ตอนที่ 1013 พบกันบนถนนเจียงฮั่น
ตอนที่ 1013 พบกันบนถนนเจียงฮั่น
เมื่อกลับมาถึงบ้าน คุณปู่ฟางและคนอื่น ๆ ก็เห็นว่าหลินม่ายพาเด็กสองคนกลับมาด้วย ทั้งหมดต่างถามว่านี่คือลูกเต้าเหล่าใครทำไมร่างกายถึงผอมแห้งนัก
หลินม่ายเล่าเรื่องทั้งหมดให้พวกเขาฟัง
ทันทีที่เสี่ยวเหวินได้ยินอย่างนั้น เขาหยิบลูกอมที่ได้มาจากเจียงเฉิงให้กับเด็กน้อยน่าสงสารทั้งสองคนทันที
เสี่ยวมู่ตงก็เช่นกัน
คนน้องสาวมีความสุขมากหลังได้รับขนม หล่อนเปิดประเป๋าเล็ก ๆ ของตัวเองก่อนจะบอกกล่าวให้เสี่ยวเหวินและเสี่ยวมู่ตงเอาลูกอมใส่เข้าไป
แต่พี่ชายของหล่อนปฏิเสธและบอกกล่าวว่าไม่ต้องการขนม
หลินม่ายและคุณย่าฟางกล่าวโน้มน้าวอยู่นาน ก่อนที่เสี่ยวเฉิงจะยอมรับลูกอมไว้ด้วยใบหน้าแดงก่ำ
พี่ชายและน้องสาวเดินตามหลินม่ายไปที่วิลล่าในเจียงเฉิง
ทันทีที่ทั้งคู่เดินผ่านประตูเข้ามา พวกเขาก็พบเจอกับห้องนั่งเล่นที่หรูหรา เวลานี้เด็กน้อยถึงกับทำตัวไม่ถูกและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสับสน ไม่กล้าขยับตัวราวกับกลัวว่าจะไปทำข้าวของภายในบ้านเสียหาย
ท้ายที่สุดเป็นเสี่ยวเหวินและเสี่ยวมู่ตงที่ดึงพี่ชายกับน้องสาวคู่นี้เข้ามาด้านใน
พี่ชายและน้องสาวก้าวเดินอย่างระมัดระวัง และความกระวนกระวายของพวกเขาทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกอ่อนใจเล็กน้อย
หลินม่ายบอกกล่าวให้เสี่ยวเหวินกับเสี่ยวมู่ตงช่วยดูแลทั้งสอง เธอจะไปเตรียมมื้อกลางวัน
เสี่ยวเหวินล้างผลไม้ให้กับพี่น้องเสี่ยวเฉิง ส่วนเสี่ยวมู่ตงไปหยิบของเล่นออกมาให้พวกเขา
แววตาของเสี่ยวซิ่วผู้เป็นน้องสาวเปล่งประกายเมื่อเห็นของเล่น หล่อนเอื้อมมือออกไปทันที
แต่พี่ชายกลับกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “อย่า! เราจะชดใช้เขายังไงถ้าเราทำของ ๆ เขาพัง?”
