[นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง 111 ไฟล์ 12 : เรื่องราวของฟาร์มนั้น [6]

ตอนที่ 111 ไฟล์ 12 : เรื่องราวของฟาร์มนั้น [6]

คิดถูกแล้วล่ะที่กังวล

อย่างที่เราเดาเอาจากการดูจากข้างนอกเลย ตึกนี้ถูกสร้างขึ้นมาคล้ายกับอาคารเรียน มีห้องเรียงรายไปตามทางเดินหลายห้อง ทุกห้องถูกตกแต่งภายในไว้แปลกมาก แถมเกินครึ่งก็ยังเชื่อมต่ออยู่กับพื้นที่คั่นกลางซะด้วย

 

ที่ห้องนึง มีชุดนักเรียนโชกเลือดถูกตะปูตอกติดไว้กับกำแพง หน้าสมุดที่วางกระจายอยู่บนพื้นเปิดเอาไว้ หน้าของสมุดพลิกไปพลิกมา ทั้งๆ ที่ไม่มีลมเลยซักนิด

มีห้องนึงที่ตั้งหุ่นลองเสื้อเอาไว้ หันหลังให้พวกเรา ถึงฉันจมั่นใจเลยว่าได้ยินเสียงมาจากในห้องนี้ก่อนที่จะเปิดประตูเข้ามา แต่พอเราเปิด ทุกอย่างก็เงียบสนิท

อีกห้องนึงก็มีสายไฟหุ้มไวนิลห้อยลงมาจากเพดานเยอะแยะจนนับไม่ไหว กระดาษที่ผูกไว้ตรงปลายสายดูเหมือนโอมิคุจิที่ผูกไว้ขับไล่สิ่งชั่วร้ายเลย

 

TN: おみくじ (Omikuji) หรือใบเซียมซี เป็นกระดาษทำนายโชคชะตา ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้าซึ่งดวงชะตาจะมีคำทำนายถึงโชคลาภที่แตกต่างกัน ส่วนมากใบเซียมซีจะมาในรูปกระดาษแบบพับเเผ่นเล็ก หรือในบางครั้งก็มัดมาพร้อมกับริบบิ้น พร้อมคำทำนายของคุณในนั้น

 

แล้วอีกห้องนึงก็มีตู้เย็นอยู่ตู้นึง ส่งเสียงหึ่งๆ เบาๆ ออกมา ตอนที่พวกเราเปิดมันออกดูอย่างอึดอัด ในนั้นก็มีลูกวอลเลย์ลูกนึงที่เหมือนจะมีเด็กวาดเป็นรูปหน้าคนอยู่แช่เอาไว้ข้างใน แล้วก็ใส่วิกให้ลูกบอลลูกนี้ด้วย

ห้องที่ดูบ้าบอจริงๆ ก็คือห้องที่มีหินนี่แหละ ไม่รู้เลยว่าขนกันเข้ามาอิท่าไหน แต่หินก้อนมหึมาตรงหน้าประตูนี่มันใหญ่จนพวกเราเข้าไปในห้องไม่ได้เลย แล้วมันก็ให้ความรู้สึกไม่สบายใจออกมาจนฉันไม่คิดแม้แต่จะลองขยับมันเลยด้วยซ้ำ

อีกห้องนึงก็เป็นห้องที่มีหินอยู่เต็มไปหมด: พอมองดูดีๆ ก็เห็นว่าพวกมันคือหินป้ายหน้าหลุมศพเลยล่ะ

ห้องที่มีกรวดสีขาววางไว้เกลื่อนพื้น ส่งเสียงกระทบกันกรุบกรับเหมือนมีใครไปเดินย่ำอยู่ก่อนที่เราจะเปิดประตูเข้าไป ในห้องมันมีหมอกลงจัดอยู่ด้วย จนมองออกไปไม่ได้ถึงไหนเลย

 

การเดินไปทั่วตามห้องที่ตกแต่งได้ดูหลอนสุดๆ พวกนี้มันทำให้เหนื่อยหน่ายมากเลย ฉันกับโทริโกะก็ปิดเกทที่เชื่อมกับพื้นที่คั่นกลางไปทีละอันๆ

