“ฟิลิส… ฟิลิส!!”
“ท่านฟิลิสคะ!”
“อือ……”
พอฉันตื่นขึ้นมา ก็เห็นว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียง
ดูเหมือนฉันจะอยู่ที่ปราสาทพฤกษาสินะ พอฉันลืมตาออกมา ฉันก็เห็นฟรานที่ตาเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา กับเทียน่าที่สีหน้าเป็นกังวลกำลังมองตรงมาที่ฉันอยู่
“ฟราน… ทำอะไรไม่เข้าเรื่องเลยนะ”
“ฟิลิส! ตื่นแล้วเหรอ…!?”
“อา ขอบใจเธอมากนะสำหรับเรื่องนี้น่ะ”
พอฉันได้สติแล้ว เทียนาบอกว่าเธอจะไปเรียกราชาเอลฟ์ ก่อนจะออกจากห้องไป ส่วนฟรานก็ทิ้งตัวลงที่เก้าอี้ข้างเตียงที่ฉันนอนอยู่อย่างหมดเรี่ยวหมดแรง
“จริงๆ เลย… ชั้นนึกว่าเธอตายไปแล้วจริงๆ นะ…! เธอหลับไม่ยอมตื่นเลย 2 วันเต็มๆ เลย…”
พลังเวทที่ฉันรู้สึกได้จากตัวของฟรานน่ะอ่อนมากเลย
เธอคงร่ายเวทฟื้นฟูกับเวทจิตใจให้ฉันมาตลอดเลยสินะ
แขนขวาที่ถูกเธอตัดออกไปก็กลับมาต่อเหมือนเดิมเรียบร้อยแล้วด้วย
“…ฟราน เจอปัญหาอะไรมาหนักเลยสินะ…”
“ฟิลิส”
แล้วฟรานก็ทำสีหน้าแบบที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
ใช่แล้ว สีหน้าที่เธอโกรธไงล่ะ
“ครั้งหน้าที่เธอพยายามจะทำอะไรแบบนั้นอีกล่ะก็… ชั้นฆ่าเธอแน่”
“ถ้าฉันจะทำอะไรแบบนั้นอีกล่ะก็ ฉันคิดว่าฉันคงตายไปโดยไม่ต้องให้เธอฆ่าแล้วล่ะ… เอาเถอะ ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ทำแล้วล่ะ”
ฟรานทำสีหน้าสงสัยเลย
แหงล่ะนะ ฉันยังหมดความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อจนถึงเมื่อกี้นี้อยู่เลย แต่พอฉันตื่นขึ้นมาอีกที ฉันก็กลับมาเป็นปกติแล้ว
“นี่ ฟราน”
“…อะไรเหรอ?”
“ฉัน… ตัดสินใจที่จะเป็น [จอมมาร] แล้วน่ะ”
“…จอมมาร? มันคืออะไรน่ะ?”
ฉันรวบรวมเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ก่อนจะเล่าออกมาให้ฟราน กับเทียน่าและราชาเอลฟ์ที่เข้ามาในห้องแล้วได้ฟัง
“นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นตอนที่เธอหลับอยู่อย่างนั้นเหรอ… ได้พูดคุยกับท่านอิซึสึ สินะ ถึงจะฟังดูน่าเหลือเชื่อมากๆ แต่เธอก็ไม่ได้ดูเหมือนกำลังพูดโกหกอยู่เลยนะ”
“ไม่แปลกเลย ฉันยินดียืดอกพูดอย่างมั่นใจเลยว่า ตั้งแต่เกิดมา ฉันไม่เคยพูดโกหกเลยแม้แต่ครั้งเดียว”
“อีก 3,000 ปี ริงกะจะกลับมามีชีวิตอีกครั้งนึงงั้นเหรอ แต่ว่า ป่านนั้นชั้นจะยังอยู่มั้ยนะ?”
