คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า 716 ท่านปล้นยมโลกหรือ

ตอนที่ 716 ท่านปล้นยมโลกหรือ

ตอนที่ 716 ท่านปล้นยมโลกหรือ

ฉินหลิวซีมองไปยังกำไลหินเก้าตาเป่ยหมิงที่ข้อมืออย่างมีความสุข หันมามองคฑาเพชรที่มือขวา จับกระจกดูดวิญญาณที่เก็บไว้ตรงอกเบาๆ ดวงตาโค้งครึ่งเสี้ยวแล้ว

ครั้งนี้ไม่ได้มาเสียเที่ยว

“พวกท่านช่างเกรงใจแล้วจริงๆ” ฉินหลิวซียิ้มตาหยี เอ่ย “รอกลับไปถึงอาราม ข้าจะเผาก้อนทองคำนับแสนนับล้านให้พวกท่าน และจะเผางานเลี้ยงชั้นหนึ่งให้พวกท่านด้วย”

กษิติครรภโพธิสัตว์ยิ้มบาง เอ่ย “เจ้าเพียงต้องจำเอาไว้ ผู้คนเกิดทุกข์ การสร้างบุญกุศลเป็นสิ่งสำคัญของเจ้า”

“อ้อ” ฉินหลิวซีโบกมืออย่างเชื่อฟัง “เช่นนั้นข้าไปก่อนแล้ว”

กษิติครรภโพธิสัตว์พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

ฉินหลิวซีคารวะพวกเขาหนึ่งครั้ง หันหลังเดินออกไป หางตาเหลือบไปเห็นเสาหลักต้นนั้นที่ถูกเผาจนดำ เอ่ยถาม “พระโพธิสัตว์ ตำหนักของท่านเคยถูกเผาหรือ ผีขาดคุณธรรมต้องกินใจหมีดีเสือดาวเข้าไปจึงกล้ามาเผาตำหนักท่าน”

กษิติครรภโพธิสัตว์ “…”

เทพเฟิงตูยิ้มเย็น ข้าต้องเตือนเจ้าสักประโยคหรือไม่ ว่าเจ้ากำลังด่าตัวเองอยู่

ฉินหลิวซีส่ายศีรษะ “ดูคงจะนานแล้ว หลายปีแล้วยังไม่ซ่อม ดูเหมือนยมโลกจะจนเล็กน้อย เดี๋ยวกลับไปข้าจะเผาแผ่นทองมาให้พวกท่านสักหน่อย อย่างน้อยก็ให้ยมทูตมาช่วยติด เช่นนี้ ข้าคงต้องขอตัวแล้ว”

ทั้งสองพ่นลมหายใจออกมาทันใดหลังจากที่นางออกไป ในที่สุดก็ไปแล้ว

ด้านนอก ยมทูตผู้พิพากษาเห็นของในมือฉินหลิวซี ใบหน้าเต็มไปด้วยความนับถือ สมแล้วที่เป็นท่าน แม้แต่กำไลของราชาเทพก็ปล้นมาได้

อย่ามองว่ากำไลหินนี้ไม่สู้ตราผนึกชีวิตความตายและไม้เท้า แต่นั่นก็เป็นกำไลที่เขาสวมติดกายมาหลายปี เป็นอาวุธวิเศษ กำไลหินเคลื่อนไหว คล้ายกับคาถาถูกร่ายออกไป ดวงวิญญาณผีโดนเข้าถูกตัดขาดเป็นส่วนๆ ดวงวิญญาณได้รับความเสียหาย หากถูกกำไลหินเก้าตาโจมตี ยิ่งขวัญหนีดีฝ่อ

แต่ที่สำคัญที่สุด เห็นกำไลหินประดุจเห็นราชาเทพ ขอเพียงกำกำไลนี้เอาไว้ นางก็จะสามารถเรียกกองทัพหยินแม่ทัพผีได้

