[นิยายแปล]โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร” 183 บทที่ 8 40

ตอนที่ 183 บทที่ 8 ตอนที่ 40

บทที่ 8 ตอนที่ 40

 

ณ ห้องรับแขกของบ้านฟรานซิสเงียบสงบราวกับเวลาหยุดนิ่ง

 

วิคเตอร์และคนอื่นๆต่างประหลาดใจ วิโทร่ายังคงยิ้มอย่างมีความสุข ในที่สุดเหยื่ออันโอชะก็มาถึง

 

จากนั้นใบหน้าของวิคเตอร์ที่ตกใจก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่น่ากลัว

 

ไอริสไม่แคร์สายตาของผู้เป็นพ่อและก้าวไปข้างหน้า

 

 

 

「ขออภัยที่ทำให้การประชุมนี้ต้องหยุดชะงักค่ะ แต่ว่าดิฉันพี่น้องแห่งตระกูลฟรานซิสจะขอเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย」

 

 

 

「สถานที่แห่งนี้ไม่อนุญาตให้คนไม่เกี่ยวข้องเข้า มีน่า พาพวกเธอออกไป」

 

 

 

เขาโกรธมากแต่ไม่ได้ขึ้นเสียงแต่อย่างใด

 

แต่ว่าเสียงต่ำๆที่พยายามระงับความโกรธและความขุ่นเคืองดังก้องกังวาลออกมา

 

 

 

「แบบนั้นก็แย่สิ ดูพวกเธอสิมีสายตาเฉกเช่นเดียวกับเจ้าเลย ฉันละชอบจริงๆ」

 

 

 

เจ้าหญิงแห่งความตายยิ้มด้วยความสนุกสนานขณะที่เธอหยุดวิคเตอร์

 

สายตาของเธอไม่ได้สนใจวิคเตอร์อีกต่อไปแล้ว แต่สนใจเหล่าเด็กสาวที่เข้ามาขัดการสนทนา

 

บางทีอาจเป็นเพราะพลังเวทย์ของวิโทร่า เปลวไฟในเตาผิงได้ดับลงไปแล้ว บรรยากาศเลยหนาวเหมือนกับข้างนอก

 

 

 

「บางทีอาจจะไม่จำเป็นต้องถาม แต่ขอถามเพื่อเป็นมารยาทก็แล้วกัน เหตุใดถึงได้มาที่นี่?」

 

 

 

「ก็เรื่องสัญญาใหม่ของตระกูลเรากับท่านวิโทร่า นั่นแหละคือเหตุผล」

 

 

 

「เข้าใจแล้ว ดูเหมือนจะได้ยินเรื่องที่ฉันพูดสินะ งั้นก็คงเข้าใจว่าฉันต้องการอะไร」

 

 

 

「เดี๋ยวก่อน ชั้นไม่ยอมรับหรอกนะ!」  

 

 

 

วิคเตอร์ที่ปกปิดใจจริงมาตลอดได้ร้อนรน

 

 

 

「อาาา ความมุ่งมั่นของเจ้ามันก็ดีอยู่หรอก แต่ทันทีที่เธอคนนั้นมาที่นี่ ฉันก็หมดความสนใจเจ้าแล้วล่ะ」

 

 

 

ความโกรธของวิคเตอร์เพิ่มมากขึ้นจนเหมือนจะพัดพาความหนาวเย็นที่อยู่รอบๆออกไป แต่ความโกรธของเขาก็เป็นเพียงเหมือนต้นสนในฤดูหนาวก็เท่านั้นในสายตาของวิโทร่า

 

สายตาของเธอพุ่งเป้าไปที่ไอริสและโซเมีย แต่พวกเธอก็รู้ได้ทันทีว่าตัวเธอนั้นกำลังมองหาใครคนอื่น

 

 

 

「หืมคุณลูกสาวฉันคิดว่าเธอจะสังเกตเห็นแล้วซะอีกนะ?」

 

 

 

「อ่า ฉันรู้อยู่แล้วล่ะคุณน่ะไม่ได้สนใจพวกเราเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นเขาต่างหาก」

 

 

 

「เข้าใจแล้ว ถึงจะรู้ว่าฉันสนใจดราก้อนสเลเยอร์คนนั้น ก็เลยกล้ามาที่นี่โดยไม่กลัวเลยสินะ」

 

 

 

 คำว่า “ดราก้อนสเลเยอร์” ออกมาจากปากของวิโทร่าออกมาอย่างชัดเจน และสีหน้าของไอริสก็เริ่มมีความโกรธ

 

 

 

「……ท้ายที่สุดก็รู้อยู่แล้วสินะคะว่าเขาเป็นใคร」

 

 

 

「แน่นอนสิ ฉันไม่ได้ตาถั่วขนาดจะมองออร่าเหล่านั้นไม่ออกหรอกนะ แถมคู่ต่อสู้ทางการเมืองของพวกเธอ เอ่อใครนะ? เม็กเลียรึเปล่านะได้บอกเรื่องนั้นให้ฉันทราบเองล่ะ」

 

 

 

「แล้วเธอคนนั้นต้องการอะไรจากคุณกันแน่?」

 

 

 

「ไม่ได้เรียกร้องอะไรจากฉันหรอกน้อ ก็แค่ได้ยินมาว่าเขาเป็นดราก้อนสเลเยอร์และสามารถจัดการกับลูกาโต้ของฉันได้」

 

 

 

เจ้าหญิงแห่งความตายพูดความลับเหล่านั้นออกมาอย่างง่ายๆ

 

วิโทร่าเหลือบมองลูกาโต้ เขาโค้งคำนับให้เล็กน้อยราวกับจะยืนยันข้อเท็จจริง

 

 

 

「ดราก้อนสเลเยอร์ถ้าตัวตนนั้นมีอยู่จริง ก็อดไม่ได้ที่อยากจะลิ้มรส อะแฮะ ตรวจสอบสักหน่อย」