บอกได้เลยว่าทีมโอเปอร์เรเตอร์ที่อยู่กับพวกเราเองก็อาการไม่ดีเหมือนกัน บางคนจู่ๆ ก็มีเลือดกำเดาไหล ร้องไห้ไม่หยุด ดึงหูฟังออกมาเพราะอยู่ดีๆ ลำโพงมันก็แหลมแสบหูขึ้นมา… ไม่มีใครบ่นอะไรกับเรื่องนั้นเลยซักคน แต่ตอนที่ฉันยืนอยู่ข้างๆ พวกเขา ฉันก็รู้สึกได้ง่ายๆ เลยว่าความเครียดของพวกเขาพุ่งสูงกันเลย

พวกเราเริ่มตรวจสอบกันจากชั้นล่างๆ แล้วห้องสุดท้ายที่พวกเรามาก็คือสุดปลายทางของชั้น 3 พอพวกเราปิดเกทที่อยู่ในห้องอาบน้ำที่มีอ่างอาบน้ำถูกเผาจนไหม้ดำ มีเสียงน้ำเดือดและเสียงไอน้ำดังก้องอยู่ในห้อง แต่เสียงมันดังออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ เพราะในห้องมันไม่มีน้ำเลยซักหยด เสียงมันเสียดหูจนทนไม่ไหวเลย

พอห้องอาบน้ำตอนนี้จู่ๆ ก็เงียบกริบ เสียงที่เข้ามาเติมเต็มห้องแทนก็เป็นเสียงของโอเปอร์เรเตอร์คนนึงกำลังอ้วกอยู่ เป็นชายผิวดำตัวใหญ่ที่เอามือขึ้นมาปิดปากแล้วรีบวิ่งลงไปในโถงทางเดิน

 

“ที่นี่มันทำเอาสะเทือนเลยนะครับ”

 

คุณมิงิวะพึมพำขึ้นมา ในขณะที่เหลือบมองลงไปในอ่างอาบน้ำ

รอยไหม้ที่ติดอยู่ที่ก้นอ่างมันเป็นรูปร่างเหมือนกับร่างคน พอลองมองดูดีๆ ก็ยังเห็นเศษผมเศษชิ้นเนื้อติดอยู่ในนั้นด้วย ยังกับว่าผ่านการต้มร่างของใครซักคนอยู่ในอ่างนี่ไปเรื่อยๆ จนน้ำเดือดหายไปหมดยังงั้นแหละ ก็เป็นไปได้นะว่าพวกนั้นจะเอาอ่างอาบน้ำนี้มาจากตึกที่เกิดเหตุแบบนั้นจริงๆ บางที อาจจะมีเรื่องน่ากลัวซ่อนอยู่หลังของในห้องอื่นๆ ด้วยก็ได้—

ชายคนนั้นที่ออกไปที่โถงทางเดินต้องทนต่ออาการคลื่นไส้นี่ไม่ไหวแน่ เพราะฉันได้ยินเสียงเขาพยายามเค้นอาเจียนดังลอยมาถึงนี่เลย

 

“เขาจะยังไหวมั้ยคะ?”

 

ฉันพูดไปแบบไม่ได้มีนัยยะอะไรแอบแฝง แต่คุณซาซาสึกะกลับถามฉันกลับมา

 

“แล้วพวกเธอ 2 สาวล่ะ โอเคมั้ย?”

 

ฉันกับโทริโกะก็หันมามองหน้ากัน

 

“ก็… ใช้ได้อยู่ มั้งคะ?”

“ดูเหมือนฉันก็ยังดีอยู่เหมือนกัน”

 

พอพวกเราตอบไป ความกลัวมันก็ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาหาฉันเลย ตอนที่ฉันได้เห็นปฏิกิริยาของคนทั่วไปที่มีต่อโลกเบื้องหล้ง มันชวนให้ฉันคิดว่าพวกเราเองก็ควรจะเป็นแบบนั้นด้วยหรือเปล่า พวกเราอดทนได้ดีงั้นเหรอ? หรือว่าแค่ชินไปแล้วกันแน่?