เสี่ยวซิ่วตกใจจนรีบดึงมือกลับ และจ้องมองของเล่นด้วยแววตาละห้อย
เสี่ยวมู่ตงไม่ค่อยมีความสามารถในการโน้มน้าวคนอื่นนัก เวลานี้เขาจึงยัดของเล่นใส่มือของเสี่ยวซิ่วแทน “พี่สาว เล่นเถอะ”
อาหารกลางวันของวันนี้คือไก่ตุ๋น และเสี่ยวมู่ตงก็เห็นขาไก่สองชิ้น
อันดับแรกเขาถามคุณปู่และคุณย่าว่าต้องการกินมันไหม ทั้งสองยกยิ้มก่อนจะตอบว่าไม่
เสี่ยวมู่ตงจึงยกขาไก่สองชิ้นให้กับพี่น้องเสี่ยวเฉิง
หลังจากมื้อกลางวันผ่านพ้น หลินม่ายพาพี่ชายและน้องสาวไปซื้อเสื้อผ้า
เวลานี้เป็นช่วงฤดูหนาว เด็กทั้งสองคนไม่มีเสื้อแจ็กเก็ตเลย เสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่ล้วนได้รับบริจาคจากผู้ใจบุญ แต่เพราะพวกเขาทั้งสองตัวเล็กและผอมแห้ง มันจึงไม่ค่อยพอดีนัก
หลินม่ายพาเด็กทั้งสองคนไปที่ห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อเสื้อผ้าใหม่ และยังเปิดโอกาสให้พวกเขาเลือกเอง
เสี่ยวเฉิงพลิกป้ายราคา แล้วพาน้องสาวของตนเดินออกทันที เวลานี้เขาหันมาพูดกับหลินม่ายว่า “มันแพงเกินไปครับ ไปซื้อตามแผงริมถนนเถอะ”
หลินม่ายคิดอยู่สักครู่ก่อนจะตอบตกลง
เสื้อกันหนาวที่ขายตามแผงริมถนนมีคุณภาพด้อยกว่าก็จริง แต่มันก็ยังให้ความอบอุ่นได้
ทั้งกลุ่มมาถึงถนนเจียงฮั่น ตอนนี้มีแผงขายเสื้อผ้ามากมายในช่วงเวลากลางวัน
แตกต่างจากเมื่อก่อนที่มีเฉพาะเวลากลางคืนเท่านั้น
เมื่อเดินผ่านแผงขายของเล่น เสี่ยวซิ่วก็หยุดก่อนจะหันมองตุ๊กตาด้วยดวงตาเปล่งประกาย
เสี่ยวเฉิงดึงตัวเสี่ยวซิ่ว “ไปได้แล้ว”
เสี่ยวซิ่วเอ่ยเสียงเบา “หนูก็แค่อยากดู”
คนขายของเป็นหญิงวัยกลางคนในวัยสามสิบ แม้เด็กทั้งสองจะสวมใส่เสื้อผ้าราวกับผ้าขี้ริ้ว แต่ผู้ใหญ่ที่พาพวกเขามากลับดูร่ำรวยมาก
หล่อนหยิบตุ๊กตาขึ้นมาก่อนจะยัดมันใส่มือของเสี่ยวซิ่ว “ตุ๊กตาตัวนี้สวยจริง ๆ หนูเอาไปถักเปียและใส่เสื้อผ้าให้กับมันได้ด้วยนะจ๊ะ”
ลูกสาววัยห้าขวบของแม่ค้าพูดขึ้นว่า “น้องสาว ให้แม่เธอซื้อให้สิ”
เสี่ยวซิ่วเงยหน้ามองหลินม่ายราวกับว่าเธอเป็นแม่ของหล่อน
เสี่ยวซิ่วเอามือไพล่หลังและไม่รับตุ๊กตาที่คนขายยื่นให้ ตอนนี้เสี่ยวเฉิงเองก็เข้ามายืนเคียงข้างเธอทันที
คนขายถอนหายใจ ขณะกำลังจะวางตุ๊กตาลง หลินม่ายหยิบเงินในกระเป๋าออกมาก่อนจะพูดว่า “ฉันจะซื้อค่ะ ราคาเท่าไหร่เหรอ?”
