แม่สาวเข็มเงิน 429 : บ้าไปแล้ว

ตอนที่ 429 : บ้าไปแล้ว

องค์ชายหย่งชินเห็นชายคนนั้นก้าวเข้ามาในห้องตําราด้วยสีหน้าหนักแน่น ดู

ราะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายแล้ว เมื่อคิดว่าเรื่อง ในจวนของตัวเองเผยแพร่ออกไปข้างนอกอย่างง่ายดายเช่นนี้ องค์ชายหย่งชินยิ่ง

เหมือนอีกฝ่ายมาหาเรื่องเขา

องเขาเพราะ

รู้สึกหงุดหงิด

“เจ้ามาทําไม ? ” เขาเอ่ยถามเสียงแข็ง

แม้นี่เป็นตอนกลางคืน แต่ความมืดกลับไม่สามารถปกปิดความรูปงามและสูง ศักดิ์ของชายผู้นี้ได้เขาคนนั้นเพียงแค่พูดว่า “ท่านอาหลิน”

เมื่อองค์ชายหย่งชินได้ยินคําเรียกนี้เขาพลันชะงัก แต่จากนั้นไม่นานสีหน้าเขา ผ่อนคลายลง “ก็ได้ เห็นแก่คําว่าท่านอาของเจ้า ข้าจะไม่ด่าเจ้าก็ได้ ดูเจ้าสิ เข้ามา ด้วยท่าทางหาเรื่องเช่นนี้ ยังเห็นข้าเป็นท่านอาของเจ้าอยู่อีกรึ ? หนอยแน่ นี่ยัง ไม่นับที่เจ้าซ่อนหูตาไว้ในจวนของข้าอีกนะ” ยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห แม้แต่ชนรุ่นหลัง ก็ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยหรือไง!

เมื่อชายหนุ่มรูปงามได้ยินดังนั้นเขาก็ยิ้ม แม้รอยยิ้มส่งไปไม่ถึงดวงตาแต่เขาหล่อ

เกินไป ต่อให้มีท่าทีเย็นชาก็ยังเป็นบุรุษที่ดูงดงามราวกับเทพในภาพวาดอยู่ดี “ท่านอาหลิน ใช่ว่าท่านจะไม่รู้สักหน่อย ตะปูจวนของท่านมีอยู่ทั่วทุกแห่ง มีข้า เพิ่มเข้าไปก็ยังไม่ถือว่ามากอะไร และไม่ถือว่าน้อยเหมือนกันถ้าหากว่าขาดข้าไป

คนนึง”

คําพูดนี้ยิ่งทําให้องค์ชายหย่งชินโมโหมากกว่าเดิม เขาเกิดมาในตําแหน่งนี้และ

ไม่มีทางเลือกมากมายนักจึงปล่อยให้หูตาเหล่านั้นซ่อนอยู่ในจวนของตัวเอง บางครั้งเขาก็จงใจปล่อยข้อมูลบางอย่างให้รั่วไหลเพื่อให้พวกนั้นเผยแพร่ออกไป ข้างนอกเพราะในบางกรณีมันเป็นการยืนยันความบริสุทธิ์อย่างหนึ่ง

แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าผู้อื่นจะถือโอกาสซ่อนหูตาไว้ในจวนของเขาได้อย่างไม่ เกรงกลัวเช่นนี้ แล้วเขายังต้องต้อนรับอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม

องค์ชายหย่งชินถลึงตาใส่ชายหนุ่มแล้วหัวเราะอย่างเย็นชา “หลานคนหนึ่งซ่อน หูตาไว้ในจวนของผู้อื่น กงจี้หนอกงจี้ เด็กอย่างเจ้าออกไปหาเลี้ยงตัวเองทั้งหลาย ปี ทําให้ความกล้าของเจ้ามีมากขึ้นถึงเพียงนี้เลยรึ ?!”

กงจี้ไม่มีความใจฝ่อแม้แต่น้อย เขาเพียงพูดขึ้นเสียงเรียบเท่านั้น “ท่านอาหลินเอง ก็ไม่เห็นจําเป็นต้องโมโหถึงขนาดนี้หนีขอรับ ข้าไม่ได้สนใจจวนของท่าน เพียงแต่ว่าคนสําคัญของข้ามาเป็นแขกอยู่ที่นี่ แน่นอนว่าข้าไม่สามารถทําตัวหู หนวกตาบอดได้ ถ้าหากว่ามีจุดไหนที่ล่วงเกินท่าน โปรดท่านให้อภัยข้าด้วย” พูดจบ กงก็คารวะองค์ชายหย่งชิน

