ใช้เวลาประมาณ 4 วันเต็มๆ เลย พวกคุณไอริสถึงได้หายดีเป็นปกติ
นี่เพราะปริมาณที่ทุกคนกินเข้าไปมันไม่เยอะหรือเปล่านะ หรือว่าแค่เพราะพวกเขามีกำลังความอึดสูงเท่านั้นเอง
จะยังไงก็เถอะ นี่ก็เป็นเรื่องน่าดีใจนะ
เพราะแบบนั้น มื้อเย็นวันนี้ก็เป็นงานเลี้ยงสำหรับฉลองการหายป่วยของทั้ง 2 คนไงล่ะ
“อร่อยๆ! สมแล้วล่ะที่เป็นฝีมือโลเรีย!”
คุณไอริสสวาปามอาหารบนโต๊ะมาซักพักนึงแล้ว อาจจะเป็นเพราะการที่ไม่กินมื้ออาหารดีๆ มาซักพักใหญ่ก็ได้
“ไอริส ก่อนอื่นเลยเนี่ย เธอน่าจะขอบคุณคุณผู้จัดการกับโลเรียจังก่อนนะ พวกเราซาบซึ้งมากจริงๆ ขอบคุณนะคะ ง่ำ ง่ำ ”
ในขณะที่พูดแบบนั้น คุณเคทเองก็ตั้งหน้าตั้งตาขยับมือขยับปากขอเธอไปด้วยพร้อมๆ กัน
แถมยังด้วยความเร็วสูงพอควรเลยด้วยนะ
“อ้อ จริงด้วย”
คุณไอริสวางอุปกรณ์ทานอาหารในมือลง ยืดตัวนั่งตรงขึ้นมาเล็กน้อย แล้วก็สูดหายใจเข้าลึก
“นายท่านผู้จัดการ ขอบคุณนะคะที่ช่วยเราเอาไว้ครั้งนี้ด้วย ต้องให้คุณเห็นด้านที่น่าอับอายอีกแล้ว…”
“ไม่สบายแบบนี้ มันเลี่ยงไม่ได้หรอกค่ะ ใช่มั้ยล่ะ?”
“ใช่ค่ะ เวลาฉันป่วยก็ต้องให้คุณแม่ช่วยดูแลเหมือนกัน”
ตอนที่ฉันถามว่ามีใครเห็นด้วยหรือเปล่า โลเรียจังก็ยิ้มตอบพร้อมกับพยักหน้าเห็นด้วยกับฉัน
“โลเรียยังเด็กอยู่เลย จะทำแบบนั้นก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วล่ะ กรณีของพวกเรานี่มันเกิดมาจากความผิดพลาดของพวกเราเอง… ฮะฮะฮะ นี่ถ้าเกิดเรายังอยู่ที่ห้องพักล่ะก็ ไม่รู้เลยนะคะว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเราบ้าง”
“นั่นสินะ แล้วนี่พวกคุณอังเดรเป็นอะไรกันมั้ยล่ะเนี่ย?”
“ในกลุ่มพวกเขา มีแค่คุณเกรย์คนเดียวที่ดื่มโพชั่น (ยาแปรธาตุ) ขวดแพง แล้วก็คอยดูแลเฝ้าไข้คนที่เหลือค่ะ”
“แบบนี้เอง แบบนี้ก็อุ่นใจได้แล้วสินะคะ”
ฉันพูดเลี่ยงเรื่องของรายละเอียดออกไป แต่ตอนที่ฉันเอายาไปส่งให้พวกเขา พวกคุณอังเดรอยู่ในสภาพที่ค่อนข้างจะสาหัสเลย แถมพวกเขายังไม่มีฉันหรือโลเรียจังอยู่ด้วย
หลังการตะเกียกตะกายกันอย่างดุเดือด คุณเกรย์ก็เป็นคนที่ได้ดื่มโพชั่นนั่นไป
แลกกับการที่เขาหายป่วยได้ในทันที คุณเกรย์ก็ต้องรับหน้าที่ดูแลอีก 2 คนไปโดยปริยาย
คุณอังเดรกับคุณกิลก็ได้ยารสชาติไม่น่าอภิรมย์นั่นไปด้วยเหมือนกัน เพราะฉะนั้นฉันคิดว่าพวกเขาทั้งคู่ก็น่าจะอาการดีขึ้นไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้นี่แหละ?