แม่ค้ายิ้มด้วยความดีใจ “ตัวละห้าหยวนจ้ะ”
หลินม่ายนับเงินก่อนจะหยุดชะงักชั่วคราว ราคาของมันค่อนข้างสูงพอสมควร
แต่หลังจากมองดูเด็กหญิงตัวน้อยกำลังนั่งยองใกล้กับแผงขายอย่างกระตือรือร้น หลินม่ายจึงซื้อตุ๊กตาโดยไม่พูดอะไร
นี่คือช่วงเวลาปีใหม่ เช่นนั้นก็ควรซื้อความสุขให้เด็กน้อยสักหน่อย
หลินม่ายเดินมาหาพี่น้องเสี่ยวเฉิงก่อนจะมอบตุ๊กตาให้กับเสี่ยวซิ่ว
เสี่ยวซิ่วรับมันไว้ด้วยความประหลาดใจ หล่อนกอดมันไว้แน่นและไม่ยอมปล่อยมือแม้แต่น้อย
หลินม่ายซื้อเสื้อผ้ามากมาย ตั้งแต่กางเกงขายาว เสื้อผ้าสำหรับฤดูใบไม้ร่วง กางเกง เสื้อกันหนาว กางเกงกันหนาว แจ็กเก็ตผ้าฝ้าย ถุงเท้า รองเท้าให้กับพี่น้องทั้งสอง
อีกทั้งยังซื้อถังหูลู่ให้กับสองพี่น้อง พวกเขามีความสุขจนกระทั่งหัวเราะคิกคักออกมา
และเมื่อหลินม่ายปรากฏตัวที่ถนนเจียงฮั่น โต้วโต้วที่เดินเตร็ดเตร่อยู่แถวนี้พลันมองเห็นเธอพอดี
โต้วโต้วออกจากโรงเรียนเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
หล่อนลาออกจากโรงเรียนเพราะว่าหากไม่มีหลินม่ายคอยดูแล ก็ไม่มีใครสนใจการเรียนของหล่อนหรือสอนการบ้านหล่อน
ผลการเรียนของหล่อนตกต่ำมาก และไม่สามารถทำการบ้านที่ครูมอบหมายให้แล้วเสร็จได้
ครูโกรธมากและตำหนิโต้วโต้วบ่อยครั้ง จนหล่อนกลับมาร้องไห้ที่บ้านทุกวัน
หรงจี้เหมยถามหล่อนว่าทำไมถึงร้องไห้ โต้วโต้วจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง
หรงจี้เหมยแตกต่างจากหลินม่าย หลินม่ายจะสั่งสอนให้บอกกล่าวหากสิ่งใดผิดสิ่งใดถูก แต่หรงจี้เหมยทำเพียงปกป้องโต้วโต้วอย่างผิด ๆ และคอยให้ท้ายเท่านั้น
ครั้นได้ยินว่าโต้วโต้วถูกครูตำหนิในที่สาธารณะจนสร้างความอับอาย หรงจี้เหมยบุกไปที่โรงเรียนเพื่อสร้างความวุ่นวายทันที
โดยใช้เหตุผลว่าโต้วโต้วเป็นโรคหัวใจ การถูกตำหนิทุกวันทำให้เด็กน้อยอารมณ์ไม่มั่นคง หากอาการของหล่อนย่ำแย่ขึ้นมาจะทำอย่างไร แล้วหล่อนก็ขู่เรียกค่าเสียหายจากโรงเรียนและให้โต้วโต้วออกจากโรงเรียนด้วย
โต้วโต้วไม่อยากไปโรงเรียนเช่นกัน หล่อนเดินเตร็ดเตร่ในทุกวัน เวลานี้ยิ่งมีนิสัยเหมือนแม่ผู้ให้กำเนิดขึ้นไปทุกที หล่อนทะเลาะกับครูและไม่สนใจเรื่องเรียน อยากจะทำทุกสิ่งตามใจชอบ
แต่สิ่งเดียวที่มารดาผู้ให้กำเนิดหล่อนทำผิดก็คือ หล่อนยากจนเกินไป!
