นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature ) 197 A โพดำ

ตอนที่ 197 A โพดำ

ตอนที่ 197 – A โพดำ

 

นับถอยหลัง 16:30:00

7 โมงเช้า ทีมเดินขบวนอันยิ่งใหญ่มุ่งหน้าไปทิศเหนือได้ 30 นาทีแล้ว

เส้นทางเดินเท้าที่ยาวไกลขนาดนี้ แล้วยังเป็นปลายฤดูใบไม้ร่วงอันหนาวเย็น สำหรับพละกำลังของเหล่านักเรียนแล้ว การเดินขบวนนี้เป็นการทดสอบอันหนักหนาเลย 

แต่ทว่า พวกเขาก็กำลังอยากจะแสดงจิตใจมุ่งมั่นของตนเองผ่านวิธีการประเภทนี้         

อีกอย่าง พวกเขาก็หวังว่าจะดึงดูดความสนใจมากกว่านี้จากข้างทาง ทำให้ทั่วทั้งสหพันธรัฐจดจ่ออยู่ที่กิจกรรมเดินขบวนนี้ 

ณ ขณะนี้ มีสายตานับไม่ถ้วนกำลังมองที่นี่ มีคนเฝ้ารอให้การเดินขบวนของพวกเขาเกิดอุบัติเหตุ แล้วก็มีคนเฝ้ารอพวกเขาประสบความสำเร็จให้ได้         

ในฝูงชน ทุกคนได้รับการจัดระเบียบให้ทุก ๆ ครั้งที่ผ่านเขตชุมชนจะตะโกนคำขวัญการเดินขบวนเรื่องปฏิรูปการศึกษาเสียงดัง   

เหล่านักเรียนนับพันที่ริเริ่มการเดินขบวนครั้งนี้เคลื่อนตัวอยู่ในนั้น เข็นรถเข็นคันเล็กแจกจ่ายอาหารและน้ำให้ทุกคน 

อาการเป็นแท่งโปรตีนที่ราคายังไม่เลว น้ำเป็นน้ำแร่ ไม่อาจไม่พูดว่า สปอนเซอร์ของกิจกรรมเดินขบวนครั้งนี้ไม่เลวอย่างยิ่ง ไม่ว่าคุณภาพจะเป็นอย่างไร ปริมาณก็เพียงพอแน่นอน ว่ากันว่าเป็นนักธุรกิจสักคนที่จ่ายทรัพย์สมบัติหมดตัวมาสนับสนุน 

แต่ว่า การเดินขบวนไม่ได้ราบรื่นอย่างในจินตนาการเลย ทุกครั้งตอนที่พวกเขาผ่านเขตเขตหนึ่ง คณะกรรมการบริหารความมั่นคงสาธารณะของเขตเมืองนี้ก็จะตรวจสอบใบอนุญาตเดินขบวนของพวกเขาซ้ำหนึ่งครั้ง         

แถมตอนที่ตรวจสอบ ผู้เดินขบวนจะต้องยืนรออยู่ในลมหนาวครึ่งชั่วโมง 

ตลอดทางนี้จะต้องผ่านทั้งหมด 4 เขต เพียงตรวจสอบเอกสารทางกฎหมายก็ต้องใช้เวลา 2 ชั่วโมง 

เหล่านักเรียนมองดูผู้เดินขบวนที่ยืนตัวสั่นงั่ก ๆ อยู่ในลมหนาวเหล่านั้น จู่ ๆ ตระหนักได้ว่านี่คือมีคนอยากจะถ่วงเวลา จากนั้นให้พวกเขาพังทลายไปในลมหนาว 

ถึงแม้ว่าบางคนจะอนุมัติการเดินขบวนเพราะแรงกดดันของความเห็นสาธารณชนบังคับ แต่พวกเขาไม่หวังให้กลุ่มเดินขบวนนี้ไปถึงสามเขตบนอย่างราบรื่นเลย   

อารมณ์ของเหล่าผู้เดินขบวนค่อย ๆ รุนแรงขึ้นมา พวกเขาระบายความไม่พอใจเสียงดังใส่เจ้าหน้าที่คณะกรรมการบริหารความมั่นคงสาธารณะที่กำลังตรวจสอบตามขั้นตอนอยู่ด้านหน้า ส่วนพวกนักเรียนที่ยังสามารถรักษาความสงบนิ่งไว้ได้เหล่านั้นก็ปลอบใจผู้เดินขบวนข้างกายไม่หยุด “ทุกคนตั้งสติหน่อยครับ นี่ก็คือเหตุการณ์ที่พวกเขาอยากเห็น พวกเขาหวังให้พวกเราเสียการควบคุม จากนั้นสื่อไร้ยางอายจำนวนมากก็จะจงใจขยายจุดนี้!”