นี่เป็นการใช้กำไลหินเป็นศรอาญาสิทธิ์เลยนี่นา

ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ราชาเทพและท่านโพธิสัตว์เกรงใจแล้ว ต้องมอบให้ข้าให้ได้ ข้าไม่เอาก็ไม่ได้”

ยมทูตผู้พิพากษายิ้มประดักประเดิด วาจานี้ท่านยังกล้าเอ่ยมันออกมา

ฉินหลิวซีพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ เอ่ย “จริงสิ พอดีเจ้าก็อยู่ที่นี่ ช่วยข้าดูอายุขัยของเฉวียนจิ่งที”

ยมทูตผู้พิพากษา “?”

ฉินหลิวซียิ้มตาหยีลูบกำไลหิน

ยมทูตผู้พิพากษาหยิบพู่กันผู้พิพากษาออกมา เปิดบันทึกความเป็นความตาย เขียนชื่อเฉวียนจิ่งลงไป บันทึกชีวิตของเขาปรากฏขึ้นกลางอากาศ

ฉินหลิวซีมองดู รอยยิ้มพลันหุบลง

สิ้นอายุขัย รัชศกต้าเฟิงคังอู่ยี่สิบห้า เดือนห้า ปีที่ยี่สิบหก

ฉินหลิวซีนับนิ้วคำนวน อายุเหลือไม่ถึงสิบห้าวัน เป็นไปได้อย่างไร

นางมองไปยังยมทูตผู้พิพากษา ดวงตาแวววาว

“ใต้เท้า เป็นตายมีโชคชะตา ชีวิตของเขาอยู่ที่ท่าน แต่ไม่ใช่ท่านจะขัดต่อโชคชะตาได้ ทว่าต้องปล่อยให้เป็นไปตามโชคชะตา” ยมทูตผู้พิพากษาเอ่ยด้วยใบหน้าขมขื่น อย่าบอกให้เปลี่ยนอายุขัยเขาเลย เรื่องนี้ผู้ใดก็ไม่อาจรับผิดชอบได้

ฉินหลิวซีเอ่ย “ข้าไม่ทำให้ท่านลำบากใจ ข้าไปแล้ว”

นางเคลื่อนไหวรวดเร็ว พุ่งตัวออกไป นางต้องกลับไปดูว่าเกิดปัญหาที่ใด ไยจึงเหลือเวลาน้อยเพียงนี้ ไม่รู้ว่าแม่หมอกู่จะเลี้ยงกู่ออกมาได้ในเวลาเพียงน้อยนิดเท่านี้หรือไม่

ยมทูตผู้พิพากษาพ่นลมหายใจ ข้างหูพลันได้ยินเสียงเทพเฟิงตูดังขึ้น รีบกลับไปยังตำหนังของกษิติครรภโพธิสัตว์

เทพเฟิงตูเอ่ย “นางถามอะไรหรือ”

ยมทูตผู้พิพากษาไม่กล้าปิดบัง เอ่ยบอกอย่างละเอียด

เทพเฟิงตูส่งเสียงหยัน ยังนับว่านางมีขอบเขต ไม่บังคับให้ยมทูตผู้พิพากษาเพิ่มอายุขัย

กษิติครรภโพธิสัตว์พลันเอ่ยขึ้น “เจ้าชะตาชีวิตของชื่อหยวน”

ยมทูตผู้พิพากษาชะงัก เปิดชะตาชีวิตของนักพรตชราชื่อหยวนขึ้นมา ทั้งสามคนดูวันสิ้นอายุขัยนั่น เงียบลงไป

“ท่านเทพ ท่านต้อง…” เสียงของยมทูตผู้พิพากษาสั่น

เฉวียนจิ่งนั้นนางไม่เป็นไร แต่หากเห็นของอาจารย์นาง กลัวว่าคงได้พลิกยมโลก

เทพเฟิงตู “เป็นตายมีโชคชะตา หากผู้ใดก็แตะต้องชะตาชีวิตได้ การเวียนว่ายตายเกิดจะไม่วุ่นวายหรือ”

