บทที่ 1203 ตอนพิเศษ (77.2)
บทที่ 1203 ตอนพิเศษ (77.2)
ลู่จื่ออวิ๋นกดลงบนท้องของสตรีผู้นั้น
สตรีนางนั้นกระอักน้ำออกมา จากนั้นจึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้น
“เหตุใดต้องช่วยข้าไว้? เหตุใดต้องช่วยข้า?” หญิงสาวกระซิบเสียงแผ่วอย่างสิ้นหวัง
ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตายย่อมไม่สู้มีชีวิตอยู่”
“ในเมื่ออยู่ไม่สู้ตาย เหตุใดไม่ปล่อยให้ข้าตาย?” หญิงสาวกรีดร้องเสียงดัง
“ได้ เช่นนั้นตอนนี้ไปกระโดดอีกทีสิ พวกข้าจะต้องไม่ช่วยท่านเป็นแน่” ลู่จื่ออวิ๋นลุกขึ้นยืน
ชูอีเดินเข้ามา “เสื้อผ้าท่านก็เปียกแล้วเช่นกัน”
“อืม ข้าต้องกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ท่านเล่า? ท่านยังจะอยู่ที่นี่อีกหรือไม่?”
ชูอีเอ่ย “ข้าก็จะกลับแล้วเช่นกัน”
เพียงแต่วันนี้เกรงว่าจะไม่ได้กินปลาแล้ว
ลู่จื่ออวิ๋นเหลือบมองเขาที่เปียกโชกไปทั้งตัวแวบหนึ่ง
ถึงแม้จะผอมกว่าเมื่อก่อนเล็กน้อย ทว่ารูปร่างของเขาก็ยังดูกำยำเช่นเคย
เสื้อผ้าเปียกโชก ลู่ติดไปกับร่างกาย เรือนร่างที่สมบูรณ์แบบจึงเผยออกมาให้เห็นด้วยประการฉะนี้
ชูอีรู้สึกว่าแววตาของลู่จื่ออวิ๋นแปลกไปจึงมองตามสายตานางและเห็นตนเอง…
ใบหน้าของเขาชะงักค้าง รีบใช้ตะกร้าสะพายหลังบังร่างกายด้านหน้าเอาไว้
ลู่จื่ออวิ๋นพึมพำ “ยามนี้แล้วถึงจะรู้จักปกปิด ท่านช้าไปแล้ว”
“ฮูหยินลู่ โปรดระงับตน” ชูอีขัดเคือง
ลู่จืออวิ๋นมองเขาด้วยความประหลาดใจ
โปรดระงับตน?
เขาหมายความว่านางไม่ระงับตนหรือ?
นางสาวเท้าจากไปทันที เมินเฉยต่อบุรุษที่เดินตามหลังนางไปติด ๆ โดยสมบูรณ์
“ฮูหยินลู่…” ชูอีตามไป “ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น…”
เหตุการณ์นี้เป็นเพียงฉากหนึ่ง ลู่จื่ออวิ๋นขุ่นมัวอยู่ชั่วครู่ ทว่าไม่นานก็สงบลง ไป๋จื่อกับติงเซียงมองอยู่ข้าง ๆ อย่างจนปัญญา เพียงแต่ก็รู้เช่นกันว่าเซี่ยเฉิงจิ่นไม่รู้สิ่งใดทั้งสิ้น แม้เจ้านายพวกนางจะโมโหเขา เขาก็ไม่รู้สึกรู้สาอะไร แทนที่จะทะเลาะกัน ยังไม่สู้จดเรื่องเหล่านี้ไว้ รอเขาฟื้นความทรงจำแล้วค่อยชำระในภายหลัง
มีเสียงดังครื้นเครงมาจากบ้านข้าง ๆ ฟังจากเสียงคงเป็นหลี่ซานที่ขายเสือได้ราคาสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ถึงห้าตำลึง เสือตัวนั้นถูกขายไปหนึ่งร้อยห้าตำลึงเงิน! นี่แสดงให้เห็นถึงความสามารถของชูอี
“พี่ชูอี พาพวกเราขึ้นเขาไปสู้กับสัตว์ตัวใหญ่ ๆ สักตัวเถอะ!” หลี่ซานตามติดชูอีแจ “ข้าขอร้องท่านละ ขอร้องท่านเถิดนะ พรุ่งนี้เป็นเส้นตายแล้ว หากข้าไม่ได้เงินมา เสี่ยวหลานจะไม่แต่งกับข้า”
“สตรีเช่นนั้นแต่งกลับมาก็เป็นปัญหา” ชูอีกล่าว “หากนางไม่อยากแต่ง เช่นนั้นก็ไม่ต้องแต่ง โลกนี้มีสตรีเป็นพันเป็นหมื่นคน สตรีที่มีคุณธรรมยิ่งไม่รู้มีมากน้อยเพียงใด เหตุใดต้องให้นางข่มขู่เจ้า?”