แต่ทว่า ณ ขณะนี้ นักเรียนคนหนึ่งจู่ ๆ พบว่า ผู้เดินขบวนคนหนึ่งถึงกับล้วงปืนพกออกมาจากข้างเอวอย่างไร้สุ้มเสียง เล็งไปที่คณะกรรมการบริหารความมั่นคงสาธารณะเงียบ ๆ   

ในสีหน้าของผู้เดินขบวนคนนี้ไม่มีความโกรธเกรี้ยว   

นักเรียนเข้าใจแล้ว นี่มันไม่ใช่ผู้เดินขบวนเลย แต่แทรกตัวอยู่ในกลุ่มเดินขบวน พยายามทำลายคนที่เดินขบวนตามปกติ   

เขาอยากจะอ้าปากขัดขวาง แต่ในพริบตาถัดมา ปากของเขาถูกคนปิดจากข้างหลังอย่างเหนือคาด!         

นักเรียนคนนี้อยากจะออกแรงขัดขืน แต่ฉากอันน่าตื่นตะลึงก็ได้เกิดขึ้น เห็นแค่ว่าผู้เดินขบวนที่ถือปืนคนนั้นไม่ได้เหนี่ยวไกปืนเลย แต่กลับแข็งทื่ออยู่กับที่         

สิ่งที่ยิ่งทำให้คนตื่นตะลึงคือ มีฝ่ามือที่สวมถุงมือสีดำข้างหนึ่งปิดปากผู้ถือปืนคนนั้นจากด้านหลัง ไม่ให้อีกฝ่ายส่งเสียงร้องโหยหวนสักนิด   

อย่างรวดเร็ว ผู้ถือปืนถูกคนคลุมกระสอบสีดำ ยัดเข้าไปในรถเข็นคันเล็กที่บรรทุกอาหารสปอนเซอร์ เข็นไปช้า ๆ   

จนกระทั่งขณะนี้ มือข้างนั้นที่ปิดปากของนักเรียนจึงได้ปล่อยออกมา         

นักเรียนหันหน้ากลับไปมองอย่างตื่นเต้น กลับเห็นชายหนุ่มที่หวีผมเรียบไปข้างหลังคนหนึ่งเอ่ยอย่างสงบนิ่งว่า “อย่าร้องวุ่นวาย อย่างนี้จะก่อให้เกิดความแตกตื่น”

“แต่ว่า……” นักเรียนอยากจะพูด แต่ไม่รู้ว่าจะพูดจากตรงไหน อีกอย่าง เขารู้สึกตลอดว่าชายที่อยู่เบื้องหน้าคนนี้คุ้นตาอยู่บ้าง เหมือนกับเคยเห็นในข่าว 

ชายหนุ่มคนนั้นสวมเทรนช์โค้ตสีดำ ในเทรนช์โค้ตที่เปิดออกยังสามารถมองเห็นชุดสูทหรูหรากับนาฬิกาพกสีทอง 

เห็นแค่ว่าชายหนุ่มยิ้มอย่างหาได้ยาก “วางใจ ชมรมเหิงจะช่วยพวกคุณหาพวกก่อการร้ายเหล่านี้ออกมา พวกคุณแค่สนเรื่องการเดินขบวนไปอย่างวางใจ วีธีโสมมพวกนั้นจะมีคนคลี่คลายแทนพวกคุณ”

เมื่อได้ยินคำว่าชมรมเหิงสองคำ นักเรียนจึงคิดออกในที่สุดว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นใคร!

ชมรมเหิง หลี่ตงเจ๋อ?! 

แต่นักเรียนไม่เข้าใจอยู่บ้าง ชมรมเหิงไม่ใช่ว่าควบคุมธุรกิจใต้ดินเหรอ คนประเภทนี้ทำไมถึงมาคุ้มครองกิจกรรมเดินขบวน? 

