บทที่ 196 เฉินเกอช่วยแก้สถานการณ์
ในเวลานี้ติงห้าวได้ขับรถท่องเที่ยวที่นับว่าหรูหราของเขาและพาเฉินหลินพวกเขามาด้วย
เห็นว่ามีผู้คนมากมายล้อมอยู่ตรงนี้และเมื่อดูอีกทีนั้นไม่คิดว่าจะเป็นพวกหวังเลี่ยง รู้ว่าต้องเกิดเรื่องอะไรแน่ ๆ จึงรีบเบียดตัวเข้าไป
เมื่อมองดูอย่างคร่าวๆแล้วติงห้าวก็รู้สึกว่าเหมือนมีคนวางประทัดไว้ในสมองของตัวเอง โดนระเบิดจนสับสนงงงวยไปหมด!
เห้ย!
“นี่ใครเป็นคนทำ?”
ติงห้าวพูดด้วยใบหน้าซีดเผือด
“คุณชายติง เขาเป็นคนชน เขาเป็นคนขับรถ!”
หวังเลี่ยงรีบชี้ไปที่หยางฮุย。
ส่วนลี่เม่ยพวกเขาหลังจากดึงสติกลับมาได้ก็ไปยืนอยู่ด้านข้างหวังเลี่ยงโดยตรง
ใช่สิ ตอนนี้ใครกันจะไม่กลัวว่าต้องมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบล่ะ
ถึงอย่างไรก็เกือบล้านแล้ว
ส่วนหยางฮุยนั้น เป็นเพราะตัวเองใช้อารมณ์มากเกินไปถึงได้ก่อเรื่องจริง ๆ นอกจากนี้ก็ยังถูกหวังเลี่ยงแกล้งอีกด้วย แต่เขาในตอนนี้นั้นมีความทุกข์ในใจแต่ก็ยากที่จะพูดออกมาได้ ทำได้เพียงแค่กลืนความทุกข์นั้นลงไปในท้อง
ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนชน
“ไอ้หยา!คุณคุณคุณ……ฉันยอมคุณจริง ๆเลย ลูกสาวของฉันมีแฟนอย่างคุณได้อย่างไรกัน!”
แม่ของสวีเสียที่รู้สึกน้อยใจและอารมณ์ไม่ดีมาทั้งวันแล้ว ในตอนนี้ได้กลายเป็นน้ำตาสองสายไหลลงมาทันที
“ตอนนี้อย่าเพิ่งไปกังวลอย่างอื่นเลย คุณมีคนที่รู้จักไหม รีบติดต่อเขาไปที หรือไม่ก็รีบบอกให้คนที่บ้านเกิดของคุณมาที่นี่โดยเร็วที่สุด!”
เฉินหลินพูดอย่างเรียบนิ่งในเวลานี้
“เขาจะไปมีคนรู้จักที่ไหนกัน ถ้าหวังเลี่ยงเป็นคนก่อเรื่อง ไม่แน่อาจจะยังสามารถคลี่คลายได้ อย่างน้อยหวังเลี่ยงนั้นมีคนรู้จักเยอะ แล้วยังอยู่ในเขตพื้นที่ของคุณชายติงเพื่อนเขาอีก แต่สำหรับเขานั้นแน่นอนว่าต้องไม่ได้แน่ ๆ อีกอย่างคุณชายติงกับเขาก็ไม่ได้สนิทกันมาก เป็นไปไม่ได้ที่จะไปทำให้เจ้าของรถหรูเหล่านี้ไม่พอใจเพราะเขา!”
ไม่รอให้หยางฮุยได้พูด
แม่ของลี่เม่ยก็รีบเปิดปากพูด
ถึงอย่างไรก็เป็นผู้ใหญ่ ฉลาดมากเหลือเกิน
ประโยคนี้ได้ผลักพวกติงห้าวและหวังเลี่ยงออกนอกเรื่องโดยปริยาย โดยบอกพวกเขาว่าอย่ายุ่งกับเรื่องไม่เป็นเรื่องพวกนี้ เพื่อไม่ไปยั่วยุความไม่พอใจของคนพวกนี้มาที่ตัวเอง!
“โธ่ คุณไม่มีเพื่อนอยู่ที่จินหลิงเลยเหรอ?”
ในเวลานี้ ผู้หญิงอีกคนก็ได้กล่าว
หยางฮุยหน้าแดงและพูดว่า:“แน่นอนว่ามี เฉินเกอและหลี่ปินเป็นเพื่อนของผม!”
“ไอ้หยา เราไม่ได้หมายถึงเพื่อนแบบนี้ เรากำลังถามว่าคุณไม่มีเพื่อนที่มีฐานะสูงส่งบ้างเลยหรือ?”
เพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งของลี่เม่ยพูดอย่างเอือมระอา
“พอแล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว ตอนนี้เพื่อนอะไรมาก็ไม่มีประโยชน์แล้ว!ครั้งนี้นายนี่ก่อเรื่องใหญ่แล้ว!”
