ฉันถูกรับเลี้ยงโดยกลุ่มอัศวินที่แข็งแกร่งที่สุด! 2 หมูป่า

ตอนที่ 2 หมูป่า

มือของฉันหยุดชะงักก่อนที่จะไปถึงเด็กน้อย

ตัวของเด็กน้อยนั้นสั่นเทาไม่หยุด สายตาของเธอก้มลงต่ำ

‘…’

ฉันเงียบไปสักพักหนึ่ง ฉันไม่รู้จะสรรหาคำพูดอะไรพูดออกมาดี

เด็กน้อยตรงหน้าของเธอดูหวาดกลัวมากๆ

แม้แผ่นหลังเล็กๆ ของเธอจะชิดกับกำแพงแล้วเธอก็ยังพยายามถอยร่นไปอีก ราวกับว่าต้องการที่จะหนีไปจากตรงนี้

“พี่สาวไม่ทุบตีเธอแน่นอน”

ฉันทนมองเด็กน้อยที่หวาดกลัวแบบนี้ไม่ได้ ฉันเลยหันสีหน้าไปทางอื่น

‘…’

เด็กน้อยที่ได้ยินคำตอบของฉันไป เธอกลับเงียบไม่ตอบรับ

หลังจากช่วงเวลาเงียบๆ ผ่านไประยะหนึ่ง เด็กน้อยก็ดูเหมือนว่าเธอจะลดการป้องกันตัวของเธอลงเล็กน้อย

“ถะ.. ถ้างั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ..”

เด็กน้อยพูดออกมาด้วยเสียงสั่นเครือก่อนที่เธอจะค่อยๆ ก้าวขาทีละนิดไปยังทางออกซึ่งฉันพึ่งสังเกตุเห็นว่าทางเข้านั้นถูกปิดไว้ด้วยกิ่งไม้ซึ่งดูเหมือนว่าจะเอาไว้อำพรางทางเข้า

“เดี๋ยวก่อน..”

ฉันเผลอพูดออกไปเมื่อเห็นว่าเด็กน้อยกำลังจะจากไป

ฉันที่เห็นเด็กน้อยที่ซูบผอมแถมร่างกายยังเต็มไปด้วยแผลเล็กน้อยเต็มไปทั่วทั้งตัวแบบเธอแล้ว ฉันปล่อยผ่านไปไม่ได้จริงๆ

เด็กน้อยที่ได้ยินเสียงฉันห้ามเธอไว้ เธอก็หันหน้ามาทางฉันด้วยสายตาสั่นเครือที่ปลายตาของเธอตอนนี้มีน้ำตาคลอที่พร้อมหยดอยู่ทุกเมื่ออยู่

“พี่สาวไม่ทำอะไรเธอหรอกนะ”

ฉันพูดขึ้นมาอีกครั้งก่อนที่พยายามปรับสีหน้าให้อ่อนลงมากที่สุดเท่าที่ฉันจะทำได้

“พี่สาวแค่อยากรู้ว่า เธอเป็นคนช่วยพี่สาวหรือเปล่า?”

เด็กน้อยที่ได้ยินคำถามนิ้วของเธอก็ขยุกขยิกไปมาก่อนที่เธอเอ่ยตอบด้วยเสียงแผ่วเบา

“ชะ..ใช่ค่ะ”

ฉันที่ได้ยินคำตอบจากเธอ ฉันก็เผยรอยยิ้มออกมา

“ถ้างั้นพี่สาวคงปล่อยผู้มีพระคุณไปไม่ได้หรอกใช่ไหมล่ะ?”

“มะ.. ไม่..”