ไม่อยากจะชินกันเรื่องพวกนี้เลยแฮะ

พวกเราออกไปที่โถงทางเดินกัน โอเปอร์เรเตอร์ที่พุ่งออกไปก่อนพวกเราคนนั้นก็กำลังยืนมองออกไปนอกหน้าต่างที่เปิดอยู่เลย

 

“ดีขึ้นมั้ย?”

 

คุณซาซาสึกะถามเขา แต่กลับไม่มีอะไรตอบกลับมาเลย

กลับกัน ชายคนนั้นยกมือขึ้นมาข้างนึง แล้วเริ่มโบกไปมา เหมือนกับกำลังส่งสัญญาณบอกใครซักคนที่อยู่ข้างนอก

แต่ที่นี่มันชั้น 3 แถมในทางที่เขาหันไปนั่นก็มีแต่ต้นไม้ที่ล้อมอยู่รอบฟาร์มนี่เท่านั้นเอง

 

“มาร์คัส? นี่นายทำอะ—”

 

ตอนนั้นแหละ ที่คุณซาซาสึกะเรียกเขาอย่างสงสัย

ที่นอกหน้าต่าง มีบางคนร่วงลงมา

 

“กรี๊ดดด!?”

 

ฉันกรี๊ดออกมา เผลอถอยหลังไปชนกำแพง ถึงทุกอย่างมันจะเกิดขึ้นเร็วมาก แต่ภาพมันกลับฝั่งแน่นติดตาไปจนถึงเรตินาเลย ชายในเสื้อเชิ้ตสีชมพูและกางเกงสแล็ค ในตอนที่ตกลงมา ตาของเขาจับจ้องมาที่ฉันด้วย แต่ฉันมองหน้าของเขาไม่ออกเลย เพราะมันบุบบี้ไปเหมือนดินน้ำมันที่ถูกปาอัดกับพื้นยังไงยังงั้นแหละ

ฉันเคยเห็นเขามาก่อนนี่นา เขาคือผู้ติดต่อประเภท 4 ที่ถูกขังอยู่ในชั้นใต้ดินของ [ฟาร์ม] ไง

ฉันคุดคู้อยู่ตรงนั้น จนมีเสียงดังเหมือนเสียงตบ เพียงแค่ว่ามันดังกว่านั้นอีกเป็น 10 เท่า นี่คือเสียงของคนเวลาตกจากที่สูงขนาดนี้งั้นเหรอ…?

 

“นี่! มาร์คัส!? จะทำอะไรของนาย!? หยุดนะ!”

 

โอเปอร์เรเตอร์คนที่โบกมือคนนั้นปีนขึ้นไปที่กรอบหน้าต่าง ยื่นตัวออกไปข้าวนอก คุณซาซาสึกะเห็นแบบนั้นก็รีบก้าวออกไปข้างหน้า พยายามคว้าตัวชายคนนั้นเอาไว้ แต่ด้วยความต่างของร่างกาย เธอก็เลยหยุดเขาเอาไว้ไม่ได้

 

“ปล่อย… ต้องไป…”

 

ระหว่างที่มาร์คัสยังดิ้นไปดิ้นมา พยายามจะโดดออกไปให้ได้ โอเปอร์เรเตอร์คนอื่นๆ รอบๆ ก็เข้ามาจับตัวเขาจากทางด้านหลังทีละคนๆ ต้องใช้คนตั้ง 4 คนแน่เกว่าจะดึงชายร่างใหญ่คนนี้ลงมาจากขอบตึกได้

ตอนที่มาร์คัสล้มลงกับพื้น บางอย่างในตาของเขาก็ไม่เหลือสติอยู่เลย ม่านตาเขาขยายจนสุด น้ำตาก็ยังไหลออกมาเป็นสาย

