“ผู้ก่อความไม่สงบจะต้องถูกจับแก้ผ้าประจานต่อหน้าประชาชี!”
เสียงเย็นของหุ่นยนต์ดังสะท้อนไปทั่วบริเวณไม่ต่างจากเสียงกระซิบแห่งความตายที่ดังลอยออกมาจากนรก เสียงนั้นเย็นเยือกชวนขนหัวลุกเป็นอันมาก
ใบหน้าตื่นเต้นของโอวหยางเสี่ยวอี้แข็งทื่อไปทันทีเมื่อได้ยินเสียงของเจ้าขาว หัวใจของนางกระตุกวูบ นางรู้สึกว่าเจ้าขาวโฉมใหม่น่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก
เจ้าดำที่กำลังนอนอืดอยู่บนพื้นเองก็ถูกเสียงเย็นเยียบของเจ้าขาวปลุกขึ้นมาเช่นกัน มันเปิดเปลือกตาขึ้นเล็กน้อยพลางหันมองเจ้าขาว
เมื่อเห็นปีกสยายของเจ้าขาวที่กำลังส่องประกายล้อแสงอาทิตย์ เจ้าดำก็งุนงงไป มันหันไปมองดวงตาสีเทาของเจ้าขาวพลางเปิดปากหาว
“ไอ้ก้อนเหล็กนี่มันแปลงร่างแฮะ ดูเหมือนว่าได้เด็กปู้ฟางจะโชคดีรับทรัพย์กลับมาระหว่างออกเดินทาง คราวนี้ไอ้ก้อนเหล็กนี่แข็งแกร่งขึ้นมากเลยทีเดียว”
เจ้าดำกระดิกจมูกจากนั้นก็หันไปมองปู้ฟางซึ่งยืนสงบนิ่งอยู่ที่ฝั่งหนึ่ง ปากของชายหนุ่มกระตุกเล็กน้อยเมื่อเห็นเจ้าขาวที่เปลี่ยนไป
เจ้าขาวสยายปีก จากนั้นก็ก้าวเข้าหาผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพจากวิหารเทพเจ้าแห่งดินแดนป่ารกชัฏทั้งสอง
แสงสีเทาส่องออกจากดวงตาของมันพร้อมด้วยจิตสังหารเข้มข้นที่ระเบิดออกจากร่าง
ผู้ฝึกตนทั้งสองไม่กล้าประมาทเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเจ้าขาว พวกเขายังจำได้ขึ้นใจว่าหุ่นเชิดตัวนี้เคยต่อกรกับผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพถึงห้าชีวิตพร้อมกัน แบบห้ารุมหนึ่ง
ภาพนั้นยังคงทำให้พวกเขาตกใจและตื่นกลัวอยู่
หากมันสามารถต่อสู้กับขั้นเซียนเทพได้ถึงห้าชีวิตพร้อมกัน แปลว่าต้องมีพลังอยู่ในชั้นสูงสุดของขั้นเซียนเทพอย่างแน่นอน
ทั้งสองหันมามองหน้ากัน ดูเหมือนว่าจะตกลงอะไรกันได้โดยไม่ต้องเอ่ยปาก พวกเขาขยับร่างปล่อยกระแสพลังปราณให้สาดกระจายออกมาทันที พลังปราณนั้นชอนไชไปมาเหมือนงูที่แทรกซึมเข้าไปในกล้ามเนื้อทั่วร่าง
ปัง!