เด็กน้อยทำท่าทางจะปฏิเสธ ฉันเลยรีบพูดขัดขึ้นมาก่อน

“พี่สาวมีแนวคิดที่ว่า ‘บุญคุณ’ ต้องตอบแทนเสมออยู่นะ”

“ตะ.. แต่ว่า”

เด็กน้อยก้มหน้าก้มตามองพื้น หูของเธอตกลงแต่ทว่าหางของเธอนั้นกลับแกว่งไปมา

“ก่อนอื่นพี่สาวขอบคุณเธอมากๆ เลยนะ ไม่อย่างงั้นพี่สาวคงไม่รอดแล้ว”

ฉันพูดออกไปด้วยเสียงอ่อนหวานที่สุดเท่าที่จะทำได้

เด็กสาวที่ได้ยินคำขอบคุณหูของเธอตั้งตรงและหางที่กวัดแกว่งอยู่แล้วนั้นยิ่งแกว่งไปมาเร็วขึ้น

“ขะ.. เข้าใจแล้วค่ะ”

เธอเอ่ยตอบกลับด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน

จ๊อก~

เสียงท้องร้องดังขึ้นมา ฉันมองไปที่ต้นทางของเสียงซึ่งก็คือ ท้องเล็กๆ ของเด็กน้อยตรงหน้าก่อนที่จะหัวเราะคิกคักถึงแม้แผลของฉันจะยังเจ็บอยู่แต่ก็ตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้ว

ฉันค่อนข้างแปลกใจเลยทีเดียวไม่คิดว่าบาดแผลถูกแทงที่ท้องจะฟื้นตัวไวได้ขนาดนี้

อาจจะเป็นเพราะร่างกายของฉันฝึกฝนมาอย่างหนักจึงทำให้ฟื้นตัวเร็วกว่าปกติก็ได้?

ฉันสะบัดหัวไล่ความคิดพวกนั้นออกไป

“ถ้างั้นเราไปหาอะไรกินกันไหม?”

ฉันพูดออกมา เด็กน้อยที่ได้ยินคำถามนั้นเธอก็ก้มหน้าลงอีกครั้งทว่าไม่นานเธอก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยสีหน้ากังวล

“แต่แผลของพี่สาว..”

เด็กน้อยมองมาที่แผลตรงเอวของฉัน

เด็กน้อยคนนี้ช่างน่ารักจริงๆ

“พี่สาวพอจะขยับตัวได้แล้ว”

ฉันเอ่ยตอบกลับไป

จากท่าทางที่เต็มไปด้วยความน่ารักของเด็กน้อยนั้นฉันหยุดไม่ได้จริงๆ ที่จะยกมือแล้วลูบหัวของเธอ

ก่อนที่ฉันจะนึกขึ้นได้ว่าเด็กน้อยดูกลัวการสัมผัส ฉันเลยดึงมือกลับพร้อมกับสีหน้ากระอักกระอ่วน

เด็กน้อยนิ่งเงียบไปนั่นทำให้ฉันเป็นกังวล

“ขอโทษนะ”

เด็กน้อยที่นิ่งไปนั้นเธอก็ค่อยๆ ส่ายหน้าไปมาแรงๆ

“มะ.. ไม่เป็นไรค่ะ”

ฉันเห็นว่าเธอตอบรับด้วยการส่ายหน้าแรงๆ แบบนั้นแล้วใจของฉันก็กระตุกขึ้นมา

ในใจฉันอยากที่จะพุ่งเข้าไปกอดเด็กน้อยตรงหน้าซะเหลือเกิน

ทำไมเด็กน้อยคนนี้ถึงได้น่ารักขนาดนี้กันนะ เด็กน้อยมองฉันด้วยสายตาสงสัยที่เห็นว่าฉันนิ่งเงียบไป

ไม่นานฉันก็ตั้งสติได้ก่อนที่จะค่อยๆ ขยับตัวไปยังทางเข้าที่หลบภัยของเด็กน้อย

ฉันค่อยๆ เปิดทางออกก่อนที่จะคลานออกจากช่องแคบโดยที่เด็กน้อยคนนี้คลานตามหลังฉันออกมา

ฉันเคยเรียนรู้วิธีหาอาหารภายในป่าเพื่อเอาตัวรอดอยู่พอสมควรแต่ว่าพอเจอสถานการณ์จริงแล้วมันต่างจากที่คิดมาก

รอบๆ ตัวของฉันเต็มไปด้วยป่าไม้อย่างเดียว ฉันไม่รู้ว่าจะเริ่มหาอาหารยังไงดีเสียด้วยซ้ำ

ทว่าไม่นานเด็กน้อยก็รีบเข้ามากระชากแขนของฉันด้วยสีหน้าหวาดกลัว

ฉันหันกลับไปมองเธอด้วยสายตาสงสัย

“นะ.. หนี”

เธอพูดออกมาด้วยเสียงหวาดกลัวทว่าฉันกลับไม่รู้ว่าเธอพูดถึงอะไร

เมื่อเห็นว่าฉันยังคงสับสนอยู่เด็กน้อยก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง

“มะ..หมูป่า! หนี!”