ระหว่างที่พูด หลี่ตงเจ๋อได้หายตัวไปในฝูงชนแล้ว เขาพาคนของชมรมเหิงเข็นรถเข็นคันเล็กยี่สิบกว่าคันออกไปข้างนอก ในกล่องสินค้าใต้รถเข็นคันเล็กทุก ๆ คันล้วนบรรจุไว้ด้วยผู้ก่อการร้ายหนึ่งคน 

กิจกรรมเดินขบวนเพิ่งจะเริ่มต้น วันนี้ทุกคนล้วนกำลังจะเดินไปบนเส้นทางที่ไกลมาก         

ณ ขณะนี้เอง หลี่ตงเจ๋อที่เดินอยู่ท่ามกลางฝูงชนเงียบ ๆ จู่ ๆ หันศีรษะ เห็นเพียงเกล็ดหิมะอันใสกระจ่างหนึ่งเกล็ดตกลงที่ไหล่เสื้อโค้ตตัวใหญ่ของเขา 

โค้ตใหญ่เป็นสีดำ เกล็ดหิมะเป็นสีขาว ระหว่างกันและกันดูตัดออกจากกันทว่ากลมกลืน   

หลี่ตงเจ๋อมองไปที่ท้องฟ้า “หิมะตกแล้ว หิมะหนัก”

และเหล่าผู้เดินขบวนยังต้องเดินฝ่าหิมะหนักรอบนี้นานมาก 

……

……

ในเวลาเดียวกัน         

ในเรือนจำหมายเลข 18 เงียบสงบ ยังไม่ถึงเวลาเริ่มมื้ออาหาร 

ชิ่งเฉินเห็นหลินเสี่ยวเสี้ยวกับเยี่ยหว่านที่ไม่ได้เจอกันมานานบนลานกว้าง เดินขึ้นหน้าไปทักทายอย่างตื่นเต้นราวกับว่าได้เจอเพื่อนเก่าอีกครั้ง         

เทียบกับอพาร์ตเมนต์ห้องนั้นของอาคารลั่วเสินเขตที่หก อันที่จริงที่นี่จึงเหมือนจะเป็นบ้านของชิ่งเฉินมากกว่า ส่วนสองคนที่อยู่เบื้องหน้านี้ก็เหมือนจะเป็นครอบครัวของเขา 

เขตอ่านหนังสืออันคุ้นเคย เขตฝึกซ้อมอันคุ้นเคย ยังมีโรงอาหารอันคุ้นเคย แม้แต่ตอนที่เชิ่งเฉินเงยหน้าเห็นปืนเมทัลสตอมบนท้องฟ้าก็ยังรู้สึกสนิทสนมอยู่บ้าง 

ความรู้สึกอันแปลกประหลาดชนิดนี้คล้ายกับเดินวนเป็นวงอยู่ข้างนอก ท้ายที่สุดยังกลับมายังบ้านเกิดของตนเอง   

หลินเสี่ยวเสี้ยวกับเยี่ยหว่านมองหน้ากันแล้วยิ้ม ห่างกันไปหลายวันได้เจอชิ่งเฉินอีกครั้ง พวกเขาก็มีความสุขจากก้นบึ้งของจิตใจ 

เยี่ยหว่านสำรวจชิ่งเฉิน “ปีนขึ้นหน้าผาเขาชิงซานแล้ว?”

หลินเสี่ยวเสี้ยวยิ้มแย้มตอบว่า “หน้าผาขึ้นไปแล้ว”

เยี่ยหว่านมองไปทางเขาช้า ๆ “เล่นคำให้มันน้อย ๆ หน่อย*”

“ก็ได้” หลินเสี่ยวเสี้ยวเอ่ยอย่างจ๋อย ๆ 

เยี่ยหว่านมองไปทางชิ่งเฉินอีกครั้ง “ผมเห็นการแสดงออกของคุณบนเวทีมวยแล้ว โดยรวมไม่เลว แต่พื้นฐานยังขาดเยอะมาก หวังว่าคุณจะกำหนดแผนที่ค่อนข้างมั่นคงให้กับตัวเองนะ”

“เขาลำบากลำบนกลับมาแปบเดียว นายอย่าพูดเรื่องฝึกตนสิ!” หลินเสี่ยวเสี้ยวไม่พอใจแล้ว 

เวลานี้ ชิ่งเฉินได้ยินเยี่ยหว่านเอ่ยถึงการแข่งมวย จู่ ๆ คิดอะไรขึ้นมาได้จึงมองไปทางหลี่ซูถง “ท่านอาจารย์ครับ เจียงเสี่ยวถังของค่ายมวยไห่ถึงน่าจะรู้จักท่านปะครับ?”

