บทที่ 590 ความฝันกับความจริง
จี้จือฮวนรอจนกระทั่งเด็ก ๆ หลับหมดแล้ว จึงเข้ามาเงียบ ๆ
อาฉือลืมตาขึ้น “ท่านแม่”
จี้จือฮวนจึงห่มผ้าให้เขา จากนั้นก็อุ้มเผยอวิ่นเกอที่หลับสนิทออกมา เด็กน้อยนอนหลับปุ๋ยราวกับลูกหมูอย่างไรอย่างนั้น ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เลยแม้แต่น้อย
จี้จือฮวนมองไปที่อาชิงที่นอนกางแขนกางขา จนแขนขาแทบจะไม่มีที่วางก็ถอนหายใจออกมา “พวกเจ้าโตกันหมดแล้ว จนเรือนเริ่มเล็กลงแล้วจริง ๆ”
อาฉือเอามือวางไว้ใต้ท้ายทอย “ไม่เห็นเล็กเลยขอรับ”
ยังจะบอกว่าไม่เล็กอีก เท้าแทบจะโผล่ออกมาจากเตียงอยู่แล้ว
“พี่ต้าเฉียงบอกว่าเตียงใหม่ใกล้จะทำเสร็จแล้ว ถึงเวลาก็จะเอามาเปลี่ยนให้”
“รีบนอนเถอะ” จากนั้นจี้จือฮวนก็อุ้มเผยอวิ่นเกอออกมา ก่อนจะปิดประตูลงเงียบ ๆ
เผยยวนยังคงอ่านหนังสืออยู่บนเตียง ผ่านมาหลายปีเขาดูมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น จี้จือฮวนจึงวางเผยอวิ่นเกอลงในอ้อมแขนของเขา เด็กน้อยพลิกตัวเข้าหาอ้อมแขนของพ่อในทันที พลางหาตำแหน่งที่สบายก่อนจะหลับต่อ
เผยยวนกอดพวกนางสองแม่ลูกจากทางด้านหลัง กำลังจะแสดงความรักกับนางสักหน่อย ทว่าเท้าเล็ก ๆ ข้างหนึ่งก็เตะขึ้นมา ทั้งสองคนจึงได้แต่หัวเราะอย่างจนปัญญา
“ฮวนฮวน ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว เจ้าเคยอยากกลับไปที่บ้านเกิดของเจ้าบ้างหรือไม่?”
“อยาก” จี้จือฮวนจะไม่อยากกลับไปได้อย่างไร
เผยยวนได้ยินคำตอบนั้นก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อย “เช่นนั้นวันหนึ่งเจ้าจะทิ้งข้ากับพวกลูก ๆ ไปหรือไม่?”
จี้จือฮวนบีบจมูกของเขา “พูดอะไรโง่ ๆ พวกเจ้าเป็นครอบครัวของข้า ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็กลับไปไม่ได้แล้ว”
เผยยวนจึงกอดนางเอาไว้แน่น หากรู้อย่างนี้เขาก็คงไม่ถามคำถามโง่เง่าเช่นเมื่อครู่ออกไป
จี้จือฮวนลูบบ่าของเขาเบา ๆ “นอนเถอะ อย่าคิดถึงเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เหล่านั้นเลย”
.
.
แต่ใครจะรู้ว่าการตื่นขึ้นมาในครั้งนี้ จี้จือฮวนจะถูกเสียงนาฬิกาปลุกทำให้ตื่นขึ้นมา!
จี้จือฮวนลืมตาขึ้นมาด้วยความงุนงง สิ่งที่เห็นเป็นอย่างแรกก็คือหน้าต่างบานสูงจากพื้นจรดเพดานของอะพาร์ตเมนต์ระดับไฮ-เอนด์พร้อมวิวแม่น้ำ ทันใดนั้นนางก็ลุกขึ้นนั่งบนเตียง
เกิดอะไรขึ้น!
เลือดในร่างกายพลันเย็นเยียบ นางเลิกผ้าห่มออก ก้มหน้าลงสำรวจร่างกายตัวเองก็พบว่าไม่ใช่ชุดนอนที่ตัวเองสวมเมื่อคืนนี้ แต่กลับเป็นชุดนอนผ้าไหมชั้นดี
ริมฝีปากของนางสั่นเทา มองดูพื้นห้องที่ต่างออกไป รองเท้าสลิปเปอร์สุดน่ารัก และทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า ล้วนกำลังเตือนนางว่า
นางกลับมาแล้ว!
เช่นนั้นเด็ก ๆ กับเผยยวนเล่า! หมู่บ้านตระกูลเฉินและต้าจิ้นเล่า!?
