บทที่ 808 ฮ่องเต้กำมะลอ (1)
หลังจากผ่านพ้นค่ำคืนอันยาวนานและวุ่นวาย ในที่สุดทุกคนในเรือนต้นเฟิงต่างก็เข้าสู่นิทรา
พระจันทร์เสี้ยวปีนออกมาจากเมฆและสะท้อนกับดวงดาว ฤดูร้อนที่ร้อนอบอ้าวค่อยๆ สิ้นสุดลง และแม้แต่จั๊กจั่นที่เคยร้องเสียงดังก็เริ่มอ่อนแรงลง
ทุกคนอยู่ในสภาพหลับสนิทและลึก
รุ่งอรุณของวันถัดมา เส้นขอบฟ้าเริ่มทอแสง เมืองเซิ่งตูที่หลับใหลก็ได้เวลาตื่นขึ้นมาท่ามกลางแสงสลัวๆ
วันแห่งความวุ่นวายได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
จิ้งคงตื่นก่อนใครเพื่อน
ช่วงนี้พี่เขยตัวแสบบังคับให้เขาคอยติดตามอยู่ตลอดเวลา เขาไม่สามารถย้ายไปอยู่กับกู้เจียวอย่างเปิดเผยได้ ดังนั้นเขาจะแสดงความไม่พอใจอย่างแรงกล้าทุกเช้าโดยแสดงอาการหงุดหงิดหลังตื่นนอน
ทว่าเช้านี้ พอเขาลืมตาขึ้นมา ก็พบว่าตัวเองไม่ได้นอนอยู่บนเตียงเดิม
เอ๋
เขาลุกขึ้น แล้วลงจากเตียง พอเปิดประตูออก ก็พบว่า
ว้าว ว้าว ว้าว!
ที่นี่ตำหนักท่านกั๋วกงนี่นา!
เมื่อคืนเขาได้นอนที่ตำหนักกั๋วกงจริงๆ ด้วย!
เขาได้อยู่ใกล้ๆ กู้เจียวแล้ว!
“เจียว…อ๊ะ…”
จิ้งคงรีบวิ่งหากู้เจียว ทว่าจู่ๆ เขาก็ถูกร่างสูงของใครบางคนดึงตัวเขาออกไปก่อนที่เขาจะเดินไปถึงห้องนอนของกู้เจียว
ขณะเดียวกัน ฮ่องเต้ค่อยๆ ลืมตาขึ้น พระวรกายยังคงมีอาการเจ็บและอ่อนแอเล็กน้อยเนื่องจากฤทธิ์ของยา
ไม่รู้ว่ามันเป็นจินตนาการของเขาหรือไม่ แต่นอกเหนือจากความเจ็บปวดแล้ว เขายังรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยทั่วร่างกาย
ฮ่องเต้ขมวดคิ้วลุกขึ้นนั่งด้วยความยากลำบาก มือข้างหนึ่งจับหน้าผาก แล้วรู้สึกว่ากำลังเวียนหัว แต่ทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงเอามือแตะศีรษะ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า!
ผมปลอมของเขาหายไปแล้ว!
เนื่องจากหันเย่โกนผมของฮ่องเต้ออกจนหมด จึงต้องสวมผมปลอมทุกครั้ง และจะถอดออกเฉพาะตอนนอน
ฮ่องเต้จำได้รางๆ ว่าเขาถูกหันกุ้ยเฟยทุบตีจนหมดสติไป หลังจากที่ฟื้นขึ้นก็จำได้ว่าผมปลอมนั้นยังอยู่บนหัวของเขา
คุกใต้ดิน
จริงสิ เขาถูกหันกุ้ยเฟยจับมาอยู่ในคุกใต้ดิน
แต่ว่า คุกใต้ดินสว่างขนาดนี้เลยรึ
เดี๋ยวนะ ที่นี่ไม่ใช่คุกใต้ดินนี่นา!
หันกุ้ยเฟยเล่นตุกติกอะไรกับเขาอีกแล้ว!