ในที่สุดฉันก็รู้ว่าเธอต้องการจะสื่ออะไร

หมูป่าสำหรับฉันนั้นเป็นเรื่องง่ายที่จะปราบปรามมัน แม้แต่ในสภาพบาดเจ็บแบบตอนนี้ทว่าเมื่อมองดูร่างกายของเด็กน้อยตรงหน้าแล้ว

มันคงอันตรายถึงชีวิตของเธอทำให้เธอแสดงท่าทีหวาดกลัวแบบนี้ออกมา

“ไม่ต้องกลัวนะ พี่สาวแข็งแกร่งมาก”

ฉันพูดออกไปทว่าเด็กน้อยก็ยังพยายามดึงแขนของฉันไปอยู่ดี

ตอนนั้นเองที่หมูป่าก็โผล่ออกมา แขนของฉันที่ถูกดึงอยู่นั้นก็ถูกหยุดดึง

เด็กน้อยเลือกที่จะวิ่งมาที่ข้างหน้าของฉัน หูของเธอตั้งขึ้นและหางของเธอก็ฟูฟ่อง

กรร~

เธอส่งเสียงขู่ราวกับแมวในลำคอไปยังหมูป่าแม้ว่าเธอจะยังดูเหมือนกลัวอยู่ก็ตาม

หมูป่าที่เห็นว่ามีพวกเราสองคนขวางอยู่ตรงหน้านั้นมันก็ส่งเสียงร้องของมันก่อนที่จะวิ่งมาทางพวกเรา

ฉันที่เห็นท่าไม่ดีเลยทำท่าชักดาบทว่าฉันกลับไม่เจอดาบที่เหน็บอยู่ข้างเอวของฉัน

นั่นทำให้ฉันตื่นตระหนกเล็กน้อยก่อนที่จะดันร่างของเด็กน้อยออกไปด้านข้างและจากความตื่นตระหนกนี้เอง ฉันเลยเผลอเหวี่ยงกำปั้นสุดแรงทุบไปที่หัวของมัน

แรงทุบกำปั้นของฉันแรงมากพอที่จะทำให้หัวของหมูป่านั้นกระทบกับพื้นและเด้งลอยขึ้นมาเลยทีเดียว

อู๊ด~

หมูป่าร้องออกมาเสียงดังก่อนที่จะแน่นิ่งไป

“อา.. ดูเหมือนเราจะได้อาหารแล้วนะ..”

ฉันหันไปพูดกับเด็กน้อยด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน

เด็กน้อยที่ดูเหมือนจะตกใจอยู่ เธอลุกขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนที่จะเดินเข้ามาหาฉันและดูที่แผลของฉัน

“ผะ.. แผลไม่เจ็บใช่ไหมคะ?”

ดูเธอสิ.. แม้ว่าจะกลัวจนขาสั่น เธอก็ยังเลือกที่จะเอาตัวเองมาอยู่ด้านหน้า ปกป้องคนที่เธอก็ไม่รู้จักและตอนนี้เธอก็ยังไม่สนใจตัวเองและเลือกที่จะมาสนใจแผลของฉัน

เธอจะน่ารักเกินไปไหนกัน!

ในใจฉันกรีดร้องกับความน่ารักของเด็กน้อยตรงหน้าและพยายามข่มความต้องการที่จะพุ่งเข้าไปกอดเด็กน้อย

“อะแฮ่ม.. พี่สาวว่าพวกเราเตรียมกินมื้อใหญ่กันดีกว่า”

เด็กน้อยที่ได้ยินคำพูดของฉัน เธอก็ตั้งสติได้และพยักหน้าขึ้นลงหลายครั้ง

เด็กน้อยมองไปที่หมูป่าพร้อมกับสายตาที่ตื่นเต้น มือน้อยๆ ของเธอกำและแบออกไม่หยุด หางที่แต่เดิมฟูฟ่องตอนนี้แกว่งไปมาอย่างบ้าคลั่ง

อ่า.. น่ารัก..