ในเวลานี้ติงห้าวขมวดคิ้วและพูด
“ห้ะ?ยังมีเรื่องใหญ่อะไรอีก?”
ทุกคนถามด้วยความประหลาดใจ
“พวกคุณรู้ไหมว่ารถเหล่านี้เป็นรถของใคร?”
ติงห้าวหายใจเข้าลึกๆและพูด
“ของใคร?”
“นี่เป็นรถของคุณชายทั้งเจ็ดท่าน คุณชายไป๋คุณชายหวง คุณชายโจวพวกเขา!”
ติงห้าวตะลึงไปเล็กน้อย
“ติงห้าว ก็คือพวกไป๋เสี่ยวเฟยคุณชายไป๋ หวงหยงหาว คุณชายหวงและยังมีโจวเจ๋อคุณชายโจวจากเมืองฮ่องกงอย่างนั้นหรือ?คงจะไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอกใช่ไหม?”
หลายวันมานี้หลี่ชือหานติดตามติงห้าวแล้วได้พบเจอโลกกว้างและประสบการณ์ต่างๆด้านสังคมมากมายจึงถามด้วยความตื่นตระหนก
ติงห้าวหลับตาและพยักหน้าอย่างหนัก:“พวกเขานั่นแหละ!”
“จะทำอย่างไรดีทีนี้!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่ปินก็ตื่นตระหนกเล็กน้อย
คุณชายหลายท่านนี้นั้น น่ากลัวกว่าคุณชายเฉินคนนั้นอีกนะ
“ฉันว่านะหยางฮุยคุณรีบคุกเข่าอยู่ตรงหน้ารถพวกนี้เถอะ ไม่แน่คุณชายพวกนั้นมาอาจจะยอมปล่อยคุณไปก็ได้ ถ้าทำให้พวกเขาไม่พอใจ คงจะไม่ง่ายเหมือนกับเรื่องที่ลี่เยว่ก่อเมื่อกี้นะ!”
หลังจากที่แม่ของลี่เม่ยได้ฟังสิ่งที่ลี่เม่ยพูดแนะนำ ก็ลืมตากว้างด้วยความตื่นตระหนก
“นอกจากนี้หยางฮุย ในเมื่อคุณเป็นคนชนเอง เดี๋ยวคุณก็สารภาพยอมรับโดยตรง อย่าบอกว่าพวกเราอยู่ในรถของคุณด้วย ทนความขายหน้าแบบนี้ไม่ได้หรอก!”
แม่ของลี่เม่ยพูดอีกครั้ง
และในเวลานี้
“พวกคุณรีบดูคุณชายหวงคุณชายไป๋พวกเขามาแล้ว!”
ไม่รู้ว่าใครตะโกนขึ้นมา เห็นเพียงฝูงชนเปิดช่องทางเดินช่องหนึ่ง
คุณชายหวงพากลุ่มคนที่ดูเหมือนลูกคนรวยตรงมา
“เห้ย ใครเป็นคนทำ?”
หวงหยงหาวโยนแว่นกันแดดและพูดอย่างเย็นชา
ไป๋เสี่ยวเฟยและคนอื่นๆก็ได้พาคนมาล้อมรอบ
“ขอโทษ ผมเป็นคนชนเอง!”
หยางฮุยก็กลัวเช่นกันจึงโค้งคำนับและพูดในขณะนี้
“งั้นคุณลองพูดมาว่าเรื่องนี้ควรจัดการอย่างไรดี?มานี่ โทรไปบอกให้คนในร้าน 4S มาตรวจเช็กความเสียหายทันที!”
“นอกจากนี้ คนที่อยู่กับคุณ ห้ามไปไหนแม้แต่คนเดียว!”
หวงหยงหาวพูดประโยคหนึ่ง
บอดี้การ์ดชุดดำได้ฟังแล้วก็ได้ไปโทรศัพท์ และมีคนกลุ่มหนึ่งมาล้อมรอบลี่เม่ยพวกเขาไว้
“ ไอ๊หยา หมดกันหมดกัน ครั้งนี้หยางฮุยไม่เพียงแค่ชนรถของคนอื่น แต่ยังทำให้คุณชายหวงท่านนี้ไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดอีกด้วย แม้แต่พวกเรายังไม่ยอมปล่อยเลย!”
“นั่นสิ เขาสายตาไม่ดีจริงๆเลย รู้อย่างนี้ชนเข้าไปโดยตรงยังดีกว่าอีก คงไม่ต้องมาชดใช้ค่าเสียหายมากขนาดนี้ใช่ไหม?แต่ตอนนี้จะทำอย่างไรได้ ไม่เพียงแค่ชนรถของคุณชายทั้งหลายยังทำให้พวกเราเดือดร้อนไปด้วย!”
