“หวา―! เดี๋ยวครับ! เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อน!!”
ฉันตกใจไปแป๊บนึง เพราะนึกว่าเสียงนั่นมาจากพวกมังกรดินที่พูดออกมา แต่ไม่ใช่ มันเป็นเสียงของผู้ชายคนนึง ในกลุ่มคน 10 คนที่วิ่งมาจากทางโลกมาร
“ปีศาจกับมนุษย์มารนี่นา”
“แบ่งกันครึ่งครึ่งเลยล่ะ”
ยังไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นมิตรหรือศัตรู แต่อย่างน้อยคือ ทุกคนมีอาวุธในมือกันหมดเลย จะศาลเตี้ยไปเลยก็คงไม่เป็นไรสินะ
“ฟิ่ว เกือบไปแล้วๆ… ขอโทษนะ พวกเธอช่วยอย่ากำจัดสัตว์อสูรตัวนั้นได้หรือเปล่า? มันเป็นเหมือนพรรคพวกของเราล่ะนะ”
“…พรรคพวก? สัตว์อสูรเนี่ยนะ?”
“อา นานมาแล้ว พวกคนหนุ่มของข้าเคยช่วยลูกสัตว์อสูรเอาไว้น่ะ ตั้งแต่นั้นมา มันก็คอยปกป้องพวกเราจากเหล่าคนที่พยายามจะก้าวเข้ามาในเขตโลกมารแบบนี้นี่แหละ”
แบบนี้เอง
ถึงจะเป็นสัตว์อสูร แต่พวกมันก็พอจะมีสติปัญญาอยู่เหมือนกันสินะ ไม่ใช่จะสื่อสารอะไรกับพวกมันไม่ได้เลยซักหน่อย
“ช่วงนี้ มีแต่พวกมนุษย์ทั้งนั้นเลยที่อยากจะบุกมาที่นี่กัน… ไม่คิดเลยว่าจะมีแวมไพร์, เอลฟ์ กับมนุษย์มังกรมาที่นี่ ข้าเลยสั่งให้มันอย่าทำอะไรพวกเธอน่ะ โทษทีนะ”
พวกมนุษย์… มาที่นี่ด้วยงั้นเหรอ?
ก็ ถ้าวิเคราะห์จากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว ดูเหมือนพวกนั้นพร้อมจะเผชิญหน้ากับการแก้แค้นแล้วสินะ
“เอาเถอะ ถ้าเรื่องเป็นแบบนั้น พวกเราก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก พวกเรามีธุระที่โลกมารซักหน่อยน่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวข้านำทางให้เอง”
เมืองที่พวกเราถูกพามาน่ะ สรุปเลยคือ มันใหญ่มากๆ
ใหญ่กว่าเมืองของมนุษย์มังกรเกือบ 3 เท่าได้ ว่าแล้วเชียว ถ้า 2 เผ่าพันธุ์อาศัยร่วมกันอยู่ในที่เดียวกัน เมืองก็ต้องออกมาใหญ่แบบนี้อยู่แล้ว
บ้าน (หมู่บ้านแวมไพร์) ของพวกเรานี่เทียบไม่ติดเลย
หลังจากผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง และเข้ามาภายในแล้ว พวกเราก็ถูกพาตัวมาที่ปราสาททางด้านหลังเมือง
พอฉันถามไปว่าจะดีเหรอที่ปล่อยผ่านพวกเรามาง่ายๆ แบบนี้ เขาก็ตอบมาว่า ‘ไม่รู้ทำไม ข้ารู้สึกว่า การปล่อยพวกเจ้าผ่านไปเลยจะดีกว่าน่ะสิ’
อาจจะเป็นผลจากอาชีพ [จอมมาร] ก็ได้ล่ะมั้ง
พลังหนึ่งของมันคือการดึงดูดเหล่าผู้ศรัทธาในท่านอิซึสึกับเผ่าพันธุ์ที่มีคุณสมบัติธาตุค่อนไปทางด้านที่ชั่วร้าย และจะมีเสน่ห์กับพวกเขาด้วย
“สะดวกดีจังเลยน้า~ [จอมมาร] เนี่ย ชั้นอยากได้บ้างจัง~”
“[มหาปราชญ์] ที่ใกล้จะได้เป็น [ราชันจอมปราชญ์] พูดอะไรออกมาล่ะเนี่ย?”