หลังจากตกลงเรื่องจัดการอาหารแล้วนั้น เด็กน้อยก็พยายามที่จะลากหมูป่าไปด้วยตัวเธอเองทว่าด้วยร่างกายเล็กๆ ของเธอ มันเลยไม่ขยับเลยสักนิดเดียว

ฉันเลยยกหมูป่าด้วยแขนข้างหนึ่งแทนเธอ ซึ่งดูเหมือนว่าเด็กน้อยนั้นจะประทับใจกับความแข็งแรงของฉันมาก

ตาของเธอเบิกกว้างพร้อมกับหางที่กวัดแกว่งไปมาไม่หยุด

“เธอเคยเตรียมเนื้อสัตว์หรือเปล่า?”

ฉันถามเด็กน้อยไปหลังจากที่พวกเราในที่สุดก็มายังจุดที่เด็กน้อยนำทางมา

สถานที่ที่เด็กน้อยนำทางมานั้นมีกิ่งไม้ที่เรียงกันซึ่งถูกมัดด้วยเถาวัลย์หลายชั้นเพื่อยึดแน่นกันและประกอบกลายเป็นแคมป์สามเหลี่ยมที่ทำจากกิ่งไม้ขนาดเล็ก

ฉันประหลาดใจกับความสามารถในการเอาชีวิตรอดในป่าของเด็กน้อยตรงหน้ามากเลยทีเดียวจนอดที่จะแสดงสีหน้าออกมาไม่ได้

เด็กน้อยที่ดูอายุเหมือนจะยังไม่ถึงแปดปีตรงหน้าเธอสามารถเอาตัวรอดกลางป่าได้แบบนี้ เธอไม่รู้จะสรรหาคำชมอะไรมาชมเธอได้เลย

“มะ.. ไม่เคยค่ะ”

เด็กน้อยเอ่ยตอบฉันกลับมาพร้อมกับสีหน้าสลดใจ

ฉันที่เห็นสีหน้าของเด็กน้อยที่สลดใจแล้วใจของฉันก็บีบแน่นจนเจ็บ

“ไม่เป็นไรหรอกนะ เธอสุดยอดมากๆ แล้ว”

ฉันพูดชมเธอออกไป คำชมของฉันมาจากใจจริง เด็กน้อยที่เอาตัวรอดภายในป่าคนเดียวและยังช่วยเหลือตัวเธอที่อยู่ในสภาพเสี่ยงตายได้ ถ้าหากไม่ใช่คำว่าสุดยอดแล้วจะเป็นอะไรไปได้อีก

ฉันยื่นมือออกไปจะลูบหัวของเด็กน้อยทว่าฉันก็นึกได้และพยายามดึงมือกลับไปแต่เมื่อเห็นเด็กน้อยไม่หนีจากมือของฉันที่กำลังเข้าไปหาเธอ

ฉันเลยรวบรวมความกล้าและแตะลงบนหัวของเด็กน้อยเบาๆ และลูบมัน

เด็กน้อยก้มหัวของเธอ หูของเธอลู่ลงไปตามแรงมือของฉันส่วนหางของเธอนั้นฟูฟ่องราวกับแมวที่กำลังตกใจ

ฉันหัวเราะคิกคักออกมาจากการแสดงออกของเธอก่อนที่จะวางหมูป่าลง

ฉันมองไปรอบๆ เพื่อที่จะหาอะไรสักอย่างที่จะสามารถถลกหนังของหมูป่าได้และดูเหมือนเด็กน้อยจะรู้ถึงสายตาของฉัน เธอรีบวิ่งออกไปและไม่นานเธอก็กลับมาพร้อมกับหินก้อนหนึ่งในมือ

“นะ.. นี่ค่ะ”