“นั่นสิ หลักๆแล้วยังทำให้เสียเวลาในการเที่ยวเล่นของพวกคุณชายเหล่านี้ด้วย!”
เพื่อนร่วมห้องสองคนของลี่เม่ยพูดคุยกันอย่างประหม่า
ส่วนลี่เม่ยหวังเลี่ยงได้ยินสิ่งที่คุณชายหวงหมายถึงแล้ว เหมือนว่าตัวเองก็ยังไม่สามารถไปไหนได้ คนที่นั่งรถของหยางฮุยล้วนแล้วจะต้องมีปัญหา
ในใจก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาและมองตรงไปที่ติงห้าวเพื่อขอความช่วยเหลือ
ติงห้าวก็เข้าใจในทันที ในตอนนี้ก็เดินไปตรงหน้าของคุณชายหวงคุณชายไป๋และพูดอย่างเคารพว่า:
“คุณชายทุกท่าน ผมคือติงห้าวจากเขาหยุนเหมิง ก่อนหน้านี้เคยเจอกับคุณชายไป๋มาครั้งหนึ่ง เหอๆ!”
หวงหยงหาวมองไปที่ไป๋เสี่ยวเฟย
ไป๋เสี่ยวเฟยพูดอะไรเพียงไม่กี่ประโยคกับหวงหยงหาว
หวงหยงหาวพยักหน้าและยิ้มทันทีแล้วพูดว่า:“โอเค ติงห้าว คุณมีเรื่องอะไรพูดมา?”
“คืออย่างนี้คุณชายหวง ผมมีเพื่อนไม่กี่คนที่อยู่ในรถคันนี้ ช่วยไว้หน้าหน่อยได้ไหม?เพราะเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกเขาเลย!”
“เชี้ย!คุณมีหน้าอะไรกัน!ไสหัวไปซะ ถ้าคุณอยู่ในรถคันนี้ ผมก็จะปล่อยคุณไปเพราะเห็นแก่คุณคือเขาหยุนเหมิง แต่ถ้าไม่เกี่ยวกับคุณ ก็อย่ามาตอแหลต่อหน้าผม!”
หวงหยงหาวไม่ตามใจใครทั้งสิ้น!
ดุด่าติงห้าวโดยตรงจนหูและหน้าแดงไปหมด
ติงห้าวไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง จึงทำได้เพียงพาเฉินหลินพวกเขาไปหลบอยู่ด้านข้างด้วยความแค้นใจ
เมื่อหวังเลี่ยงพวกเขาเห็นว่าคุณชายติงยังไม่ได้ผล รู้สึกกังวลใจขึ้นมาทันที
โดยเฉพาะแม่ของลี่เม่ยโกรธจนอยากเข้าไปตบหน้าหยางฮุยหลายๆที
“ผมว่าอย่าเสียเวลาทุกคนเลยเรื่องนี้พอแค่นี้เถอะ!”
ในเวลานี้ เสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้สถานที่ที่มีผู้คนมากมายจนแออัดนั้นเงียบสงบลงทันทีทันใด
ทุกคนหันไปมองที่มาของเสียงบนตัวผู้ชายคนหนึ่ง
เห้ย พอแค่นี้งั้นเหรอ?
ไม่อยากมีชีวิตต่อไปหรือไง?
นั่นสิ คนคนนี้กินอิ่มแล้วไม่มีไรทำใช่ไหม?เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?
ในใจทุกคนตกตะลึงมาก
ใช่แล้ว ผู้ชายคนนี้แน่นอนว่าคือเฉินเกอ。
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา แม้แต่เฉินหลินหลี่ชือหานที่มองว่าเฉินเกอไม่ธรรมดานั้นก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่เฉินเกอและส่ายหัวเล็กน้อย
“เฉินเกอ คุณพูดบ้าอะไรเนี่ย!”
แม่ของลี่เม่ยด่าโดยตรง
ส่วนเฉินเกอนั้น เดิมทีเขาอยากรอให้เจ้าของรถมาแล้วตัวเองใช้เงินจัดการกับเรื่องนี้
แต่เมื่อได้ยินว่าเป็นรถของหวงหยงหาวพวกเขา
เฉินเกอลังเลอีกครั้ง
อีกเดี๋ยวพวกเขามา ถ้าตัวเองไม่ช่วยแก้สถานการณ์ หยางฮุยจะต้องโดนพวกเขาจัดการจนแย่แน่ๆ
แต่ถ้าช่วยแก้สถานการณ์ ตัวตนก็จะถูกเปิดเผย
แต่สถานการณ์ในตอนนี้ ตัวเองอยากทำตัวค้อมต่ำแล้วไม่ช่วยนั้นก็คงจะไม่ได้แล้ว
โธ่ ถ้าถูกเปิดเผย ก็ถูกเปิดเผยเถอะ มันไม่มีทางเลือกแล้ว!
ดังนั้นเฉินเกอได้ก้าวออกมา…