ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐีบทที่ 169 อาจจะเกิดเรื่องแล้ว

บทที่ 169 อาจจะเกิดเรื่องแล้ว

บทที่ 169 อาจจะเกิดเรื่องแล้ว

“เปิดตั้งแต่เมื่อไหร่หรอ ทำไมฉันไม่เคยได้ยิน”

ตอนนี้เมิ่งไฉ่หรูสร่างเมาขึ้นมาบ้างแล้วเล็กน้อย ถามอย่างแปลกใจ

เมื่อสักครู่ อยู่ในเขตของหลี่เฟยหง บอกว่าหลี่เฟยหงเชิญเธอไปทานข้าวด้วยที่ห้องครัวเจียหยวน อยากจะไถ่โทษ

เมิ่งไฉ่หรูไม่ได้คิดอะไรมาก

อีกทั้งยังมองเห็นบอดี้การ์ดชุดดำและโรลส์-รอยซ์ เมิ่งไฉ่หรูก็คล้ายมีความคุ้นเคย

ดังนั้นจึงมาแล้ว

แต่เมื่อบอกว่าจะไปเมืองฝั่งตะวันตก เมิ่งไฉ่หรูก็เกิดความสงสัยขึ้นมาทันที

เมืองฝั่งตะวันตก ฝั่งนั้นมีแต่โรงงาน สถานบันเทิงต่างๆน้อยมาก ห้องครัวเจียหยวนจะขยายสาขาไปฝั่งนั้นทำไม

“ประมาณเมื่อหลายวันก่อนครับ พ่อครัวทำอาหารได้ไม่เลว ตอนที่ผมมา ผู้จัดการหลี่ยังสั่ง บอกว่าครั้งที่แล้วตี้หวางดูแลไม่ทั่วถึง รอบนี้จึงตั้งใจจัดเลี้ยงโดยเฉพาะครับ”

คนขับรถบอก

“งั้นทำไมผู้จัดการหลี่ไม่โทรบอกก่อนล่ะ”

ครั้งนี้หานเฟยเอ๋อถามด้วยความสงสัย

“แหะแหะ เรื่องนี้ผมก็ไม่ทราบครับ เดี๋ยวสักพักถึงแล้ว พวกคุณก็ถามหลี่เฟยหงดีกว่า”

คนขับรถหัวเราะ

“คุณเรียกชื่อผู้จัดการหลี่ตรงๆเลยหรอ”

ตอนนี้ไม่ว่าเมิ่งไฉ่หรูจะมองยังไง คนขับรถคนนี้ก็ไม่น่าเชื่อถือ

คนขับรถได้ยินดังนั้น จึงหัวเราะเจื่อนออกมา

ตอนนั้นเอง ระดับความเร็วของรถจึงเพิ่มขึ้น เพียงเลี้ยวเข้าไป ก็มาถึงถนนของเมืองฝั่งตะวันตก

ภาพโรงงานเรียงรายมากมาย ดังนั้นบนถนนมีรถจำนวนไม่มาก มีเพียงแสงไฟส่องสว่างบนถนน

ยิ่งไปเรื่อยๆ เมิ่งไฉ่หรูยิ่งรู้สึกผิดปกติ

“คุณคนขับ ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย วันนี้คงไปไม่ได้แล้ว เอาแบบนี้ไหม คุณพาพวกเรากลับเถอะ”

ไม่ได้

เรื่องนี้เกรงว่ามันจะไม่ปกติ ถ้าไม่บอกว่าจะไปห้องครัวเจียหยวน ทั้งหมดคงไม่ขึ้นรถมาหรอก

แต่เมื่อออกมาจากถนนการค้า คนขับรถก็ขับออกมาไว้มาก ทำให้ไม่ทันได้ถามอะไร

และคนขับรถคนนี้ มองซ้ายขวาไม่อยู่นิ่ง

ดังนั้นเมิ่งไฉ่หรูจึงไม่วางใจ

“มาก็มาแล้ว ก็ไปดูสักหน่อยเถอะครับ”

คนขับรถบอก

“ไม่ดูแล้วไม่ดู คุณไม่ได้ยินหรอ เราจะลงรถ คุณหยุดรถเดี๋ยวนี้”