องค์ชายหย่งชินโมโหจนพูดไม่ออก อีกฝ่ายบอกวัตถุประสงค์อย่างโจ่งแจ้งและมี

เหตุผลโดยตรง เขาจึงไม่รู้จะด่าชายหนุ่มตรงหน้าที่เป็นผู้สูงศักดิ์แต่กลับกระทํา ตัวช่างข่มขู่เช่นนี้อย่างไรเลยจริงๆ

องค์ชายหย่งชินสูดหายใจเข้าลึก ๆ สงบสติอารมณ์ตัวเอง ก่อนจะหมุนตัวไปนั่ง ลงบนเก้าอี้ไม้หลังโต๊ะและพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด “เอาล่ะ เรื่องมันพูดเสร็จตั้งแต่ ตอนนั้นแล้ว บอกมาเถอะว่าเจ้ามาทําไม”

กงจี้พูดขึ้นด้วยน้ําเสียงเย็นชา “ ได้ยินมาว่าวันนี้ผู้หญิงของข้าได้รับความไม่เป็น ธรรมอย่างมากในจวนของท่านอา ข้าจึงต้องมาขอคําอธิบาย”

เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ!

ไอ้เจ้าหลานชั่วที่เข้าข้างพวกตัวเอง!

องค์ชายหย่งชินอยากลุกขึ้นชี้หน้าด่ากง แต่กลับทําได้แค่สูดหายใจเข้าลึก ๆ ด้วย สีหน้าไม่สู้ดีนัก “ข้าจะจัดการกับพระชายารองอิงเป็นอย่างดี ไม่จําเป็นต้องให้ เจ้ามาขอคําอธิบาย”

“ข้าเชื่อว่าท่านอาต้องจัดการอย่างยุติธรรมอย่างแน่นอน” กงจี้พูดด้วยท่าที

สบาย ๆ ทว่าสีหน้าของเขาเย็นชาราวกับกําลังปล่อยรังสีสังหารไปคุกคามอีกฝ่าย

เขาจ้ององค์ชายหย่งชินไม่วางตา “แต่ข้ายังคงต้องขอคําอธิบายจากท่านอา จวน

ของพวกท่านเชิญผู้หญิงของข้าเข้าจวนเพื่อมารักษาพระนางเจียฮุยโดยไม่บอก กล่าวกันก่อน เดิมทีนี่ก็ไม่ถือว่าเป็นสิ่งไม่ดีแต่อย่างใด แต่ข้าเคยบอกกับท่านอา ก่อนหน้านั้นแล้วและท่านอาตอบข้าว่าอย่างไร ในคืนนั้น ? ท่านบอกว่า “จะ ดูแลเป็นอย่างดี” เช่นนี้ใช่ไหม ? แต่ผลตอนนี้เป็นเช่นไร ผู้หญิงของข้า พยายามอย่างสุดความสามารถในการรักษาพระนางเจียฮุยจนฟื้นขึ้นมา แต่จวน

ของท่านอากลับตอบแทนนางอย่างใจดํา นางถึงขั้นถูกล้อมจนต้องถอดปิ่นปักผม ออกมาปกป้องตัวเอง ไม่ว่าท่านอาจะว่ายังไงก็ต้องให้คําอธิบายกับข้าอยู่ดีไม่ใช่ หรอกรี ?”

คําพูดสองสามคําสุดท้ายค่อนข้างอึมครึม

องค์ชายหย่งชินกับบิดาของกง ถือว่ามีมิตรไมตรีต่อกันมากมาย และถือว่าองค์

ชายหย่งชินเห็นกงจี้เติบโตมาตั้งแต่เล็ก ๆ แต่เขานั้นยังไม่เคยเห็นกงจี้พูดยาว เหยียดเช่นนี้มาก่อน เมื่อเห็นกงจี้มีท่าทางดุดันและเยือกเย็น ดวงตาเย็นยะเยือกนั้น กับคิ้วรูปดาบที่รับกับจอนผมของอีกฝ่าย เขาพบว่านี่ไม่ใช่เด็กหนุ่มที่สดใสคน