สายตาของหนึ่งในขั้นเซียนเทพพลันจริงจังขึ้นมา เขาก้าวขึ้นไปบนอากาศแล้วกระแทกพลังออกมา ก่อนพุ่งทะยานเข้าหาเจ้าขาวด้วยความเร็วสูง
ส่วนขั้นเซียนเทพอีกคนก็เริ่มเปิดฉากโจมตี เขาเรียกขวานขนาดใหญ่ขึ้นมาถือไว้ในมือจากนั้นก็พุ่งเข้าใส่เจ้าขาวทันที ครั้งก่อนที่เขาปาอาวุธกึ่งเทพนี้ใส่เจ้าขาว มันก็ส่งมีดสั้นออกมาขัดขวางได้สำเร็จ คราวนี้เขาจะไม่มีวันปล่อยให้เหตุการณ์ซ้ำรอยเดิมแน่นอน
ทั้งสองพุ่งเข้าใส่เจ้าขาวด้วยพลังเต็มพิกัด แม้แต่อากาศโดยรอบยังทานทนพลังของคนทั้งคู่ไม่ได้ เสียงระเบิดดังขึ้นตามแรงอัดที่พุ่งเข้าใส่เจ้าขาว
คางคกยักษ์กลอกตาขึ้นด้านบนขณะอ้าปาก เงาสีดำพุ่งออกจากปากของมันฉีกอากาศเป็นชิ้นๆ เงาดังกล่าวคือลิ้นของมันนั่นเอง ลิ้นของคางคกตัวนี้คมกริบเป็นอันมาก และร้ายกาจพอที่จะเจาะทะลุร่างของผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพทั่วไปได้เลยทีเดียว
การโจมตีน่าสะพรึงกลัวจากทั้งสามกำลังพุ่งเข้าใส่เจ้าขาว
แม้ต้องเผชิญกับผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพทั้งสาม ดวงตาของเจ้าขาวกลับไม่กะพริบแม้แต่น้อย มันสะบัดปีกเบาๆ แล้วพุ่งเข้าใส่ทั้งสามทันที เจ้าขาวก้าวไปข้างหน้า บินออกไปพร้อมเสียงที่เหมือนสายฟ้าฟาด จากนั้นก็พุ่งเข้าปะทะขั้นเซียนเทพคนหนึ่งจากวิหารเทพเจ้าแห่งดินแดนป่ารกชัฏทันที
ผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพคนนั้นคำรามออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว ผมของเขาชี้ตรง กล้ามเนื้อเกร็งไปหมดขณะปล่อยพลังร้ายกาจให้กระจายออกจากร่าง เขาโบกกำปั้นใส่เจ้าขาว ตั้งใจจะพุ่งหมัดใส่ลำตัวของมันเต็มๆ
เจ้าขาวไม่ได้ถอยหนีแต่กลับรับหมัดจากขั้นเซียนเทพเข้าไปเต็มแรง
มนุษย์และหุ่นเชิดปะทะกันกลางอากาศพร้อมด้วยเสียงระเบิดดังลั่น กระแสพลังกระจายออกตามแรงปะทะ พื้นดินแหลกสลายกลายเป็นผุยผง
ปัง!
ผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพผู้นั้นถูกการโจมตีของเจ้าขาวซัดจนปลิวกระเด็นไป แขนของเขาส่งเสียงแตกเปรียะ ม่านตาหดแคบ
เจ้าขาวใช้ปีกปัดป้องการโจมตีของคู่ต่อสู้อีกคน ขวานยักษ์พุ่งเข้าใส่ตัวมันจากด้านบน ฉีกอากาศออกเป็นริ้วๆ
ตู้ม!
ทันทีที่ขวานปะทะกับปีกของเจ้าขาว เสียงกึกก้องก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง ทุกคนตัวสั่นเทา ใบหน้าของเซียวเยียนอวี่และคนอื่นๆ พลันซีดเผือด
ทุกคนทำได้เพียงมองผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งทรงพลังต่อสู้กันด้วยความหวาดกลัวเท่านั้น
พลังของขวานด้ามนั้นร้ายแรงเป็นอันมาก มีดสั้นจำนวนมากบนปีกของเจ้าขาวแตกสลาย ร่างของมันถูกซัดกระเด็นไปกระแทกพื้น ฝุ่นฟุ้งกระจายตลบไปทั่วบริเวณ
เสียงหัวเราะร่าดังลอดริมฝีปากผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพคนนั้นทันที
แควก!
เงาดำพุ่งผ่านเจ้าขาวเข้าใส่ปู้ฟางด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ คนธรรมดาย่อมมองไม่ทันแน่นอนว่าเงาดังกล่าวคือสิ่งใด
เสียงหวีดหวิวดังขึ้นพร้อมลมที่พัดผมของปู้ฟางให้สยายไปในอากาศ ควันสีเขียวหมุนวนรอบข้อมือของเขา จากนั้นชายหนุ่มก็ถือมีดทำครัวกระดูกมังกรทองสีดำสนิทเอาไว้ในมือ เขาตวัดมีดใส่เงาที่กระโจนเข้าหาตัวทันที
วืด!
แสงสว่างเรืองรองสีทองระเบิดออกจากมีดก่อนที่คมมีดจะสัมผัสเงานั้นพอดิบพอดี
ตอนที่ชายหนุ่มตวัดมีดทำครัวกระดูกมังกรทองใส่สิ่งนั้น เขาได้ใส่พลังปราณเที่ยงแท้ลงไปด้วย ทำให้มีดเปลี่ยนเป็นสีทองเจิดจ้าขนาดใหญ่ยักษ์
เสียงคำรามของมังกรดังออกจากมีด พร้อมพลังกดดันที่แผ่กระจายออกมา
เงานั้นหยุดนิ่งอยู่กับที่ เมื่อถูกอำนาจแห่งมีดโจมตี เลือดก็สาดกระจายออกจากลิ้นของคางคกขาเดียวทันที มันรีบหดลิ้นกลับไปอย่างรวดเร็ว
อ๊บ!