 

 

 

พลังเวทย์ที่เหมือนกับคลื่นซัดออกมาจากร่างของเธอ ทำให้ผมสีน้ำเงินมันวาวกระเพื่อมเหมือนกับคลื่น อนุภาคของน้ำแข็งระยิบระยับล่องลอยในอากาศเกาะติดกับผมสีเงินของเธอ

 

 

 

「อ่าความรู้สึกนี้มันอะไรกันนะ ฉันอดที่จะคิดถึงโนโซมุ เบลาตี้ ไม่ไหวแล้ว นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายร้อยปีที่ฉันโหยหาใครสักคนมาเติมเต็มความต้องการ ทำยังไงดีแทบจะคุมความรู้สึกเหล่านี้ไม่ไหวแล้ว」

 

 

 

วิโทร่าเริ่มพูดคนเดียวในขณะที่ร่างกายของเธอกำลังย้อมเป็นสีแดงเข้มด้วยท่าทางมีความสุข และดวงตาของเธอก็กลายเป็นดวงตาของหญิงสาวที่อยู่ในห้วงแห่งความรัก

 

 

 

「ไม่สิ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้ยืนยันว่าดราก้อนสเลเยอร์มีอยู่ “จริง” ก็ไม่อยากจะคาดหวัง แต่ก็อดใจไม่ได้อ่า……」

 

 

 

「หนอยย!」

 

 

 

วินาทีถัดมาพลังเวทย์อันรุนแรงก็ถูกพัดไปรอบๆ เฟอร์นิเจอร์ในห้องรับแขกกระจัดกระจายไปทั่วและรูปภาพบนผนังก็หลุดออก

 

รูปภาพที่หลุดออกแข็งตัวลงในพริบตา แตกเป็นเสี่ยงๆ กระจัดกระจายไปรอบๆราวกับหิมะ

 

 

 

「อ๊ะ ขอโทษด้วยนะ ไม่ได้ตั้งใจจะทำของรักของหวงของเจ้า แต่ว่านี่มันคืออาการปกติสำหรับฉัน ดูเหมือนว่าจะหมกมุ่นกับเขาเกินไปซะจนเผลอทำลายผนึกตัวเอง」

 

 

 

แม้ว่าเธอจะกล่าวคำว่าขอโทษออกมา แต่วิโทร่าก็ไม่ได้คิดจะผนึกพลังเวทย์เลยสักนิด

 

ไม่สิ ต้องบอกว่าเธอไม่จำเป็นต้องระงับมันอีกต่อไปแล้วในเมื่อเหยื่อชั้นดีทั้งสามมารวมกัน

 

 

 

「ฉันน่ะเกิดมาพร้อมกับพลังสุดโกงเหนือแวมไพร์ตนอื่นๆในอดีต เพียงแค่มีชีวิตอยู่ก็ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมโดยรอบทำให้ฤดูกาลผิดเพี้ยนไปหมด เห็นข้างนอกนั่นไหม? มีหิมะตกอยู่สินะ นั่นน่ะเป็นผลของพลังฉันล่ะ」

 

 

 

การแสดงพลังออกมาให้ไอริสได้เห็นของวิโทร่านั้นเทียบเท่ากับเผ่ามังกรอย่างซอนเน่และอาเซล

 

ความหนาวเย็นของลมหนาวที่พัดมา อย่างไรก็ตามไอริสสัมผัสได้ถึงพลังอื่นภายใต้ลมหนาวนั่น

 

 

 

「นี่น่ะเหรอพลังเวทย์…….ไม่ใช่สิ」

 

 

 

「อ่า พลังที่เรียกว่าเป็นแหล่งที่มาของพวกเรา พ่อของฉันก็เคยพูดไว้แบบนั้น : พลังจากยุคโบราณ」

 

 

 

「นั่นมัน……」

 

 

 

「เหมือนกับสัตว์ประหลาดใช่ไหมล่ะ ฟุฟุฟุ……」

 

 

 

ปากสีแดงของเธอฉีกยิ้มและวิโทร่าก็หัวเราะออกมา

 

ปากที่กลายเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวสีแดงเข้มเหมือนกับตุ๊กตา รูปร่างหน้าตาของเธอช่างน่ากลัวและงดงามจนไม่สามารถละสายตาจากเธอได้

 

 

 

「เอาล่ะ มาเริ่มเกมกันเลยไหม」

 

 

 

「มีน่า พาทั้งสองคนหนีไปซะ!」

 

 

 

วิโทร่ากำลังจะเดินไปหาไอริส ตอนนั้นเองวิคเตอร์ก็พุ่งเข้าหาเจ้าหญิงแห่งความตาย

 

ขณะที่เขาเคลื่อนไหว มีน่าเองก็เคลื่อนไหวเช่นกัน

 

แม้จะเผชิญหน้ากับวิคเตอร์และมีน่าวิโทร่าก็ไม่ได้สนใจเลยด้วยซ้ำ

 

 

 

「ลูกาโต้」

 

 

 

「ครับ」

 

 

 

ลูกาโต้ขยับตัวด้วยความรวดเร็ว

 

เขาสร้างกระสุนเวทย์จำนวนมากและยิงถล่มใส่วิคเตอร์และมีน่า ทำให้ทั้งสองลงไปคลานกับพื้น

 

 

 

「อั่ก!」

 

 

 

「เอาล่ะตอนนี้ก็ไม่มีพวกหนอนแมลงมาขัดขวางแล้ว มาเริ่มกันเลยดีกว่าเนอะ」

 

 

 

ในที่สุดวิโทร่าก็ยืนต่อหน้าไอริสและโซเมีย

 