เอี๊ยด
ประตูห้องถูกเปิดออก ปรากฏว่าเป็นจางเต๋อเฉวียนเดินเข้ามาด้านในพร้อมกับชุดน้ำชา
ฮ่องเต้ยกแขนอันหนักอึ้งแล้วเปิดม่านมุ้งออก และเห็นจางเต๋อเฉวียนกำลังจัดแจงวางถ้วยชาไว้บนโต๊ะ
“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร หรือว่าเจ้าเองก็ทรยศข้าเหมือนกัน!” ไม่เช่นนั้นคงไม่มาโผล่ในสถานที่ของหันกุ้ยเฟยหรอก
จางเต๋อเฉวียนตกใจกับท่าทีของฝ่าบาท หากไม่ใช่เพราะเขาทำหน้าที่เป็นขันทีรับใช้พระองค์มานานหลายปี ป่านนี้ถ้วยชาในมือของเขาคงกระเด็นหลุดมือไปไกลแล้ว
“ฝ่าบาททรงตื่นบรรทมแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ” จางเต๋อเฉวียนถวายบังคมให้ฮ่องเต้ จากนั้นเอ่ยถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“นางงูพิษหันนั่นไปไหนแล้วล่ะ” ฮ่องเต้ถามอย่างตื่นตระหนก
“หืม” จางเต๋อเฉวียนอึ้งอยู่พักหนึ่ง มองว่าฝ่าบาททรงถามถึงหันกุ้ยเฟย จึงรีบตอบกลับ “หันกุ้ยเฟยอยู่ที่ตำหนักเย็นพ่ะย่ะค่ะ”
“แล้วที่นี่ไม่ใช่วัง…” ระหว่างที่กำลังเอ่ยอยู่นั้น ก็เพิ่งจะเข้าใจความหมายที่จางเต๋อเฉวียนสื่อออกมา “ที่นี่ที่ไหน”
“ทูลฝ่าบาท ที่นี่คือจวนกั๋วกงพ่ะย่ะค่ะ” จางเต๋อเฉวียนคลี่ยิ้มเบาๆ
เมื่อเห็นว่าฝ่าบาทยังมีอาการมึนงง จางเต๋อเฉวียนจึงเล่าเรื่องที่เขาแอบหนีออกมาจากวังเพื่อมาขอความช่วยเหลือที่จวนกั๋วกงแห่งนี้ “…ต้องยกความดีความชอบให้พระนัดดากับท่านชายเซียวขอนับ พวกเขาเป็นผู้คิดหาวิธีช่วยเหลือฝ่าบาทออกมาจากตำหนักเย็นพ่ะย่ะค่ะ”
พอฟังจบ ฮ่องเต้ถึงกับตกพระทัย
เพราะคาดไม่ถึงว่า พระนัดดาผู้อ่อนแอและเซียวลิ่วหลังผู้ที่ทรงรู้สึกไม่ถูกชะตาเอาเสียเลย จะกลายมาเป็นคนที่ช่วยเหลือให้รอดพ้นจากอันตรายได้
คงเป็นอย่างที่ใครเขาว่ากันสินะ อย่ามองคนแค่ภายนอก
“พวกเขาไปไหนแล้วล่ะ” ฮ่องเต้ตรัสถาม
จางเต๋อเฉวียนตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “พวกเขาก็พักอยู่ที่จวนนี้เหมือนกันพ่ะย่ะค่ะ หลังจากวุ่นวายทั้งคืนคงเหนื่อยกันน่าดู น่าจะยังไม่ตื่นพ่ะย่ะค่ะ ให้กระหม่อมไปปลุกพวกเขาไหมพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้โบกมือปัด “ไม่เป็นไร ให้พวกเขาพักผ่อนดีกว่า”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้ามาช่วยพยุงข้าที ข้าจะเปลี่ยนชุด”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
จางเต๋อเฉวียนเข้าไปช่วยพยุงฮ่องเต้ลงจากเตียง ทันใดนั้น ฮ่องเต้ย่นคิ้วพร้อมทั้งยกพระหัตถ์กุมที่พระโสณีของตนเอง