“เอลฟ์น่ะมีอายุขัยประมาณ 1,000 ปีค่ะ ตามปกติก็คงตายไปแล้ว… แต่ ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกว่าท่านพี่น่าจะยังมีชีวิตอยู่ถึงตอนนั้นนะคะ”
“เอะเฮะเฮะ พูดแบบนั้นชั้นเขินนะ”
เทียน่าไม่ได้ชมเธอซักคำเลยนะ ฟราน
“…เพราะงั้น ฉันต้องรวบรวมผู้คน หรือเผ่าพันธุ์เข้ามาอยู่ใต้อาณัติของฉัน เผ่ากึ่งมนุษย์นั้น ตอนนี้คงยังไม่จำเป็นต้องจัดการในทันที ฉันคิดว่าจะเริ่มจากเผ่ามารก่อน… อย่างเผ่าปีศาจกับเผ่ามนุษย์มารนะ”
“เผ่าปีศาจกับเผ่ามนุษย์มารงั้นเหรอ… แม้แต่เอลฟ์อย่างพวกชั้นยังไม่เคยติดต่อด้วยเลยแฮะ ถึงนานๆ ทีจะพอมีนักท่องเที่ยวแวะมาที่หมู่บ้านบ้างก็เถอะ”
ในบรรดาทุกเผ่าพันธุ์แล้ว 2 เผ่าพันธุ์นี้ที่มีคุณสมบัติธาตุในตัวที่ชั่วร้ายมากที่สุดถูกมนุษย์เกลียดชังเป็นพิเศษเลย
ทั้งที่จริงๆ แล้ว ฉันได้ยินว่าพวกเขาเป็นเผ่าพันธุ์ที่คนส่วนมากก็เป็นคนใจดีกันแท้ๆ
“เพราะงั้นนะ… ฟราน”
“หือ?”
“คือ… เรื่องนี้น่ะ พูดตามตรงคือมันคงยากถ้าเกิดมีแค่ฉันคนเดียวน่ะ ริงกะเองก็ไม่อยู่แล้วด้วย แค่คิดว่าต้องเข้าร่วมสงครามต่อเนื่องอยู่คนเดียวไปอีก 3000 ปีแล้ว… ก็น่าเศร้าแล้วล่ะ”
“ก็จริงของเธอนะ”
“เพราะงั้น… ฟราน… คือว่า…”
“ได้เลย~”
“เอ๊ะ? …ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ”
“อยากจะชวนชั้นไปด้วยใช่มั้ยหล้า? ให้ไปช่วยสู้ด้วยกันน่ะ ได้เรย~ ชั้นจะเป็นผู้ใต้บัญชาคนที่ 1 ของฟิลิสเอง”
ฟรานพูดแบบนั้นออกมาโดยที่สีหน้าใสซื่อของเธอไม่หายไปเลยซักนิด
แต่ว่า ราชาเอลฟ์น่ะกระวนกระวายกับเรื่องนี้ทันทีเลย
“ด- เดี๋ยวๆ ฟราน! พ่อก็เข้าใจความรู้สึกของฟิลิส แต่แกเป็นว่าที่ราชินีของเผ่าเอลฟ์คนต่อไปนะ!? ยังเหลือเรื่องอีกมากที่แกยังต้องเรียนรู้ในหมู่บ้านนี้ก่อนที่จะ…”
“อ๋า เรื่องนั้นน่ะ ถ้าเรื่องตำแหน่งล่ะก็ ชั้นยกให้เทียน่าเรียบร้อย เป็นแผนที่ชั้นวางไว้ตั้งแต่แรกแล้วล่ะ”
“เอ๋!?”
“อะไรนะ!?”
อย่าว่าแต่น้องสาวเลย แต่ยัยนี่ไม่ได้บอกกระทั่งพ่อของตัวเองเลยเหรอ เรื่องนี้น่ะ
“เพราะงั้นแล้ว ชั้นจะไปกับฟิลิสนี่แหละ แล้วเจอกันน้า~”
“เดี๋ยว เออ ท่านพี่คะ!?”
“เดี๋ยวก่อน ฟราน คุยเรื่องนี้กันให้-…”
ฟรานพูดทุกอย่างที่ตัวเองต้องการจบเรียบร้อย ก่อนรีบคว้าแขนฉันก่อนที่เทียน่ากับราชาเอลฟ์จะทันได้พูดอะไรอีก
“{เทเลพอร์เทชั่น (เคลื่อนย้าย)}”
พวกเราก็เคลื่อนย้ายกันไปเรียบร้อยแล้ว
“…ที่นี่มัน”
“ถ้าจะหนีออกจากบ้านล่ะก็ การมาที่ที่คุ้นเคยก่อนน่ะดีกว่าอยู่แล้ว ใช่มั้ยล่ะ?”