คางคงขาเดียวที่ตัวใหญ่เหมือนภูเขาเบิกตากว้าง มันเอาเท้าหน้าทั้งสองข้างปิดปากไว้ เสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังไปทั่วนครหลวง เลือดสดๆ ทะลักออกจากลิ้น ย้อมพื้นดินให้กลายเป็นสีแดงฉาน
ปู้ฟางยกมีดทำครัวกระดูกมังกรทองที่ส่องแสงเจิดจ้าขึ้น พลางมองคางคกขาเดียวด้วยสายตานิ่งเฉย หลังจากที่มองอีกฝ่ายอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ก้มลงมองสิ่งที่อยู่บนพื้น
สิ่งที่ปู้ฟางตัดทิ้งไปนั้นไม่ใช่สิ่งอื่นใดนอกจากลิ้นของคางคกขาเดียว ลิ้นส่วนที่เขาตัดมีสีม่วงและกำลังดิ้นเร่าๆ อยู่บนพื้น
“ไอ้เด็กนั่น!” ผู้ฝึกตนจากวิหารเทพเจ้าแห่งดินแดนป่ารกชัฏตกใจเป็นอันมาก ม่านตาของเขาหดแคบเนื่องจากไม่คาดคิดว่าปู้ฟางจะสกัดการโจมตีของคางคกขาเดียวได้ ทั้งยังทำให้มันบาดเจ็บอีกด้วย
เมื่อเห็นว่าคนที่ทำให้มันบาดเจ็บเป็นผู้ฝึกตนขั้นนักพรตยุทธการ คางคกขาเดียวจึงบันดาลโทสะขึ้นมา มันร้องอ๊บไม่หยุด จิตสังหารร้ายกาจระเบิดออกจากร่าง คางคกยักษ์กระโจนขึ้นในอากาศ สูงมากเสียจนร่างขนาดใหญ่ของมันกลายเป็นเพียงจุดเล็กๆ เท่านั้น
จากนั้นคางคกขาเดียวก็กระโจนลงพื้นด้วยความเร็วสูง ทำให้เกิดเสียงลมหวีดหวิวในอากาศ มันตั้งใจจะทับปู้ฟางให้จมดินจนร่างเหลวเละกลายเป็นเศษเนื้อ
เสียงระเบิดดังลั่นกระจายออกจากพื้นที่ถูกทำลายจนย่อยยับ ร่างหนึ่งกระโจนออกจากกองซากปรักหักพัง เจ้าขาวสยายปีกบินขึ้นไปในอากาศทันที
คางคกขาเดียวกำลังพุ่งลงสู่พื้น มันตั้งใจจะทำลายนครหลวงให้ราบเป็นหน้ากลอง
หากร่างใหญ่เหมือนภูเขาของมันตกใส่นครหลวง รับรองเมืองแห่งนี้ต้องพังไม่เหลือซากแน่
วืด! วืด! วืด!
ตะขอสองสามชิ้นพุ่งออกจากแขนของเจ้าขาว เข้าไปรัดขาข้างเดียวของคางคกเอาไว้ เสียงฉีกขาดดังขึ้นพร้อมแผลมากมายที่ปรากฏบนขาคางคก แต่แทนที่มันจะเคลื่อนไหวช้าลง คางคกขาเดียวกลับตกลงจากท้องฟ้าด้วยความเร็วที่สูงขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากแรงโน้มถ่วงที่คอยดึงมันลงสู่พื้นโลกนั่นเอง
เจ้าขาวโก่งตัวแล้วพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยความเร็วที่ไม่ต่างจากลูกกระสุน
ปีกบนหลังของมันสลายกลายเป็นมีดสั้นเล่มเล็กมากมายนับไม่ถ้วน มีดสั้นเหล่านั้นเข้ามารวมกันบนมือของเจ้าขาว แล้วกลายเป็นมีดเล่มใหญ่ยักษ์ เจ้าขาวซัดมีดใส่ขาคางคกอย่างจัง
ทั้งสองประสานงากันกลางอากาศ เป็นการพุ่งเข้าปะทะกันระหว่างผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพสองชีวิตซึ่งมีปราณอยู่ที่ชั้นสูงสุดของขั้นเซียนเทพกันทั้งคู่
อากาศรอบตัวทั้งสองปั่นป่วนขึ้นแล้วระเบิดออกมา ส่งผลให้เกิดกระแสลมรุนแรงที่พัดหอบเข้าใส่นครหลวงทันที
เหล่าทหารพาชาวเมืองอพยพออกไปนานแล้ว ทุกคนได้แต่คุดคู้ตัวด้วยความหวาดกลัวขณะสังเกตการณ์ดูการต่อสู้กันของเหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์
แน่นอนว่าคนเหล่านี้ต่างกลัวจนขนหัวลุกไปหมด ทว่าก็รู้สึกตื่นเต้นไปในเวลาเดียวกัน ไม่มีทางเลยที่พวกเขาจะได้เห็นผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพต่อสู้กันในเวลาปกติ
วืด!