ถ้าพวกเขาไม่ได้โลภมากแล้วเลียน้ำผึ้งเข้าไปปริมาณมากๆ ล่ะก็นะ
“แต่ว่านะคะ คุณไอริส คุณเคท อย่าทานวัตถุดิบเล่นแร่แปรธาตุอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง เข้าใจนะคะ? ครั้งนี้พวกคุณยังโชคดี แต่มันสามารถเป็นสถานการณ์ที่เสี่ยงอันตรายถึงชีวิตได้เลยค่ะ!”
ฉันชี้นิ้วขึ้นมาพร้อมกับดุทั้ง 2 คน ซึ่งทั้งคู่ก็หลบสายตากันอย่างอิหลักอิเหลื่อ
“…น่าละอายจริงๆ ค่ะ มันดูน่าอร่อยมาก ฉันก็เลยอดใจไม่อยู่”
“เพราะเห็นว่าเป็นน้ำผึ้ง ฉันเลยคิดว่ามันสามารถกินได้ตามปกติเลย ขอโทษค่ะ”
“ฉันเข้าใจเลยค่ะ! เวลามีของหวานๆอยู่ตรงหน้า จะห้ามใจไม่กินก็ยากอยู่แล้วใช่มั้ยคะ?”
“โลเรียจังก็อีกคน… ห้ามเด็ดขาดเลยนะเข้าใจมั้ย? ไม่ว่ามันอาจจะเป็นอะไรที่ดูปลอดภัยไร้พิศสงแค่ไหนก็ตาม อย่าทะเล่อทะล่าไปเลียชิมอะไรก็ตามในร้านเด็ดขาดเลยนะ! ถ้ามันโดนมือก็ต้องล้างมือให้สะอาดอย่างทั่วถึงทั้งมือด้วย เข้าใจแล้วนะ?”
สีหน้าของฉันตึงเครียดมากขึ้นอีก กับโลเรียจังที่พยักหน้าหงึกๆ ตอบมา ฉันก็เน้นย้ำถึงประเด็นที่ฉันพูดถึงมากขึ้นอีก
เพราะเรื่องนี้น่ะมันอันตรายถึงชีวิตจริงๆ
เอาเถอะ ของที่ดูน่าอร่อยมันก็มีไม่ได้เยอะอะไรมากมาย ฉันคงไม่ต้องกังวลอะไรขนาดนั้นหรอก
“นั่นสินะคะ ฉันไม่อยากต้องมามีประสบการณ์ผ่อนคลายความทุกข์ในชีวิตที่มุมสวนหลังบ้านอีกแล้ว”
“ฮะฮะ… ฉันเองก็อยากจะเลี่ยงเหมือนกันล่ะนะ”
จริงด้วยสิ สุดท้าย คุณเคทเองก็ต้องเจอประสบการณ์แบบเดียวกันด้วยนี่นา
ไม่ใช่ว่าคุณไอริสทำเรื่องอะไรที่โหดร้ายนิสัยเสียเลยนะ แต่ตอนที่เวลาของทั้ง 2 คนบังเอิญตรงกันพอดี เรื่องนี้มันก็ต้องเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เท่านั้นเอง บ้านนี้เรามีห้องน้ำแค่ห้องเดียวเองนี่นา
ถึงพวกเธอจะจัดการเรียบร้อยแล้วก็เถอะ การไปทำธุระในสวนนี้มันก็ยัง… แบบว่านะ
“แต่ระหว่างการเก็บรวบรวมวัตถุดิบหรือการออกเดินทางท่องเที่ยว บางครั้งผู้คนก็ต้องทำธุระถ่ายกลางแจ้งอยู่แล้วนี่ จริงมั้ยคะ?”