ในใจของโต้วโต้วยิ่งหดหู่เมื่อเห็นเด็กน้อยร่างกายมอมแมมสองคนยืนอยู่ข้างหลินม่าย
หล่อนและหลินม่ายเพิ่งแยกจากกันไม่นาน แต่หลินม่ายกลับรับเลี้ยงเด็กคนใหม่แล้ว…
ตั้งแต่กลับมาอยู่กับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด โต้วโต้วไม่เคยได้ซื้อเสื้อผ้าใหม่เลย
เห็นหลินม่ายกำลังซื้อเสื้อผ้าให้สองพี่น้องคู่นั้น แววตาของหล่อนก็แดงก่ำด้วยความอิจฉา
สองพี่น้องเสี่ยวเฉิงอยากกินถังหูลู่มาก น้ำลายของพวกเขาไหลจนเปรอะเปื้อน
ก่อนที่หลี่กวงจื้อจะติดคุก เขามักจะแอบซื้อขาไก่ทอดหรือบางสิ่งบางอย่างมาให้หล่อนเพียงผู้เดียวเสมอ
แต่หลังจากพ่อของหล่อนเข้าคุกไปแล้ว ก็ไม่มีใครซื้ออะไรมาให้หล่อนกินอีกเลย
ผู้เป็นแม่บอกว่าครอบครัวไม่มีเงิน และค่าเลี้ยงดูของหล่อนก็ไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งครอบครัว ชีวิตยากจนมากแม้จะกินเนื้อสัตว์ยังยากเย็น นับประสาอะไรกับการได้กินถังหูลู่สักไม้
โต้วโต้วกลืนน้ำลายก่อนจะเดินเข้าหาหลินม่าย ก่อนจะร้องเรียกออกไปอย่างประหม่า “แม่”
หลินม่ายเห็นว่าน้ำหนักของหล่อนลดลงไปมาก แม้จะแปลกใจแต่สีหน้าก็ยังคงเฉยเมย
เธอเพียงเหลือบมองอย่างไม่แยแสก่อนจะหันไปพูดกับสองพี่น้องเสี่ยวเฉิง “กลับบ้านกันเถอะจ้ะ”
เด็กน้อยสองคนถือของแล้วเดินติดตามหลินม่ายอย่างกระตือรือร้น
โต้วโต้วเดินตามไปอีกสองก้าว ขณะปากก็ยังร้องเรียกว่าแม่อีกครั้ง แต่หลินม่ายก็ไม่คิดจะสนใจหล่อน
โต้วโต้วจำได้ว่าหลินม่ายสั่งไม่ให้หล่อนเรียกขานเธอว่าแม่อีกต่อไป
โต้วโต้วจึงเปลี่ยนคำพูด “น้าหลิน”
หลินม่ายหยุดฝีเท้าก่อนจะหันกลับมา “มีอะไรเหรอ?”
โต้วโต้วกล่าวอย่างไร้ยางอาย “ฉันอยากกินถังหูลู่ น้าหลินซื้อให้ฉันบ้างได้ไหมคะ?”
หลินม่ายส่ายศีรษะ “ไม่ ฉันให้เธอมามากพอแล้ว อีกอย่างเธอกลับไปอยู่กับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดแล้ว ก็จงไปร้องขอให้พ่อแม่ของเธอซื้อให้เถอะ”
หลังจากนั้นหลินม่ายก็พาสองพี่น้องเสี่ยวเฉิงกลับบ้าน
โต้วโต้วยืนอยู่ที่เดิม น้ำตาไหลออกมาอาบแก้มสองข้างด้วยความอัดอั้นตันใจ
ตอนนี้แม่ของหล่อนไม่คิดจะซื้อถังหูลู่ให้หล่อนด้วยซ้ำ ทำไมถึงใจร้ายอย่างนี้!