เจ้าหญิงแห่งความตายมองลึกเข้าไปในดวงตาของเหล่าเด็กสาวทั้งสอง จากนั้นเธอก็ฉีกยิ้มออกมาด้วยความสนุกสนาน

 

 

 

「อืม น่าสนใจจริงๆ แม้จะอยู่ต่อหน้าฉันก็ไร้ซึ่งความกลัวหรือความโกรธ ถ้าเป็นคนอื่นคงกลัวจนฉี่ราดแล้วล่ะนะ……」

 

 

 

「เพราะว่าตัดสินใจแล้วยังไงล่ะ วิถีชีวิตของฉัน ฉันจะเป็นคนเลือกด้วยตัวเอง」

 

 

 

「เหหหหห……」

 

 

 

แม้จะเผชิญหน้ากับภัยพิบัติเดินได้ไอริสก็ยังแน่วแน่

 

ต่อให้มีความกลัวมากมายขนาดไหนก็ไม่หวั่น แต่น้ำเสียงของเธอที่พูดออกมานั้นหนักแน่นและชัดเจน

 

 

 

「ท้ายที่สุดแล้วฉันก็ไม่สามารถทรยศวิถีชีวิตที่เลือกเดินได้ ถ้าได้ยอมแพ้กับมันเข้า ตัวฉันก็คงไม่ใช่ฉันอีกต่อไป ต่อให้รอดไปไม่ได้มันก็คงทรมานยิ่งกว่าความตายที่แค่ผ่านไปชั่วขณะ」

 

 

 

มือของไอริสลูบผมสีขาวของเธอ มันเป็นความผูกพันระหว่างเขากับเธอ

 

รอยยิ้มแห่งความสงบและความโล่งใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอจากสถานการณ์อันตึงเครียด

 

การแสดงออกนั้นทำให้วิโทร่าตกใจเล็กน้อย

 

ขณะที่วิโทร่ายังคงใจเต้นอยู่นั้นไอริสยังคงพูดต่อไป

 

 

 

「มีหนทางเดียวที่จะจบเรื่องนี้ได้ ก็คือเผชิญหน้ากับมัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ขอน้อมรับชะตากรรมนี้เอาไว้」

 

 

 

「……อืม เข้าใจแล้ว ตัดสินใจได้ดีถ้างั้นฉันก็ไม่มีอะไรจะพูด」

 

 

 

แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ชั่วเวลาเพียงชั่วครู่และชื่นชมกับความกล้าหาญของเธอ วิโทร่าก็เริ่มฝังเขี้ยวลงไปบนต้นคอของเธอในขณะที่ดื่มด่ำเลือดและกระตุ้นตัวของไอริส

 

★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★

 

พื้นที่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยแสงสีขาวบริสุทธิ์ มันเป็นสถานที่แปลกๆที่เขามองไม่เห็นท้องฟ้าหรือผืนดิน โนโซมุทำได้แต่เปล่งเสียงด้วยความงุนงง

 

 

 

「ที่นี่คือ……」

 

 

 

「ยินดีที่ได้รู้จัก โนโซมุ เบลาตี้」

 

 

 

เมื่อได้ยินเสียงนั้นโนโซมุก็หันไปทางต้นเสียงนั้น สิ่งที่เห็นคือเครื่องประดับสีขาวแวววาว

 

ต่างหูที่ทำหน้าที่เหมือนกักเก็บพลังเวทย์ได้เปล่งแสงออกมา ก่อตัวขึ้นเป็นบอลแสงขนาดใหญ่และกลายเป็นตัวตน

 

และเมื่อแสงสงบลงก็มีร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น

 

 

 

「นายคือ……」

 

 

 

「มิคาเอล ผมนี่แหละอดีตเพื่อนรักของเทียแมตที่นายเป็นคนเรียกหา ขอบคุณนะที่คอยดูแลลูกสาวผมอย่างดี」

 

 

 

เจ้าชายแห่งเผ่ามังกรขาว ด้วยท่าทางอันแน่วแน่และน้ำเสียงที่นุ่มนวลที่ควรค่าแก่การให้เรียกแบบนั้น มิคาเอลแนะนำตัวเองกับโนโซมุ

 

 

 

「บางทีมันอาจจะสายเกินไป แต่อย่างน้อยผมก็อยากจะคุยกับนายสักหน่อย ถึงเวลาแล้วที่นายจะต้องเลือกเส้นทางที่แตกต่างจากพวกเราในอดีต แม้ว่านายจะมีเธออยู่ในร่างกายและมีเปลวเพลิงแห่งโทสะสิงสถิตย์อยู่」

 

 

 

มิคาเอล มังกรขาวที่ปรากฏตัวในความทรงจำของเทียแมต คนที่เธอเกลียดที่สุด

 

การพูดคุยกับเขาเป็นสิ่งที่โนโซมุนั้นปรารถนา แต่เมื่อเผชิญหน้ากันจริงๆเขาก็รู้สึกถึงอารมณ์ที่อธิบายไม่ได้ผุดขึ้นมา

 

 

 

「เอ่อช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ……」

 

 

 

「เอิ่มนายคงอยากจะรู้พลังของเท็ตจังและอดีตของเธอสินะ?」

 

 

 

「อืม….ผมอยากจะรู้เกี่ยวกับวิธีควบคุมพลังของเธอน่ะ ต้องทำยังไงเหรอครับ」

 

 

 

「……อืมจะอธิบายยังไงดีล่ะ ต่อให้ทำพันธสัญญากับภูติจำนวนมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถที่จะควบคุมพลังของเท็ตจังได้เลยล่ะ เพราะมนุษย์ไม่สามารถใช้เวทย์วิญญาณได้เท่าพวกเรา บางทีอาจจะเป็นไปได้หากมีชีวิตยืนยาวพอนะ แต่ว่าก็ต้องรับรู้ถึงความจริงที่ว่าตัวนายไม่มีพื้นฐานเหล่านั้นเลย」

