ขณะพวกซินเอ๋อร์คิดในใจ เสียงโมโหดังขึ้นหลังถ้วยชานั้นถูกขว้างออกมา
“พวกเจ้ามันบ่าวไพร่ชั้นต่ำ ออกไปให้พ้นหน้าข้า คิดว่าข้าคือคนที่พวกเจ้าจะรุมรังแกได้หรือ พวกเจ้าไม่รู้ว่าข้าคือผู้ใด หากไม่กลับไปดีๆ ระวังวันหน้าข้าจะไม่ไว้หน้าพวกเจ้า ทำให้พวกเจ้าแต่ละคนจากไปอย่างไร้ข้อแก้ตัว!”
เสียงโมโหของหญิงสาว และน้ำเสียงฉุนเฉียว ทำให้คนฟังโมโห
เสี่ยวหวนด้านข้างได้ยิน พลันขมวดคิ้วเป็นปม ก่อนพุ่งเข้าไปในห้องทันทีโดยไม่คิด ก่อนกอดอกเริ่มด่าทอหญิงสาวภายในห้อง
“เหตุใดเจ้าถึงโอหังเช่นนี้ แม้นายท่านของเราจะช่วยเจ้ากลับมา แต่เจ้าก็ไม่ควรคิดเข้าข้างตัวเองเกินไป พวกข้าล้วนเกรงใจเจ้ามาตลอด แต่เจ้าเหตุใดจึงถือตัวเช่นนี้!”
เสี่ยวหวนคือคนที่คิดสิ่งใด เอ่ยสิ่งนั้นออกมา พูดจาตรงไปตรงมา แต่คนกลับดีอย่างยิ่ง
ตอนนี้เสี่ยวหวนอดทนไม่ไหวอีกต่อไป
หลังเมื่อครู่ที่หญิงสาวคนนี้ฟื้นขึ้นมา เอ่ยสิ่งใดเธอล้วนอดทนมาตลอด
แต่สาวน้อยผู้นี้กลับคล้ายหญิงเสียสติ โอหัง เมื่อครู่ยังทำลายข้าวของ จนทำให้เธอและซินเอ๋อร์เกือบได้รับบาดเจ็บ เวลานี้เสี่ยวหวนจึงทนไม่ไหวอีกต่อไป พุ่งเข้าไปในห้อง ก่อนเริ่มด่าทอขึ้นทันที
หญิงสาวได้ยินพลันโมโหเดือดดาล และกอดอกเช่นเดียวกับเสี่ยวหวน ก่อนนั่งลงบนเตียงหมายด่าทอเสี่ยวหวนบางอย่าง เมื่อซินเอ๋อร์ที่ได้ยินเสียงทะเลาะเบาะแว้งภายในห้อง รีบพุ่งตัวเข้าไป ดึงเสี่ยวหวนที่โมโหเดือดดาลไว้ ก่อนเอ่ยเตือนสติ
“เสี่ยวหวน อย่าพูดอีกเลย”
“ซินเอ๋อร์ เจ้าไม่รู้ หญิงผู้นี้โอหังมากเพียงใด!”
เสี่ยวหวนโมโหจนหน้าแดงก่ำ ก่อนชี้ไปยังหญิงสาวที่นั่งอยู่บนเตียงอย่างเดือดดาล
ซินเอ๋อร์ได้ยิน มองตามเสี่ยวหวนไป
เห็นเพียงห้องนี้แม้พื้นที่ไม่กว้างใหญ่ แต่ภายในกลับมีของใช้ครบครัน
เตียงไม้ห้าหลังวางเรียงเป็นแถว ด้านบนมีหมอนผ้าห่มครบถ้วน
หนึ่งเตียงในนั้นมีหญิงสาวผู้หนึ่งนั่งกอดอกอยู่
เห็นเพียงสาวน้อยผู้นี้ อายุราวสิบห้าสิบหกปี ผมดำลื่นดุจม่านน้ำตก ยาวจรดเอว ใบหน้าเกลี้ยงเกลา อวัยวะทั้งห้าบนใบหน้ากลับงดงามอย่างยิ่ง
แต่เวลานี้คิ้วเข้มของหญิงสาวนั้นกลับเลิกสูงขึ้น เผยความยโสโอหังของตนออกมา
ในดวงตากลมโตแฝงด้วยความโมโห ทำให้คนเห็นขลาดกลัว
จมูกโด่งสง่าเชิดสูงขึ้น ด้านล่างคือริมฝีปากแดงเม้มแน่นเป็นเส้นตรง แสดงถึงอารมณ์ไม่ดีของเจ้าของออกมาอย่างชัดเจน
นี่คือหญิงสาวที่งดงามอย่างยิ่ง แต่เพราะโมโห จึงทำให้เธอดูท่าทางน่าอกสั่นขวัญแขวนหลายส่วน