ไยถึงรู้สึกเจ็บถึงปานนี้ล่ะ หรือข้าจะถูกใครถีบมาอย่างนั้นรึ
แต่คิดดูแล้วก็ไม่น่าเป็นไปได้ เขาเป็นถึงจักรพรรดิ ใครหน้าไหนจะกล้าเตะพระโสณีของเขา
“ซี๊ดด…”
เจ็บเหลือเกิน
“เกศา” ของฮ่องเต้หล่นหายไประหว่างตอนที่หลบหนีเมื่อคืน ส่วนเรื่องที่ว่ามันหล่นหายไปตอนมุดเข้าไปในโพรงสุนัข หรือเมื่อตอนที่กู้เฉิงเฟิงอุ้มเขากลับไปที่ตำหนักกั๋วซือ ไม่มีใครล่วงรู้ได้
แม้ฮ่องเต้จะมีเกศาปลอมไว้สำรอง แต่เสียดายที่ทุกอย่างถูกเก็บอยู่ในวัง ตอนนี้จึงทำได้แค่ให้จางเต๋อเฉวียนหาพระมาลามาสวมแก้ขัดไปก่อน
และในตอนนั้นเอง อันกั๋วกงก็กำลังเข็นรถเข็นมาทางนี้พอดี
จางเต๋อเฉวียนออกไปดูลาดเลา ก่อนรายงาน “ฝ่าบาท อันกั๋วกงกำลังมาพ่ะย่ะค่ะ”
“มาเข้าเฝ้าแต่เช้าตรู่เลยรึ เอาละ ให้เขาเข้ามาได้” แม้ที่ผ่านมาฮ่องเต้กับอันกั๋วกงจะไม่ลงรอยกัน แต่ความภักดีของกั๋วกงในครั้งนี้ทำให้ฮ่องเต้ยอมเปิดพระทัยมากขึ้น
พอจางเต๋อเฉวียนออกไปเปิดประตูต้อนรับด้วยสีหน้าเบิกบาน กลับพบว่าอันกั๋วกงไม่ได้เข็นรถเข็นมาทางนี้แต่อย่างใด
ฮ่องเต้ “…”
จางเต๋อเฉวียน “…”
อันกั๋วกงตั้งใจจะไปหากู้เจียวเพื่อรับประทานอาหารเช้าด้วยกัน พอเห็นว่านางยังหลับอยู่ จึงให้คนใช้ช่วยเข็นรถกลับไป
จางเต๋อเฉวียนเห็นว่าอันกั๋วกงกลับมาอีกครั้ง ก็รีบรายงานฝ่าบาท “มาแล้ว มาแล้วพ่ะย่ะค่ะ! เมื่อครู่นี้ท่านกั๋วกงคงไปผิดห้องกระมังพ่ะย่ะค่ะ!”
ฮ่องเต้ได้ยินดังนั้นก็รีบจัดท่าทางและวางมาดโดยไม่ให้เครื่องหัวมากวนใจ
ทว่ารถเข็นของกั๋วกงก็เคลื่อนผ่านห้องของฮ่องเต้ไปอีกครั้ง…
ฮ่องเต้ทอดพระเนตรจางเต๋อเฉวียนด้วยความขุ่นเคือง
ขณะที่จางเต๋อเฉวียนได้แต่ยิ้มแห้ง
หากเรื่องจบแค่อันกั๋วกง ฮ่องเต้คงไม่บันดาลโทสะขนาดนี้ เพราะไม่นาน คนในจวนก็ทยอยตื่นกันเยอะขึ้น แต่ไม่มีผู้ใดเข้ามาถวายบังคมกับฮ่องเต้เลยแม้แต่คนเดียว!
สีพระพักตร์ในตอนนี้ของฮ่องเต้ย่ำแย่ยิ่งนัก
จางเต๋อเฉวียนได้แต่ยิ้มเจื่อนพร้อมทั้งเอ่ยปลอบพระทัย “ทูลฝ่าบาท เนื่องจากฝ่าบาทออกนอกวังโดยไม่ระบุตัวตน พวกเขาคงไม่รู้ว่าฝ่าบาททรงประทับอยู่ที่นี่ อีกทั้งพวกเขาไม่เคยเห็นพระพักตร์ของฝ่าบาทมาก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
ทันทีที่จางเต๋อเฉวียนเอ่ยจบ จวงไทเฮาที่กำลังนั่งอยู่ใต้ต้นไม้พร้อมกับแทะเมล็ดแตงโม ก็เหลือบมองเข้ามาในห้อง ก่อนจะถามบ่าวที่นั่งอยู่ข้างๆ “นี่ ฮ่องเต้แคว้นเยี่ยนของพวกเจ้าหัวล้านรึ เหตุใดถึงสวมหมวกในร่มล่ะ”
ฮ่องเต้แคว้นเยี่ยนกำหมัดแน่น
จางเต๋อเฉวียน ข้าจะฆ่าเจ้า!