ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 1472 ปกป้องเจ้าให้ถึงที่สุด

ตอนที่ 1472 ปกป้องเจ้าให้ถึงที่สุด

ตอนที่ 1472 ปกป้องเจ้าให้ถึงที่สุด

เผ่าอินทรีสามตาจะอยู่รวมกันเป็นฝูงและมีความรักใคร่กลมเกลียวต่อกันมาก เมื่อเผชิญกับอันตราย ก็จะร่วมใจกันฝ่าฟันเป็นตายร้ายดีไปพร้อมกัน

เมื่อเห็นพวกของตนผจญความลำบาก พวกมันจะไม่มีวันนิ่งดูดายแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้น จื่อเฉินเองก็เป็นถึงอดีตผู้นำของเผ่าแร้งสามตาอีก?

รูม่านตาของฉู่หลิวเยว่หดลงทันตา นางไม่คิดเลยว่าเจียงเห่อเทียนจะใช้วิธีการที่น่ารังเกียจเช่นนี้!

ชือรุ่ยเออร์หน้าถอดสี และกำลังจะวิ่งเข้าไป

แต่จู่ๆ เจียงเห่อเทียนก็ตะโกนขึ้นว่า

“คุณหนูรองโปรดหยุดอยู่ตรงนั้น! หากเข้าก้าวเท้ามามากกว่านี้ ข้าไม่รับประกันว่าอินทรีสามตาของเจ้า จักมีชีวิตรอดหรือไม่!”

“เจ้า…”

ทรวงอกของชือรุ่ยเออร์กระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง ดวงหน้างามซีดลงด้วยความโกรธ

เจียงเห่อเทียนผู้นี้บ้าไปแล้วจริงๆ!

นี่เขารู้ไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่!

เจียงเห่อเยนรู้ว่าการทำเช่นนี้ จะทำให้เขาผิดใจกันกับตระกูลเฟยซิงเหมิน

แต่เขาไม่มีทางเลือกมากขนาดนั้น

และวิธีนี้เป็นวิธีเดียวที่สามารถยั่วยุวั่งกวนเยว่ได้!

ฉะนั้นไม่ว่าผลที่ตามมาจะเลวร้ายเพียงใด เขาก็จะไม่ลังเลอีกแล้ว!

ครั้นเห็นยามทีตัวตนของเจียงจื่อหยวนถูกเปิดเผย และพบว่าชีพจรดั้งเดิมของนางฉีกขาด เขาก็รู้ทันทีว่าแผนการที่เตรียมไว้หลายปีของเขา มีอันต้องพังลงเสียตอนนี้!

ยามนี้เขาทำได้เพียงทุบหม้อข้าวจมเรือ[1]เท่านั้น!

แล้วเขายังต้องกลัวอะไรอีก?

เจียงเห่อเทียนยิ้มเยาะอย่างเย็นชา

“หากเจ้าทนได้ ก็จงยืนดูต่อไปแล้วกัน!”

หลังจากพูดจบ ท่อนเหล็กที่ตรึงรอบอินทรีสามตาไว้ ก็เลื่อนเข้าไปรัดร่างของมันแน่นขึ้น!

หนามแหลมคมเกี่ยวแทงลำตัวของมัน และเพียงเคลื่อนไหวเล็กน้อย ก็สามารถฉีกเฉือดเนื้อชิ้นใหญ่นี่ได้!

“ไปไม่ได้”

น้ำเสียงทุ้มต่ำและเย็นชาของจื่อเฉินดังมาจากก้นบึ้งของจิตใจ

ฉู่หลิวเยว่ฟังออกว่าภายใต้คำพูดนั้น มันกำลังระงับคลื่นอารมณ์ที่กำลังพุ่งพล่านในใจไว้อยู่

อย่างไรเสีย เจ้าตัวนั้นก็พี่น้องทางสายเลือดและลูกหลานของมัน!

จะไม่ทำให้มันเจ็บปวดใจได้อย่างไร?

