สามีข้าคือขุนนางใหญ่บทที่ 843 เจ้าหนุ่มเทพสังหาร! (1)

บทที่ 843 เจ้าหนุ่มเทพสังหาร! (1)

บทที่ 843 เจ้าหนุ่มเทพสังหาร! (1)

กู้เจียวและเฮยเฟิงเดินทางกลับไปที่ค่าย

ทุกคนที่ค่ายได้รับข่าวเรื่องประตูเมืองฝั่งถูกทำลายแล้ว ทหารทุกคนอยู่ในชุดเกราะพร้อมกับถือทวนหรือดาบอยู่ในมือ ยืนอยู่บนสนามฝึกท่ามกลางลมตะวันตกอันหนาวเย็นเพื่อรอรับคำสั่ง

กู้เจียวไม่ได้ถามว่าใครเป็นผู้นำ บางครั้งคำถามนี้ก็ไม่จำเป็นเสียทีเดียว

พวกเขามาที่นี่เพื่อต่อสู้ เพื่อเกียรติยศ เพื่อแผ่นดินและแคว้น และเพื่อราษฎร!

ตราบใดที่พวกเขายังมีลมหายใจ จะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาทำลายแผ่นดินแคว้นเยี่ยนของพวกเขา!

แม้แต่ตัวมู่ชิงเฉินเองก็รู้สึกตกใจเมื่อเห็นภาพตรงหน้านี้ แม้เขาอยู่กับกองทัพมานานกว่าหนึ่งเดือนแล้วก็จริง และคิดเสมอว่าเขารู้จักทหารเหล่านี้เพียงพอแล้ว แต่ความเข้าใจของเขาก็ยังผิวเผินเกินไป

อะไรดลใจพวกเขาให้ยอมเสียสละเช่นนี้

กู้เจียวที่อยู่บนหลังเฮยเฟิงกวาดตามองทหารทุกคนด้วยสีหน้าที่มั่นคงแน่วแน่ จากนั้นเริ่มออกคำสั่ง “ดีมากทุกคน กองหน้ากับกองกลางออกรบกับข้า ส่วนกองหลังเตรียมตัวออกรบทุกเมื่อ!”

มู่ชิงเฉินได้ยินดังนั้นก็เริ่มใจแป้ว ถึงกับต้องให้กองหลังเตรียมออกรบด้วยเลยรึ

โจวเหรินและจางสือหย่งรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ในที่สุด พวกเขาก็มีโอกาสได้ไปออกรบกับเขาแล้ว!

แต่วินาทีถัดมา พวกเขาก็ตระหนักได้ว่า

ถึงพวกเขาจะไม่กลัวตาย

แต่หากถึงขั้นต้องให้กองหลังมาออกรบ เท่ากับว่าสถานการณ์นั้นย่ำแย่เสียจนคาดการณ์ไม่ได้

ศึกครั้งนี้… อาจเป็นจุดจบของเฮยเฟิงก็ได้!

กู้เจียวมองมาทางกองสำรอง “หวังว่าจะไม่ต้องถึงมือพวกเจ้านะ”

เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เท่ากับว่าทหารกองหน้ากับกองกลางทั้งหมดล้มหายตายจากไปแล้ว

กู้เจียวจำได้ว่าภาพในฝัน กองทัพแคว้นเหลียงและกองทัพเฮยเฟิงต่อสู้กันอย่างดุเดือดจริงๆ อีกทั้งยังมีศึกภายในมาผสมโรงอีกจนทำให้กองกำลังของพวกเขาเหลือไม่ถึงสองหมื่นนาย และท้ายที่สุดพวกเขาถูกกองทัพแคว้นเหลียงล้อมที่บริเวณเทือกเขาหมางซาน

… ไม่มีใครรอดชีวิตออกมาได้

กู้เจียวควบม้าไปบนถนนที่เคว้งคว้างและเปล่าเปลี่ยว

ครั้งนี้จะสามารถเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของพวกเขาได้ไหมนะ