เดิมอีกต่อไปแล้ว

องค์ชายหย่งชินเงียบไปชั่วขณะ

กงจี้ไม่ใช่เด็กหนุ่มพิการที่ไปจากเมืองหลวงภายใต้ความสิ้นหวังคนนั้นแล้วจริง

ๆ ตอนนี้เขาคือแม่ทัพกงผู้มีชื่อเสียงที่ปกป้องชายแดน

เวลานี้เห็นกันอยู่ว่าประตูปิดอย่างแน่นหนาและมีผ้าม่านหนาทึบปิดอยู่ แต่

ในขณะนี้ องค์ชายหย่งชินกลับรู้สึกโดยไม่มีสาเหตุเหมือนว่ามีลมหนาวทะลุเข้า

มาในห้องจนเขารู้สึกหนาวไปถึงขั้วหัวใจ “เจ้าเป็นคนให้จี้หยกกับแม่นางเจียงใช่ ไหม ? ” เขาถามเสียงสั่นเล็กน้อย

กงจี้ยิ้มเยาะ “ท่านอาจําได้แล้ว ? พอดีข้าไปทําธุระให้ฮ่องเต้เมื่อหลายวันก่อน ข้าขอพระองค์ท่านอยู่หลายวันกว่าจะได้มา ท่านอานสายตาดีจริง ๆ”

องค์ชายหย่งชินตกตะลึง “เหอะ นางก็แค่หมอคนหนึ่ง ไม่คิดว่าเจ้าเต็มใจมอบ หยกทีได้รับจากฮ่องเต้ให้กับนาง เจ้า….”

องค์ชายหย่งชินไม่รู้จะพูดอย่างไรเลยทีเดียว

“ก็แค่หมอคนหนึ่งอย่างนั้น ?” กงจี้หัวเราะอย่างเย็นชา “สําหรับพวกท่าน นางอาจไม่ถือว่าพิเศษ แต่สําหรับข้า นางคือสมบัติล้ําค่าที่ไม่มีใครสามารถเทียบ

ได้”

เห็นกงจี้สงบเช่นนั้น ในดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยคําว่าบ้าคลั่ง องค์ชายหญิง ชินรู้สึกตกตะลึงอยู่ในใจ เขาจ้องกง แล้วค่อย ๆ พูดขึ้น “ในเมื่อเจ้าเรียกข้าว่า ท่านอา เช่นนั้นข้าจะพูดอะไรบางอย่างกับเจ้า ตอนนี้ขาของเจ้าหายเป็นปกติแล้ว และอนาคตสดใสไร้ขีดจํากัดรอเจ้าอยู่ แต่เจ้าหลงรักสามัญชนไร้อํานาจคนหนึ่ง จนถึงกับมอบจี้หยกที่ฮ่องเต้ให้มาให้กับอีกฝ่ายอย่างไม่เสียดาย แต่เรื่องนี้กลับพูด

ออกไปข้างนอกไม่ได้”

องค์ชายหย่งชิ้นถอนหายใจแล้วพูดด้วยน้ําเสียงเป็นห่วง “ถึงยังไงเจ้าก็ต้องแต่ง

ภรรยาในภายภาคหน้า แต่ถ้าหากว่าเรื่องที่เจ้าหลงรักผู้หญิงคนนั้นถูกพูดออกไป

ภรรยาของเจ้าในอนาคตจะเป็นยังไง แม้ตอนนี้ในใจเจ้าเต็มไปด้วยดอกไม้และ

ทิวทัศน์ที่สวยงามเพราะแม่สาวคนนั้น แต่สําหรับทายาทตระกูลสูงศักดิ์ที่รักลูก สาวของพวกเขาจริงๆ ใครจะเต็มใจให้ลูกสาวแต่งออกไปกับคนที่หลงรักผู้หญิง ไร้บรรดาศักดิ์ ? ต่อให้มีคนที่ไม่สนใจเรื่องนี้จริง ๆ และยกลูกสาวให้เจ้าตบแต่ง แต่ส่วนใหญ่คงเป็นครอบครัวที่ไม่ให้ความสําคัญกับอะไรเท่าไหร่ เจ้าอาจได้ แต่งงานกับลูกสาวของพวกเขาแต่ก็ไม่สามารถพึ่งพาอะไรจากตระกูลภรรยาได้ แม้แต่น้อย เจ้าคิดว่ามันดีไหมเล่าถ้าหากอนาคตเจ้าต้องเป็นเช่นนั้น ?”

แสงไฟสั่นไหวทําให้เกิดเงาคลุมเครือบนใบหน้าของชายหนุ่ม เขาแค่นหัวเราะ อย่างเย็นชาแล้วพูดด้วยเสียงสบาย ๆ “ก็เจียงป่าวชิงคนนี้นี่แหละที่ข้าจะยกให้ นางเป็นภรรยาในอนาคต เหตุใดข้าถึงไม่สามารถหลงรักนางได้ ?”