นางตื่นตระหนกจนไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร นี่เป็นครั้งแรกที่จิตใจของนางสับสนวุ่นวายไปหมด ไม่ว่าจะบอกตัวเองอย่างไรนางก็ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ลงได้
แต่จู่ ๆ ประตูห้องก็ถูกเปิดออก นางได้สติขึ้นมาทันที
ร่างกายท่อนบนของชายคนนั้นเปลือยเปล่า กล้ามเนื้อที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนนั่น นางคุ้นเคยอย่างมาก ด้านล่างเขาสวมเพียงกางเกงอยู่บ้านสบาย ๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น ตรงขอบกางเกงยังเผยให้เห็นรอยสักเล็ก ๆ อีกด้วย
ผมสั้นที่ถูกตัดมาอย่างดี และมีรูปหน้าที่หล่อเหลา สิ่งที่น่าตื่นตระหนกยิ่งกว่าไม่ใช่เผยยวนที่ตัดผมสั้นที่ปรากฏตัวในอะพาร์ตเมนต์ระดับไฮ-เอนด์ของนาง
ทว่าเป็นเพราะในอ้อมแขนของเขายังอุ้มเจ้าก้อนกลมน้อย ๆ ที่กำลังดูดจุกนมเอาไว้ด้วย
“อรุณสวัสดิ์” เผยยวนเกาหัวเล็กน้อย ก่อนจะเดินมาตรงหน้านาง แล้วเชยคางของนางขึ้นก่อนจะโน้มตัวลงมาจูบ เห็นท่าทางนิ่งงันของจี้จือฮวน เขาที่อุ้มลูกสาวอยู่ก็เอ่ยขึ้นมา “รีบไปกินข้าวเช้าเถอะ เดี๋ยวจะไปถึงหน่วยสาย”
จี้จือฮวนเดินตามเขาออกไปด้วยความงุนงง
ทั้ง ๆ ที่เป็นบ้านของตัวเอง แต่กลับให้ความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคย
ตรงหน้าโต๊ะอาหารมีเด็กหนุ่มสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวและสวมแว่นตากำลังจัดจานบนโต๊ะอยู่ เมื่อเห็นนางออกมาก็ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน “อรุณสวัสดิ์ครับหม่ามี้”
“อาฉือ…” จี้จือฮวนมองอย่างนิ่งงัน
ทันใดนั้นประตูห้องสองห้องข้าง ๆ ก็เปิดออก อาอินซึ่งสวมชุดนักเรียนและผูกโบก็เดินหาวออกมา ก่อนจะมองอาชิงที่ยังคงถือเครื่องเล่นเกมอยู่ในมือด้วยความดูแคลน “พอได้แล้ว วันนี้สอบกลางภาค ถ้าสอบไม่ผ่าน อย่าร้องไห้กลับมาเกาะแข้งถ่วงขาฉันเด็ดขาดนะ”
ในฐานะเด็กเรียนดีและเป็นหัวโจกของโรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งของเมืองเอ และเป็นว่าที่สมาชิกของวงไอดอลบอยแบนด์ที่เดบิวในฐานะเด็กฝึกหัดอย่างอาชิง กิจวัตรประจำวันของเขาเมื่อตื่นขึ้นมาทุกเช้าก็คือ การเถียงกับอีกฝ่ายก่อนหนึ่งยก
จากนั้นก็ปิดท้ายด้วยคำเตือนผ่านสายตาพิฆาตของพี่ใหญ่ที่ขึ้นมัธยมปลายแล้ว
เมื่อเห็นว่าท่าทางของจี้จือฮวนดูแปลกไป ทุกคนต่างก็มองนางด้วยความสงสัย
จนกระทั่งส่งเด็ก ๆ ไปโรงเรียนหมดแล้ว แม้แต่เผยอวิ่นเกอที่เด็กที่สุดก็เข้าโรงเรียนอนุบาลแล้วเช่นกัน เผยยวนจึงพานางขึ้นรถและขับออกไป
จี้จือฮวนยังคงจ้องมองเขาอย่างไม่วางตา
ชายหนุ่มรูปร่างสูงและมีขาเรียวยาว จึงทำให้เขาดูหล่อเหลาเป็นพิเศษในชุดเครื่องแบบทหาร
ถึงขนาดที่ว่า สำหรับจี้จือฮวนแล้ว เขาคือผู้ชายในอุดมคติของนางจริง ๆ
ถึงตอนนี้นางก็ยังไม่ยอมแพ้ และพยายามถามเขาว่ารู้เรื่องหมู่บ้านตระกูลเฉินหรือไม่
“คุณกำลังพูดถึงหมู่บ้านโบราณที่ทีมโบราณคดีเพิ่งขุดพบใช่ไหม? ได้ยินมาว่ามีการขุดพบโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมจำนวนมาก และยังพบสิ่งที่ดูเหมือนเป็นภาพวาดที่เรียบง่ายเหมือนสมัยใหม่ด้วย ถ้าคุณสนใจ ช่วงสุดสัปดาห์เราพาเด็ก ๆ ไปดูกัน”
เผยยวนหักพวงมาลัยเข้าข้างทาง เมื่อเห็นจี้จือฮวนยังคงมองตัวเองอยู่ เขาก็เลียริมฝีปากและจอดรถตรงริมถนนที่ลับตาคน
“คุณนายเผย”
“หืม?”