มู่ชิงเฉินที่กำลังควบม้าขนาบข้างเอ่ยขึ้น “ประตูเมืองฉวี่หยางแต่ละจุดมีทั้งหมดสามชั้น มีเพียงแค่ชั้นเดียวที่ถูกทำลาย”

กู้เจียวตอบทันที ”ไม่ใช่ ทั้งสามชั้นถูกทำลายหมดแล้ว”

กระเดื่องประตูที่ถูกทำลายคือบานประตูที่อยู่ชั้นในสุด ซึ่งอีกสองบานที่เหลือก็ดันถูกไส้ศึกคนนั้นทำลายแล้วเช่นกัน

“พังหมดแล้วรึ… ทีนี้จะกันศัตรูอย่างไรดีล่ะ…” มู่ชิงเฉินขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่พัก ก่อนนึกอะไรขึ้นได้ “ใช้ใยไหมฟ้าแดนหิมะอย่างไรเล่า!”

กู้เจียวไม่เห็นด้วย “ไม่ได้ ฉู่เผิงเฟยรู้วิธีจัดการกับใยไหม”

มู่ชิงเฉินหันไปมองกู้เจียว “ดูเหมือนเจ้าจะรู้เรื่องแคว้นเหลียงดีเลยนะ”

“คงงั้นกระมัง” กู้เจียวไม่ได้อธิบายอะไรต่อ ทันใดนั้น กู้เจียวได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง และรีบหันไปทางประตูเมือง “ต้องเร่งมือแล้วล่ะ! พวกมันใกล้ถึงแล้ว!”

เฮยเฟิงเร่งความเร็วทันทีที่ได้ยินคำสั่งของกู้เจียว!

ขณะที่มู่ชิงเฉินกำลังจะทำความเร็วเพื่อตามให้ทัน จู่ๆ ก็มีชาวบ้านคนหนึ่งเปิดประตูออกมาทักเขา “คุณ คุณชายมู่ กำลังจะไปออกรบหรือขอรับ”

มู่ชิงเฉินกระชับสายบังเหียนของเขา เขารีบขี่ม้าไปด้านข้างเพื่อไม่ขวางทางทหารคนอื่น และพูดคุยกับชาวบ้าน “ใช่แล้ว กองทัพแคว้นเหลียงบุกเข้ามาแล้ว ประตูเมืองทางเหนือถูกลูกน้องของตระกูลหนานกงทำลายลง ตอนนี้แม่ทัพเซียวกำลังนำกองกำลังไปปราบศัตรูอยู่”

ขณะที่เขากำลังพูดอยู่ ก็เห็นว่ามีชาวบ้านอีกจำนวนหนึ่งค่อยๆ โผล่ศีรษะออกมา มู่ชิงเฉินจึงเตือนพวกเขา “ทุกคนกลับเข้าไปข้างในเถิด พยายามอย่าออกมาข้างนอก”

ชาวบ้านเอ่ยด้วยสีหน้ากังวล “แล้วเมืองฉวี่หยางจะ… ”

“พวกเจ้าต้องเชื่อใจผู้บัญชาการเซียวของพวกเรานะ เขาสามารถปกป้องเมืองฉวี่หยางไว้ได้อย่างแน่นอน!” มู่ชิงเฉินเอ่ยพร้อมกับหันหน้าไปทางขบวนทัพ

“เฮ้อ พ่อหนุ่มน้อยคนนั้นน่ะหรือ…”

เสียงของตาแก่ถือไม้เท้าคนหนึ่งดังขึ้น

ทุกคนเริ่มเงียบเสียงลง

นั่นสินะ

ว่ากันว่าแม่ทัพของอัศวินยังเป็นวัยรุ่นอยู่เลย

ออกรบตั้งแต่อายุยังน้อยขนาดนี้เลยหรือ

ช่างน่าขันเสียเหลือเกินที่ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยสงสัยว่าเด็กคนนั้นเป็นโจร แต่โจรแบบใดที่จะใช้เนื้อและเลือดของตัวเองปกป้องชีวิตของคนอื่นแบบนี้ล่ะ