ทว่าในยามเช่นนี้ มันก็ยังเลือกฉู่หลิวเยว่

แต่สิ่งนี้ไม่ได้ทำให้ฉู่หลิวเยว่มีความสุข

และมีแต่จะทำให้นางรู้สึกหนักใจขึ้นเรื่อยๆ

ทุกคำพูดนั้นเปรียบเสมือนภาระอันหนักอึ้ง ที่กดทับลงบนไหล่ของนางจนหายใจไม่ออก

ที่ฝั่งตรงข้าม บนร่างของอินทรีสามตาตัวนั้น เริ่มมีบาดแผลแลรอยเลือดปรากฏขึ้นทีละนิด

หยาดโลหิตเหนียวข้นสีชาด ไหลหยดลงบนพื้นหินหยกสีขาวสลับดำอย่างต่อเนื่อง จนปรากฏดอกท้อสีแดงฉานบานสะพรั้งเต็มพื้น

มันร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด และหนาวสั่น

ราวกับภาพที่ถูกหยุดไว้ชั่วคราว

เหล่าผู้คนต่างเงียบเสียงและมองดูฉากนี้เงียบๆ

แม้นวิธีการของเจียงเห่อเทียนจะดูน่ารังเกียจ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า พวกเขายังต้องการทราบคำตอบสุดท้ายของเรื่องนี้!

“จื่อเฉิน”

ฉู่หลิวเยว่พ่นลมหายใจพรืด

“นั่นคือลูกหลานของเผ่าเจ้า ข้าปล่อยให้มันตายไม่ได้”

“แต่ว่า…” จื่อเฉินยังคงลังเล “ต่อให้เรียกหงส์ทองคำออกมาก็ไม่มีประโยชน์”

ถึงตอนนี้ถวนจื่อจะทะลวงป่านได้ไม่นาน แต่ความแข็งแกร่งของมัน ก็ยังสู้เขาไม่ได้อยู่ดี

ฉู่หลิวเยว่หัวเราตอบรับเสียงเบา

“จื่อเฉิน ข้ารู้ว่าตอนนี้เจ้าเป็นเพียงคนเดียวที่ช่วยมันได้”

ไม่ว่าถวนจื่อจะเร็วแค่ไหน แต่ก็เร็วไม่เท่าเจียงเห่อเทียน

ในเวลาแบบนี้มีเพียงอินทรีสามตาด้วยกันอย่างจื่อเฉิง ที่สามารถพามันกลับมาได้

และนี่คือสาเหตุที่ทำให้เจียงเห่อเทียนใช้วิธีนี้

“ฉันมิอาจปล่อยให้เจ้าเผชิญกับความโหดร้ายเช่นนั้นได้อีก”

ฉู่หลิวเยว่พูดในใจด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

จื่อเฉินถูกจองจำมานานหลายพันปี ยกเว้นครั้งล่าท้ายที่ไปยังบุพกาลชายแดนเหนือ มันก็แทบไม่ได้ติดต่อเผ่าอินทรีสามตาด้วยกันเลย แต่สุดท้ายมันก็ยังเป็นผู้นำของเผ่า

ที่ต้องแบกรับความรับผิดชอบในการปกป้องเผ่าพันธุ์ของตัวเอง

หากเหตุการณ์ในวันนี้บานปลาย หลังจากนี้ก็เกรงว่าจื่อเฉินคงไม่อาจกลับเข้าฝูงได้อีก

และนั่นไม่ใช่สิ่งที่นางอยากเห็น

“ในเมื่อเจ้าทำสัญญากับข้า ข้าต้องปกป้องเจ้า”

ฉู่หลิวเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล หากแต่หนักแน่นอย่างมาก

จื่อเฉินตกใจและพูดไม่ออกอยู่นาน

“อีกสักพักข้าจะดึงความสนใจของเจียงเห่อเทียนให้ ส่วนเจ้าก็รีบใช้โอกาสนั้น เข้าไปพามันออกมา”

คราวนี้ ในที่สุดจื่อเฉินก็ได้คำตอบของตัวเองแล้ว

“ตกลง”

ท่อนเหล็กเฉือดเข้าไปในเลือดเนื้อของมัน อินทรีสามตาล้มลงกับพื้น พยายามดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง

แต่กลับทำให้เหล็กเส้นเหล่านั้นยิ่งบีบรัดมันแน่นขึ้น

เสียงร้องของมันค่อยๆ เงียบลง ร่างกายของหยุดนิ่งไม่ไหวติง

มีเพียงคราบเลือดเจิงนองบนพื้นที่หนาขึ้นเรื่อยๆ จนน่าตกใจ

ท่ามกลางความกดดันที่ช่วยให้หายใจลำบาก พลันมีเสียงหนึ่งโพล่งขึ้นท่ามกลางความเงียบ

“ประมุขเจียง เพื่อกิจในวันนี้ ท่านคงเตรียมการไว้นานแล้วใช่หรือไม่?”