“คุณรู้ไหมว่าคุณมองผมแบบนี้มันคือโคดลับ?”
จี้จือฮวนกลืนน้ำลายลงคือ “ฉันอยากทำเรื่องที่น่าตื่นเต้นแบบนี้มานานแล้ว ให้ฉันทำก่อนแล้วค่อยว่ากันเถอะ”
เอ่ยจบจี้จือฮวนก็เอื้อมมือไปเกี่ยวคอของเขา ปลดเข็มขัดนิรภัยของตัวเองออก ก่อนจะข้ามจากที่นั่งข้างคนขับไปอยู่บนตักเขา
นางประคองใบหน้าของเผยยวนเอาไว้ และค่อย ๆ บรรจงจูบไล่ลงไปตั้งแต่คิ้ว
เผยยวนตกตะลึงเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธโบนัสแบบนี้ กลับปรับที่นั่งให้เอนลงนิดหน่อย ให้จี้จือฮวนมีพื้นที่ได้แสดงออกมากขึ้น
“คุณนายเผย นี่คือรางวัลที่ผมช่วยดูแลลูกเมื่อคืนนี้หรือเปล่า?”
“แล้วคุณชอบหรือเปล่าล่ะ?” มือของจี้จือฮวนสอดเข้าไปในชายเสื้อของเขาแล้ว ชุดเครื่องแบบทำให้เขาดูเซ็กซีขึ้นมากจริง ๆ
“ไอ้ชอบมันก็ชอบอยู่หรอก…แต่ผมยังต้องเตือนคุณอย่างหนึ่ง ว่าเรามีภารกิจในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า ผมคิดว่าเวลาคงไม่พอให้เราได้แสดงฝีมือที่นี่”
มือของจี้จือฮวนชะงักไปทันที จากนั้นจึงงับเข้าที่คางของเขาด้วยความหงุดหงิด “ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ กลับไปฉันค่อยเอาคืน”
จี้จือฮวนยังคงถามด้วยความสงสัย “คุณไม่รู้จักหมู่บ้านตระกูลเฉินจริง ๆ เหรอ?”
เผยยวนจัดแจงสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก่อนจะพูดยิ้ม ๆ “นี่เป็นรหัสของภารกิจลับอะไรที่ผมจำเป็นต้องไปตรวจสอบหรือเปล่า?”
“ไม่มีอะไร” จี้จือฮวนยังคงรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน…
นางกลับมาคนเดียวอย่างนั้นหรือ?
ถ้าอย่างนั้นพวกเด็ก ๆ ก็มีตัวตนอยู่บนโลกนี้จริง ๆ?
.
.
“ท่านแม่! ท่านแม่!”
ทันทีที่จี้จือฮวนลืมตาขึ้นก็พบว่าใบหน้าของตนเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เผยอวิ่นเกอกำลังจับผมของตัวเองเล่นขณะอยู่ในอ้อมแขนของนาง “ท่านแม่รีบช่วยเสี่ยวเกอเอ๋อร์ผูกดอกไม้ประดับหัวทีเจ้าค่ะ! เสี่ยวเกอเอ๋อร์ผูกไม่ได้!”
นางมองไปรอบ ๆ ก็พบว่านางยังอยู่ที่หมู่บ้านตระกูลเฉิน ดังนั้นที่นางเห็นเมื่อคืนก็คือความฝัน?
ในห้องโถง มีเสียงกินข้าวเช้าดังขึ้นมา และยังมีเสียงพูดคุยกันของชาวบ้านและเสียงร้องของไก่ เป็ด ห่านวุ่นวายไปหมด
“ท่านแม่เจ้าคะ?”
จี้จือฮวนมองลูกสาว “แม่ฝันไป และยังแยกระหว่างความเป็นจริงกับความฝันไม่ได้”
“แล้วจะเป็นอะไรไปเล่าเจ้าคะ เพราะในความฝันก็ยังมีข้า มีพวกพี่ ๆ แล้วก็มีท่านพ่อ เช่นนั้นก็เพียงพอแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ ความจริงกับความฝันก็มีความสุขเหมือนกันไม่ใช่หรือเจ้าคะ!”
จี้จือฮวนมองนางนิ่ง ๆ ก่อนจะรวบตัวนางเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน “ใช่แล้ว ไม่ว่าอยู่ที่ใด พวกเจ้าก็ต้องอยู่ด้วย พวกเราจะไม่มีวันแยกจากกัน”
.
.
.