(นี่คือมุมมองจากฝั่งของริงกะ)
“อึก…”
ฉันถูกพามาที่ชั้นใต้ดินที่นึงที่ซ่อนอยู่ใต้ป่าแปลกๆ
ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ไกลจากเมืองของมนุษย์มังกรมาขนาดไหน แต่เพราะฉันถูกพามาด้วยเวทเคลื่อนย้าย แสดงว่าคงจะต้องไกลมากแน่นอนเลย
“อยู่ตรงนี้ไปซักพักซะ”
“…นายจะทำอะไรกับฉันน่ะ”
ในเวลาแบบนี้ ฟิลิสจังคงพูดว่า ‘ถ้ามายุ่มย่ามกับฉันล่ะก็ แกจบไม่สวยแน่’ แน่เลย
เพราะงั้น ใจกล้าเข้าไว้ในตัวฉัน
แต่ว่า การทำตัวใจกล้าของฉันดูจะไม่เป็นผล และก่อนที่ฉันจะรู้ตัว เจ้าผู้ชายตรงหน้าฉันมีพรรคพวกอยู่ด้วยอีก 7 คนอยู่รอบๆ เจ้านั่น แล้วเจ้านั่นก็ยิ้มอย่างชั่วร้ายออกมา
“ก็ เรื่องน่าเบื่อเดิมๆ นั่นแหละ ข้าก็จะเอาแกไปขายไง”
“…แวมไพร์ที่เป็นเผ่ามารอย่างฉันเนี่ยนะ? ฉันไม่คิดว่าคงเป็นไปไม่หรอกนะที่จะขายให้มนุษย์น่ะ”
ฉันไม่คิดว่าจะมีความต้องการซื้อแวมไพร์ในหมู่มนุษย์ที่เกลียดชังมาร ขนาดที่ฆ่าพวกเราได้แบบไม่เลือกหน้าด้วยซ้ำไป
“อ่า นั่นก็เป็นเรื่องปกติล่ะนะ เผ่าแวมไพร์น่ะเป็นเผ่าพันธุ์โสโครกจะตาย เอาไปทำอะไรไม่ได้หรอกนอกจากเอาไปใช้เล่นเกมประหารน่ะ”
เป็นคำพูดที่น่าโมโหมาก แต่ตอนนี้ต้องทนเอาไว้แล้วฟังต่อไปก่อนล่ะนะ
“แต่ว่านะ มนุษย์น่ะมีอยู่มากมายเลย พอมีอยู่เยอะ มันก็เลยมีพวก ‘คนประหลาด’ โผล่ขึ้นมาบ้าง อย่างเช่น พวกขุนนางหื่นกามที่ชอบเล่นเสียวกับพวกมารกับกึ่งมนุษย์ชั้นต่ำไง”
ฉันรู้สึกหนาวไปถึงไขสันหลังเลย
นี่หมายความว่า ฉันจะโดนขายให้ขุนนางนั่นหลังจากนี้งั้นเหรอ
“ข้าน่ะจับตาดูแกมาก่อนแล้ว ตั้งแต่ที่เห็นแกอยู่กับเจ้าแวมไพร์ผมบลอนด์นั่น ข้าก็คิดจะลักตัวแกมาตั้งแต่ที่หมู่บ้านเอลฟ์แล้ว แวมไพร์น่ะหายากจะตาย ยังไงฝั่งนั่นก็ต้องซื้อแกด้วยเงินก้อนโตแน่ๆ”
…ก่อนหน้านั้นอีกเหรอ
แต่ว่า แปลกจัง ถ้าเกิดเจ้าหมอนี่มองดูพวกเรามาตั้งแต่ก่อนหน้านั้น ไม่มีทางที่ฟิลิสจังจะไม่รู้ตัวเลยนี่นา
“แต่ ยัยผมบลอนด์นั่นก็น่ารำคาญเป็นบ้า แข็งแกร่งยังกับสัตว์ประหลาดเลย แล้วไหนจะจอมเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าเอลฟ์อย่างฟราน ฟอเรสเตอร์นั่นก็ยังจะโผล่หัวมาอีก แต่ถึงอย่างนั้น ข้าก็เป็นนักผจญภัยระดับ S และถึงข้าจะมีความสามารถ ข้าก็ไม่อยากต้องไปห่ำหั่นกับ 2 ตัวนั่นหรอก เพราะงั้น ข้าเลยตัดสินใจล่อพวกมันไปที่อื่น แล้วใช้โอกาสนั่นจับตัวแกมาไงเล่า เป็นการเดิมพันสูงเลยล่ะว่าจะทิ้งแกเอาไว้ในห้องด้วยหรือเปล่า… ให้ตาย ให้ตาย งานหินเป็นบ้าเลย”
“…นี่นาย จับตาดูพวกเราโดยที่ฟิลิสจังไม่รู้ตัวได้ยังไงน่ะ?”