เมื่อกองทหารแคว้นเหลียงนับหมื่นมาถึงนอกประตูเมืองทิศเหนือ พวกเขาก็พบว่าทหารเฮยเฟิงได้เข้าแถวรอต้อนรับพวกเขาแล้ว

พวกเขาอยู่ห่างกันเพียงสิบจั้ง บังเอิญอยู่ในระยะการยิงที่มีประสิทธิภาพของนักธนู

โล่และนักธนูของทั้งสองฝ่ายพร้อมแล้ว และการต่อสู้กำลังจะเริ่มต้นขึ้น!

กู้เจียวยืนอยู่หน้าสุดของกองทัพเฮยเฟิง

ทั้งกู้เจียวและเฮยเฟิงล้วนแต่งกายด้วยชุดเกราะสีดำ

ชายหนึ่งคนและม้าหนึ่งตัวยืนตระหง่านอย่างไร้ท่าทีเกรงกลัวภายใต้ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ ยืนอยู่ด้านหน้ากองทัพที่สง่างาม ทั้งม้าศึกและเจ้าของล้วนมีอายุที่เท่ากัน ซึ่งคือสิบหกปี

“เจ้าหนู เจ้าคือเซียวลิ่วหลัง ผู้บัญชาการกองทัพทหารม้าเฮยเฟิงใช่หรือไม่ ได้ยินมาว่าเจ้าเป็นเด็กที่เก่งกาจ!”

แม่ทัพแคว้นเหลียงก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกับเอ่ยทักทาย

จากนั้นเงยหน้าขึ้น แล้วเบนสายตาลงมามองที่กู้เจียว “กล้าดวลกับข้าไหม”

ตัวต่อตัวรึ

นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ใช้กันเวลาเปิดศึก

มู่ชิงเฉินควบม้าเข้ามาข้างกู้เจียว “ชื่อของเขาคือพานหลง หนึ่งในผู้ใต้บังคับบัญชาของฉู่เฟยเผิง ครั้งหนึ่งข้าเคยเดินทางไปยังแคว้นเหลียงพร้อมกับปู่ของข้าเพื่อปฏิบัติภารกิจและได้เจอเขาคนนี้ นิสัยของเขาทั้งรุนแรงและโหดร้าย เชลยศึกที่ตกอยู่ในมือของเขามักจะลงเอยไม่ดีเท่าไหร่นัก”

คำอธิบายของมู่ชิงเฉินเรียกได้ว่าเบากว่าความเป็นจริงไปด้วยซ้ำ พานหลงมีชื่อเสียงในเรื่องการทรมานเชลยศึก รวมถึงเรื่องที่เลวทรามต่างๆ อย่างการไล่เผาไล่ฆ่าคน การปล้นสะดม กลั่นแกล้งสตรีจากตระกูลชั้นสูง ล้วนเคยทำมาหมดทั้งสิ้น

ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาก็มีพฤติกรรมเช่นเดียวกัน แต่ด้วยความที่เขาเป็นคนกล้าหาญ ดังนั้นเขาจึงค่อนข้างได้รับความเคารพ

หลี่จิ้นประสานมือ “แม่ทัพ ให้ข้าออกไปสั่งสอนเขาเอง!”

กู้เจียวหันไปทางพานหลง “ได้สิ”

หลี่จิ้นมีทวนยาวเป็นอาวุธ มือข้างหนึ่งของเขาถือทวนและอีกข้างถือโล่ ควบม้าไปเข้าไปหาพานหลง

พนหลงขมวดคิ้วไม่พอใจและยกคทาศึกขึ้น “ข้าจะดวลกับเจ้าเด็กนั่น! ไยส่งทหารตัวเล็กตัวน้อยมาดวลกับข้า! ข้าจะสู้กับแม่ทัพ… ออกไปเดี๋ยวนี้นะ!”