“โลเรียจัง นั่นมันเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้นะ แต่ถ้าเธอรู้สึกดีขึ้น งั้นก็ยอมรับเรื่องนั้นแล้วกัน”
“ฉันจะขอหลบจากสวนหลังบ้านไปอีกซักพักแล้วกันค่ะ โดยเฉพาะช่วงที่ต้องอยู่นานๆ แล้วขยับออกไปไม่ได้ ดีใจมากจริงๆ นะคะที่สวนมีรั้วปิดมิดชิดล้อมรอบแบบนี้ด้วย”
อืม คุณไอริสตอนวันแรกนี่ลำบากน่าดูเลยนี่นะ
พวกเรามีอยู่ 3 สถานการณ์รวมกันเลยล่ะนะ คืออยู่ชายขอบหมู่บ้าน, มีสวนหลังบ้าน แล้วก็มีรั้วรอบขอบชิด ช่วยให้ไม่สามารถมองจากข้างนอกเข้ามาไม่ได้
ถ้าสถานการณ์ 3 อย่างนี้ตกไปข้อใดข้อนึง แล้วฉันเป็นคุณไอริสบ้างนี่ฉันอาจจะเลือกแม้แต่การออกไปข้างนอกหมู่บ้านเลยก็ได้
“ถ้าอย่างน้อยฉันทำสุขาเคลื่อนที่พกพาเสร็จเอาไว้ก่อนก็คงดีนะคะ”
“อะไรนะ!? มีอาร์ติแฟกต์ (อุปกรณ์แปรธาตุ) แบบนั้นอยู่ด้วยเหรอคะ?”
“มีค่ะ ฉันสร้างเสร็จเมื่อวานนี้เอง”
“อึก! ถ้ามีของชิ้นนั้นก่อนหน้านี้ล่ะก็!”
“คุณผู้จัดการคะ… ถ้าเร็วกว่านี้ซักนิด…”
“ไม่ใช่นะคะ ก็ ฉันคิดไม่ถึงว่ามันจะจำเป็นนี่นา”
ในบรรดาอาร์ติแฟกต์ที่เขียนอยู่ในสารานุกรมแปรธาตุเล่มที่ 4 ของที่ฉันยังไม่ได้สร้างก็เหลืออยู่อีกไม่กี่ชิ้นแล้ว
หลายๆ ชิ้นเป็นของที่จำเป็นต้องเลื่อนเวลาสร้างออกไปก่อนด้วยปัจจัยเรื่องของวัตถุดิบและแรงงานที่จำเป็น
โฟลทติ้งเต็นท์ที่สร้างเอาไว้เมื่อวันก่อน กับสุขาเคลื่อนที่พกพาที่สร้างขึ้นคราวนี้เองก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัน
สุขาเคลื่อนที่พกพานี่ ตราบใดที่ฉันอยู่บ้านมันก็ไม่ได้มีความจำเป็นเลย ไม่ได้มีเครื่องมือพิเศษอะไรติดตั้งเอาไว้เป็นพิเศษด้วย ถ้าเกิดไม่ใช่ในสถานการณ์นี้ล่ะก็ ฉันคงจะสร้างเจ้านี่เป็นอย่างสุดท้ายเลย
ก็เลยกลายเป็นว่าคุณไอริสกับคุณเคทก็ต้องไปใช้สวนหลังบ้าน ตอนนั้นฉันก็รีบสร้างเจ้านี่เลยล่ะ… แต่ก็นะ มันไม่ใช่ของที่จะสร้างเสร็จได้ในระยะเวลาอันสั้นด้วย กว่าจะทำเสร็จ มันก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้งานมันแล้ว
“อึม คิดถึงสถานการณ์ในอนาคตแล้ว นี่เราควรจะซื้อสุขาเคลื่อนที่พกพาเอาไว้ด้วยหรือเปล่าน้า?”
“ไอริส เข้าใจนะว่าฉันเองก็แย้งความเห็นนั้นไม่ได้เหมือนกัน แต่เราดูหน้าตามันก่อนดีมั้ย? คุณผู้จัดการ ไว้ให้เราดูทีหลังได้มั้ยคะ?”