มาร์คัสพยายามจะลุกกลับขึ้นมายืนอีกรอบ แต่คุณมิงิวะก็เข้าล็อกคอเขาจากด้านหลัง ถึงเขาจะยังดิ้นอยู่ แต่แล้วจู่ๆ หัวของมาร์คัสก็เอนไปด้านข้าง ตัวก็หยุดกึกไปเลย ฉันตกใจไปแป๊บนึง นึกว่าคุณมิงิวะฆ่าเขาไปแล้ว แต่เขาคงแค่ทำให้สลบไปนะ

คุณมิงิวะจ้องตรงออกไปนอกหน้าต่าง

 

“เมื่อกี้ มันมี—”

“ประเภท 4 ค่ะ! คนที่ฉันเจอเมื่อตอนที่โดนลักพาตัว!”

“เขาร่วงลงมาใช่มั้ย? คือเขาโดด-…!?”

 

พอโทริโกะพูด มันก็เกิดขึ้นเลย

ชายคนเดิมโผล่ออกมาที่นอกหน้าต่าง ร่วงตกลงมา แล้วเสียงของเขาก็ตกกระแทกกับพื้น

 

“อะไรน่ะ!?”

 

ตอนที่โทริโกะร้องตกใจ ก็มีโอเปอร์เรเตอร์อีกคนเริ่มเดินโซเซไปที่หน้าต่าง ครั้งนี้เป็นผู้หญิงชาวฮิสแปนิก ดวงตาของเธอว่างเปล่าเหมือนมาร์คัสก่อนหน้านี้เลย

 

“มิเชล!”

 

ก่อนที่เธอจะทันไปถึงหน้าต่าง คุณซาซาสึกะก็โอบเธอไว้จากข้างหลังได้ทัน

ท่ามกลางความโกลาหลนี่ ฉันก็เข้าใจได้ซักที

นั่นเป็นหนึ่งในพวกของที่ห้ามมองสินะ!

เมื่อตอนที่ฉันเจอชายบินได้ที่ [คอกวัว] เขาก็ทำเรื่องคล้ายๆ กันนี่เลย ในห้องเล็กๆ ที่เขาถูกคุมขัง เขาร่วงลงมาจากเพดาน กลับไปที่เดิม แลวก็ตกลงมาอีกรอบ—ซ้ำไปซ้ำมาอยู่แบบนั้น ตกลงมาจากที่เดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วก็พยายามให้คนอื่นร่วงลงไปเหมือนกับเขา

คนที่มองเห็นผีตกตึก จะถูกดึงดูดไปสู่ความตายแบบเดียวกัน… เป็นเรื่องที่เจอได้บ่อยๆ ในเรื่องผีเลย ‘ผีที่พยายามพาคนไปอยู่ด้วย’ น่ะเข้าใจง่ายจะตาย มันก็เลยเป็นเรื่องผีที่ไม่ได้จุดความสนใจให้ฉันเลยซักนิด แต่นี่ก็คงเป็นเรื่องแบบนั้นนั่นแหละ

แล้วฉันก็เห็นเงาแวบๆ ที่หน้าต่าง ก่อนจะรีบตะโกนบอกทุกคน

 

“อย่ามองที่หน้าต่าง! หลบสายตาออกมา!”

 

หลังจากที่ตะโกนไปแบบนั้น ฉันก็ละสายตาออกมาเหมือนกัน พร้อมกับก้มหมอบตัวลงตรงจุดที่ฉันยืนอยู่ แล้วจากนั้นไม่นาน ก็มีเสียงของตกดังลอยมาอีกรอบนึง โทริโกะกับโอเปอร์เรเตอร์คนอื่นๆ ทำตามฉัน ก่อนจะก้มลงไปมองข้างล่าง

 

“นั่นมันอะไรน่ะ โซราโอะ?”