“ฟิลิส? ยัยผมบลอนด์นั่นน่ะเรอะ?… เรื่องง่ายๆ”
เจ้านั่นโชว์จี้ที่คอออกมา หน้าก็ยังยิ้มอย่างเย้ยหยันอยู่
เป็นจี้ที่สวยดีนะ แต่ส่วนปลายของมันมีของบางอย่างที่ดูคล้ายลูกตาติดอยู่เลย ดูน่ากลัวนิดๆ นะ
“นี่ก็คือ ‘เนตรสวรรค์ อารุส’ หนึ่งใน ‘สมบัติศักดิ์สิทธิ์’ ไงล่ะ”
ฉันแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองเลย
สมบัติศักดิ์สิทธิ์ มาจิกไอเท็ม 99 ชิ้นที่มีประสิทธิภาพสูงจนน่ากลัว ที่ถูกสร้างขึ้นจากอารยธรรมที่รุ่งเรืองในอดีตเมื่อหลายพันปีก่อนน่ะเหรอ
ฟิลิสจังเคยเล่าให้ฟังว่ามันมีพลังเข้าใกล้ขอบเขตของเทพเลย และว่ากันว่า แค่มีถือครองแค่ชิ้นเดียว ก็จะได้รับพลังที่เทียบเท่ากับนักรบหลายพันคนเลย
“ความสามารถของเจ้านี่ก็คือ [เสริมการมองเห็นทุกรูปแบบอย่างสมบูรณ์] นั่นรวมไปถึงพลังตาทิพย์ด้วย ด้วยเจ้านี่ ข้าก็ส่องพวกแกอยู่นอกระยะการตรวจจับของเพื่อนแกก็แค่นั้นเอง”
เพราะแบบนี้ ทั้งฟิลิสจังทั้งฟรานจังเลยไม่รู้ตัวเลยงั้นเหรอ?
แม้แต่ฟิลิสจังก็ไม่ได้คาดไว้ว่าศัตรูจะใช้สมบัติศักดิ์สิทธิ์เลยนะ
“เอาล่ะๆ… ทีนี้ ก็คุยกันมาพอแล้ว ได้เวลาสนุกกันหน่อยดีกว่า”
“…สนุกงั้นเหรอ?”
จะข่มขืนฉันงั้นเหรอ… ไม่ใช่แบบนั้นหรอก
ฉันเป็นมารนะ คนที่คิดจะทำแบบนั้นน่ะน้อยจนแทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ
“ก็เรื่องของขุนนางหื่นกามที่พูดถึงก่อนหน้านี้ไง งานอดิเรกที่ว่าชอบเล่นเสียวกับพวกมารน่ะ ดูเหมือนว่าเจ้าหมอนั่นจะชอบ ‘บังคับมารที่ถูกทารุณมา’ เป็นพิเศษล่ะนะ พูดง่ายๆ ถ้าสภาพของแกยังไม่เยินก็ไม่ขายได้ราคาไม่ดีน่ะซี่”
“อึก! …เพราะงั้น แกคิดจะทรมานฉันจนกว่าฉันจะเป็นแบบนั้นงั้นสิ?”
“ก็เป็นแบบนั้นนั่นแหละ เพรางั้นข้าถึงเรียกเจ้าพวกนี้มาไง”
เจ้าพวกนั้น 7 คนที่อยู่รอบๆ ก็เดินเข้ามาหาฉันช้าๆ อย่างกับว่าพวกนั้นรอคำพูดนี้เป็นสัญญาณเริ่มอยู่นานแล้ว
“…ย- อย่าเข้ามา…”
“บะฮะฮะฮ่า! ถึงจะเป็นมาร แต่ก็งานดีใช้ได้เลย รอจะเล่นด้วยไม่ไหวเลยนะเนี่ย”
“จะดีจริงๆ เหรอ? ไปแล้วไม่มีถอยกลับแล้วนะเว่ย?”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย อย่ามาฆ่ากันทีหลังก็พอ ตกลงมั้ย?”