“เอ ได้เลยค่ะ ไหนๆ ก็มีของแล้ว เอามาตั้งโชว์เหมือนเต็นท์เลยดีมั้ยคะ? ฉันไม่ได้หยิบมันมาใช้อยู่แล้ว ยิ่งกว่าเต็นท์ซะอีก”
“อ้อ! เต็นท์อันนั้นเองก็ดูสุดยอดไปเลยนะคะ! เห็นแล้วก็รู้เลยว่าต้องหลับสบายแน่นอน”
“ค่ะ อันนั้นค่อนข้างได้รับความนิยมพอควรเลยนะคะ”
ดูเหมือนการเอาไปสินค้าไปตั้งโชว์เอาไว้ในตอนที่นักเก็บสะสมกำลังมีกำลังใจดีกันแบบนี้จะได้ผลนะ เรามีคำสั่งซื้อสินค้าเข้ามา 2 ชิ้นแล้วตอนนี้
ตอนนี้ โลเรียจังเองก็กำลังตั้งหน้าตั้งตาเย็บเต็นท์ตามขนาดที่สั่งมาเลยล่ะ
“ถ้าใช้ของชิ้นนั้น การตั้งแคมป์พักแรมก็ไม่เป็นปัญหาเลยนะ! เคท เรา—”
“—ไม่จำเป็นซักหน่อยนี่ เราแค่ไปเช้าเย็นกลับ ไม่ได้จำเป็นต้องไปค้างแรมข้างนอกหรอก”
คุณเคทส่ายหน้าปฏิเสธกลบคำพูดที่ตื่นตาตื่นใจของคุณไอริสซะแล้ว
“อึก นั่นสินะ ตั้งแต่ที่มาหมู่บ้านนี้ก็ไม่ได้ออกไปตั้งค่ายพักแรมเลย”
“ถ้าเลี่ยงการค้างแรมได้มันก็ดีกว่านะ ยังไงซะที่นั่นมันก็คือทะเลป่าใหญ่นี่นา”
ป่าที่นี่ ที่อยู่ตรงตีนเขาเกอร์บา รอคฮาน่ะ ชื่อ [ทะเลป่าใหญ่] ไม่ได้มาเพราะเรื่องคุยโวหรือเรื่องลือเกินจริงเลยนะ ต่อให้จะเป็นคนที่มีฝีมือก็ตาม เมื่อไหร่ที่ก้าวเข้าไปเหยียบในพื้นที่ที่กลับไม่ทันในวันเดียวล่ะก็ การมองข้ามแค่นิดเดียวก็สามารถเอาชีวิตของคนคนนั้นไปได้เลย
แม้แต่พวกมือสมัครเล่น แค่เหยียบเข้าไปที่นั่นไม่กี่ชั่วโมงก็เสี่ยงอันตรายแล้ว
แถมถ้าโชคไม่เข้าข้าง ก็มีโอกาสไปเจอสัตว์อสูรร้ายที่กำลังเกรี้ยวกราดเข้าที่ชายของของทะเลป่าได้อีกต่างหาก
เหมือนอย่างตอนที่กลุ่มพวกคุณไอริสไปเจอเข้ากับเฮล เฟลม กริซลีนั่นแหละ
พอลองคิดถึงเรื่องนี้แล้วเนี่ย การที่คุณไอริสกับคุณเคทใช้วิธีไปเช้าเย็นกลับแบบนี้นี่ก็เป็นทางเลือกที่รอบคอบและฉลาดมากๆ เลยนะ ต่อให้จะมีอะไรเกิดขึ้น ทั้งคู่ก็ยังสามารถลี้ภัยมาที่บ้านฉันได้อยู่
“แล้วพวกคุณ 2 คนจะเริ่มออกไปทำงานกันต่อพรุ่งนี้เลยหรือเปล่าคะ?”
พอโลเรียจังถามคำถามนี้ขึ้นมา ทั้ง 2 คนก็หันมามองหน้ากันและกันด้วยสีหน้าที่ดูลำบากใจกันนิดหน่อย
“นั่นสินะ… การเลี่ยงไม่ให้หนี้เพิ่มไปมากกว่านี้เป็นเรื่องสำคัญ แต่เพราะเราพักไปช่วงเวลานึงเลย แล้วก็ไม่ได้ทำเงินเพิ่มมาเลยซักแรร์ ถ้าเป็นไปได้ เราก็อยากจะเริ่มงานกันเลย”
“เพื่อความปลอดภัย เราวางแผนจะพักฟื้นอีกสองสามวันนะ ต่อให้จะหายดีแล้ว เรี่ยวแรงกำลังกายก็พร่องไปด้วย เพราะงั้น…”
“อ่า… นั่นสินะคะ แค่มองฉันยังเห็นเลยว่าน้ำหนักพวกคุณ 2 คนดูลดไปเยอะเลย”
2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งคู่ทานได้น้อย แล้วก็อาเจียนกันไม่หยุดเลย
กลายเป็นการบังคับไดเอทแบบไม่ได้เจตนาเลยล่ะ
ถึงแม้ว่าทั้ง 2 คนจะทานอาหารเข้าไปมากๆ เพื่อชดเชยกับน้ำหนักที่หายไปก็ตาม มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อย่างแค่ทานอาหารแล้วนอนหลับไป 1 คืนแล้วร่างกายจะกลับมาแข็งแรงสมบูรณ์ ฟื้นฟูเรี่ยวแรงกลับมาเป็นปกติได้น่ะ
“นายท่านผู้จัดการคะ ถ้าพอมีเวลา ช่วยมาร่วมการฝึกกับฉันด้วยได้หรือเปล่าคะ?”