 

 

 

ตอมคำขอของโนโซมุ มิคาเอลแนะนำอย่างรอบคอบแล้วสรุปว่า โอกาสที่เขาจะควบคุมพลังของเทียแมตได้นั้นคือศูนย์สนิท

 

 

 

「ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้ยูนีคสกิลของนายพันธนาการโซ่ตรวนวิญญาณและบังคับใช้มันออกมา แต่ด้วยจิตวิญญาณอันไม่บริสุทธิ์เจ้าขี้เจ้าแค้นของเท็ตจังในตอนนี้ก็คงไม่พ้นทำให้นายคุ้มคลั่งเป็นแน่」

 

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดของมิคาเอลโนโซมุก็พยักหน้าเล็กน้อย ความจริงที่ว่าเขาไม่มีพื้นฐานเวทย์วิญญาณ

 

แต่ว่า แม้จะบอกว่ามันจะมีเส้นทางอื่นอันน้อยนิดที่เขาจะหยิบพลังมาใช้ได้ก็แสดงว่ามันยังมีปาฏิหาริย์อยู่

 

ในขณะเดียวกันก็ต้องบอกว่าทั้งหมดนี่เป็นเพราะพันธสัญญาที่เขาได้ทำเอาไว้

 

 

 

「ดังนั้นไม่มีใครอื่นนอกจากนายที่ต้องควบคุมพลังของเธอด้วยตัวเอง」

 

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดของมิคาเอลโนโซมุก็หายใจเข้าลึกๆ

 

รอยยิ้มเขินอายของซีน่าโผล่เข้ามาในใจเขา และรอยยิ้มของไอริสที่ยิ้มอย่างมีความสุข

 

เมื่อเขามองไปที่มือของตัวเองก็พบกับเครื่องประดับที่ทำไว้ให้กับเธอ

 

เครื่องประดับที่มีดอกไม้ประดิษฐ์ปกคลุมพร้อมริบบิ้นสีขาว เป็นกระดิ่งแห่งคำมั่นสัญญา ความมุ่งมั่นได้ผุดขึ้นมาในใจโนโซมุอีกครั้ง

 

 

 

「แล้วทำไมเทียแมตถึงได้เป็นศัตรูกับมิคาเอลล่ะ ไม่ใช่ว่ามิคาเอลกับเทียแมตสนิทกันมากเลยเหรอ?」

 

 

 

「อ่าาา มันก็เป็นแบบนั้นจริงๆแหละ แต่ตั้งแต่ที่ประเทศที่พวกเราสร้างขึ้นได้พังทลายลงไป นั่นล่ะคือสาเหตุ……เพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆเพราะความคิดชั่ววูบเหล่านั้น」

 

 

 

มิคาเอลยังคงกล่าวต่อ

 

อัลฮารันต์ที่เคยเจริญรุ่งเรือง เป็นประเทศในอุดมคติที่ผู้คน มนูษย์สัตว์ และเหล่าภูติรวมตัวกัน

 

 

 

「แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นภัยคุกคามอย่างมากต่อคนอื่น นอกจากประเทศที่พวกเราสร้างขึ้นแล้ว ยังมีประเทศมนูษย์อื่นๆอีก」

 

 

 

และมิคาเอลยังได้กล่าวต่อ ประชาชนในอัลฮารันต์ก็ต่างบิดเบี้ยวไปด้วยพลังอำนาจที่พวกเขามีไว้ครอบครอง

 

 

 

「แต่ว่ามันเกี่ยวกับพวกมนุษย์สัตว์หรือพวกภูติด้วยเหรอครับ เหตุใดถึงทำให้มาอยู่ในจุดนี้ได้?」

 

 

 

「ในตอนแรกพวกเราก็อยู่กันเหมือนยูโทเปียเลยพวกเรานั้นเคารพรักกันและกัน แต่มันก็แค่ภายในอัลฮารันต์เท่านั้น」

 

 

 

นอกเหนือจากมังกรและภูติที่มีพลังมหาศาลในระดับเทพนิยายแล้ว พวกวิญญาณธรรมดานั้นมีเจตจำนงที่อ่อนแอและในขณะเดียวกันก็ถูกกัดกร่อนได้ง่ายๆ

 

วิญญาณที่ถูกกัดกร่อนจะทำตัวเป็นปกปักษ์ต่อพวกเขาและมันจะคอยยุยงปลุกปลั่นเหล่ามนุษย์ มนุษย์สัตว์และเหล่าภูติทำให้ภายในเกิดความร้าวฉาน

 

และก่อนที่จะรู้ตัวการแบ่งพรรคแบ่งฝ่ายก็เกิดขึ้นก่อนที่มังกรอย่างพวกเขาจะรู้ตัว

 

 

 

「ในชุมชนเล็กๆของพวกเขา ทุกคนต่างเริ่มชิงดีชิ่งเด่นกัน และเริ่มแบ่งแยกกัน พวกเขาที่เคยพึ่งพาอาศัยกันก็เริ่มมีความขัดแย้งและใช้อำนาจเข้าห่ำหั่นกัน ต่างฝ่ายต่างเชื่อว่าตัวเองถูก」

 

ด้วยรอยยิ้มจางๆบนใบหน้า โนโซมุนั้นได้แต่เงียบขณะที่ราวกับได้ยินเรื่องราวที่เป็นเหมือนคำสารภาพบาป

 

 

 

「ตั้งแต่เริ่มแล้ว มันไม่มีสิ่งที่เรียกว่าสมบูรณ์แบบอยู่หรอกนะ ยูโทเปียน่ะมันไม่มีจริงสิ่งที่พวกเราทำก็คือความโกลาหลเท่านั้นเอง……」

 

 

 

เขาหลับตาลงและเงยหน้ามองอนาคตที่ไม่มีคำว่าแน่นอน มิคาเอลยังคงพูดต่อไป

 