คําพูดนี้สั่นสะเทือนเลื่อนลั่นจนองค์ชายหย่งชิ้นพูดไม่ออก

ใช่ว่าเขาไม่เคยมีความคิดที่จะส่งหลินหยุนบุตรสาวคนเล็กของเขาให้แต่งกับกง

จี้ แต่เขาเป็นองค์ชาย และต่อ ๆ ไปคงต้องทํางานควบคุมกองทัพอย่างแน่นอน การที่เขาให้บุตรสาวแต่งงานกับแม่ทัพที่มีชื่อเสียงเรืองอํานาจเช่นนี้ แม้เขาไม่ได้ มีความคิดอื่นใดนอกจากเบื้องต้นเห็นว่าเหมาะสม แต่ถ้าหากว่าเบื้องบนเกิดสงสัย

อะไรขึ้นมา ไม่แน่มันอาจเป็นการทําลายอนาคตของทั้งสองตระกูลก็เป็นได้

ความคิดที่จะให้บุตรสาวแต่งงานหมุนอยู่ในศีรษะเขาหนึ่งรอบ สุดท้ายก็ถูก

ยกเลิก

แต่ตอนนี้ ใครเล่าจะไปคิดว่าคงจะทําให้ตื่นตะลึงโดยบอกว่าต้องการแต่งสามัญ ชนคนธรรมดาที่ไม่มีภูมิหลังทางครอบครัวที่ดีพอเข้ามาเป็นภรรยาหลักของ

ตัวเอง

เจ้าหนุ่มนี่คงไม่ได้บ้าไปแล้วใช่ไหม!

องค์ชายหย่งชินจ้องมองกง และคิดจะหาร่องรอยของการหยอกล้อบนใบหน้า

ของอีกฝ่ายแต่ก็เห็นเพียงสีหน้าเย็นชาของชายหนุ่ม ดวงตาของเขาก็ดูดํามืดราว กับกลางคืน ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันจนแทบเป็นเส้นตรง นี่มันเหมือนกับกําลัง หยอกล้อทีไหนกัน

ผ่านไปสักครู่ ดูเหมือนว่าองค์ชายหย่งชิ้นสามารถเอ่ยคําพูดออกมาจากในซอก ฟันได้ “อืม สําหรับเรื่องที่แม่นางเจียงไม่ได้รับความเป็นธรรม ในอนาคตข้า

รับรองว่าจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอน”

แม่สาวเข็มเงิน

แม่สาวเข็มเงิน

Score 10
Status: Completed

–เจียงป่าวชิง– ผู้สืบทอดรุ่นที่สี่สิบห้าแห่งตระกูลเก่าแก่ที่ขึ้นชื่อเรื่องการฝังเข็ม ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์

ทว่าแทนที่จะได้ไปฟังคำพิพากษาในยมโลก แต่โชคชะตากลับพัดพาให้วิญญาณของเธอไปเกิดใหม่ในร่างของเด็กสาวปัญญาอ่อนในชนบทแสนห่างไกล

ไกลแสนไกลเสียจนความเจริญ ความศิวิไลซ์ กระทั่งความรู้ก็ไม่สามารถเข้าถึงได้ หมู่บ้านเล็ก ๆ ในชนบท….นิสัยเลวทรามสะเทือนขวัญของผู้คน….

ญาติพี่น้องร่วมตระกูลที่เห็นแก่ตัวและหวังแต่ผลประโยชน์ เด็กสาวอ่อนแอและพี่ชายเพียงหนึ่งเดียวจะรักษาชีวิตให้รอดปลอดภัย

จากสถานการณ์ที่ไม่ต่างจากถูกรายล้อมด้วยฝูงหมาป่าแสนชั่วร้ายได้อย่างไร?หมาป่าที่จ้องมองด้วยสายตาหิวกระหาย เตรียมพร้อมฉีกทึ้งเนื้อหนัง

ขย่ำเหยื่อตัวน้อย ๆอย่างพวกนางลงท้องทุกเวลา นางจะเปลี่ยนคมมีดให้เป็นเข็ม และใช้ปลายเข็มที่มีกระหน่ำแทง

จนทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกแสนบิดเบี้ยวใบนี้กลับกลายเป็นสิ่งวิจิตรตระการตา “……แต่ว่า คุณชายที่ป่วยคนนั้นน่ะ มาทางนี้ก่อนสิเจ้าคะ

ข้าว่า…เรามาสะสางบัญชีที่ติดค้างไว้กันก่อนดีกว่า ! ……”


Options

not work with dark mode
Reset