“ไม่เอาน่า เขินจังเลย”
ไม่ได้ตั้งใจจะชมเลยซักนิดเลยนะนั่นน่ะ
“ว่าแต่ เลตตี้ไปไหนแล้วล่ะ?”
“ไปเด็ดดอกไม้น่ะ”
“ออ ส้วมสินะ”
นี่ ความละเอียดอ่อนในตัวน่ะ เธอแค่ซ่อนเอาไว้ไม่หยิบมาใช้ หรือมันโดนแสงแดดเผาไปหมดแล้วกันฮะ
ในตอนที่ฉันกำลังคิดอย่างจริงจังเลยว่าควรจะฝังสามัญสำนึกกับศีลธรรมให้ยัยซื่อบื้อคนนี้ตอนไหนดี
“ช่วยด้วยค่า!! คุณฟิลิส!! คุณฟราน!!”
ฟลูเรเทียที่ไปห้องน-… ไม่สิ ไปเด็ดดอกไม้มา ก็วิ่งกลับเข้ามาในห้องอย่างกระหืดกระหอบเลย
“อะไร? เกิดอะไรขึ้น? ทำอะไรหายไปเหรอ?”
“หรือว่าจะ ส้วมตัน?”
“เธอนี่นะ ขอทีเถอะ กลับไปหมู่บ้านเอลฟ์ซักทีนึง แล้วไปเอาความละเอียดอ่อนกลับมาซะด้วยล่ะ”
หรือไม่ก็ ไปให้เทียน่าสอนซักหน่อยดีมั้ย
“ม- ไม่ใช่นะคะ! …ม- มีคนโรคจิตโผล่มาค่ะ”
““หา??””
โรคจิต?
ฉันอาจจะฟังผิด บางทีเธออาจจะหมายถึงคนป่วยทางจิตหรือเปล่านะ?
หรือว่าเธอตั้งใจจะหมายถึงมีคนโรคจิตวิตถารโผล่มาที่นี่จริงๆ?
“เธอจะหมายถึงคนที่ป่วยเป็นโรคทางจิต หรือว่าตั้งใจจะหมายถึงคนโรคจิตวิตถารจริงๆ น่ะ?”
“คำหลังค่ะ!”
“งั้นเหรอ ปล่อยให้มีคนโรคจิตหลุดเข้าในถึงปราสาทแบบนี้ ทำไมความปลอดภัยถึงได้หละหลวมขนาดนี้เนี่ย เป็นคนแบบไหนกันน-…”
“อ๊าาาา! อย่าวิ่งหนีไปไหนสิจ๊ะ! แม่หนูตัวเล็กแสนสวย!! ให้ฉันเล่นผมสีขาวนั้นหน่อยสิ! ให้ฉันลูบหางเธอ! ให้ฉันเลียผิวของเธอด้วยนะ!! หรือไม่ก็ ขอสูบดมที่หน้าอกเธอให้เต็มปอดซักทีนะ!! ขอล่ะๆ!!”
“คนนั้นเลยค่ะ! …เดี๋ยวสิ จะทำอะไรน่ะคะ! หยุดน้า!!”
“ฮะๆ ไม่เป็นไรหรอกนะ ไม่มีอะไรสึกกร่อนแน่นอน… ฮิฮิ ตอนนี้เธอใส่กางเกงในแบบไหนอยู่นะ… อุบั๊ก!?”
ไม่ต้องสงสัยเลยซักนิด ยัยนี่เป็นโรคจิตอย่างสมบูรณ์แบบ แบบบริสุทธิ์ 100% เลย พอยืนยันแน่นอนแล้ว ฉันเลยซัดยัยโรคจิตนั่นด้วยหลังมือไปโดยไม่ลังเลเลย
“ฟลูเรเทีย ไม่เป็นไรนะ?”
“ย- ยังกลัวๆ อยู่เลยค่ะ…”
“ไม่เป็นไรๆ ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้วนะ คนโรคจิตถูกส่งไปอีกฟากเรียบร้อยแล้ว”
“เจ็บๆๆ… อ๊ะ! ตรงนี้มีเด็กผู้หญิงผมบลอนด์น่ารักอยู่ด้วย!! อา ท่านอิซึสึคะ! ที่ท่านช่วยส่งเหล่าโลลิผู้น่ารักเหล่านี้มาให้ฉันได้เจอแบบนี้ ขอขอบพระคุณมากจริงๆ นะคะ!!”