ในที่สุดเมื่อเวลาผ่านไปประกายไฟแห่งความเกลียดชังก็ได้ถูกจุดขึ้นและทำให้เกิดการแย่งชิงอำนาจ

 

 

 

「จากนั้นก็เหมือนกับพวกที่หนีความจริงนั่นแหละ บางคนเริ่มบอกว่าพวกเราไม่ควรไปข้องเกี่ยวกับพวกมนุษย์ และความผูกพันของพวกเราก็เริ่มมลายหายไป และมังกรทั้งสี่ยกเว้นผมกับเท็ตที่ตัดสินใจพังทลายอัลฮารันต์แห่งนี้」

 

 

 

「ทุกคนต่างทอดทิ้งเมืองที่สร้างขึ้นมางั้นเหรอครับ?」

 

 

 

「อ่า พวกนั้นเริ่มมีอำนาจเยอะมากขึ้นและเริ่มแสดงเจตนาร้ายอย่างเห็นได้ชัด บางคนก็มีพลังที่แม้แต่เผ่ามังกรก็มิอาจเพิกเฉยได้ ถึงกระนั้นก็ยังเป็นประเทศที่เราประคับประครองมาเป็นอย่างดี……」

 

 

 

หากนึกถึงความทรงจำของเทียแมตเดิมทีแล้วอัลฮารันต์นั้นตั้งอยู่บนชีพจรมังกรหลายเส้น มันถูกสร้างขึ้นมาบนดินแดนแห่งความเกลียดชังที่ถูกทำให้สงบลงด้วยพลังของธรรมชาติ หากการช่วยเหลือของเหล่ามังกรหายไปอัลฮารันต์จะกลายเป็นพื้นที่แห่งหายนะอีกครั้ง

 

กล่าวอีกนัยหนึ่งมังกรตัวอื่นๆยกเว้นมิคาเอลและเทียแมตคิดว่าพวกตัวเองควรถอยห่างในขณะที่พาคนที่เป็นพวกของตัวเองถอยห่างจากดินแดนแห่งหายนะนี่

 

จากมุมมองของมนุษย์ มันก็คิดได้ว่าเป็นเรื่องที่น่าโกรธเคือง

 

 

 

「เพราะความหยิ่งผยองเหล่านั้น……」

 

 

 

「อ่า เพราะเหตุนั้นแหละ ถึงกระนั้นพวกเขาก็เป็นมังกร จุดสูงสุดของทุกเผ่าพันธ์เป็นตัวตนที่คอยรับผิดชอบการคงอยู่ของโลกใบนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะละทิ้งการดำรงอยู่ที่อาจจะบิดเบือนโลกใบนี้อย่างอัลฮารันต์ทิ้งไป เพราะมันไม่สามารถแก้ไขได้แล้ว」

 

 

 

ดังนั้นมังกรคนอื่นยกเว้นเทียแมตจึงตัดสินใจหนีออกจากประเทศที่พวกตัวเองสร้างขึ้น

 

 

 

「แต่เท็ตจังยังคงไม่ยอมแพ้ในขณะที่เหล่าพันธมิตรคนอื่นๆเริ่มถอนตัวออกจากอัลฮารันต์ แต่ว่ามันก็สายเกินไปที่จะช่วยเหลือ และเธอก็ติดอยู่ในวังวนนั่น ผมเองก็ได้แต่พร่ำบอกตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า…」

 

 

 

ในใจของโนโซมุนึกถึงอดีตที่เคยเห็นของเทียแมต

 

เธอที่ทำให้ตัวเองแบกรับภาระทุกอย่าง ในขณะที่พวกมนุษย์เหล่านั้นต่างหมดความอดทนต่อภัยพิบัติที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอพยายามช่วยเหลือจัดการภัยพิบัติด้วยตัวคนเดียวอย่างสิ้นหวัง

 

 แม้ว่าจะมีคำว่า「ขอบคุณ」จากคนที่ได้รับการช่วยเหลือ

 

แค่คำพูดคำเดียวนั้นมันจะช่วยเหลือเธอได้แค่ไหนกันนะ

 

เนื่องจากเขาสามารถฟื้นสติจากการถูกเทียแมตควบคุมได้ด้วยไอริสและซีน่า โนโซมุจึงพอเข้าใจความเจ็บปวดของเทียแมต

 

 

 

「ผมได้ตัดสินใจช่วยเท็ตจังจนวาระสุดท้าย สำหรับเท็ตที่โดนเพื่อนร่วมเผ่ารังเกียจ อัลฮารันต์คือที่อยู่แห่งสุดท้ายที่เธอมี」

 

 

 

ความเห็นอกเห็นใจที่มีต่อเทียแมตที่ถูกเกลียดชังจากเผ่ามังกร ทำให้โนโซมุได้แต่กัดฟันแน่น

 

 

 

「แล้วเหตุการณ์นั้นก็เกิดขึ้น」

 

 

 

「เหตุการณ์?」

 

 

 

「เพื่อนคนหนึ่งของเราพยายามเข้าไปหยุดเท็ตด้วยกำลัง สุดท้ายก็ต้องตายไป」

 

 

 

ตาย เมื่อได้ยินคำนั้นดวงตาของโนโซมุก็เบิกกว้าง

 

นอกเหนือจากความตกใจของโนโซมุแล้ว เรื่องราวของมิคาเอลยังคงดำเนินต่อไป

 

 

 

「เมื่อเขาตาย แหล่งที่มาของพลังของเขาก็ถูกเท็ตดูดซับเข้าไป จากนั้นเธอก็พยายามไม่เข้าไปยุ่งกับคนอื่นๆ แต่ว่าก็มีกองกำลังไล่ล่าเท็ตเพราะอุบัติเหตุในครั้งนั้นทำให้เท็ตต้องฆ่าคนอื่นเพื่อเอาชีวิตรอด และถูกบังคับให้ดูดซับพลังของมังกรเผ่าอื่นๆ」