และทำให้คนไม่ถูกชะตาอย่างยิ่ง
ขณะซินเอ๋อร์ประเมินหญิงสาวบนเตียง หญิงสาวบนเตียงนั้นก็กำลังประเมินเธอเช่นกัน
เห็นเพียงสาวน้อยที่เพิ่งเข้ามาเมื่อครู่ อายุน่าจะไล่เลี่ยกับตน
สวมชุดสีขาวสะอาดบนกาย ผมดำขลับนุ่มลื่นดุจเส้นไหมถูกถักเปียออกเป็นสองเส้น พาดลงบนไหล่ทั้งสองข้าง ทำให้สาวน้อยดูมีกลิ่นอายเรียบง่ายหลายส่วน
ใบหน้าดุจหยกขาวแกะสลักอย่างประณีตนั้น งดงามอย่างยิ่ง
โดดเด่นเหนือผู้ใด สิ่งที่ดึงดูดผู้คนที่สุดคือดวงตาคู่งามของสาวน้อยคู่นั้น
ดำขาวชัดเจน ดุจหินนิลกาฬคู่หนึ่งที่สวยงามอย่างมาก
ภายในทั้งใสซื่อ บริสุทธิ์ดุจเทพเซียน ทำให้คนมองอดรู้สึกสงสารเห็นใจไม่ได้
เมื่อเห็นสาวน้อยงดงามสะดุดตาตรงหน้านี้ หญิงสาวบนเตียงอดหรี่ดวงตาที่แฝงไปด้วยความโมโหคู่นั้นลงไม่ได้ ก่อนภายในใจจะปรากฎความอิจฉาขึ้น
เพราะเธอเกลียดชังที่สุดคือ หญิงสาวที่งดงามกว่าตน!
“เจ้าเป็นใคร!”
หญิงสาวเผยอริมฝีปากแดงขึ้นเอ่ยถามซินเอ๋อร์
ดวงตาที่แฝงการประเมินคู่นั้น มองซินเอ๋อร์อย่างไร้มารยาท
ท่าทางนั้นของหญิงสาวถือดีอย่างยิ่ง ราวกับตนสูงศักดิ์ และไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตา
การกระทำนี้ของเธอ ช่างทำให้คนทนมองไม่ได้จริงๆ
เสี่ยวหวนที่อยู่ด้านข้างเห็นเข้าจึงโมโหขึ้น ผู้อื่นสามารถรังแกเธอได้ แต่จะรังแกซินเอ๋อร์ของเธอได้เช่นไร!
พอคิดถึงตรงนี้ เสี่ยวหวนโมโหอีกครั้ง และกำลังจะเข้าไปถกเถียงกับหญิงสาวผู้นั้น แต่กลับถูกซินเอ๋อร์ดึงตัวไว้
“เสี่ยวหวน”
ซินเอ๋อร์หันหน้าใช้สายตาอ้อนวอนบอกให้เสี่ยวหวนอย่าวู่วาม เสี่ยวหวนเห็นเข้า แม้ในใจจะโมโหอย่างมาก แต่ถูกสายตากระจ่างใสคู่นั้นของซินเอ๋อร์สลายทิ้งไป
“อืม เจ้าเข้าไปเถิด”
เสี่ยวหวนถอนหายใจอย่างจนใจ
เพราะเธอรู้ว่าซินเอ๋อร์นิสัยดี ไม่ว่าผู้อื่นจะเอ่ยว่าเธอเช่นไร ทำกับเธอเช่นไร เธอล้วนเพียงยิ้มรับ
ดังนั้นเสี่ยวหวนจึงไม่พูดขึ้นอีก เพียงยืนเงียบๆ อยู่ด้านข้าง
ซินเอ๋อร์เห็นเช่นนั้น จึงยิ้มแย้มให้กับเสี่ยวหวน ก่อนหันไปเอ่ยกับหญิงสาวบนเตียง
“แม่นาง ข้าคือซินเอ๋อร์ เป็นสาวใช้ในวังแห่งนี้ เมื่อวานข้าและนายท่านเห็นแม่นางหมดสติอยู่ริมถนน นายท่านจึงสั่งให้คนพาท่านกลับมาที่นี่”
ซินเอ๋อร์ค่อยๆ เล่าเรื่องเมื่อวานออกมา หญิงสาวได้ยินสีหน้าดูอ่อนลงเล็กน้อย ก่อนเอ่ยกับซินเอ๋อร์อย่างสงสัย
“เป็นเช่นนี้เองหรือ นายท่านของพวกเจ้าช่วยข้ากลับมา เช่นนั้นเจ้าบอกข้าทีสิ ที่นี่คือที่ใด และนายท่านของพวกเจ้าคือผู้ใด!”