“ขอรับ”

เทพเฟิงตูเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ไปให้ราชาฉินก่วงปลุกเสกเบิกเนตรประตูผีสักหน่อย เทียนซือคนธรรมดาผู้ใดก็สามารถเข้ามาได้ราวกับไม่มีคน บอกจะมาก็มา ได้อย่างไรกัน”

ยมทูตผู้พิพากษา “…”

วาจานี้คงหมายถึงผู้ที่เพิ่งจากไปผู้นั้น ป้องกันก็คือนาง

ยมทูตผู้พิพากษาไปถ่ายทอดคำสั่ง

กษิติครรภโพธิสัตว์ถอนหายใจใส่เทพเฟิงตู เอ่ย “ทำความดีสะสมบุญกุศล จึงจะทำให้จิตใจของนางอ่อนโยน แต่หากอาจารย์ผู้นั้นของนางไม่อยู่แล้ว เกรงว่า…ไม่รู้ว่าให้ความสำคัญกับความรู้สึกดี หรือไร้ความรู้สึกดี”

เทพเฟิงตูเอ่ยเสียงเข้ม “การเวียนว่ายตายเกิดยังคงปกติ ไหนเลยจะมีมนุษย์ธรรมดามีชีวิตอยู่ได้เป็นพันปี นางเองก็เป็นมนุษย์ ต้องเข้าใจในจุดนี้”

กษิติครรภโพธิสัตว์ยิ้มบาง “หวังว่าอนาคตเจ้าเองจะสงบนิ่งได้เช่นนี้ถึงจะดี”

ศีรษะของเทพเฟิงตูเต้นตุบๆ มองไปยังเสาหลักต้นนั้น อึกอักพลางเอ่ย “หรือว่า เก็บตำแหน่งเทพเจ้าประจำเมืองเอาไว้ก่อน เขาไม่เป็นไรเจ้าเด็กคนนี้ก็มีคุณความดี มีบุญกุศลติดตัว”

กษิติครรภโพธิสัตว์เอ่ยตามตรง “เลือกเจ้าหน้าที่ เป็นหน้าที่รับผิดชอบของราชาเทพ แต่เมื่อเทียบกับสิ่งนี้ แต่เรื่องของซื่อหลัวนั่นเร่งด่วนยิ่งกว่า ข้าคิดว่านางคาดเดาไม่ผิด หากอยากหลุดพ้นจากกฎเกณฑ์ มีเพียงการสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า สำเร็จเป็นเทพเจ้าเท่านั้น”

คิ้วของเทพเฟิงตูขมวดขึ้น “สำเร็จเป็นเทพเจ้าไหนเลยจะง่ายเพียงนี้”

“เจ้าอย่าลืมเสีย เขายังคงเป็นการกลับมาเกิดของพระพุทธเจ้าของพุทธและเต๋าที่หาได้ยากในรอบหลายพันปี” กษิติครรภโพธิสัตว์ถอนหายใจ การกลับชาติมาเกิดเช่นนี้ ตามหลักแล้วควรเป็นโชคดีของโลกมนุษย์ ทว่ากลับเดินในเส้นทางมาร

ห้วงหนึ่งสวรรค์ ห้วงหนึ่งนรก ช่างแท้จริง

เทพเฟิงตูและกษิติครรภโพธิสัตว์ไปยังส่วนลึกของยมโลก มองตัวอักษรสวัสดิกะสีทองที่ซื่อหลัวใช้ความคิดสลักเอาไว้ ทั้งสองจนวาจาอยู่นาน