“เจียงเสี่ยวถัง?” หลินเสี่ยวเสี้ยวเลิกคิ้ว 

ชิ่งเฉินมองไป กลับพบว่าหลินเสี่ยวเสี้ยวหุบปากลงไปอีก ราวกับไม่เต็มใจจะถกถึงผู้หญิงคนนี้เลย         

“ทำไมรึ เธอมีปัญหาอะไรเหรอ?” ชิ่งเฉินฉงน “ทำไมรู้สึกว่าตอนที่คุณเอ่ยถึงเธอเหมือนกับถูกเธอทิ้งมาแล้วเลย”

“คุณถามบอสเถอะ เรื่องพวกนี้ผมไม่อยากเอ่ยถึง” หลินเสี่ยวเสี้ยวเบะปากพูด 

หลี่ซูถงอธิบายยิ้ม ๆ ว่า “เธอกับหลินเสี่ยวเสี้ยว, เยี่ยหว่านเหมือนกัน ล้วนเคยเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกคนทอดทิ้ง เพียงแต่ภายหลังเกิดเรื่องหนึ่ง ดังนั้นพวกหลินเสี่ยวเสี้ยวทนเห็นเธอไม่ได้”

ชิ่งเฉินตระหนักทันที ดูท่าอีกฝ่ายก็เป็นหนึ่งในเด็กกำพร้าที่หลี่ซูถงเคยรับเลี้ยง มิน่าล่ะอีกฝ่ายจู่ ๆ ให้เขาเรียกว่าพี่สาว ถึงขนาดที่ว่าเพื่อพี่สาวคำเดียวนี้ยังสัญญาส่วนแบ่งราชามวยรุ่นแลนด์ครุยเซอร์กับตัวเอง 

ชิ่งเฉินฉงนอยู่บ้าง “พูดได้ไหมครับว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

“ทั้งหมดผ่านไปแล้ว” หลี่ซูถงยิ้มเอ่ย “เสี่ยวเสี้ยว เธอไปหาคลิปของสูหลินเซินมา ขอที่มันชัด ๆ หน่อย”

หลินเสี่ยวเสี้ยวรู้ว่าหลี่ซูถงอยากจะทำอะไร ไม่ทันไรก็ถืออีรีดเดอร์กลับมา หลังจากเปิดขึ้นถึงกับเป็นสูหลินเซินมองไปที่กล้องอย่างสงบนิ่งกล่าวว่า “การดำเนินการโจมตีสมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่าในป่าครั้งนี้เป็นความรับผิดชอบของโพดำเรา แต่ผมก็อยากจะเปิดเผยพฤติกรรมชั่วร้ายของสมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่าสหพันธรัฐ ณ ที่นี้ด้วย”

ว่าแล้ว กล้องแพนไป เห็นเพียงว่าข้างหลังเขาเป็นละมั่งเต็มพื้นที่ มีบางตัวเพิ่งจะถูกถลกหนัง 

ซากศพของละมั่งพวกนี้ถูกคนทิ้งอย่างส่งเดชบนหาดโคลน ดูแล้วโหดร้ายเป็นพิเศษ         

กล้องหันกลับไปที่ใบหน้าสูหลินเซิน อีกฝ่ายกล่าวว่า “สมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่าออกจากสหพันธรัฐอ้างว่าจะทำการวิจัย ผลคือกลับถือปืนและกระสุนล่าสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ เพื่อให้บริการธุรกิจเสื้อผ้าหนังสัตว์แก่ผู้มีอำนาจสหพันธรัฐ องค์กรอย่างนี้เราโพดำเห็นองค์กรหนึ่งก็ฆ่าองค์กรหนึ่ง……”

ชิ่งเฉินรู้สึกเหนือคาดอยู่บ้าง เขาคิดไม่ถึงว่าโพดำยังจะแคร์เรื่องประเภทนี้ด้วย         

แล้วก็คิดไม่ถึงว่าองค์กรอนุรักษ์สัตว์ที่สหพันธรัฐเรียกกันถึงกับจะสามารถทำเรื่องประเภทนี้ออกมา 

