้องอยู่พักใหญ่ อาจารย์ก็ตกลง 

แลกกับการที่ผมต้องไปช่วยเก็บขยะที่สวนหลังโรงเรียนหนึ่งอาทิตย์

อย่างกับโดนทำโทษไม่มีผิด แต่เอาเถอะ แค่เก็บขยะแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก ถือว่าเป็นการบำเพ็ญประโยชน์ให้โรงเรียนแถมได้ช่วยคนรู้จักด้วย

และในช่วงเย็นที่ผมต้องเข้าสภาล่าช้า เพราะกำลังเก็บขยะอยู่นั่นเอง…

“น้องคริส?”

ก็ได้ยินเสียงทักจากด้านหลังจนต้องหันกลับไป

“อ้าว? มาทำอะไรครับ? พี่น้ำ”

ผีไร้หัวที่สวมใส่ชุดนักเรียนไทยพร้อมเนินอกอันใหญ่โตจนกระดุมที่ทำหน้าที่เกาะยึดแทบจะแยกออกจากกันวิ่งเยาะๆเข้ามา

เธอหยุดยืนพร้อมหอบหายใจเบาๆ

“พะ พอดีผ่านมาเห็นน่ะ …น้องคริสโดนทำโทษอยู่เหรอ?”

“เปล่าครับ แค่ช่วยงานอาจารย์นิดหน่อย”

“งั้นเหรอ? คือพี่จะมาขอบคุณที่น้องคริสไปคุยกับอาจารย์ให้น่ะค่ะ! ตอนนี้พี่ได้ย้ายมานั่งหลังห้องแล้วล่ะ!”

“ดีแล้วครับ”

พอเห็นทำท่าดีใจแบบนั้น ผมก็พลอยดีใจไปด้วย

พี่น้ำเอียงคอเล็กน้อย

“หรือว่า…ที่น้องคริสต้องมาเก็บขยะเพราะเรื่องนี้เหรอ?”

“ไม่เกี่ยวเลยครับ”

ผมโกหกไปแบบนั้น

ไม่อยากให้พี่เขาต้องรู้สึกว่าติดหนี้บุณคุณ ผมก็ทำไปด้วยความเต็มใจซะด้วยสิ

“หืม~ แต่พี่ขอช่วยดีกว่า”

“ไม่ต้องก็ได้ครับ ใกล้เสร็จแล้วด้วย ไปรอที่ห้องสภาเลยก็ได้ครับ”

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร พี่อยากช่วย …อีกอย่าง จะได้ไปห้องสภาพร้อมน้องคริสด้วยนี่นะ!”

“นั่นก็เพราะพี่ชอบโดดงานสภาไม่ใช่เหรอครับ?”

“ฮิฮิ นั่นสินะ!”

พี่น้ำมองผมด้วยอาณาเขตพิศวงไร้ศีรษะ 

“…น้องคริสนี่ ปากไม่ตรงกับใจจริงๆนั่นแหละ”

“เมื่อกี้ว่าไงนะครับ?”

“มะ ไม่มีอะไรค่ะ! รีบๆทำให้เสร็จกันเถอะ!”

แม้จะไม่เห็นสีหน้า ผมกลับสัมผัสได้ว่าเธอกำลังยิ้มอย่างดีอกดีใจ …ก็หวังแค่ไม่ให้เธอจับโกหกได้ก็พอ ผมไม่ได้อยากทำเท่สักหน่อย

เคสที่ 2 (ผีไร้หัว) /จบ

สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ

สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ

Score 10
Status: Completed
คริสโตเฟอร์ ลูกชายของซาตาน ผู้ที่ลงมายังภพมนุษย์และศึกษาอยู่ในโรงเรียนสำหรับภูติผี ...หะ? ว่าไงนะ? โรงเรียนที่ว่านั่น เจ้าลูกชายซาตานเป็นประธานนักเรียนด้วยอย่างงั้นเหรอ!? แล้วยังงี้คริสโตเฟอร์ที่ต้องมานั่งแก้ปัญหาหนักอกหนักใจของวัยรุ่นเชื้อสาย 'ผีไทย' จะทำยังไงเนี่ย!?

Options

not work with dark mode
Reset