“เข้าใจแล้วค่ะ ฉันเองก็ต้องทำเหมือนกันค่ะ การฝึก ถึงฉันจะอยู่ฝึกด้วยไม่ได้นานหรอกนะคะ”
ดาบแสนวิเศษที่ฉันได้มาจากอาจารย์
เพื่อจะไม่ให้ของมันเสียเปล่า ฉันก็เลยคอยหาเวลามาฝึกดาบอยู่เรื่อยๆ ตั้งแต่ที่ได้ดาบเล่มนี้มา
เพราะงานหลักของฉันคือนักเล่นแร่แปรธาตุ ก็มีหลายครั้งเลยที่ฉันจมดิ่งไปกับงานนั้นจนทิ้งการฝึกไปหลายวัน แต่ถ้าตารางเวลาของเราตรงกัน บางครั้งฉันก็ไปฝึกพร้อมกับคุณไอริสด้วย 2-3 ชั่วโมงไม่ได้เป็นปัญหาอะไรอยู่แล้ว
“ถ้าอย่างนั้น ขอรบกวนพรุ่งนี้เช้าด้วย ได้หรือเปล่าคะ?”
“ได้ค่ะ เข้าใจแล้ว ตอนบ่ายก็… เดี๋ยวทำโฟลทติ้งบอร์ดต่อก็แล้วกัน”
“นี่หรือว่า กำลังสร้างของชิ้นใหญ่อยู่งั้นเหรอคะ?”
“อื้อ พูดอย่างง่าย มันก็คือรถเข็นที่ไม่มีล้อ กลไกการทำงานของมันก็คือโฟลทติ้งเต็นท์ที่ด้อยกว่าเท่านั้นเอง ไม่ได้เป็นของน่าสนใจอะไรหรอก”
อย่างที่ชื่อบอกเลย โฟลทติ้งบอร์ดก็คือกระดานที่ลอยอยู่กลางอากาศได้
ต่อให้จะเป็นถนนที่ขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อแค่ไหน หรือสัมภาระจะหนักขนาดไหน ใช้แรงแค่นิดเดียวก็ขยับได้แล้ว ทำให้ทำงานได้สะดวกสุดๆ เลย―――แต่ถึงจะดูเป็นของดีขนาดไหน แต่จริงๆ มันก็ไม่ใช่อาร์ติแฟกต์ที่สะดวกมากมายอะไรแบบนั้นหรอก
เหตุผลก็คือในแง่ของประสิทธิภาพที่ออกมาต่อพลังเวทมันไม่สูงเลย
ถ้าเป็นคนมีพลังเวทเยอะอย่างฉันก็อาจจะไม่ใช่ปัญหานะ แต่สำหรับคนธรรมดาแล้วจะใช้ศิลาเวททดแทนกันล่ะก็ เงินขนาดนั้นเอาไปจ้างคนมาขนยังจะคุ้มกว่าเลย
ถึงมันจะทำให้การขนส่งของที่มีน้ำหนักมากๆ หรือเปราะบางแตกง่าย แต่คุณประโยชน์ขอมันก็ยังจำกัดมากอยู่ดี แถมโฟลทติ้งบอร์ดเองก็ไม่ใช่ของที่ราคาถูกๆ เลยด้วย
มันไม่ใช่อาร์ติแฟกต์ที่จะแทนที่รถม้าได้เลยซะทีเดียวหรอก
“เจ้านี่เองก็คงต้องถูกเก็บลงกรุของไม่ได้ใช้งานอีกชิ้นสินะ? ต่อให้เอาไว้ให้คุณดาร์นาใช้ เขาก็คงจะใช้งานมันไม่ได้อยู่ดี”
“คุณพ่อ ไม่ได้มีพลังเวทในตัวมากเท่าไหร่เลยค่ะ อ๊ะ จะว่าไป คุณซาราสะคะ คุณเอรินฝากบอกว่า ‘หลังจัดการเรื่องเรียบร้อยแล้ว อยากจะคุยด้วยหน่อย’ น่ะค่ะ”
“คุณเอรินเหรอ? จะเป็นเรื่องอะไรกันนะ…?”