โลกอีกฟากยังไม่ต้อนรับเลยเหรอเนี่ย ฉันควรจะโจมตีแบบแรงๆ ไปแล้วนี่นา
ยัยนี่… กระโดดถอยไปได้ถูกจังหวะแบบทันทีเพื่อลดแรงกระแทกงั้นเหรอ
ไม่สิ ไม่ใช่แค่นั้น แต่ดูท่ายัยนี่กระโดดถอยไป ก่อนที่ฉันจะออกหมัด เลยด้วยซ้ำสินะ
“จะทานล่ะนะค้า… อาระ อะไรล่ะเนี่ย เซ็นเซอร์ตรวจหาเด็กสาวสวยไม่ค่อยทำงานเลย คงไม่ใช่ว่าจริงๆ แล้ว เธอจะเป็นกับดักน่ะ? แต่ฉันก็ชอบนะ เพราะแบบนั้นก็ดูโมเอะดีเลย”
“เซ็นเซอร์อะไรของเธอกันน่ะฮะ!! อีกอย่าง ฉันก็เป็นผู้หญิงด้วย!!”
“ถ้างั้น ก็แสดงว่า เธอมีคนรักอยู่แล้วสินะ? หรือว่าเธอใจโอนเอียงชอบอะไรผิดปกติแบบแปลกๆ กันล่ะ?”
“ก็ ฉันมีภรรยาแล้วน-… เดี๋ยว! แล้วฉันจะมาบอกเรื่องนี้ให้ยัยโรคจิตอย่างเธอฟังทำไมเนี่ย!!”
“อา จริงๆ ด้วยสินะ ฉันน่ะจะไม่ไป NTR หรือยุ่มย่ามกับผู้หญิงแต่งงานแล้วเด็ดขาดเลย อิจฉาจริงๆ เลยนะที่มีภรรยาแล้วตั้งแต่ยังเด็กอยู่เลยแท้ๆ งั้นเธอก็ไม่ใช่เป้าหมายในขอบเขตของฉันแล้วล่ะ จะไปไหนก็ได้เลยนะ แต่ช่วยทิ้งน้องมังกรขาวข้างๆ เธอเอาไว้ทีสิ”
ยัยนี่นี่ไม่มีอะไรดีเลยจริงๆ
มั่นใจได้เลย หัวยัยนี่ต้องผิดปกติไปแล้วแน่ๆ
“ฟราน อย่างน้อยก็ช่วยให้ยัยนี่ได้หลับไปอย่างสงบด้วยเวทมนตร์ของเธอทีนะ”
“อื้อ เข้าใจแล้ว”
“เดี๋ยว!? กับปีศาจที่เพิ่งเคยเจอกันน่ะ พูดแบบนั้นไม่โหดร้ายไปหน่อยเหรอ!?”
ระหว่างที่ฉันยืนดูยัยโรคจิตนั่นที่กำลังจะร้องไห้ พยายามวิ่งหนีจากเวทมนตร์ของฟรานที่ยิงออกไปแบบทีเล่นทีจริงไปรอบๆ ฉันก็ถูกแตะเบาๆ ที่ไหล่
พอฉันหันกลับไป ฟลูเรเทียที่หลบอยู่ข้างหลังฉัน กำลังมีสีหน้ากำลังดูงุนงงที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นเธอทำมาเลย
“มีอะไรเหรอ? เดี๋ยวฟรานก็จัดการยัยบ้านั่นเรียบร้อยแล้ว เพราะงั้นเธอก็ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอกนะ”
“ค- คือ นั่นสินะคะ ก็เรื่องของคนโรคจิตคนนั้นนั่นแหละค่ะ”
“ยัยนั่นทำไมเหรอ? เพื่อประโยชน์สุขของโลกและมวลมหาประชาชน นั่นเป็นตัวตนที่ควรถูกกำจัดลงตรงนี้แน่นอนใช่มั้ยล่ะ”
“ถูกฆ่าระหว่างที่ถูกสาวน้อยน่ารักจ้องมองด้วยสายตาเย็นชาแบบนี้ก็ไม่เลวนะ”
ผู้หญิงเผ่าปีศาจคนนั้น ทั้งที่วิ่งหนีแบบหมดสภาพอยู่แท้ๆ ยังอุตส่าห์มาพูดอะไรแบบนั้นออกมาได้อยู่อีกนะ ฟรานเองก็กำลังไล่ตามไปไม่ลดละเลย
ต้องระบุช่วงอายุในการรับชมมั้ยล่ะเนี่ย
“เปล่าค่ะ คือ ดิฉันลองดูสเตตัสของคนโรคจิตคนนั้นน่ะค่ะ”
“โอ้ เป็นไงบ้างล่ะ ตรงช่องคลาส (อาชีพ) มันเขียนไว้ว่า [คนโรคจิต] หรือไง?”