เจียงเห่อเทียนมองไปที่ฉู่หลิวเยว่ ดวงตาคู่นั้นมืดมน แต่กลับแฝงไปด้วยความตื่นเต้นเร้าใจยามได้ชำระหนี้แค้น

“ใช่ที่ไหนกัน ข้าหรือจะสู้คนที่สามารถเก็บซ่อนเรื่องต่างๆ ได้นานเพียงนี้เช่นเจ้า?”

เขากล่าวอย่างเหยียดหยาม

แต่ฉู่หลิวเยว่ไม่สนใจ พลันอมยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า

“ประมุขเจียงขอรับ ตัวข้านั้นมีเมตตาจิต มิเคยทำให้ผู้ใดขุ่นเคืองใจ และไม่เคยคิดที่จะยั่วยุคุณหนูใหญ่เจียงเลยสักครั้ง แต่ไม่รู้เหตุใดพวกท่านถึงยังตามไล่กวดข้าไม่เลิก?”

เจียงเห่อเทียนยิ้มเยาะเบาๆ

“เจ้ารู้ดีแก่ใจ!”

เหตุใดรึ?

แน่นอนว่า นั่นเพราะนางแย่งตำแหน่งพระชายาที่เดิมทีเป็นของเจียงจื่อหยวนไปยังไงล่ะ!

แค่นี้ยังไม่พออีกหรือ?

ทุกอย่างถูกเตรียมการมาอย่างดี ใครคิดว่าคนที่จู่ๆ ก็โผล่มาอย่างไร้ต้นตอเช่นนาง จะมาขัดขวางแผนการที่เขาเตรียมการมาตลอดทั้งปี!

แล้วจะไม่ให้เขาเกลียดนางได้อย่างไร?

ฉู่หลิวเยว่พลันก้าวไปข้างหน้า

“ข้าไม่รู้ แต่เหมือนว่าตอนนี้ มันจะไม่สำคัญแล้ว”

เจียงเห่อเทียนตื่นตัวทันที!

“คิดจะทำอันใดของเจ้า!”

เขาสัมผัสถึงภัยคุกคามในตัวฉู่หลิวเยว่ได้เลือนราง ซึ่งทำให้เขาเริ่มไม่สบายใจขึ้นมา

ฉู่หลิวเยว่กระตุกยิ้มมุมปาก

“ข้าไม่ได้จะทำสิ่งใด แค่คิดว่ามีบางสิ่ง ที่ข้าต้องเตือนท่านไว้ล่วงหน้า”

“จะบอกสิ่งใด? เจ้ายืนพูดอยู่ตรงนั้นก็ได้!”

เจียงเห่อเทียนตะโกนสุดเสียง!

ดวงตาของเขาจ้องมองไปยังถวนจื่อที่เกาะอยู่บนไหล่ของฉู่หลิวเยว่ด้วยความกลัว

คนตรงหน้าเขาไม่ได้ไม่มีน่ากลัว แต่หงส์ทองคำตัวนั้นต่างหากที่ยากจะรับมือ!

ฉู่หลิวเยว่หยุดฝีเท้า พลางมองเขาด้วยท่าทีสบายๆ

ประหนึ่งมิได้กัดดันอีกฝ่าย

“ข้าอยากจะบอกว่า…ข้าคนนี้ เกลียดการถูกคุกคามที่สุดในชีวิต”

นางลั่นวาจาอย่างเชื่องช้า พร้อมลากเสียงยาวกว่าปกติ น้ำเสียงนั้นเย็นเย็บเสียงจนคนฟังชาวาบไปถึงกระดูก

“โดยเฉพาะ…คนที่ใช้ทุกอย่างที่ข้าชื่นชอบ เป็นของเดิมพัน!”

คำพูดนั้นเด็กขาดและเย็นชาไปถึงแกนกระดูก

เจียงเห่อเทียนสบตาสีดำคู่นั้น หัวใจของเขาพลันสั่นสะท้าน!

ชิ้ง!

