วันหนึ่ง ระหว่างที่ฉันกับริงกะกำลังอยู่ระหว่างมื้อเช้า ก็มีเสียงเคาะดังมากที่ประตูอย่างกับว่าจะทุบประตูให้พังเลย
“อ- อะไรน่ะ? ใครมาล่ะนั่น?”
“คุณฟิลิส! คุณริงกะ! ฉันเองค่ะ! ดีเชเอง!!”
“ดีเชจัง? ดึกขนาดนี้… อะ เผ่าพันธุ์อื่นๆ เขาตื่นกันเวลาประมาณนี้นี่นะ”
“ใช่ รอแป๊บนะ เดี๋ยวไปเปิดให้แล้ว”
พอฉันเปิดประตูก่อนที่มันจะโดนทุบจนพัง ตรงหน้าบ้านก็มีเด็กผู้หญิงผมสีเกาลัดคนนึงกำลังตื่นตระหนกอยู่
ดีเชเป็นมนุษย์อายุ 15 ปีที่อาศัยอยู่ในเมืองมิกซ์นี่
เธอเกิดมาในครอบครัวเจ้าแคว้นในอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเผ่ามนุษย์อย่าง ‘อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ เมอร์คิวเรียส’ แต่เมื่อไม่กี่ปีก่อน เธอได้ถูกช่วยชีวิตเอาไว้จากเผ่ามาร ตั้งแต่นั้นมา เธอเลยเคลือบแคลงในหลักคำสอนของเทพธิดามิซารี่ที่ดูถูกเผ่ามารและเผ่ากึ่งมนุษย์ ดูเหมือนพอพ่อแม่เธอจับได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอก็เกือบจะถูกพ่อแม่แท้ๆ ของตัวเองฆ่าให้ตายเลย
เพราะงั้น เธอเลยหนีออกมา หนีไปเรื่อยๆ จนในระหว่างที่เธอไร้หนทาง เธอก็ถูกกึ่งมนุษย์คนนึงเก็บมาและพาตัวมาที่เมืองนี้
แต่ว่า มนุษย์นั้นเป็นเผ่าพันธุ์ที่ไม่ได้มีความสามารถพิเศษของเผ่าพันธุ์ที่เด่นชัดอะไร เพราะแบบนั้น เธอเลยตกอยู่ในอันตรายบ่อยๆ ฉันก็ต้องไปช่วยเธออยู่หลายครั้งตั้งแต่สองสามปีก่อน เธอเลยค่อนข้างจะชอบฉันอยู่เหมือนกัน
“มีอะไรล่ะ เสียงดังโหวกเหวกเชียว ทุบซะฉันนึกว่าประตูจะทะลุเป็นรูเลยนะเนี่ย”
“ขอโทษนะ มีเรื่องด่วนเลยค่ะ…! เรื่องใหญ่แล้ว! เนล… เนลยังไม่กลับมาเลย!”
“เนลเหรอ? ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“เมื่อคืนค่ะ เธอออกจากบ้านไปเพื่อไปเก็บสมุนไพรที่บอกว่าจะเก็บได้เฉพาะในเวลากลางคืนเท่านั้น… แต่พอตื่นมาตอนเช้าแล้ว เธอก็ไม่อยู่ที่ไหนเลย…”
สมุนไพรนั่น ใช่อันเดียวกับที่พวกเราไปเก็บตอนได้เจอฟรานครั้งแรกหรือเปล่านะ? …ไม่สิ เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก
เนลคือเพื่อนร่วมห้องของดีเช และก็เป็นเด็กผู้หญิงเผ่ามนุษย์สัตว์ล่ะนะ
เนลก็คือคนที่พาดีเชมาที่เมืองนี้ด้วย และทั้งสองคนก็สนิทกันมานานแล้ว
“โทษทีนะ ริงกะ เดี๋ยวจะออกไปซักพักนะ ถ้าเธอพอสะดวก ช่วยลองหาทั่วๆ เมืองทีได้หรือเปล่า ไม่แน่ เธออาจจะกลับมาแล้ว แล้วเธอก็อาจจะกำลังซื้อของอยู่ก็ได้”
“เข้าใจแล้ว ไปดีมาดีนะ ฟิลิสจัง”
ริงกะโบกมือให้ และออกมาส่ง น่ารักจังเลยน้า
ไม่ใช่สิ
“งั้น ไปกันเถอะ เราควรจะไปที่ที่สมุนไพรโตก่อนดีกว่ามั้ย?”