“ถ้ามองเห็นเขาร่วงลงมา เขาจะเอาเธอไปอยู่ด้วย คิดว่านะ—”

 

คุณซาซาสึกะที่ยังจับตัวเพื่อนร่วมทีมเอาไว้อยู่ พยายามเข้าไปใกล้หน้าต่างมากขึ้น แล้วก็ตะโกนเข้าไปในอินเตอร์คอมของเธอ

 

“เรียกฐาน! นี่ทีมจู่โจม A! เราถูกประเภท 4 โจมตี ยิงชายที่โดดลงมาจากตึกที่อยู่อาศัย”

‘ชายที่โดดลงมา—’

 

เสียงงงๆ ของอีกฝ่ายตัดขาดไปครู่นึง

 

‘เห็นเป้าหมายแล้ว ให้ยิงชายโดดตึก ตามนี้ใช่มั้ยครับ?’

“ใช่ ยิงได้”

‘รับทราบ’

 

คุณซาซาสึกะหันมาทางพวกเรา ก่อนจะบอก

 

“ก้มตัวลง! เอามือบังหัวไว้!”

 

หลังจากนั้น เสียงปืนดังต่อเนื่องก็ดังจากข้างนอกตึกตามมาแทบจะทันที เศษกระจกร่วงกราวลงมาพร้อมกับหน้าต่างที่แตกกระจาย

*ตุบ!* เสียงตกกระแทกพื้นที่ดังยิ่งกว่าครั้งก่อนดังขึ้นมา แล้วจากนั้น… ก็มีแต่ความเงียบ

เสียงตกที่ต่อเนื่องหยุดลง เหมือนกับตัดขาดไปซะดื้อๆ

เสียงอินเตอร์คอมซ่าดังมา

 

‘ได้ตัวแล้วครับ ไม่มีการเคลื่อนไหวจากเป้าหมายแล้ว’

“บ้าเอ๊ย! โดนมันเล่นจนได้!”

 

โอเปอร์เรเตอร์ผู้หญิงคนนั้นที่ได้สติแล้วร้องออกมา

 

“มิเชล!”

“ขอโทษด้วยค่ะ ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว”

 

คุณซาซาสึกะมองมาอย่างโล่งอก ก่อนจะพูดกลับไปในอินเตอร์คอม

 

“เรียกฐาน มองเห็นชายที่เพิ่งตกลงมามั้ย?”

‘เห็นครับ ไม่ขยับตัวเลย’

“เข้าไปตรวจดู แล้วยืนยันด้วยว่าเป็นหรือตาย ใช้ระบบสาม-สาม อีกฝ่ายมีความสามารถส่งผลกับความคิดของมนุษย์ได้ ถ้าใครในทีมเริ่มมีอาการแปลกๆ ให้หยุดการเดินหน้าทันที ถ้าเป้าหมายยังขยับตัว ให้ยิงจนกว่าหยุดนิ่ง”

 

TN: 三三制 (จีน : Sānsān zhì) แปลตามตัวอักษรคือ “ระบบสาม-สาม” ซึ่งเป็นชื่ออย่างไม่เป็นทางการ โดยกองทัพปลดปล่อยประชาชน เป็นหน่วยรบที่เล็กที่สุด ถูกใช้อย่างแพร่หลายในสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่ 2 (ส่วนหนึ่งของสงครามมหาเอเชียบูรพา), สงครามกลางเมืองจีน (ระหว่างพรรคก๊กมินตั๋งกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน), สงครามเกาหลี (ระหว่างเกาหลีใต้กับเกาหลีเหนือ ในช่วงสงครามเย็น), สงครามจีน-อินเดีย และสงครามอินโดจีนครั้งที่ 3 (ระหว่างจีนกับเวียดนาม ในช่วงสงครามเย็น)
ใช้ทหาร 3 นายเป็นทีมยิง 1 ทีม และทีมยิง 3 ทีมรวมเป็นหน่วยรบ 1 หน่วย ทำการโจมตีจุดๆ หนึ่ง จากการขนาบเข้า 2 ข้าง แต่ละทีมยิงจะมีอาวุธปืนอัตโนมัติอย่างน้อย 1 กระบอก ที่เหลือถือไรเฟิลระบบลูกเลื่อน (Bolt-action rifle) หรือไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติ

 

‘รับทรา—’

 

แล้วจู่ๆ เสียงของเขาก็เครียดขึ้นมาเลย

 

‘มีอีกคนอยู่บนหลังคา!’