สถานที่ที่ฟรานเคลื่อนย้ายมาก็คือเมืองของเผ่ามนุษย์มังกร
ที่ที่ฉันเคยมากับริงกะกับฟรานครั้งนึงน่ะ
…ข้อเท็จจริงที่ว่าริงกะไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยทำให้ในอกฉันรู้สึกหน่วงๆ เลย
“…นี่ ฟราน แบบนี้น่ะดีแล้วจริงๆ เหรอ? นั่นน่ะ…”
“หือ? ไม่มีปัญหา ชั้นอยากช่วยฟิลิสจริงๆ นะ… อีกอย่าง ชั้นก็ได้มีข้ออ้างที่จะออกจากหมู่บ้านนั้นแล้วด้วย!”
ดูสีหน้าอันใสซื่อระหว่างที่ยัยนี่พูดไปด้วยนั่นดูสิ
ทำสีหน้าเหมือนเด็กน้อยกำลังจะได้กินเค้กไปพร้อมกับที่พูดว่า ‘ชั้นได้มีข้ออ้างในการหนีออกจากบ้านแล้ว’ เนี่ย สมกับเป็นฟรานสุดๆ ไปเลยล่ะ
“แต่ว่า ฉันยังไม่ค่อยมีแรงเลย… แล้วเราจะทำอะไรต่อล่ะตอนนี้ ถ้าถามฉัน ฉันอยากจะมุ่งหน้าไปที่เขตของพวกเผ่าปีศาจทันทีเลยนะ”
“อ๋า เรื่องนั้นน่ะ มีเด็กอีกคนนึงที่ชั้นอยากชวนไปด้วยก่อนน่ะ”
“เด็กที่อยากชวนไปด้วย? เฮ่ นี่หรือว่า”
“อย่างที่กำลังคิดนั่นแหละ สวัสดีจ้า! คุณลุงเฝ้าประตูเมือง! เลตตี้ล่ะ?”
“สวัสดีครับ คุณฟราน ตอนนี้หัวหน้ากำลังคุยกับแขกอยู่น่ะครับ”
เลตตี้?
…อ้อ ฟลู ‘เร(ท)’ เ ‘ที’ ย
“ว่าแล้ว คนที่เธอคิดจะชวนไปด้วยคือฟลูเรเทียสินะ”
“ช่ายๆ เรามาเจอกันบ่อยๆ หลังจากนั้นเลยล่ะ เลตตี้ได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้ากองอัศวินเวทมนตร์หลังจากเหตุการณ์นั้นด้วย กำลังรุ่งโรจน์ในหน้าที่การงานเลยล่ะ ว่ามั้ย?”
ไม่ได้เจอเธอเลยสินะ หลังจากนั้นน่ะ
เอาล่ะ โตขึ้นขนาดไหนแล้วนะ…
“ก็บอกแล้วนี่คะ ว่าดิฉันไม่รู้อะไรเลยน่ะ! ดิฉันก็เคยเจอเธอแค่ครั้งเดียวเองนะคะ!”
“จริงๆ งั้นเหรอเนี่ย? …ถ้าคิดจะปิดบังล่ะก็ ฉันเอาพายุฝนฟ้าคะนองมาถล่มที่เมืองนี้แน่ คอยดู”
“เป็นเรื่องจริงค่ะ! แต่ไหนแต่ไร ดิฉันก็แค่ได้ข่าวว่าเธออยู่ที่เมืองแห่งการผสมผสานเท่านั้นเองนะคะ…… อ๊า โอ้พระเจ้า ถ้าดิฉันรู้ล่ะก็ ดิฉันคงรีบมุ่งหน้าไปช่วยในทันทีเลยล่ะค่ะ…”
…หือ?
“ตอนนี้ เหมือนอยู่ระหว่างการถกเถียงอยู่เลยนะ เอาไว้ก่อนมั้ย?”
“ไม่ เดี๋ยวนะ ฉันว่าอีกเสียงนั้นคุ้นๆ… จะเข้าไปล่ะนะ”
พอฉันเปิดประตูเข้าไป ตรงนั้นก็มี…
“ถ้างั้น ติดต่อฉันด้วยล่ะถ้าเกิดจะไปที่นั่น-… อ๊าาา!? ฟิลิส!!”
“เอ๋!? คุณฟิลิส!?”
“…เป็นเธอจริงๆ ด้วยสินะเนี่ย”
ในห้องตอนนี้ มีฟลูเรเทียที่เป็นเจ้าของห้องอยู่
เธอดู… ไม่ต่างจากตอนที่เราเจอกันครั้งล่าสุดเท่าไหร่เลยนะ ดูเหมือนเธอจะไปเข้าภาวะกึ่งอมตะที่อายุใกล้ๆ กับฉันเลยนะเนี่ย เสียใจด้วยนะ
ส่วน คู่สนทนาของเธอคือ…
“ไหงเธอมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะเนี่ย เรน”
เรน ราชินีของเหล่าภูติ ที่ฉันรู้จักกับเธอมานานแล้วตั้งแต่เมื่อตอนที่อยู่ที่เมืองมิกซ์ล่ะนะ
“เดี๋ยวสิ! เธออยู่ที่นี่จริงๆ ด้วยนี่!”