ถ้าเป็นแบบนั้น ก็แปลกดีนะ…
“เปล่าค่ะ มัน… เขียนไว้ว่า [เทพแห่งปัญญา] ค่ะ”
……หา?
“ล้อเล่นใช่มั้ยนั่น นั่นน่ะนะเทพแห่งปัญญา นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย”
[เทพแห่งปัญญา] เป็นหนึ่งในอาชีพใน [ซีรีส์เทพ]
อาชีพสายบุ๋นขั้นสูงสุดที่จะถูกมอบให้กับผู้ที่มีองค์ความรู้ในทุกแขนง สามารถประยุกต์ใช้ความรู้เหล่านั่นได้อย่างคล่องแคล่ว และยังเชี่ยวชาญในศาสตร์พวกนั้นทุกด้านอีกด้วย นั่นแหละคือเวลาที่ตัวตนที่ถูกเรียกได้ว่าเทพแห่งปัญญาจะปรากฏตัวขึ้น
ตัวตนที่ว่านั่นคือยัยโรคจิตนั่นน่ะนะ? เป็นไปได้ด้วยเหรอนั่นน่ะ
“ต- แต่ว่า ไม่ว่าจะพยายามมองกี่ครั้ง ก็ยังเป็นแบบนั้นไม่เปลี่ยนเลยนะคะ”
“คงไม่ใช่ว่าสมบัติศักดิ์นั่นเสียหายแล้วหรอกนะ? ถ้าใครมาบูชายัยนี่ในฐานะเทพแห่งปัญญาจริงๆ ล่ะก็ ฉันคงต้องจับเจ้านั่นไปกักกันโรคซะก่อนล่ะ”
ไม่อยากเชื่อคำพูดของฟลูเรเทียเลยแฮะ
“ขอโทษที่ต้องให้รอ ท่านราชาปีศาจ และหัวหน้าเผ่ามนุษย์มารเรียกตัวให้เข้าพบได้แล้วนะ”
ไม่นาน ผู้ชายคนนั้นที่ช่วยนำทางให้พวกเราก็โผล่มาพอดี
“พอดีเลย ก่อนจะไปกัน ช่วยทำอะไรซักอย่างกับยัยบ้าโรคจิตนั่นทีสิ ฟลูเรเทียต้องเผชิญอะไรมาน่ะ รู้หรือเปล่า”
“ยัยบ้าโรคจิต…? หรือว่าจะ…”
หือ? รู้อะไรด้วยงั้นสินะ?
“อ้า! ว่าแล้วเชียวครับท่านวีเนล!! ทำอะไรของท่านน่ะครับ! พวกเราก็เคยบอกแล้วนี่ครับว่า ขอให้ท่านช่วยหยุดวิ่งไล่ตามโลลิโชตะซักทีน่ะครับ!”
“มันเป็นภารกิจของฉันที่จะเอ็นดูเหล่าโลลิโชตะทั้งหลายนะ แค่ได้มองดูก็ทำให้ฉันได้รู้สึกฟื้นฟูแล้วล่ะ ซื้ด――― ฮ่า―――”
“หยุดสูดหายใจเข้าลึกแบบเต็มไปด้วยจิตอกุศลแบบนั้นเดี๋ยวนี้เลยนะ! …เฮ่ ยัยนี่เป็นอะไรกันแน่เนี่ย!”
พอฉันถามผู้ชายคนนั้นไป…
“……ท่านผู้นั้นคือท่านวีเนลครับ สตรีผู้ครอบครองสมองระดับอัจฉริยะ ผู้สามารถรับมือกับภาระงานกว่า 70% ของโลกมาร ทั้งด้านการบริหาร, การบัญชี, ความมั่นคง และงานที่ต้องใช้ความคิดอื่นๆ ทั้งหมดด้วยตัวคนเดียวเลย… [เทพแห่งปัญญา] ครับ”
……ถ้าเป็นไปได้ ฉันก็อยากให้มันเป็นแค่ข้อผิดพลาดของสมบัติศักดิ์สิทธิ์มากกว่านะ
TN: เป็นคนที่… เสมอปลายเสมอต้นจริงๆ ครับ 55555 หลายปีก่อนเป็นยังไง ทุกวันนี้ก็ยังเหมือนเดิม
ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r