หานเฟยเอ๋อบอกเสียงเย็น

คนขับรถชี้ไปที่กระจกมองหลัง “หยุดไม่ได้ครับ พวกคุณดูสิ รถด้านหลังก็ขับอยู่เหมือนกัน ระดับความเร็วแบบนี้ เดี๋ยวเขาก็ชนมาพอดี อีกอย่าง ผู้จัดการหลี่ก็กำลังรอพวกคุณอยู่นะครับ”

“เหอะ เดี๋ยวฉันโทรหาประธานหลี่ของพวกนายเอง”

พูดจบ เมิ่งไฉ่หรูก็กดโทรศัพท์ต่อสาย แต่ก็ยังสายไม่ว่าง

ทำไมเป็นแบบนี้

เอี๊ยด~

เสียงดังขึ้น คนขับรถหมุนพวงมาลัย รถเลี้ยวเข้าไป ลงจากถนนไปผ่านขึ้นลงเนินดิน

เหล่าเมิ่งไฉ่หรูโยกจนแทบเวียนหัวแล้ว

“นี่ไม่ใช่ทางไปห้องครัวเจียหยวน นายเป็นใครกันแน่”

เมิ่งไฉ่หรูตะโกนเสียงดัง

คนขับรถไม่ได้ตอบ

แต่กลับพูดใส่หูฟัง “รับทราบครับรับทราบ คนอยู่บนรถผมแล้ว นอกจากนั้นยังมีสาวสวยอีกสองคนด้วย ถึงแล้วครับ เสร็จสิ้น”

“แกเป็นใครกันแน่ นายจะลักพาตัวพวกฉันหรอ”

ตู้เยว่ที่นั่งอยู่ด้านข้างคนขับตื่นตระหนก

มองดูสถานที่ที่รถจอดลงคล้ายตึกที่ยังสร้างไม่เสร็จ

เธอพึ่งนึกขึ้นได้ว่าในหนังเท่านั้นแหละถึงจะมีฉากแบบนี้

“แม่ง จอดรถ รีบจอดรถเดี๋ยวนี้”

ตู้เยว่ยื้อยุดแขนคนขับรถอย่างบ้าคลั่ง

พลั๊วะ!

เสียงดังขึ้น คนขับรถยกมือขึ้นตบ ผมของตู้เยว่กระจายไปพร้อมทั้งสลบอยู่ที่เบาะ

ตอนนั้นเองคนขับค่อยหยุดรถ

และด้านหลังมีรถตามมาสองคัน มีคนสี่ห้าคนลงจากรถมา เดินออกมาจากตึกร้างอีกสามคน

ลากพวกเมิ่งไฉ่หรูออกมา

ทั้งหมดค่อยดึงสติกลับมาได้

นี่มันลักพาตัวนี่ การลักพาตัวที่วางแผนเอาไว้แล้ว

“ฮัลโหล พวกเราถูกลักพาตัวแล้ว รีบมาช่วยพวกเราที เราอยู่ที่…..”

ตอนนั้นเอง หม่าเสี่ยวหนานจึงพูดเสียงดังลงในโทรศัพท์ตัวเอง

แต่ยังพูดไม่ทันจบ บอดี้การ์ดคนหนึ่งก็หูตาว่องไว แค่ตวัดมือเดียวก็ทำให้โทรศัพท์ของหม่าเสี่ยวหนานตกกระแทกพื้นแตกกระจาย

ต่อมาก็เป็นฝ่ามือที่ตบลงบนหน้าของหม่าเสี่ยวหนาน

“โว๊ะ ยังกล้าโทรศัพท์ พี่สาม ทำยังไง ทำไมไม่เก็บโทรศัพท์พวกเขา”

“เอามา เอามาให้ฉัน”

บอดี้การ์ดหลายคนเดินเข้ามา หานเฟยเอ๋อซ่อนโทรศัพท์เอาไว้ กำลังตั้งใจจะโทรขอความช่วยเหลืออยู่เหมือนกัน แต่ยังไม่ทันได้โทร ก็โดนแย่งไปแล้ว

“เหอะ มัดพวกเธอเอาไว้ให้หมด รอให้พี่ใหญ่ลงมาจัดการ”

เสียงเรียกคนหนึ่งดังขึ้น พวกเมิ่งไฉ่หรูถูกพวกมันจับมัดแล้วพาเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ในตึก

“ฮ่าๆ มีแต่คนสวยๆ ถ้าวันนี้พี่ใหญ่เล่นสนุกพอล่ะก็ ไม่แน่ว่าอาจจะมอบพวกเธอเป็นรางวัลให้เราเล่นบ้างก็ได้”