 

 

 

ผู้ที่พยายามจะไปจับกุมตัวเทียแมตได้ตายลง และพลังของเทียแมตก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ มันเป็นโดมิโนแห่งหายนะชัดๆ

 

 

 

「มังกรเราเป็นสิ่งมีชีวิตที่บริสุทธิ์ เดิมทีเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสืบทอดพลังของมังกรต่อกันไป มังกรแต่ละตัวจะมีความถนัดในธาตุต่างๆอยู่ แต่เท็ตจังนั้นพิเศษออกไป เธอสามารถรับพลังธาตุที่แตกต่างจากตัวเองได้และช่วงชิงพลังนั้นมาเป็นของตัวเอง เพราะชาติกำเนิดของเธอ」

 

 

 

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเธอจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่การที่ดูดซับพลังจำนวนมากมาก็ค่อยๆกัดกินร่างกายและจิตวิญญาณของเธอ

 

พลังที่ควบคุมไม่ได้และจิตวิญญาณที่แตกสลาย โนโซมุเข้าใจดีเลยว่าการที่มีพลังเกินตัวมันยากเกินจะรับมือขนาดไหน

 

 

 

「ถึงกระนั้นแล้ว ผมก็รักษาอัตตาสุดท้ายของตัวเองไว้ได้ และทำลายโซ่ตรวนชิ้นสุดท้ายลง」

 

 

 

สีหน้าของมิคาเอลเต็มไปด้วยความเสียใจ

 

 

 

「ตอนนั้นตอนที่ผมกำลังมุ่งหน้าไปยังดินแดนเผ่ามังกรและมนุษย์เพื่อเจรจาครั้งสุดท้าย เมื่อกลับมา ก็เห็นเท็ตจังได้พรากวิญญาณของเพื่อนๆไปจนหมด จนควบคุมตัวเองไม่ได้อีกต่อไป ทำลายประเทศที่ตัวเองหวงแหนมากที่สุด」

 

 

 

กล่าวอีกนัยหนึ่งเมืองที่เธอต้องการปกป้องได้ถูกทำลายด้วยน้ำมือของตัวเอง

 

 

 

「ในขณะนั้นเธอก็พูดว่าเธอไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าใคร แต่ผมก็ไม่ได้เชื่อคำพูดของเธอและพูดกับเธอไปว่า “ยัยคนทรยศ”……」

 

 

 

ส่วนที่เหลือก็เป็นไปตามตำนานที่ถูกเเล่าขาน

 

เหตุผลที่เทียแมตเต็มไปด้วยความโกรธและความเกลียดชังก็เพราะตัวตนที่เธอรักปฏิเสธคำพูดของตัวเธอเอง

 

เธอทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในสายตาไม่สนใจสิ่งใดอีกต่อไป เหมือนเชือกเส้นสุดท้ายที่รั้งตัวไว้มันได้ขาดวิ่นไปแล้ว

 

และมิคาเอลก็รับผิดชอบโดยการที่ตัวเองกลายเป็นแกนผนึก ผนึกเธอไว้ในอัลฮารันต์ ที่เทียแมตได้ทำลายลง

 

เมื่อมิคาเอลพูดจบ ก็มีความเงียบที่ไม่สามารถอธิบายได้ขึ้นมา

 

 

 

「นั่นคือเรื่องราวในอดีตของพวกผม」

 

 

 

โนโซมุตกตะลึงที่มิคาเอลเปลี่ยนท่าทีอย่างกะทันหัน แต่เขาก็ส่ายหัวและพยายามไม่คิดมาก

 

อดีตของเทียแมตที่เป็นสิ่งกวนใจเขามาตลอด ตอนนี้ได้รับการแก้ไข และเขาก็ต้องการวิธีควบคุมพลังของเทียแมต

 

 

 

「มีสองวิธีที่จะควบคุมพลังของเธอได้ หนึ่งคือการควบคุมยูนีคสกิลของตัวนายเอง แต่ไม่รู้ว่าวิธีนั้นจะใช้เวลานานสักแค่ไหน และข้างนอกดูเหมือนจะมีเรื่องวุ่นวายมากๆอยู่ในตอนนี้ด้วย」

 

 

 

「อึก!」

 

 

 

เมื่อได้ยินมิคาเอลพูด เขาโบกมือเล็กน้อยก็มีกระจกวงกลมปรากฏขึ้นหลังเขา

 

ภาพนั่นแสดงให้เห็นว่าซีน่านั้นมีสีหน้าไร้วิญญาณ และไอริสที่ถูกวิโทร่ากัดคอเธอ

 

นี่มันอะไรกัน!?

 

ราวกับรู้สึกถึงความกระวนกระวาย ความหงุดหงิด และสับสนที่ผุดขึ้นมา มิคาเอลกล่าวต่อ

 

 

 

「แม่หนูเอลฟ์คนนั้นได้ปฏิเสธที่กลับไปที่หมู่บ้านและได้ถูกปู่ทวดของเธอผนึกจิตใจของเธอ และพยายามแยกตัวแม่หนูเอลฟ์คนนั้นออกห่างจากเจ้าเพราะกลัวอันตราย」

 

 

 

แม้ว่าเธอจะโดนปู่ทวดผนึกจิตใจไปแล้ว แต่สีหน้าที่เหมือนดั่งตุ๊กตาของเธอก็ไม่ได้เปลี่ยนไป

 

ในกระจกที่ลอยอยู่ในอากาศมิมูรุรีบวิ่งไปคว้าตัวเธออย่างสิ้นหวัง แต่เธอก็ดูเหมือนกับร่างไร้วิญญาณ

 

 

 