“นี่ไม่ใช่การข่มขู่ นี่เป็น… นี่เป็นความรักระหว่างบุรุษสตรี” หลี่ซานเอ่ย “พี่ชูอี ท่านมีสตรีที่พึงใจหรือไม่? หากท่านมีก็จะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกนั้น ความรู้สึกที่ถูกผู้อื่นกัดกินตาย แม้รู้ทั้งรู้ว่ากำลังถูกจูงจมูกก็ยังคงยินยอมพร้อมใจที่จะทำเช่นนั้น”
“ข้ารู้”
“ข้าไม่อาจรับรองได้ว่าครั้งต่อไปที่เราพบเสือที่ร้ายกาจเท่าเดิมหรือเสือที่ร้ายกาจยิ่งกว่า ข้าจะยังปกป้องพวกเจ้าได้อย่างครั้งนี้หรือไม่”
“ไม่เป็นไร พวกเราปกป้องตนเองได้” หลี่ซานกล่าว “พี่ชูอี นี่ท่านรับปากแล้วใช่หรือไม่? เช่นนั้นข้าจะกลับไปเตรียมเสบียง ขอบคุณพี่ชูอี ขอบคุณพี่…”
หลี่ซานวิ่งออกไป
ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม นั่นเป็นความยินดีที่มีต่อความคาดหวังในอนาคตที่กำลังจะมาถึง
ชูอีไม่ได้มองความสัมพันธ์ระหว่างหลี่ซานกับเสี่ยวหลานผู้นั้นในแง่ดีนัก เพียงแต่เมื่อผู้หนึ่งเต็มใจที่จะตี อีกผู้หนึ่งเต็มใจที่จะถูกตี เขาก็ไม่อาจกล่าวสิ่งใด ตอนนี้ที่เขาทำได้คือเติมเต็มความจริงใจของหลี่ซาน พยายามช่วยเขาให้ล่าสัตว์ใหญ่ได้สำเร็จ
ชูอีเตรียมตัวพร้อมแล้ว
ป้าหลินถอนหายใจเบา ๆ อยู่ด้านข้าง “หลี่ซานนั่นเลอะเลือนแล้วจริง ๆ! แม้ว่าตาข้าจะมองไม่เห็น แต่ใจไม่ได้มืดบอด แม่นางผู้นั้นทั้งขยันและมีความสามารถ ได้ยินว่าหน้าตาสะสวยทีเดียว เพียงแต่แม่นางกับพี่ชายนางล้วนไม่ใช่ของดี มักจะเรียกใช้นางและปฏิบัติต่อนางราวกับคนรับใช้ ตอนนี้ดีนัก ได้มาพบเจ้าเด็กโง่อย่างหลี่ซาน หากมอบสินสอดนี้ออกไป อีกฝ่ายยอมยกเสี่ยวหลานให้แต่งกับหลี่ซานแต่โดยดี นั่นนับว่าดีโขแล้ว เกรงว่าจะมีแผนการอื่นอีกน่ะสิ ท้ายที่สุดแล้วหลี่ซานจะแต่งเสี่ยวหลานกลับมาได้หรือไม่ก็ยังไม่แน่”
“ท่านแม่ ข้าจะขึ้นเขาสักเที่ยวนะขอรับ”
“เจ้าต้องดูแลตัวเองละ”
“วางใจ ข้าย่อมไม่รบในสนามรบที่ไม่แน่นอน หากมีอันตราย ข้าจะหาที่ที่ปลอดภัยสักที่ซ่อนตัว”
“ถึงแม้จะพูดอย่างนี้ เจ้าก็เพียงพูดให้ข้าอุ่นใจ ข้าได้ยินมาแล้ว เจ้ากล้าหาญ อีกทั้งยังแข็งแกร่งมาก จักต้องไม่เกิดเรื่องอย่างทิ้งพรรคพวกแล้วหลบหนีไปเองเป็นแน่”
ลู่จื่ออวิ๋นได้ยินว่าชูอีขึ้นเขาไปแล้ว
นางจึงส่งติงเซียงกับไป๋จื่อไปคอยจับตามอง
“เจ้าเป็นผู้ใด?” เสียงป้าหลินดังมาจากข้างบ้าน
“ท่านป้า ที่นี่คือบ้านพี่ชูอีหรือ?” เสียงนุ่มนวลเสียงหนึ่งดังขึ้น
“ใช่แล้ว เจ้าคือ…”
“คืออย่างนี้ ท่านป้า” หญิงสาวกล่าว “วันนี้ข้าลื่นไถลตกน้ำไป โชคดีพี่ชูอีเดินผ่านมาจึงช่วยข้าขึ้นมาจากน้ำ ดังนั้นข้าจึงมาที่นี่เพื่อขอบคุณเขาโดยเฉพาะ”