บอดี้การ์ดคนหนึ่งพูดขึ้น

“ไปเถอะพวกเรา ลงไปรอรับพี่ใหญ่อยู่ด้านล่างกัน นาย นาย และก็นาย พวกนายสามคนเฝ้าอยู่ด้านบนนี่แหละ พี่ใหญ่ไม่มา พวกนายดูนกไว้ให้ดี ระวังพี่ใหญ่มาแล้วได้สับพวกนายล่ะ”

ทั้งสามพยักหน้าตอบรับอย่างนอบน้อม

ส่วนที่เหลือลงไปด้านล่าง

และลูกน้องทั้งสามล่ะ มองเห็นหญิงสาวสวยทั้งสี่กลัวว่าจะอดไม่ได้เผลอจูบไปสักทีสองที จึงตัดใจไปนั่งเล่นเกมที่หน้าประตู

“เสี่ยวหนานเสี่ยวหนาน เมื่อกี้โทรศัพท์เธอโทรติดหรือยัง แล้วเฟยเอ๋อล่ะ”

เมิ่งไฉ่หรูถามด้วยสีหน้าซีดเซียว

หานเฟยเอ๋อร้องไห้พลางส่ายหน้า “ฉันยังเลย ยังไม่ทันได้โทรก็ถูกพวกเขาแย่งไปแล้ว โค้ช ตอนนี้พวกเราควรทำยังไงดี จะโดนพวกเขาทำแบบนั้นไม่ได้นะ ฮือฮือฮือ”

มุมปากของตู้เยว่มีเลือดออก ตกใจจนร้องไห้ไปตามๆกัน

ไม่ว่าผู้หญิงคนหนึ่งถึงจะเยือกเย็นขนาดไหน ตอนนี้พบเจอกับเรื่องแบบนี้ ก็ต้องตกใจกลัวกันทั้งนั้น

“โค้ช ฉันไม่รู้ว่าฉันโทรติดหรือเปล่า ดูเหมือนจะโทรติดแล้ว ฉันเลยพูดออกไป” หม่าเสี่ยวหนานดูอารมณ์จะมั่นคงขึ้นบ้างแล้ว แต่ลมหายใจก็ยังติดขัด

“ห๊า งั้นเธอโทรหาใคร” ทุกคนราวกับเห็นหญ้าช่วยชีวิต

พูดตามตรง ถึงทุกคนจะเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย

พอมีความคิดอยู่บ้าง

เมื่อสักครู่เมื่อเห็นว่าไม่ปกติ บอดี้การ์ดคนนั้นตบตู้เยว่ แล้วยังจ้องเมิ่งไฉ่หรูไม่วางตา

หานเฟยเอ๋อและหม่าเสี่ยวหนานจึงรีบกดโทรศัพท์โทรออก

ความจริง หม่าเสี่ยวหนานได้สติเร็วกว่า ตั้งแต่ที่รถเลี้ยวลงเนินมา หม่าเสี่ยวหนานก็นึกได้ เริ่มกดต่อสายออกไป

ยังไงก่อนหน้านี้ความหวังของทุกคนจะฝากไว้ที่เมิ่งไฉ่หรูให้โทรหาหลี่เฟยหง

ใครจะคิดว่าต่อสายไปสี่ห้าครั้งติดยังโทรไม่ติดอีก

“ฉันโทรหาเฉินเกอ” เมื่อหม่าเสี่ยวหนานเห็นเบอร์แรกขึ้นคือเบอร์ของเฉินเกอ สถานการณ์คับขัน ใครจะมีเวลาสนอะไรมากมายที่ไหน

“ห๊ะ เธอโทรหาเฉินเกอ”

เมิ่งไฉ่หรูผิดหวังแล้ว

“เธอโทรหาคนไร้ประโยชน์แบบนี้จะได้อะไรล่ะ สมองหมูอย่างเขา จะคิดอะไรได้กันล่ะ”

หายเฟยเอ๋อกลัวมาก จึงต่อว่าออกไปตรงๆ

“ตายแล้วตายแล้ว ฉันยังไม่อยากตายนะ”

ตู้เยว่ร้องไห้เสียงดัง

“ไม่ต้องโวยวายแล้ว ลิ่วเอ๋อ เอาเทปกาวปิดปากพวกมันไว้ เดี๋ยวอีกสักพักพวกเธอร้อง ถึงตอนนั้นก็ร้องไห้เต็มที่เถอะ หึหึ”