“ตรงไหน?”

‘ข้างบนจากที่หัวหน้าอยู่เลยครับ!’

 

แล้วทันทีหลังจากนั้น ก็มีเสียงดังสนั่นอยู่เหนือหัวพวกเรา พวกเราทุกคนหันขึ้นไปมองบนเพดานกันหมด

เสียงดังลั่นเหมือนฟ้าผ่าข้างบนนั่นคือเสียงกระทืบเท้า มีบางคนวิ่งอยู่บนหลังคา เป็นการก้าวเท้าที่รุนแรงเหมือนพวกเด็กๆ ที่พยายามย้ำเท้าวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ทั้งความเร็วทั้งความแรง มันเพียงพอจะกะเทาะฝุ่นให้ร่วงกราวลงมาจากเพดานได้เลย

คุณมิงิวะชี้ปากกระบอกปืนไปที่หลังคา ก่อนจะพูดขึ้น

 

“ไม่คิดว่าจะมีทางไหนที่จะขึ้นไปบนเพดานได้นะครับ แต่ว่า—”

 

ฉันเองก็ไม่เห็นบันไดไหนในห้องที่พวกเราเดินผ่านมาเลยเหมือนกัน ไม่ว่าจะบันไดปีนหรือขั้นบันได พวกเราหันไปมา มองตามเสียงฝีเท้าที่เหมือนจะวิ่งพล่านไปทั่ว จนกระทั่งจู่ๆ เสียงมันก็หยุดไป

 

‘เรามีศัตรู!’

 

โอเปอร์เรเตอร์คนนึงตะโกนขึ้นมาพร้อมกับยกปืนขึ้นเล็ง

ฉันไม่รู้เลยว่าเขาไปอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ตอนนี้ มีใครบางคนยืนอยู่อีกฟากนึงของโถงทางเดิน ตรงข้ามกับพวกเราแล้ว

 

 

เขาเป็นร่างเงาดำสนิท เค้าโครงเป็นมนุษย์ แต่ดวงตามันเฉียงจนแทบจะเป็นแนวตั้ง คล้ายๆ กับพวกจิ้งจอกแปลงร่าง ปากของร่างเงานั่นเปิดออกเหมือนกับกำลังหัวเราะดังลั่น ฟันสีขาวและสีแดงในปากของเขาก็ฝังเขามาในตาฉันเลย

เขามองมาที่พวกเรา ก่อนจะตะโกนด้วยเสียงที่เหมือนคอจะแยกเป็นชิ้นๆ

 

“โอกกก! นาาา!”

 

คนๆ นั้น… ฉันจำเสียงนั่นได้!

คนที่ถูกขังอยู่ใต้ [คอกวัว] เหมือนกับชายโดดตึก!

คนที่มีเลข #5 เขียนอยู่หน้าประตูน่ะ!

‘หมายเลข #5 มันฆ่าบ่อยเกินไป’ นั่นสินะที่พวกลัทธิพูดถึงกันน่ะ

ดวงตาแนวตั้งของเขาแดงก่ำจนเห็นเส้นเลือด ตาพวกเราสบกัน คนคนนั้นกำลังมองตรงมาที่ฉันอยู่

ก่อนที่หมายเลข #5 จะพูดอะไรซักอย่างด้วยเสียงเหมือนสัตว์ร้ายโหยหวน

 

“โฮกกก! โหว…! ม่าาา!”