กร๊อบ!
สุดท้ายแล้วผลการต่อสู้ระหว่างคางคกยักษ์และเจ้าขาวก็ประจักษ์ต่อสายตา มีดสั้นบนมือของเจ้าขาวโบกสะบัดไปมาอย่างมุ่งร้าย เสียงกรีดร้องโหยหวนดังออกจากปากคางคกยักษ์ ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความตื่นกลัวหวาดผวา
ขาของมันถูกหั่นเป็นชิ้นๆ กระจายไปทั่วท้องฟ้าเหนือนครหลวง เลือดสดๆ ตกลงมาเหมือนห่าฝน พร้อมด้วยพลังปราณเที่ยงแท้ที่ไหลเข้าท่วมทั้งบริเวณ
ปู้ฟางเรียกกระทะกลุ่มดาวเต่าดำออกมาแล้วสั่งให้มันขยายขนาดอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายกระทะนั้นก็ใหญ่โตจนบดบังท้องฟ้าไปหมด ทั้งยังส่งแรงดึงดูดมหาศาลออกมาเพื่อเก็บเนื้อคางคกทั้งหมดเข้าไป
แม้ขาคางคกจะถูกเจ้าขาวหั่นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แต่ชิ้นเล็กๆ ที่ว่าก็ยังใหญ่มากอยู่ดี คางคกตัวใหญ่ยักษ์ย่อมมีก้อนเนื้อที่ใหญ่ยักษ์ตามไปด้วย แม้จะถูกหั่นจนเล็กแล้วก็ยังมีขนาดใหญ่โตไม่เบา
หลังจากเล่นงานขาของคางคกไปเรียบร้อย เจ้าขาวก็กวาดสายตาเย็นเยียบไปรอบๆ ตั้งใจจะสังหารคางคกขั้นเซียนเทพให้สิ้นซาก
ปู้ฟางเองก็ยกมีดทำครัวกระดูกมังกรทองสีทองอร่ามขึ้นแล้วพุ่งเข้าหาคางคกขาเดียวเช่นกัน
สีหน้าของผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพจากวิหารเทพเจ้าแห่งดินแดนป่ารกชัฏเปลี่ยนไปทันที พวกเขากู่ร้องออกมาด้วยความโกรธแค้น จากนั้นก็ระเบิดพลังออกจากร่าง ต่างคนต่างตั้งใจเข้าไปช่วยคางคกขาเดียว
ทว่าชั่วลมหายใจที่พวกเขากำลังจะเข้าจู่โจมนั้นเอง หัวใจของคนทั้งสองก็เต้นระส่ำด้วยความหวาดกลัว พวกเขาชะงักแล้วหันหน้าไปมองสุนัขตัวอ้วนแสนขี้เกียจที่นอนแผ่อยู่บนพื้นหน้าร้านปู้ฟาง
ปากของสุนัขตัวนั้นกระตุก มันยกอุ้งเท้าเล็กๆ น่ารักขึ้นชี้พวกเขา จากนั้นก็สะบัดอุ้งเท้าเบาๆ ทำเอาม่านตาของคนทั้งคู่หดแคบทันที
ปัง!
พลังที่คนทั้งคู่ปล่อยออกจากร่างพลันสลายหายไป เพียงแค่เจ้าดำสะบัดอุ้งเท้า มันก็สามารถหยุดผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพทั้งสองคนไว้ได้โดยไม่ได้ออกแรง
คนทั้งคู่กำลังจะเหาะไปในอากาศ แต่กลับถูกตรึงติดแน่นอยู่กับพื้น พวกเขาตกใจเป็นอันมาก เนื่องจากไม่คาดคิดมาก่อนว่าที่ร้านแห่งนี้ยังมีอสูรเวทขั้นเซียนเทพอีกตัวคอยคุ้มกันอยู่