เธอยื่นก้อนหินก้อนหนึ่งมาให้ฉัน ฉันรับมันไว้และมองดูก้อนหินที่เธอให้มา

มันเป็นก้อนหินที่คมมาก ดูเหมือนว่าเด็กน้อยจะใช้ก้อนหินก้อนนี้ตัดเถาวัลย์ที่ใช้มัดกิ่งไม้ที่เธอใช้สร้างแคมป์เล็กๆ ของเธอ

“ขอบคุณนะ”

ฉันค่อยๆ ถลกหนังของหมูป่าด้วยก้อนหินแหลมโดยมีเด็กน้อยอยู่ข้างๆ คอยมองดูวิธีการที่ฉันทำ

ซึ่งวิธีการถลกหนังจริงๆ แล้วฉันก็ไม่ค่อยรู้มากนักหรอก ฉันแค่ทำตามตำราที่เคยเรียนระหว่างเป็นอัศวินฝึกหัดสำหรับเอาชีวิตรอดในป่าเท่านั้นเอง

ในใจฉันแล้ว ฉันแอบรู้สึกว่าการถลกหนังที่เห็นเลือดและไส้ ออกจะมากเกินไปสำหรับเด็กน้อยไปหน่อยหรือเปล่า

แต่ว่าฉันคิดมากไปเองเมื่อเด็กน้อยไม่ละสายตาไปจากมือของฉันที่กำลังชำแหละหมูป่าเลยสักนิด

ระหว่างที่ฉันกำลังถลกหนังและแล่เนื้อหมูป่านั้นเอง ฉันพยายามหาเรื่องคุยกับเด็กน้อยอยู่พักหนึ่งก่อนที่ฉันจะนึกขึ้นได้ว่าฉันยังไม่รู้ชื่อของเธอเลย

“ว่าแต่เธอชื่ออะไรหรอ?”

เด็กน้อยที่ได้ยินดังนั้นเธอก็นิ่งเงียบไป

“หนู.. ไม่มีชื่อค่ะ”

ฉันที่ได้ยินดังนั้นก็หันขวับไปยังเด็กน้อยด้วยความตกใจแต่ที่มากไปกว่านั้น คือ ความสงสาร

เด็กคนนี้ไม่มีแม้แต่ชื่อ ฉันได้แต่สงสารจับใจก่อนที่จะลูบหัวของเธอ

“ถ้างั้นให้พี่สาวคนนี้ตั้งชื่อให้ไหม?”

ฉันถูกรับเลี้ยงโดยกลุ่มอัศวินที่แข็งแกร่งที่สุด!

ฉันถูกรับเลี้ยงโดยกลุ่มอัศวินที่แข็งแกร่งที่สุด!

Score 10
Status: Completed
ฉัน Flora หรือชื่อเต็ม Florance de Vasselieu คุณหนูจากตระกูลขุนนางระดับเคานต์ที่มีเป็นเป็นตระกูลที่จักรพรรดิ์แห่งจักรวรรดิ Celestara ตระกูลของฉัน Vasselieu เป็นตระกูลที่ปกครองพื้นที่ขนาดใหญ่ทางตอนเหนือของจักรวรรดิซึ่งกำลังถูกรุกรานจากเหล่าคนเถื่อน ระหว่างที่สงครามกำลังเข่นฆ่ากัน กองกำลังของฉันที่ไม่อาจต้านทานจำนวนที่มากเกินไปของคนเถื่อนจึงถอยร่นหลบหนีเอาชีวิตรอด ทว่าการถูกศัตรูจำนวนมากห้อมล้อมนั้นไม่ง่ายเลย กองกำลังของฉันต้องกระจัดกระจายออกเพื่อเอาชีวิตรอด ฉันที่หนีเข้าไปภายในป่าพร้อมกับพี่ชายของฉัน Vincente de Vasselieu พวกเราหลบหนีไปได้ไม่ไกลมากนักเนืื่องจากบาดแผลที่ได้รับมาจากสงคราม ฉันเลยบอกให้พี่ชายของฉันหลบหนีและทิ้งฉันไป ระหว่างที่ฉันกำลังจะหมดสติจากอาการเสียเลือดและความเจ็บปวดของบาดแผลนั้นเองฉันก็เห็นเงาเลือนลางของเด็กคนหนึ่งเข้า

Options

not work with dark mode
Reset