“หยุดนะ…”
มือของเจ้าพวกนั้นค่อยๆ ใกล้เข้ามาหาฉัน
โสโครกที่สุด ไม่ชอบเลย คนเดียวที่ฉันจะยอมให้ได้น่ะ มีแค่ ‘คนคนนั้น’ คนเดียวเท่านั้น คนที่สำคัญที่สุดในโลกสำหรับฉันน่ะ
ฟิลิสจัง
เพื่อนสมัยเด็กที่ฉันชอบ ชอบ ชอบมากจนทนไม่ไหวเลย
เด็กผู้หญิงคนสำคัญที่คอยปกป้องฉันอยู่เสมอเวลาที่ฉันอ่อนแอ
ตอนที่ฉันถูกเด็กผู้ชายในหมู่บ้านรังแก เธอก็เข้ามาปกป้องฉัน
ถึงฉันจะคาดหวังเรื่องของอนาคตที่ดี แม้ตอนที่ฉันไปถึงขีดจำกัดเลเวลเร็วมาก เธอก็คอยอยู่ข้างๆ และปลอบโยนฉัน
เธอเป็นคนรักอิสระ และไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่… เพราะแบบบนั้น ฉันเลยรักฟิลิสจังมาตลอดตั้งแต่เด็กแล้ว
แต่ฉันพูดออกไปไม่ได้ เพราะฉันรู้ว่าการที่ผู้หญิงรักกับผู้หญิงด้วยกันน่ะ ไม่ใช่เรื่องที่ปกติเลย
ถ้าฉันพูดออกไปแบบนั้น ฟิลิสจังคงจะทิ้งฉันไปแน่ๆ
เพราะงั้น ฉันเลยคิดว่า อย่างน้อย… ฉันก็อยากอยู่ข้างๆ เธอตลอดเวลาก็ยังดี
“ช่วยฉันด้วย… ฟิลิสจัง……”
มือของพวกนั้นที่จับมาที่ตัวฉัน เหยียบย้ำความปรารถนาของฉันลง…
“เฮ่ย!? หมอบลง!!”
เจ้าหัวหน้า คนที่ลักพาตัวฉันมาตะโกนขึ้น
ทันทีหลังจากนั้น เพดานของห้องใต้ดินก็ถูกระเบิดหายไป แสงแดดฉายเข้ามาพร้อมกับเสียงดังกระหึ่ม
“แม่งเอ๊ย! อะไรฟะนั่น!?”
ตอนนั้น ก็มีคนไม่รู้กระโดดลงมาในห้องใต้ดินที่ตอนนี้ถูกเปิดโล่งไปแล้ว
เพราะแวมไพร์ไม่คุ้นเคยกับการอยู่กลางแดด ฉันเลยเวียนหัวและมองเห็นเป็นแค่เงารางๆ
ความรู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อยเข้ามาหาฉัน ตอนที่ใครที่ไหนไม่รู้กระโดดเข้ามาร่วมวงเพิ่มอีก
แต่ นั่นเป็นความกังวลที่สูญเปล่ามาก
“…โอ้ย พวกแกน่ะ”
เพราะว่า
“พวกแกสินะ ที่ขโมยตัวริงกะมาน่ะ”
แค่ได้ยินเสียงนี้ ฉันก็สบายใจได้เสมอเลย
ว่าแล้วเชียว… เธอต้องมาจริงๆ ด้วย
“ฟิลิสจัง…!”
“ริงกะ… ปลอดภัยนะ”
“อื้อ!”
“งั้นเหรอ รอเดี๋ยวนะ จะจัดการให้เรียบร้อยเลยล่ะ”
ด้วยสายตาพร่ามัวของตัวเองตอนนี้ ฉันเลยไม่เข้าใจนักว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่
แต่ แค่ได้ยินเสียงของฟิลิสจังแบบนี้ก็ทำให้ฉันพอใจแล้วล่ะ
“บ้าเอ๊ย… มาที่ได้ยังไงวะ!”
“…คนที่ต้องตายอยู่แล้วน่ะ จะรู้เรื่องนั้นไปทำไม”
ฟิลิสจัง ชอบที่สุดเลย
“พวกแก… มาลักตัวริงกะของฉันมาแบบนี้… อย่าคิดว่าจะได้ตายดีเชียวล่ะ”
ฟิลิสจังโกรธมากๆ
ไม่เคยได้ยินเสียงที่น่ากลัวขนาดนี้จากฟิลิสจังมาก่อนเลย
…แต่ว่า ตอนที่เธอพูดว่า ริงกะ ‘ของฉัน’ เมื่อกี้ ทำเอาใจเต้นเลยล่ะ… นี่เป็นความลับที่ฉันจะเก็บเอาไว้ก็แล้วกัน
โน้ตจากผู้แต่ง : ยูริ + เพื่อนสมัยเด็กเนี่ย ดีจริงๆ เลยว่ามั้ยครับ
TN: เห็นด้วยเลยครับ ดีจริงๆ
ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r