「ส่วนหญิงสาวผมสีขาวตรงนั้นตัดสินใจเสียสละตัวเองเพื่อไม่ให้เจ้าต้องกังวล ความมุ่งมั่นของเธอในหัวหน้าตระกูลคนถัดไปและเส้นทางที่เธอเชื่อมั่นต้องพังทลายลงไปกับตา」

 

 

 

ไอริสซึ่งกำลังถูกวิโทร่าดูดเลือดอยู่ก็คุกเข่าลงและเริ่มสั่นขณะที่จับไหล่ตัวเอง

 

จากรอยเขี้ยวที่ต้นคอของเธอ มีรอยเส้นเลือดสีดำปรากฏขึ้นบนผิวสีขาวบริสุทธิ์

 

 

 

「ทั้งสองมีความรักที่ลึกซึ้งกับนาย เหมือนกับผมและเท็ต」

 

 

 

มิคาเอลเปิดเผยความลับของไอริสและซีน่าที่พยายามปกปิดเอาไว้

 

ความจริงที่ว่ามันทำให้โนโซมุนั้นหัวหมุน

 

 

 

「นายคงจะไม่รู้พันธสัญญาโลหิตที่แม่สาวเอลฟ์นั่นทำให้นาย นั่นคือพิธีกรรมขอแต่งงานของเผ่าเอลฟ์ เป็นพิธีกรรมที่จะทำให้วิญญาณของพวกเจ้าทั้งสองต้องมีชะตาร่วมกันและจะคงอยู่จนกว่าจะแยกจากกันด้วยความตาย และเธอก็ได้สูญเสียพลังทั้งหมดของตัวเองเพื่อเป็นพลังให้กับนาย」

 

 

 

พันธสัญญาโลหิต เป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์สำหรับเอลฟ์ และเป็นพิธีแต่งงานของเผ่าเอลฟ์

 

นั่นคือความรู้สึกของเอลฟ์สาวที่มีต่อชายหนุ่มคนนี้ ความปรารถนาของเธอคืออยากจะช่วยเขา

 

 

 

「ส่วนแม่สาวผมขาวตัดสินใจตัดความสัมพันธ์กับนายเพื่อให้นายไม่ต้องมาเผชิญเรื่องร้ายๆ แม้ว่าเดิมทีนายจะไม่เกี่ยวข้องก็ตาม แต่เธอเชื่อว่านี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำให้นายได้ในตอนนี้」

 

 

 

มันเป็คนความรู้สึกที่ว่าไม่อยากยอมแพ้ เธอนั้นมีจิตใจอันสูงส่งและไม่อยากลากใครมาพัวพัน

 

ในขณะเดียวกันการที่เธอทำแบบนี้ก็เป็นการปฏิเสธความรู้สึกอันแท้จริงจากใจของตัวเอง

 

 

 

「อึก ทำไมกันเล่า!」

 

 

 

ความคิดของโนโซมุที่จมอยู่ในวังวนแห่งความสิ้นหวังแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ เขาที่ไม่รู้อะไรเลย และไม่เคยรับรู้ภาระที่พวกเธอแบกรับ

 

เขากัดริมฝีปากแน่น มิคาเอลจ้องมองโนโซมุ ด้วยความอิจฉาเล็กน้อย

 

สำหรับเขาแม้แต่ความรู้สึกโกรธมันได้จางหายไปจากตัวเขาไปนานแล้ว

 

ในพื้นที่ว่างเปล่านี้ เขากลายเป็นตัวตนที่มีอยู่เพื่อผนึกเทียแมต

 

 

 

「ตอนนี้ผมจะแสดงอีกวิธีให้เห็นในการควบคุมพลังของเท็ตจัง ถ้านายต้องการจริงๆ ก็คือการฆ่าผม ณ ที่นี่และยอมรับพลังของผมเข้าไป」

 

 

 

「……ว่าไงนะ?」

 

 

 

「ตอนนี้ร่างกายของผมเป็นเพียงแค่แกนผนึก ถ้าทำลายมันและดูดซับพลังของผมเข้าไป ก็จะทำให้ควบคุมพลังของเธอได้ง่ายขึ้น ผมแน่ใจว่าพ่อของผมมอบมันให้กับนายด้วยความตั้งใจนั่น」

 

 

 

แม้ว่าร่างกายจะเปลี่ยนไป แต่ก็ยังเป็นมังกร ดังนั้นหากถูกฆ่า ก็จะถูกดูดซับพลังและความทรงจำทั้งหมดมา

 

คำพูดของมิคาเอลที่แฝงไปด้วยความสิ้นหวังทำให้หัวของโนโซมุที่ร้อนอยู่นั้นเย็นลง

 

นอกเหนือจากโนโซมุที่สับสนแล้ว มิคาเอลยื่นมือออกไปและมองลงมาที่โนโซมุด้วยแววตาที่ยอมแพ้ทุกสิ่ง

 

 

 

「เอาล่ะ ฆ่าผมเลยสิ จากนั้นก็จะสามารถควบคุมพลังของเธอได้ และก็จะสามารถช่วยพวกเธอทั้งสองคนได้」

 

 

 

ก่อนที่เขาจะรู้ตัว โนโซมุก็ถือดาบอันเป็นที่รักไว้ในมือ

 

ศัตรูของเขา ดาบที่ไร้ซึ่งนาม เส้นทางที่ไร้ทางออก เขาดันสันดาบขึ้นเล็กน้อยเห็นแสงสลัวๆราวกับจะค้นหาคำตอบ

 

เขาเหลือบมองมิคาเอลหนึ่งครั้ง จากนั้นก็จ้องมองไปยังคาตานะคู่ใจ

 

เขาหลับตาหายใจออกอย่างหนักและเรียกมิคาเอล

 

 

 

「สุดท้ายนี้………ผมจะกลับไปที่อาคาร์ซัมได้ยังไง」

 

 

 