หล่อนร้องไห้สักพักก่อนจะใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาแล้วเดินกลับบ้าน
หล่อนต้องการให้แม่ของตนซื้อถังหูลู่ให้ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องสนใจหลินม่ายอีก
ตอนนี้หล่อนไม่ได้กินเนื้อมาสักพักแล้ว พอได้กลิ่นเนื้อโชยมาจากร้านอาหารเล็ก ๆ โต้วโต้วถึงกับหยุดฝีเท้าเพื่อสูดดมกลิ่นอย่างช่วยไม่ได้
นี่คือกลิ่นของขาหมูตุ๋น หล่อนอยากจะกินมันจริง ๆ
โต้วโต้วกลืนน้ำลายก่อนจะมองเข้าไปในร้านอาหารแห่งนั้น ทันใดนั้นร่างกายของหล่อนก็แข็งค้าง
ในร้านอาหารเล็ก ๆ แห่งนี้ หรงจี้เหมย น้องชายสองคน และจิงจิงที่หล่อนเกลียดชังกำลังนั่งอยู่รอบโต๊ะอาหาร ทุกคนกินอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย
หรงจี้เหมยรักใคร่จิงจิงมาก หล่อนคีบขาหมูตุ๋นใส่ชามของจิงจิงอย่างต่อเนื่องเพราะกลัวว่าหล่อนจะกินไม่อิ่ม
โต้วโต้วตกใจมาก นี่คือแม่ที่ดุร้ายและทุบตีน้องชายสองคนและจิงจิงทุกครั้งเมื่ออีกฝ่ายกลั่นแกล้งหล่อนจริงหรือ?
สีหน้าของโต้วโต้วเปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราด หล่อนเดินเข้าหาหรงจี้เหมยด้วยความโกรธ “ไหนแม่บอกหนูว่าครอบครัวของเรามีเงินไม่พอสำหรับซื้ออาหารไง? แล้วนี่พวกแม่เอาเงินมาจากไหนคะ? แม่ใช้เงินของฉันมากินของอร่อยเนี่ยนะ!”
หรงจี้เหมยที่กำลังพาลูกชายและลูกสาวสุดที่รักกินข้าวเห็นว่าโต้วโต้วปรากฎตัว หล่อนก็รีบคว้าโต้วโต้วมาพูดคุย “นั่งกินข้าวก่อนสิ”
หล่อนตื่นตระหนกสักพักก่อนจะรีบพูดขึ้นว่า “แม่ก็อยากจะเรียกหนูมาด้วย แต่หนูไม่อยู่ที่บ้าน…”
ข้อแก้ตัวนี้ไม่สามารถหลอกลวงเด็กสามขวบได้ แล้วเด็กเก้าขวบอย่างโต้วโต้วจะเชื่อถืออย่างนั้นเหรอ?
หล่อนโกรธจัดจนร้องไห้ออกมา “ถ้าอยากจะชวนฉันจริง ๆ ก็แค่รอฉันกลับบ้านก่อนก็ได้!”
จิงจิงไม่สามารถอดทนได้ จึงพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา “ทุกครั้งที่มีของอร่อยอยู่ที่บ้าน เธอจะได้กินก่อนเสมอ แล้วทำไมล่ะ เธอได้กินของอร่อยคนเดียวมาตั้งนานแล้ว คุณอาแค่พาพวกเราออกมากินของอร่อยบ้างเป็นครั้งคราว เธอยังคิดจะร้องไห้สร้างปัญหาอีกเหรอ น่าเบื่อจริง ๆ!”
“ฉันจะกินคนเดียวมันก็เรื่องของฉัน ของอร่อยพวกนั้นมันซื้อด้วยเงินของฉัน!”
หรงจี้เหมยเห็นเด็กสองคนเริ่มทะเลาะกันจนคนในร้านอาหารหันมามองพวกเขาด้วยความสงสัย สายตาของคนเหล่านั้นทำให้หล่อนรู้สึกอับอายมาก ก่อนจะบอกให้พนักงานช่วยเก็บขาหมูตุ๋นที่ยังเหลือทั้งหมดกลับบ้าน และพาเด็กทุกคนกลับบ้านด้วยสีหน้ามืดครึ้ม
ทันทีที่ประตูปิดลง หรงจี้เหมยหันมาพูดกับโต้วโต้วด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “อะไรกัน? ลูกคิดว่าพวกเราใช้เงินของลูกไปกินดื่มเหรอ? ทำไมไม่คิดบ้างล่ะว่าทุกอย่างที่เราทำก็เพื่อลูกทั้งนั้น?”