“ค- ค่ะ!… ขอโทษนะคะ ฉันกลัวที่จะต้องไปคนเดียวน่ะสิ…”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย รีบไปกันก่อนเถอะ”
“เข้าใจแล้ว!”
“…ไม่อยู่งั้นเหรอ”
“เนล… อยู่ที่ไหนนะ…?”
ไม่ว่าจะมองหาที่ไหน ฉันก็หาเนลไม่เจอเลย
ไม่สิ พูดให้ถูกคือ กลิ่นของเธอยังอยู่ แต่มันขาดช่วงไปกลางทางเลย
นี่มัน…
“…เธอโดนใครลักพาตัวไปแล้วหรือเปล่า?”
“เอ๊ะ…? เนลน่ะเหรอคะ!?”
“อา มีความเป็นไปได้อยู่นะ เมื่อคืนไม่ได้มีลมมากขนาดนั้น ถ้าเกิดไม่ใช่การจงใจล่ะก็ กลิ่นไม่มีขาดไปจนฉันตามรอยไม่ได้แบบนี้หรอก”
“ร- เรื่องแบบนั้น…!”
“ไม่ต้องตระหนกไปหรอก กลิ่นที่ยังตกค้างอยู่แถวนี้ยังแรงอยู่ คงยังไม่ไปไหนไกลขนาดนั้นหรอก”
ฉันร่ายเวทตรวจจับ และตามหาตำแหน่งของเนล
“…ไม่ไหว อยู่นอกระยะเวทตรวจจับของฉัน… ทำยังไงดีนะ…”
“{เอนเชนท์ (เสริมกำลัง) • ขยายระยะของผล}”
“โหว!? ดีเช! เธอใช้เวทเสริมกำลังได้งั้นเหรอ!?”
“ค่ะ! ฉันเข้ากับเวทเสริมกำลัง, เวทคุ้มครอง แล้วก็เวทฟื้นฟูได้ดีเลยล่ะ!”
“นี่แสดงว่าเธอเป็น [ไฮพรีส] งั้นเหรอเนี่ย…? ยอดเลยนะเนี่ย ที่ทำได้ขนาดนั้นตั้งแต่ยังอายุแค่นี้น่ะ…”
ดีเช… บางที เธอคนนี้อาจจะเข้าขอบข่ายของ [อัจฉริยะ] เหมือนกันก็ได้นะเนี่ย
“งั้น ตรวจจับ… เจอแล้ว!”
“จริงเหรอคะ!?”
เจอ… แต่แย่เลย แย่สุดๆ เลยล่ะ
แถม ยังมีปฏิกิริยาอื่นอยู่รอบๆ ด้วย พวกนั้น… มนุษย์นี่
“ดูเหมือนเธอจะถูกมนุษย์ลักพาตัวไปนะ!”
“ต- ต้องรีบตามไปให้ทันแล้ว…”
“อา ด้วยระยะเท่านี่ ถ้าเป็นฉันล่ะก็ ใช้ซัก 3 นาทีนะ ดีเช เกาะไว้ให้แน่นล่ะ”
“เอ๊ะ? เกาะ… แบบนี้เหรอค-… ค้าาาาาาาา!?”
ฉันแบกดีเชขึ้นขี่หลัง ก่อนจะวิ่งมุ่งหน้าไปทันที
ไม่นาน ฉันก็เห็นมนุษย์กลุ่มหนึ่ง กับมนุษย์สัตว์ประเภทแมวถูกมัดด้วยเชือกอยู่ใต้การกระโดดของฉัน
อยู่นั่นเอง
“…อยากให้ฉันหยุดก่อนมั้ยล่ะ?”
“พวกแกจะทำอะไรน่ะ!”
“แกกล้ามามาขึ้นเสียงกับพวกเรา กองอัศวินเทมพลาร์แห่งอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ เมอร์คิวเรียสงั้นเหรอ!?”
อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์?