กระบี่เล่มยาวในมือของฉู่หลิวเยว่ส่องประกายเจิดจ้า!

กระบี่ชื่อเซียวอยู่ในมือนางแล้ว!

พรึบ…

ทันใดนั้น ก็มีร่างขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นเหนือหัวของนาง!

เรือนขนสีดำสนิทและแรงกดดันอันน่าทึ่ง!

เพียงกระพรือปีกเบาๆ ก็สามารถทำให้เกิดพายุลูกใหญ่ได้!

ดวงตาเรียวคมแลดูสง่าและสูงศักดิ์เสียจนผู้ที่มองเห็นจำต้องศิโรราบ!

มันคือ…อินทรีสามตา!

นี่เป็นครั้งแรกที่ฉู่หลิวเยว่อันเชิญอสูรศักดิ์สิทธิ์ออกมาต่อหน้าผู้คนเหล่านี้

ทุกคนล้วนตกใจสุดขีด! อ้าปากค้างพูดไม่ออกกันทั้งลาน!

“อินทรีสามตา! อินทรีสามตาจริงๆ ด้วย!”

“หมายความว่าฉู่เยว่คือซั่งกวนเยว่จริงๆ ใช่หรือไม่?”

“ต้องเป็นนางแน่นอน! มีข่าวลือไปทั่วอาณาจักรเสิ่นซวี่ว่า ชายาเอกแห่งพระราชวังเมฆาสวรรค์อย่างซั่งกวนเยว่ ทำสัญญากับอสูรศักดิ์สิทธิ์ตั้งสองตัว ตัวหนึ่งคือหงส์ทองคำ อีกตัวคืออินทรีสามตา! เรื่องแบบนี้มีนางคนเดียวเท่านั้น!”

[1] ทุบหม้อข้าว จมเรือ หมายถึง การตัดสินใจที่เด็ดขาด ที่เมื่อคิดจะทำแล้วต้องทำต่อไปให้ถึงที่สุด

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

Score 10
Status: Completed
กล่าวได้ว่าชีวิตของ ฉู่หลิวเยว่ นั้นช่างแสนอาภัพ แม้เป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลฉู่แต่กลับเป็นผู้ที่มีชีพจรไร้สามารถ ไม่อาจฝึกพลังใดได้จึงทำให้ถูกคนรังแกมาตั้งแต่เล็ก แม้แต่องค์รัชายาทที่เป็นคู่หมั้นก็ยังไม่เคยมาดูแลและคิดแต่จะถอนหมั้นกับนาง ชีวิตของฉู่หลิวเยว่คงดำเนินต่อไปเช่นนั้น หากน้องสาวคนดีของนางไม่ส่งนักฆ่ามาเพื่อสังหารนางทำให้ดวงวิญญาณแค้นของ ซั่งกวนเยว่ ได้เข้ามาครอบครองร่างนี้แทน คนไร้ค่าอย่างนั้นรึ นางที่เป็นอดีตองค์หญิงลิขิตสวรรค์ผู้แตกฉานด้านการแพทย์และเป็นผู้มากพรสวรรค์แห่งแคว้นย่อมไม่อาจยอมรับคำสบประมาทนี้ได้จริงๆ! ในเมื่อพวกเขาล้วนดูถูกผู้อ่อนแอ นางก็จะแสดงให้เห็นว่าคนอ่อนแอผู้นี้แหละจะเหยียบพวกเขาให้จมดินได้อย่างไร! ควบคุมสัตว์เทพอสูร หลอมรวมพลัง เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และยาพิษ เพื่อยื้อชีวิตเหล่ามนุษย์และทวยเทพ! นางขอสาบาน นางจะทำให้คนที่เคยทรยศเหยียดหยามนางพวกนั้นได้รับกรรมอย่างสาสมเป็นร้อยเท่าพันทวี! ตอนแรกทุกคนเตือนเขาว่า “ท่านหลีอ๋อง บุตรสาวที่ตระกูลฉู่ทอดทิ้งผู้นั้นไม่คู่ควรกับพระองค์!” ต่อมาทุกคนกลับเย้ยหยัน “องค์ชายผู้อ่อนแอ ไม่คู่ควรกับองค์หญิงลิขิตสวรรค์ผู้สูงส่ง!”

Options

not work with dark mode
Reset