“เขากระโดดลงน้ำไปช่วยเจ้าหรือ?” ป้าหลินประหลาดใจ “เช่นนั้นพวกเจ้าสองคน… ได้… ได้…”
“ท่านป้า เขาช่วยข้าขึ้นมาจากน้ำ จะไม่แตะเนื้อต้องตัวได้อย่างไร… เพียงแต่ข้าไม่ถือสา ข้าซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้จะถูกผู้อื่นรู้เข้าแล้วแต่งออกไปไม่ได้ นั่นก็ไม่ได้สำคัญ ข้าจะไม่ให้กระทบต่อชื่อเสียงผู้มีพระคุณเป็นอันขาด”
“จะปล่อยให้เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร?” ป้าหลินกล่าว “เจ้าเป็นแม่นางดี ๆ ผู้หนึ่ง เสื่อมเสียชื่อเสียงเพราะเขา นั่นไม่ใช่การช่วยเจ้า รอเขากลับมา ข้าจะพูดคุยกับเขาดี ๆ ให้เขารับผิดชอบเจ้า”
ลู่จื่ออวิ๋นได้ยินเช่นนี้จะสงบสติอารมณ์ได้อย่างไรกัน?
นางเปิดประตูเดินไปยังบ้านข้าง ๆ เอ่ยกับสตรีข้างในว่า “ท่านขอบคุณผิดคนแล้ว ตอนนั้นท่านหมดสติจึงไม่รู้ว่าเป็นข้าที่ช่วยท่านไว้”
“จะเป็นไปได้อย่างไร?” หญิงสาวผู้นั้นเอ่ย “ฮูหยิน ท่านชอบล้อเล่นเสียจริง ท่านเป็นสตรีอ่อนแอผู้หนึ่งจะเคลื่อนย้ายข้าได้อย่างไร?”
“หากท่านไม่เชื่อ ข้าสามารถอุ้มท่านให้ดูได้” ลู่จื่ออวิ๋นกล่าว “ท่านบอกแล้ว ตอนนั้นท่านลื่นไถลตกลงไปในน้ำ คนที่ช่วยท่านก็คือข้า หากท่านไม่เชื่อ ยืนกรานจะบอกให้ได้ว่าเป็นชูอีลูกชายป้าหลิน นั่นจะไม่แปลกไปหน่อยหรือ? ท่านคงไม่ได้ชอบพอชูอีจึงคิดจะตามเกาะติดเขากระมัง?”
“จะเป็นไปได้อย่างไร…” หญิงสาวบีบมือตนเอง
เหตุที่นางฆ่าตัวตายเป็นเพราะถูกบุรุษทอดทิ้ง นอกจากนี้ บุรุษผู้นั้นยังทำให้ท้องนางโตขึ้นมาแล้ว ดังนั้นก่อนที่จะถูกพบเข้า นางต้องหาคนโง่ ๆ สักคนมาแต่งงานและให้บุรุษโชคร้ายผู้นั้นกลายเป็นพ่อราคาถูก*[1] ของลูกในท้อง
อย่างไรก็ตาม นี่แตกต่างจากที่นางคิดฝันไว้มาก
ชูอีในฐานะบุรุษที่อัปลักษณ์ที่สุดในหมู่บ้านย่อมไม่มีสตรีผู้ใดเต็มใจแต่งให้เขา จู่ ๆ นางก็ปรากฏตัวออกมา แสดงความยินยอมพร้อมใจที่จะแต่งให้ชูอี ป้าหลินควรจะต้อนรับนาง จากท่าทีกระตือรือร้นเมื่อครู่นี้ของหญิงชราแสดงให้เห็นว่า ชูอีกำลังขาดแคลนสตรี อย่างไรก็ตาม แขกไม่ได้รับเชิญผู้หนึ่งกลับปรากฏตัวขึ้นมาภายในพริบตา
สตรีผู้นี้คือใคร? เหตุใดต้องมาทำลายแผนการของนาง?
บุรุษที่อัปลักษณ์ขนาดนั้น คงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีสตรีที่สวยงามเพียงนี้เป็นหญิงรู้ใจกระมัง?
[1] พ่อราคาถูก : หมายถึง บุรุษที่แต่งงานแล้วภรรยาตั้งท้องกับผู้อื่น เพราะคิดว่าเป็นลูกตนจึงอุทิศตัวเลี้ยงดูลูก