สถานที่ตั้งของโบสถ์หลักของศาสนามิซารี่ ที่ค้ำยันจิตใจในหมู่พวกมนุษย์สินะ
“เด็กผู้หญิงมนุษย์สัตว์ตรงกลางนั่นเป็นเพื่อนของเด็กข้างหลังฉันคนนี้ล่ะนะ”
“เนล!”
“ดีเช!? แม้แต่คุณฟิลิสก็ด้วยเหรอ…”
ด้วยคำพูดของฉัน พวกอัศวินเทมพลาร์ก็หันมามองฉันด้วยตาที่ลุกไปด้วยไฟของความโกรธเลย
“เฮ่ย… ที่อยู่ข้างหลังแกนั่น… มนุษย์ไม่ใช่เหรอ? อุตส่าห์ได้เกิดมาเป็นมนุษย์แท้ๆ แกยังลดตัวไปขอความช่วยเหลือจากแวมไพร์ เพื่อมาช่วยเหลือมนุษย์สัตว์เนี่ยนะ?”
“จะเผ่าพันธุ์ไหนก็ไม่เกี่ยวซักหน่อย! เนลเป็นเพื่อนของฉัน! คืนเธอมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
“…ยัยเด็กนี่เป็นพวกบูชาเทพชั่วร้าย! กำจัดมันซะ!”
“““ครับ!”””
อะ ฟังแค่นั้นก็โมโหแล้วเหรอ?
ไม่ยกโทษให้กับที่ฉันเป็นแวมไพร์ก็จริง แต่ไม่ยกโทษให้พวกพ้องร่วมเผ่าพันธุ์ (ดีเช) ที่เป็นมิตรกับแวมไพร์ (ฉัน) กับมนุษย์สัตว์ (เนล) ยิ่งกว่าอีกงั้นเหรอ
จริงๆ เลย มนุษย์นี่เป็นเผ่าพันธุ์ที่โง่เง่าจริงๆ ถึงจะมีข้อยกเว้นอยู่บ้างก็เถอะ
“ฉันช่วยเนลก่อนก็แล้วกันนะ… โฮ่!”
“เอ๊ะ?… เอ๋!?”
ด้วยความเร็วของฉัน ฉันสามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วในระดับที่ไม่มีใครที่อยู่ที่นี่รู้ตัวและช่วยเนลมาได้เลย
เพราะอย่างนั้น ฉันเลยช่วยเนลมาด้วยความเร็วสูง และส่งตัวเธอให้ดีเชไว้
“เอาล่ะ อย่าให้โดนจับอีกล่ะ”
“อ๊า… เนล โล่งอกไปที…!”
“ขอบคุณนะคะ คุณฟิลิส… ดีเช ขอโทษที่ทำให้ต้องเป็นห่วงนะ”
อีกด้านนึง พวกมนุษย์ที่ยังตะลึงกันอยู่ที่เห็นมนุษย์สัตว์ที่พวกตัวเองลำบากลำบนกว่าจะจับตัวได้ถูกพาตัวไปแล้ว ก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นหน้าที่โกรธเกรี้ยวเลย
“แก… ยัยแวมไพร์นี่!”
“ข้าจะฉีกแกให้เป็นชิ้นๆ เลย!!”
“…ฟังดูไม่เข้ากับอัศวินของศาสนจักรเลยนะ”
อย่างน้อย ทั้งเอลฟ์ทั้งอัศวินมังกรที่ฉันเคยเจอน่ะดูสง่ากว่าพวกแกหลายร้อยเท่าเลยล่ะ
“ไปตายซ้าาาา!!”
“ช้าเป็นบ้า”
“กุอั๊กก!?”