“ม- ไม่ใช่นะ! ดิฉันไม่รู้เรื่องเลยนะคะที่คุณฟิลิสอยู่ที่นี่น่ะ…”
“อ่า ขอบอกไว้ก่อนแล้วกัน ฉันเพิ่งจะมาถึงที่นี่เองน่ะ”
“ยะโฮ! เลตตี้! ชั้นพาเธอมาเองแหละ”
“ฟราน! ที่แท้ก็เธอเองเหรอ…”
จากที่ฉันได้ฟัง
ดูเหมือนเรนจะได้ข่าวมาเมื่อวานนี้เองว่าเมืองมิกซ์น่ะถูกทำลายจนราบคาบ
พอเห็นว่าฉันหายตัวไป และกองอัศวินก็ถูกกวาดล้างไม่เหลือ เรนก็เข้าใจได้เลยว่าฉันยังมีชีวิตอยู่ ก็เลยมาถามข้อมูลจากฟลูเรเทียที่ฉันเคยพูดถึงก่อนหน้านี้
“ค- คุณฟิลิส ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ คือ…”
“อา ฟลูเรเทีย ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ พูดจาคล่องขึ้นแล้ว แถมสูงขึ้นด้วยนี่… โตขึ้นสินะ อือ”
ก็ ไม่ใช่ว่าไม่โตขึ้นเลยซักหน่อยนี่นา เพราะงั้น ฉันก็ไม่ได้โกหกซักหน่อย
ฉันกับฟรานก็เดินเข้าไปในห้อง ก่อนจะอธิบายให้พวกเธอเข้าใจอย่างคร่าวๆ เกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นจนถึงตอนนี้
“…งั้นเหรอ ริงกะน่ะ…”
“อ่า… แต่ ไม่ต้องห่วงหรอก รออีกแค่ 3,000 ปี เดี๋ยวเธอก็กลับมาแล้ว แค่รออย่างใจเย็นก็พอ”
“เพราะงั้น ชั้นเลยอยากให้เลตตี้ช่วยงานด้วย มาให้ความช่วยเหลือจอมมารด้วยกันหน่อยน่ะ ช่วยหน่อยได้มั้ย?”
ฟรานถามออกไปแบบนั้น แต่ฟลูเรเทียก็ทำสีหน้าปั้นยากเลย
“อืมมม… คือ แน่นอนว่าดิฉันอยากไปช่วยมากเลยนะคะ… แต่ตอนนี้ ดิฉันก็เป็นหัวหน้าของกองอัศวินของเผ่ามนุษย์มังกรแล้วด้วย เพราะงั้น ดิฉันจะออกไปเลยเฉยๆ ไม่ได้น่ะสิคะ”
…ก็ นั่นสินะ
ไม่เหมือนกับฉัน หรือฟรานที่โยนตำแหน่งภาระของตัวเองทิ้งไปแล้ว ฟลูเรเทียยังเป็นตัวตนที่จำเป็นสำหรับเมืองนี้อยู่
งั้น เรื่องก็ง่ายๆ แบบนั้นแหละ…
“ถ้างั้น เดี๋ยวฉันทำหน้าที่นั้นแทนเธอให้เอง”}
“……เอ๊ะ?”
เรนพูดออกมาอย่างสบายๆ
“ยังไง ฉันก็คิดว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลงของโลกภูติซะบ้างแล้ว การจะสร้างโลกภูติขึ้นมาใหม่คงต้องใช้เวลาซักพักเลย เพราะงั้น ถ้าเธอสามารถทำให้ที่นี่มีสถานที่รองรับเหล่าภูติในระหว่างนั้นได้ล่ะก็ ฉันจะช่วยปกป้องเมืองนี้ให้ก็ได้นะ”
TN: เริ่มเห็นแล้วนะครับ เหล่าสมาชิกยุคบุกเบิกของกองทัพจอมมาร
ทีนี้ เพื่อไม่ให้ทุกคนลืมไปว่าเรื่องนี้มีลีนกับโยมิเป็นตัวเอก เราจะแวะคั่นด้วยตอนพิเศษกันนะครับ
ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r