โต้วโต้วโกรธมาก ก่อนจะพูดขึ้นว่า “หนูไม่อยากให้แม่ทำอะไรให้หนูอีกต่อไปแล้ว คืนเงินและของทุกอย่างของหนูมา แล้วหนูจะไปจากที่นี่!”
หรงจี้เหมยไม่ชอบโต้วโต้วอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเงินและสิ่งของของหล่อน หล่อนจะยอมให้เด็กน้อยอยู่ที่นี่ทำไม?
เห็นว่าโต้วโต้วต้องการจะออกไป หรงจี้เหมยจึงพูดขึ้นว่า “ได้ แม่จะให้เงินกับข้าวของทั้งหมดของลูก แม่ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเด็กเก้าขวบจะหาทางเอาตัวรอดเองได้ยังไง! จำไม่ได้เหรอว่าแม่หลินของลูกบอกไว้ว่าหลังจากย้ายทะเบียนบ้านแล้ว ลูกจะไม่มีวันได้กลับไปที่นั่น ต่อให้ลูกอยากจะกลับไป พวกเขาก็ไม่ต้องการลูกแล้ว!”
โต้วโต้วที่เสียสติไปก่อนหน้าพลันนึกถึงภาพของหลินม่ายที่ได้พบเจอกับถนนเจียงฮั่นก่อนหน้านี้
แต่หล่อนก็ยังพยายามตอบโต้ “หนูจะไปติดต่อกับสหพันธ์สตรี ตำรวจ หรือไม่ก็น้าเสิ่น พวกเขาจะต้องช่วยเหลือหนูแน่นอน”
หรงจี้เหมยพูดอย่างเย้ยหยัน “อย่างนั้นก็รีบไปซะ พวกเขาคงจะช่วยเหลือลูกสักพักนั่นแหละ แต่จะช่วยไปตลอดชีวิตเลยไหม? สุดท้ายพวกเขาก็ทำได้แค่ส่งลูกไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แค่พวกเราไปกินอาหารอร่อย ลูกกลับมาขุ่นเคืองพวกเรา แต่หลังจากเข้าไปอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แม่เกรงว่าลูกจะไม่ได้กินกระทั่งข้าวสักเม็ด เพราะเด็กคนอื่นจะแย่งกินจนลูกกินไม่อิ่ม!”
จิงจิงหยิบเสื้อผ้าของโต้วโต้วออกมาโยนใส่ “รีบออกไปจากที่นี่ซะ รีบไปอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเลย ฉันอยากจะรู้จริง ๆ ว่าเธอจะอดตายวันไหน!”
ท้ายที่สุดโต้วโต้วก็เป็นแค่เด็กเก้าขวบเท่านั้น หล่อนกับหลินม่ายเคยไปมอบเค้กให้กับเด็ก ๆ ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และเห็นเด็กโตแย่งขนมเค้กจากเด็กเล็ก ภาพนั้นทำให้หล่อนรู้สึกหดหู่ใจมาก
แม่หลินของหล่อนไม่ต้องการหล่อนอีกแล้ว และหล่อนก็ไม่อยากจะไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า…
เวลานี้หล่อนทำเพียงเม้มปากแน่นและพูดอะไรไม่ออก
หรงจี้เหมยหยุดพูดจาถากถาง ก่อนจะลูบศีรษะของโต้วโต้ว “เอาล่ะ พอแล้ว เราอย่ามาทะเลาะกันเพียงเพราะอาหารเล็กน้อยพวกนี้เลยนะ”
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เริ่มเข้าใจโลกยังน้องถั่ว ตาเริ่มหายถั่วหรือยังคะ
ไหหม่า(海馬)