พวกมันอ่อนแอมาก ฉันก็จัดการพวกมันไม่เหลือซักคนในเวลาแค่ 5 วินาทีโดยไม่ติดขัดอะไรเลย
“ขอบคุณมากจริงๆ นะคะ คุณฟิลิส ไม่รู้เลยค่ะว่าถ้าคุณไม่มาช่วยจะเป็นยังไง…”
“คำขอบคุณน่ะให้ดีเชเถอะ เธอเป็นคนมาขอให้ฉันช่วย แถมยังเสริมกำลังให้เวทตรวจจับของฉันด้วย”
หลังจากที่กลับมาถึงเมือง และส่งดีเชกับเนลเรียบร้อย ฉันก็กลับมาที่บ้าน
“กลับมาแล้ว ริงกะ ขอโทษทีนะ กลับมาช้าไปหน่อย”
“ยินดีต้อนรับกลับน้า…”
“…เฮ่ อย่ามาหลับตรงนี้สิ”
“ก็~เพราะ~… ฟิลิสจัง ช้านี่นา…”
ก็นะ ตอนนี้ก็เที่ยงแล้วนี่นา เป็นเรื่องยากมากสำหรับริงกะที่มีเลเวล 25 และความต้านทานต่อความง่วงต่ำที่จะตื่นอยู่จนถึงตอนนี้ล่ะนะ
“ไม่ดีเลยนะ เอาล่ะ ไปที่เตียงก่อนเถอะ”
“หาว… ฟิลิสจัง คึกจังเลยนะ…”
“ไม่ได้หมายความแบบนั้นซักหน่อย อย่ามัวแต่พูดอะไรแบบนั้นสิ รีบๆ ไปนอนเถอะ ฉันดีใจที่เธอคอยฉันนะ แต่ยังไงก็ช่วยดูแลตัวเองดีๆ ด้วยเถอะนะ”
“เอะเฮะเฮะเฮะ… ขอบคุณนะ ฟิลิสจัง…”
โธ่ ง่วงจนจะหลับได้ตลอดเวลาอยู่แล้วนะ เธอเนี่ย
ตอนนี้ ฉันพาเธอไปที่เตียง วางเธอบนฟูก แล้วก็หลับสนิททันทีเลยล่ะนะ
“…ริงกะ หลับหรือยัง?”
“………”
หลับแล้วสินะเนี่ย
“…ฉันรักเธอนะ ริงกะ ฉันดีใจมากเลยนะที่มีเธออยู่ข้างๆ แบบนี้ด้วยกัน”
เป็นคำที่ทุกทีฉันจะอายเกินกว่าจะพูดออกมา แต่ในเวลาแบบนี้ เวลาที่เธอคนนี้หลับอยู่ ฉันก็พอจะพูดออกมาได้อยู่บ้างล่ะนะ
“เอะเฮะเฮะเฮะ… ฉันก็เหมือนกัน~…”
“นี่เธอยังตื่นอยู่เหรอ!? อ๊า! ลืมเรื่องเมื่อกี้ไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
“ม่ายเอา~ ไม่ยอมลืมแน่~”
“อ๊า! ให้ตาย! ยัยคนใจทมิฬนี่!”
ฉันวางมือบนผ้านวมเพื่อดึงมันออก แต่ริงกะไม่รั้งไว้เลย
…ดูท่า คราวนี้คงจะหลับจริงๆ แล้วสินะ
พอมองหน้าที่หลับสนิทแบบนั้น ฉันก็รู้สึกทั้งเขินทั้งโมโหเลย
“ฮ่า จริงๆ เลย…”
หลังจากที่จัดผ้านวมดีๆ แล้ว ฉันก็คลานเข้าไปนอนอยู่ข้างๆ ริงกะ
ก็ ฉันยังไม่ได้ง่วงขนาดนั้นหรอก แต่พอมาอยู่ข้างริงกะแบบนี้แล้ว ฉันก็รู้สึกผ่อนคลาย แล้วก็ง่วงขึ้นมาเลย
“ราตรีสวัสดิ์นะ ริงกะ”
“………”
ไม่นานนัก ฉันก็หลับไป
ฉันหวังแค่ให้ริงกะ ที่หลับอยู่ตรงหน้าฉัน จะคอยช่วยฟื้นฟูให้ และเวลาแบบนี้จะเป็นอยู่ตลอดไปนะ
แค่ 3 วันหลังจากวันนั้น
ริงกะก็ ตายแล้ว
โน้ตจากผู้แต่ง : * คำเตือน เนื้อเรื่องจากนี้จะดำเนินไปแบบดำดิ่งเป็นครั้งแรกในรอบหลายตอน เตรียมตัวไว้ให้ดี
TN: …
ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r