“ที่นี่คือวังชางจิงเหลิ่ง”
“วังชางจิงเหลิ่ง หรือ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของซินเอ๋อร์ หญิงสาวอดขมวดคิ้วเอ่ยพึมพำขึ้นไม่ได้ คล้ายกำลังนึกถึงบางอย่าง
เพราะสกุลเหลิ่งนี้ในแคว้นเทียนหยวน มีเพียงเชื้อพระวงศ์เท่านั้นที่ใช้สกุลนี้ได้ จากความเข้าใจที่เธอมีต่อแคว้นเทียนหยวน นอกจากฮ่องเต้และอ๋องหลายพระองค์แห่งเทียนหยวนแล้ว มีทายาทเพียงไม่กี่คนที่สกุลเหลิ่ง
หญิงสาวผู้นี้เอ่ยถึงวังเหลิ่ง ไม่ใช่จวนเหลิ่ง ดังนั้นที่นี่คงเป็นวังของเชื้อพระวงศ์
ทว่าไม่รู้ว่านี่คือวังของเชื้อพระวงศ์องค์ใดแห่งเทียนหยวน
พอคิดถึงตรงนี้ หญิงสาวเอ่ยถามขึ้น
“นายท่านของพวกเจ้า มีนามเช่นไร!”
แม้จะเป็นน้ำเสียงถามไถ่ แต่หญิงสาวเอ่ยถามอย่างไม่เกรงใจ
เสี่ยวหวนที่อยู่ด้านข้างได้ยินจึงโมโหขึ้นอีกครั้ง
“นามของนายท่านของพวกเรา จะสามารถบอกแก่ผู้อื่นตามใจได้เช่นไร!”
“ฮึ ข้าต้องการทราบนามของเจ้านายพวกเจ้า ถือเป็นความโชคดีของเขา ผู้อื่นต้องการให้ข้าเอ่ยถาม ข้าไม่เคยยินยอมเอ่ยถาม!”
หญิงสาวใช้มือกอดอก เชิดคางขึ้นสูง ครั้งนี้ไม่เพียงเสี่ยวหวนที่โมโห กระทั่งซินเอ๋อร์ที่ปกติอารมณ์ดีอดขมวดคิ้วมุ่นไม่ได้
เพราะทุกคนจะว่าเธอเช่นไร เธอต่างไม่สนใจ แต่หญิงสาวตรงหน้านี้ยโสโอหัง กระทั่งเซวียนคล้ายถูกดูแคลน ช่างน่าโมโหจริงๆ
ดังนั้นครั้งนี้ซินเอ๋อร์จึงไม่เอ่ยสิ่งใด
หญิงสาวเห็นเช่นนั้น เม้มริมฝีปากแดงด้วยความไม่พอใจหลายส่วน
เพราะเธอตั้งแต่โตมา ทุกคนล้วนปฎิบัติต่อเธออย่างนอบน้อม มีสิ่งใด เอ่ยพูดสิ่งใด ประจบเยินยอ
แต่ตอนนี้ เธอไร้ผู้คนกลัวเกรงเสียจริง กระทั่งสาวใช้พวกนี้ยังไม่เห็นเธออยู่ในสายตา ไร้เหตุผลสิ้นดี!
พอคิดถึงตรงนี้ ทันใดนั้นหญิงสาวคล้ายฉุกคิดขึ้นมาได้ จึงแค่นเสียงออกมาอย่างดูถูก ก่อนคิดขึ้นได้จึงตั้งใจส่งเสียง ‘โอ’ ออกมา ก่อนเอ่ยขึ้นว่า
“ข้ารู้แล้ว พวกเจ้าไม่เอ่ยนามของเจ้านายออกมา เพราะกลัวว่าข้าจะรู้สิ่งใดเข้า หรือเจ้านายของพวกเจ้า มีความลับที่ไม่สามารถบอกผู้อื่นได้ ไม่อยากให้ผู้ใดรู้ โอ ไม่สิ เหลิ่ง แซ่เหลิง ข้าคล้ายเคยได้ยินมาก่อน ในเมืองหลวงมีพ่อค้าร่ำรวยผู้หนึ่งแซ่เหลิ่ง แม้จะเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของเทียนหยวน แต่กลับอายุกว่าหกสิบแล้ว และเขายังรูปโฉมน่าเกลียด ดุร้าย ดวงตาเล็ก จมูกบาน ปากกว้าง น่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจ กระทั่งเด็กสามขวบยังตกใจจนร้องไห้ และฝันร้ายไม่หยุด หรือคนที่น่าเกลียดเช่นนี้คือเจ้านายของพวกเจ้า ดังนั้นพวกเจ้าจึงไม่กล้าเอ่ยออกมา!”