พริบตาถัดมา แก้มของชิ่งเฉินเริ่มเปลี่ยนแปลง เวลาเพียงห้าหกวินาทีก็กลายเป็นรูปลักษณ์ของสูหลินเซินแล้ว 

“เสียงเป็นยังไงครับ?” ชิ่งเฉินถาม

หลินเสี่ยวเสี้ยวอุทานชมเชยว่า “ACE-005 นี่ให้คุณมันให้ถูกคนจริง ๆ แต่ก่อนนี้บอสเปลี่ยนหน้าทุกครั้งล้วนต้องยุ่งวุ่นวายเป็นครึ่งวัน ดูแล้วก็ลนลาน……บอสครับ ผมผิดไปแล้ว”

หลี่ซูถงโบกมืออย่างหมดความอดทน “เตรียมปล่อยพวกนักโทษออกมา วันนี้ฉันจะซ่อนอยู่หลังฉากดูละครไปก่อน รอพวกเขาส่งเสียงโวกเวกขึ้นมาแล้วค่อยว่ากัน”

“เดี๋ยวครับ ท่านอาจารย์” ชิ่งเฉินถาม “พวกคุณยังไม่บอกสถานการณ์ของสูหลินเซินนี่กับผมเลยนะครับ กัวหู่ฉานน่าจะเข้าใจเขามากเลยปะครับ?”

หลี่ซูถงกล่าวอย่างจริงจังว่า “ไม่เป็นไร เธอแค่สูงกว่าสูหลินเซินหน่อยเดียวเอง คนทั่วไปไม่ค้นพบหรอก ด้นสดเลย  วันนี้ฉันต้องการให้เธอไปกวนน้ำให้ขุ่น ฉันอยากเห็นว่าในคุกหมายเลข 18 ตอนนี้สรุปแล้วซ่อนผีสางเทวดาตัวไหนไว้บ้าง”

“ครับ” ชิ่งเฉินพยักหน้า จากนั้นเดินออกไปนอกประตูเลื่อน         

8 นาฬิกา ในเรือนจำมีเสียงตามสายอันคุ้นเคยดังขึ้นว่า “เชิญผู้ต้องขัง……”

ประตูเลื่อนอัลลอยด์เปิดออกทีละบาน ประตูเลื่อนอัลลอยด์ทั้งหมดในเรือนจำถึงกับเปิดขึ้นมาพร้อมกัน เหล่านักโทษในห้องสับสนอยู่บ้าง พวกเขาแบ่งกลุ่มกินข้างมานานมากแล้ว ทำไมวันนี้จู่ ๆ ผิดปกติไปล่ะ?     

ทุกคนเดินออกมาจากห้องขังอย่างลังเล แต่ละคนเดินไปยืนนิ่งอยู่บนทางเดิน         

ณ เวลานี้ ประตูเลื่อนอัลลอยด์ทิศเหนือของลานกว้างเรือนจำยกตัวขึ้นช้า ๆ เห็นเพียงพัศดีจักรกลสองตัวคุมตัว ‘สูหลินเซิน’ เดินเข้ามา 

พริบตาถัดมา เสียงอันตื่นตกใจของกัวหู่ฉานดังขึ้นว่า “บอส?!”

บอส……ชิ่งเฉินไตร่ตรองถึงสองคำนี้ ในใจเกิดหลุมใหญ่ขึ้นมาทันที 

กวนน้ำให้ขุ่นอะไรกัน ดูว่าในคุกซ่อนผีสางเทวดาตัวไหนอะไรกัน ชิ่งเฉินรู้สึกว่าทั้งหมดเป็นสิ่งที่หลี่ซูถงโม้ส่งเดช อันที่จริงอีกฝ่ายอยากจะดูว่าตนเองเพิ่งจะได้รับวัตถุต้องห้าม ACE-005 ไปแล้วจะก่อความวุ่นวายอะไรออกมา! 

ขณะนี้ชิ่งเฉินถึงขนาดสามารถจินตนาการได้ถึงฉากที่อาจารย์ตนเอง, หลินเสี่ยวเสี้ยว, เยี่ยหว่านแอบกลั้นหัวเราะอยู่ในขณะนี้ได้เลย! 

……………………………………

 

* นี่มันเป็นการเล่นคำยังไงเราก็ดูไม่ออกค่ะ…..ก็เลยแปลแบบตรง ๆ คำเลย

 

 

ตอนที่ 198 – ตัวตนของยางยาง

 

Options

not work with dark mode
Reset