พานหลงยกคทาศึกขึ้นก่อนจะง้างมือและเล็งไปที่หัวของหลี่จิ้น

ขณะที่ดูเหมือนหลี่จิ้นจะหลบไม่ทัน ทว่าเขาไม่ได้ยกโล่ขึ้นมาป้องกันตัวเอง แต่กลับเลือกที่จะโจมตีอีกฝ่ายด้วยทวนยาวของเขาและพุ่งเข้าไปที่หน้าอกของพานหลงทันที!

ม้าศึกของทั้งสองฝ่ายวิ่นสวนกันภายในพริบตาเดียว

ทั้งสนามรบเต็มไปด้วยความเงียบ มีเพียงแค่เสียงลมและเสียงของเกือกม้า

ม้าศึกของหลี่จิ้นวิ่งวนอยู่หนึ่งรอบก่อนจะหยุดฝีเท้าลง

สายตาของทหารแคว้นเหลียงจับจ้องไปทางพานหลงที่อยู่บนหลังม้า วินาทีต่อมา ร่างของเขาก็เกิดเซและร่วงลงไปบนพื้นที่ต่อมากลายเป็นกองเลือด

หลี่จิ้นรีบหันไปทางกองทัพแคว้นเหลียง และเขาเอ่ยอย่างเย่อหยิ่ง “โถ แย่จริง แม่ทัพจากแคว้นเหลียงสู้ทหารตัวเล็กตัวน้อยของกองทัพเฮยเฟิงไม่ได้เลยหรือนี่!”

ตามมาด้วยเสียงไชโยโห่ร้องดังลั่นของกองทัพเฮยเฟิง!

ทหารแคว้นเหลียงเริ่มหน้าเสีย

ทีแรกพวกเขากะว่าจะลองเชิงอีกฝ่าย แต่กลายเป็นว่าโดนเล่นงานเสียเอง!

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

Score 10
Status: Completed
นิยายแปลไทยเรื่อง : สามีข้าคือขุนนางใหญ่ ชื่อภาษาอังกฤษ : The Grand Secretary's Pampered Wife ผู้เขียน : เพียนฟางฟาง(偏方方) ในอนาคตเขาจะได้เป็น 'ขุนนางใหญ่' อย่างนั้น 'เจ้' คนนี้จะประคอง 'สามี' คนนี้ ให้ไปถึงฝั่งฝันนั้นเอง! รายละเอียด นิยายโรแมนติก-คอเมดี้ ผู้เขียนเดียวกับเรื่องหมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม! จากสายลับสาวสวยแห่งยุคปัจจุบันต้องทะลุมิติมาอยู่ในร่างของ กู้จียว หญิงอัปลักษณ์สติไม่สมประกอบแห่งหมู่บ้านชนบทห่างไกล แม้สติไม่สมประกอบแต่ชอบคนหน้าตาดี กรรมเลยไปตกที่ เชียวลิ่วหลัง ที่เจ้าของร่างช่วยเหลือเอาไว้โดยบังเอิญ เพราะบุญคุณเชียวลิ่วหลังจึงต้องแต่งเข้าอย่างไม่เต็มใจและยังรังเกียจเจ้าของร่างเดิมสุดใจ แต่พราะ "ฝันบอกเหตุ' ที่ร่างเดิมมีทำให้ กู้เจียวคนหม่ได้รู้ว่าเขี้ยวลิ่วหลังสามีของนางคนนี้ ในนาคตจะได้กลายเป็นขุนนางใหญ่ของราชสำนัก เพราะงั้นนางจะปกป้องเขาจากภัยร้ยทั้งหลายเพื่อประคองเขาชื้นสู่ตำแหน่งอย่างราบรื่นเอง!

Options

not work with dark mode
Reset