หญิงสาวกอดอก ก่อนเอ่ยสิ่งที่ตนรู้ พร้อมใส่สีตีไข่ไม่หยุด
ความจริงที่หญิงสาวเอ่ยเช่นนี้ เพราะตั้งใจทำให้หญิงสาวสองคนนี้โมโห แต่เธอไม่รู้ว่าตนเอ่ยถูกต้องเพียงครึ่งเดียว
หลังคำพูดของหญิงสาว เสี่ยวหวนและซินเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างโมโหขึ้นจริง
โดยเฉพาะซินเอ๋อร์
ผู้อื่นจะว่าเธอเช่นไรก็ได้ แต่เธอไม่ยอมให้ผู้ใดว่าเซวียนเช่นนี้
ด้านนอกเอ่ยถึงเซวียนเช่นนี้ เพียงเพราะข่าวลือของคนจิตใจต่ำทรามที่บิดเบือนความจริง
เซวียนของเธอ ไม่ได้เป็นดังที่หญิงสาวผู้นี้เอ่ยออกมาทั้งนั้น!
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์พลันขมวดคิ้ว ก่อนเอ่ยกับหญิงสาว
“ไม่ใช่ดังที่เจ้าพูด นายท่านของพวกเราไม่ใช่…”
“ฮ่า ๆ ดูท่าทางกังวลของเจ้าสิ หรือข้าเดาได้ถูกต้อง และข้าเอ่ยถึงเจ้านายของพวกเจ้า ไม่ได้เอ่ยถึงพวกเจ้า เหตุใดพวกเจ้าจึงกังวลห่วงใยขนาดนี้ หรือเจ้าและเจ้านายมีความสัมพันธ์ที่บอกผู้อื่นไม่ได้ จุ๊ๆ ทว่าจะโทษเจ้าก็ไม่ได้ รูปร่างเช่นนี้ เจ้ายังรับได้ เจ้านายของพวกเจ้าน่ารังเกียจเช่นนั้น เจ้าไม่สะอิดสะเอียนหรือ!”
พอเอ่ยถึงตรงนี้ หญิงสาวใช้สายตารังเกียจมองมายังซินเอ๋อร์ คล้ายบนกายซินเอ๋อร์แฝงไปด้วยเชื้อโรค
ซินเอ๋อร์เห็นเช่นนั้น โมโหจนหน้าแดงก่ำ ทันใดนั้นกลับไม่รู้ควรพูดเช่นไร
เสี่ยวหวนที่อยู่ด้านข้างเห็นซินเอ๋อร์ถูกคนรังแก จึงเข้าไปต่อปากต่อคำกับหญิงสาวผู้นี้อีกครั้ง
หญิงสาวเห็นเช่นนั้น เพียงกอดอก คล้ายนกยูงที่ได้รับชัยชนะ จึงภูมิใจอย่างหนัก
แต่ขณะทั้งสามคนหยุดชะงัก เสียงทุ้มต่ำแหบพร่าสายหนึ่งกลับดังขึ้นจากด้านนอกประตู
“ซินเอ๋อร์ เจ้าอยู่ที่นี่หรือไม่!”
เสียงนั้นแฝงไปด้วยเสน่ห์เจ็ดส่วน เคร่งขรึมสามส่วน ไพเราะจับใจยิ่งนัก
เมื่อได้ยินทั้งสามคนภายในห้องต่างตะลึงงัน ทันใดนั้นเสี่ยวหวนมีสีหน้าถือดีขึ้น แต่ซินเอ๋อร์กลับดีใจ ส่วนหญิงสาวกลับตะลึงงัน
ทว่าสายตาทั้งสามคนต่างมองตามเสียงชายหนุ่มออกไปด้านนอกประตู
เวลานี้เป็นช่วงกลางวัน พระอาทิตย์ด้านนอกจึงเจิดจรัส
แสงอาทิตย์สีทองอ่อนโยน สว่างไสวนั้น เล็ดรอดเข้ามาทางประตูไม้ลายสลักที่เปิดอ้าไว้ ทำให้ทั่วห้องสว่าง
เวลานี้ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ หันหลังให้กับแสงอาทิตย์ ก้าวเดินเข้ามาในห้อง
แม้ชายหนุ่มจะหันหลังให้แสงแดด แต่แสงอาทิตย์สีทองที่สาดลงบนกายเขา ทำให้กายเขาคล้ายกับชุบไปด้วยทองแดง
รวมทั้งรูปร่างสูงใหญ่ เส้นผมดำสนิทของชายหนุ่มนั้น ทำให้เขาดุจเทพเซียนเดินเข้ามา สูงส่งอย่างยิ่ง!
………………………………………………………………………………….