บอดี้การ์ดยิ้มหื่น

ขณะเดียวกัน

หอพักชาย

เฉินเกอยังคงถือโทรศัพท์นิ่งค้าง

สามนาทีก่อนหน้า หม่าเสี่ยวหนานโทรหาตนเอง ตอนนั้นเฉินเกอพึ่งอาบน้ำเสร็จ โทรศัพท์ดังขึ้นสักพัก

เมื่อกดรับ ก็ได้ยินเสียงตะโกนดังของหม่าเสี่ยวหนาน

ตะโกนอะไรนั้นเฉินเกอเองก็ฟังไม่ชัด

เหมือนว่าเธอถูกลักพาตัวแล้ว แล้วโทรศัพท์ก็ถูกตัดไป

นี่เรื่องอะไรกันเนี่ย

เฉินเกอจึงโทรกลับไป แต่โทรศัพท์ปิดเครื่องไปแล้ว จึงโทรไปหาพวกเมิ่งไฉ่หรู ก็ปิดเครื่องเช่นกัน

สนุกมากแล้วหรอ

เฉินเกอแอบพูดเบาๆ

และก็ไม่วางใจเด็กสาวพวกนั้นอยู่บ้าง รู้ว่าพวกเธออยู่ที่ตี้หวางคาราโอเกะ จึงโทรหาหลี่เฟยหง

แต่สายไม่ว่าง

จากนั้นเฉินเกอจึงต่อสายหาเบอร์ส่วนตัวของหลี่เฟยหง ครั้งนี้โชคดี ครั้งเดียวก็โทรติดแล้ว

“คุณชายเฉิน ยังไม่พักผ่อนหรอครับ”

“ยังครับ เบอร์สาธารณะของคุณทำไมสายไม่ว่างตลอด คุณยังอยู่ที่ตี้หวางไหม”เฉินเกอถาม

“อย่าพูดถึงเลยคุณชายเฉิน ผมกำลังตรวจสอบ เมื่อสี่สิบนาทีที่แล้ว โทรศัพท์ใกล้จะระเบิดแล้ว เว้นแค่สองวิก็มีคนโทรเข้ามา ตอนนี้ผมอยู่ที่ตี้หวาง กำลังตรวจดูว่าใครแกล้งผม”

“อืมอืม เมิ่งไฉ่หรูกับหานเฟยเอ๋อพวกเขาเที่ยวอยู่ที่ตี้หวาง คุณรีบไปดูว่าพวกเธอยังอยู่ไหม”

“ได้ครับ”

ไม่ได้ตัดสาย รอสามนาที หลี่เฟยหงจึงบอก “คุณชายเฉินครับ ยี่สิบนาทีก่อน พวกเธอมีคนรับไปแล้วครับ”

“เอ๋ รีบไปดูกล้องวงจรปิด ถูกใครมารับไปแล้ว”

เฉินเกอก็รู้สึกว่าเรื่องราวไม่ปกติ

และหลี่เฟยหงก็ไม่ได้โง่ เขารู้ว่าอาจจะเกิดอะไรขึ้น

รีบตรวจสอบกล้องวงจรปิดของถนนการค้าจินหลิง

จากนั้นหลี่เฟยหงจึงบอกอย่างรีบร้อน

“คุณชายเฉินครับ ผมตรวจดูแล้ว พวกเธอถูกโรลส์-รอยซ์คันหนึ่งรับไป รถขับอย่างรวดเร็ว ออกจากถนนการค้าไปทางตะวันตกแล้วครับ”

“แย่แล้ว หรือว่าพวกหม่าเสี่ยวหนาน ถูกลักพาตัวไปแล้วจริงๆ”

เฉินเกอเหงื่อตก

“เร็ว รีบบอกหลี่เจิ้นกั๋วจ้าวจื่อซิ่ง ให้มาที่ตี้หวางคาราโอเกะ ผมจะไปเดี๋ยวนี้”

ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี

ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี

Score 10
Status: Completed
ณวันนั้น พี่สาวกับพ่อแม่ที่ทำงานอยู่ต่างประเทศบอกกับตัวเองอย่างกะทันหันว่า ตัวเองเป็นทายาทเศรษฐี ครอบครองสมบัติหลายล้าน เฉินเกอคิดในใจว่า ฉันเป็นทายาทเศรษฐีจริงๆหรอ

Options

not work with dark mode
Reset