โลเรียจังพูดขึ้นมาเพราะนึกขึ้นได้พอดี ฉันได้ยินแบบนั้นก็เอียงคอสงสัย
เทียบกับฉันที่ค่อนข้างออกจะเป็นฮิคิโคโมรินิดหน่อย โลเรียจังที่ออกไปซื้อของบ่อยๆ ดูจะมีโอกาสเจอกับคุณเอรินได้หลายครั้งเลย ระหว่างนั้นเธอก็เลยฝากข้อความมาด้วยสินะ
แต่เรื่องของคุณเอริน ลูกสาวของผู้ใหญ่บ้านงั้นเหรอ ได้กลิ่นตุๆ ว่าจะมีปัญหาเข้ามาซะแล้วสิ
“ม- ไม่แน่ อาจจะเป็นการขอบคุณที่ช่วยให้หมู่บ้านมีชีวิตชีวาจากหมวกเย็นฉ่ำก็ได้นะคะ? แบบ ‘ขอบคุณที่คอยช่วยเหลือตลอดมา’ อะไรแบบนั้นน่ะ?”
อาจจะเพราะเห็นสีหน้าของฉันหม่นลงล่ะมั้ง โลเรียจังถึงพูดขึ้นมาแบบนั้น แต่ก็นะ…
“แต่ถ้าแค่มาขอบคุณ คุณเอรินคงไม่ใช้คำว่า ‘หลังจัดการเรื่องเรียบร้อยแล้ว’ หรอก ถึงคุณไอริสกับคุณเคทจะทรุดลงไป แต่ร้านก็ยังเปิดตามปกตินะ”
“…นั่นสินะคะ”
โลเรียจังที่ดูจะเข้าใจความรู้สึกไม่สบายใจนิดๆ ฉันอยู่ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะพยักหน้าให้
“คุณเอรินนี่ก็สุดยอดเหมือนกันนะ ยิ่งในหมู่บ้านแบบนี้ด้วย”
“อื้อ ความสามารถระดับนี้ เหมาะกับการบริหารหมู่บ้านขนาดใหญ่กว่านี้หรือเมืองย่อมๆ ได้เลย”
“ผู้ใหญ่บ้านน่ะเป็นแค่ในภาพลักษณ์ภายนอกเท่านั้นเอง แต่ความจริง คนที่คอยทำงานก็คือคุณเอรินนี่แหละค่ะ”
“นั่นสิน้า~ ถ้าไม่ใช่เรื่องยุ่งยากก็คงดีอยู่หรอก”
ถึงจะคาดหวังเรื่องนั้นได้น้อยไปหน่อยก็เถอะ
“เอาเป็นว่า เรื่องนั้นไว้ค่อยคิดอีกทีตอนที่คุณเอรินมาก็แล้วกัน พอกหางไว้ก่อนๆ”
ในที่สุด อาหารแสนอร่อยที่โลเรียจังลำบากลำบนทำจนเสร็จก็มาเรียงรายอยู่บนโต๊ะจนได้
ไม่ได้เพลิดเพลินกับของพวกนี้ล่ะก็น่าเสียดายแย่
ฉันเลือกที่จะสูดหายใจเข้าลึก ปรับอารมณ์ตัวเอง แล้วก็ตอนนี้ เพลิดเพลินไปกับมื้ออาหารตรงหน้าดีกว่า
TN: ก็ยังดีนะเนี่ยที่หายป่วยกันแล้ว
ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r