หนึ่งคือมารเอ้อฝูที่เป็นพระพุทธเจ้ากลับมาเกิด อีกหนึ่งกลับเป็น…

ผู้ใดชนะผู้นั้นรับผิดชอบอย่างนั้นหรือ

ฉินหลิวซีกลับมายังโลกมนุษย์ จามออกมา ทำความสะอาดไปพลางรู้สึกขนลุกชัน ใช้คาถาชำระพลังหยินที่แผ่กระจาย จากนั้นลูกคลำกำไลหินที่ข้อมือ ยิ้มด้วยความพึงพอใจ

เพียงแต่รอยยิ้มนี้ไม่นานก็หายไป นึกย้อนกลับไปในการไปยมโลกครั้งนี้ ดวงตาคู่นั้นหรี่ลง

นางมั่นใจได้ เทพเฟิงตูและกษิติครรภโพธิสัตว์คุ้นเคยกับนางมาก รู้ที่มาของนางอย่างชัดเจน มิเช่นนั้นคงไม่ยอมตามใจให้นางบังอาจเพียงนี้ ยังให้อาวุธวิเศษหลายชิ้นเปล่าๆ มีลับลมคมในมากจริงๆ หรือว่าพวกเขาต้องการให้ตนเป็นลูกปืนไฟ[1] อุทิศตนให้ซื่อหลัวในอนาคต”

อืม สูญเสียชีวิตก็เป็นการอุทิศตน

เทพเฟิงตู ไม่ใช่เพราะเจ้าหน้าด้านไร้ยางอายปล้นเอาไปหรอกหรือ

เฮยซากระโดดออกมาจากป่าวั่นไหว มองเห็นฉินหลิวซียิ้มอย่างอัปลักษณ์ มองไปที่มือนาง ตื่นตกใจ “ท่านไปปล้นนรกมาหรือ”

กำไลหินนั่นดูไม่ธรรมดา เขายังรู้สึกกลัวเลย

ฉินหลิวซีจ้องเขาเม็ง “พูดเป็นหรือไม่ ปล้นอะไรกัน ข้าได้มาด้วยความสามารถ”

เฮยซา อาศัยความสามารถหน้าด้านไร้ยางอายหรือ หรือว่าแย่งชิงมา

ฉินหลิวซีหยิบกระจกดูดวิญญาณเฉียนคุนขึ้นมา ท่องคาถา ส่องไปที่ร่างเฮยซา วงกลมน้ำปรากฏขึ้นมาทันที

“นี่ นี่คือร่างปีศาจที่แท้จริงของเจ้าหรือ” ฉินหลิวซีจ้องมองสิ่งที่อยู่ในกระจก

เฮยชายื่นศีรษะไปดู ในกระจก วงน้ำกลมๆ มีเส้นสีแดงบางส่วน บนศีรษะยังมีสายล่อฟ้าออกมาจากบนศีรษะของเขา

เขาตะโกนลั่น นี่มันอะไรกัน

ฉินหลิวซีเบี่ยงหลบมือของเขาด้วยเสียงหัวเราะ ที่แท้เป็นเพียงเทียนเซี่ยนเป่าเป่า[2] ไม่แปลกใจที่เขาอยากเป็นหมีดำผู้สง่างาม เดิมก็น่ารักแล้ว ไม่มีความน่ากลัวเลยสักนิด

[1] หมายถึงคนออกหน้าแทน รับกระสุนแทน

[2] หมายถึง เทเลทับบี้

คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Score 10
Status: Completed
คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า นางคือปรมาจารย์ปู่ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น! รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาชีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่ง ฉินหลิวชี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเดำเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไป เบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู่ฉิว ผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงิน ปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิด เมื่อโชชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่นปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้ เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมรื่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัว เฮ้อ แม้ไม่หวังการก้วหน้าใดๆ แต่สรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเขียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้า เขาก็ดั้นดันเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า! "เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ" "ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ" "ไม่ป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง" "ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า" ฉีเซียนเอ่ย "ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป..." ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ "เดิมที่ท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน" "..."

Options

not work with dark mode
Reset