「จะไม่ฆ่าผมงั้นเหรอ?」

 

 

 

「แน่นอนว่าต้องทำอะไรสักอย่าง นั่นคือสิ่งที่ผมกำลังตามหาอยู่ แต่ผมไม่ได้จับดาบเพราะอยากจะฆ่าใคร และไม่ได้ต้องการพลังเพื่อแก้แค้นใครด้วย」

 

 

 

โนโซมุย้อนมองกลับไปยังเส้นทางเดินของเขาอีกครั้ง

 

แม้ว่าอยากจะซัพพอร์ตลิซ่า แต่เขาก็ถูกทรยศโดยเพื่อนสนิทและใช้ชีวิตด้วยความอับโชค

 

เขาใช้เวลาเป็นปีในการที่หนีความจริงและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ แต่เขาก็ไม่ได้ออกไปจากเมืองแห่งนี้

 

เขาได้พบกับอาจารย์ที่ต้องพลัดพรากจากกันด้วยโรคร้ายและปิดชีพเธอด้วยมือคู่นี้เพราะคำขอสุดท้ายในชีวิตของเธอ ได้พบกับไอริสและคนอื่นๆด้วยการสนับสนุนของพวกเธอจึงทำให้เขากลับมายืนหยัดได้

 

เพราะได้รับการสนับสนุนจากใครบางคนและกำลังใจจากพวกเธอ เขาจึงลุกขึ้นมาได้ต่อให้จิตใจแหลกสลายไปแล้วก็ตาม

 

นั่นเป็นเหตุผลที่โนโซมุคิด

 

 

 

「ยังไงผมก็ทำตามความฝันไม่ได้ต่อให้ฆ่านายไปก็ตาม」

 

 

 

「ความฝันเหรอ……」

 

 

 

เขาค่อยๆเก็บดาบกลับเข้าฝัก เมื่อเห็นท่าทีของโนโซมุ มิคาเอลก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน ซึ่งแตกต่างจากรอยยิ้มแห่งการยอมแพ้

 

 

 

「ขอบคุณ ที่บอกเล่าเรื่องราวของเทียแมตให้ฟัง」

 

 

 

「ขอบคุณเช่นกัน ผมเองก็อยู่คนเดียวมานานมากแล้ว บางทีผมอาจจะแค่ต้องการหาใครคุยด้วยสักคนก็ได้……」

 

 

 

「อ่า เข้าใจแล้ว มีครั้งหนึ่งที่ผมเองก็เคยคิดแบบนั้น」

 

 

 

เมื่อเงียบลงก็จะจมอยู่กับความคิดและดำดิ่งไปสู่ห้วงลึกของจิตใจ เราทุกคนต่างก็มีเรื่องที่ล้วนอยากจะระบายมันออกมา

 

ไม่สำคัญหรอกว่าจะเป็นมังกรหรือมนุษย์

 

โนโซมุยิ้มให้อย่างขมขื่นกับวิญญาณที่เหมือนกับมนุษย์

 

 

 

「หากอยากกลับไปก็ให้ทำลายกระจกใบนี้ สิ่งนี้เชื่อมต่ออยู่กับโลกภายนอกหากทำลายมัน มันจะเปิดเส้นทางกลับไปยังอาคาร์ซัม และไปยังสถานที่ๆฉายภาพอยู่แม้จะแค่ชั่วคราวก็ตาม」

 

 

 

「อืม เข้าใจแล้ว……」

 

 

 

ตามคำพูดของมิคาเอล โนโซมุยืนอยู่หน้ากระจก

 

 

 

「แล้วพบกันใหม่……」

 

 

 

「ขอให้โชคดีนะพ่อหนุ่มน้อย」

 

 

 

โนโซมุวางมือบนด้ามดาบ หลับตา และหายใจเข้าลึกๆ ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนร่างกายมาจนถึงขีดสุด

 

เมื่อหายใจออก ก็พบว่าจิตใจของตัวเองเริ่มแข็งแกร่งขึ้น

 

สิ่งที่กวนใจทั้งหมดได้มลายหายไปแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่ในท้ายที่สุดคือฉากทั้งสามจากอดีต

 

ลิซ่าที่ให้คำมั่นสัญญาในบ้านเกิด ไอริสที่ร้องไห้ก่อนจะเกือบเสียน้องสาวสุดที่รัก ซีน่าที่เสียใจตอนเผชิญหน้ากับอบิสที่ทำลายบ้านเกิด

 

จากจุดนั้นมันมีความคิดที่แสนชัดเจนเข้ามาในหัว

 

 

 

「อ่า…..เข้าใจแล้ว………อย่างที่อันริพูดเลย ความฝันนั่นผมหามันเจอแล้วล่ะ มันอยู่กับผมเพียงแค่มันยังไม่ถึงเวลา」

 

 

 

นั่นก็คือความรู้สึกแรกที่เขามี

 

การที่เขาย้อนมองอดีตทำให้เขาพบเส้นทางนำไปสู่ความต้องการในอนาคต

 

พอกันเสียทีกับความเศร้าโศกเอ๋ย

 

 

 

「ไปกันเถอะ……」

 

 

 

เขาดึงดาบคาตานะออกมา

 

โนโซมุฟันกระจกตรงหน้าและเดินเข้าไปในเศษซากประตูมิติที่หายไป

 

 

สนับสนุนผู้แปลได้ที่ QR Code ข้างล่าง หรือเลขบัญชี108-0-77984-1 กรุงไทย ครับ

 

ลงให้อ่านแค่สองที่เท่านั้นคือ Goshujin.tk กับ Nekopost อ่านจากที่อื่นไม่มีภาพประกอบเพราะโดดดูดไปลงนั่นเอง

 

[นิยายแปล]โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

[นิยายแปล]โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

Score 10
Status: Completed
สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

Options

not work with dark mode
Reset