 

ในตาของเขาบอกถึงความไม่เป็นมิตรได้ชัดยิ่งกว่าอะไรเลย แถมยังมุ่งร้ายด้วยอีกต่างหาก

สายตาของหมายเลข #5 ล็อกอยู่ที่ฉัน ก่อนจะเริ่มออกวิ่งในตอนที่ฉันยังนั่งหมอบอยู่กับพื้นอยู่เลย เขาเหวี่ยงแขนขึ้นลงไปมาอย่างบ้าคลั่ง และจ้ำอ้าวเข้ามาอย่างเต็มแรง แค่มองดูอยู่แบบนี้ เขาก็เข้ากระชับระยะเข้ามาแล้ว

 

“อะ…”

 

เขาจะฆ่าฉันแน่

ด้วยความกลัวที่ออกมาจากสัญชาตญาณ ตัวฉันมันก็หมอบลงไปกับพื้นเลย

 

 

 

“โซราโอะ!”

 

โทริโกะคว้ามือฉัน ทำให้ฉันโซเซยืนขึ้นมา แต่ที่นี่มันสุดปลายโถงทางเดินของชั้น 3 มันไม่มีที่ให้หนีไปไหนเลย ถ้าจะหนีเข้าไปที่ห้องไหนซักห้อง เราก็จะโดนต้อนเข้าไปเหมือนหนูติดกับอยู่ดี

ตอนที่ฉันตระหนกไปหมด โทริโกะก็กอดฉันไว้แน่น

 

ส่วนคุณมิงิวะที่อยู่ข้างๆ ก็ลั่นไกออกไป

ฉันเห็นเลือดสาดกระเซ็นออกมารอบๆ หมายเลข #5 พร้อมๆ กับที่เขาพุ่งเข้ามา คุณมิงิวะยิงปืนออกไป ดึงลูกเลื่อน แล้วก็ยิงออกไปอีกนัด เร็วมากจนแทบไม่มีช่วงพักระหว่างแต่ละนัดที่ยิงเลย

คุณซาซาสึกะกับโอเปอร์เรเตอร์คนอื่นๆ เองก็เริ่มเปิดฉากยิงด้วยเหมือนกัน

เสียงยิงปืนดังก้องไปทั่วทั้งโถงทางเดินจนหูแทบหนวก แต่หมายเลข #5 ก็ยังพุ่งตรงฝ่าห่ากระสุนเข้ามาอยู่ดี ด้วยช่วงก้าวที่กว้าง และความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ

 

และแล้ว เข่าของเขาก็ทรุดลงในระยะห่างอีกแค่ไม่กี่ก้าวก็จะมาถึงพวกเราอยู่แล้ว เขาล้มหน้าคะมำมาข้างหน้า ร่างทะมึนของเขาหยุดนิ่งสนิทห่างจากพวกเราไม่ถึง 1 เมตร

 

“โหว… ม่า…”

 

ทุกคนยังคงชี้ปากกระบอกปืนตรงไปที่หมายเลข #5 ในขณะที่เขายังคงร้องโอดครวญอย่างน่าสังเวช เสียงครวญครางนั้นอ่อนลง และฉันคิดว่า มันอาจจะหยุดในอีกไม่ช้า

 

แต่ว่า อยู่ดีๆ หมายเลข #5 ก็เริ่มพูด

 

“บนนั้น… ในภูเขา… นั่นอะไร…?”

 

การที่จู่ๆ เขาก็ใช้คำพูดที่มีความหมายที่พวกเราเข้าใจได้ขึ้นมา มันทำให้พวกเราทุกคนตัวแข็งอึ้งไปหมด

 

“ที่นั่น… อะไร…?”

 

เสียงครวญครางของหมายเลข #5 ยังคงดังก้องไปทั่วโถงทางเดินที่เงียบสนิทนี้

 

“บางอย่าง แปลกๆ… นี่ มันเกิด อะไรขึ้น…”

 

หมายเลข #5 ยังคงพึมพำอยู่แบบนั้น

 

“บอกแล้วไง ภูเขานั่น… มันว่างเปล่า”

 

แล้วมันก็จบแล้วตรงนั้น

หมายเลข #5 หยุดการเคลื่อนไหว หยุดคำพูด ซักพัก ทุกคนก็เชื่อว่าเขาจะไม่ลุกกลับขึ้นมาพยายามจะทำร้ายพวกเราอีกเป็นครั้งที่ 2 แล้ว แต่ใช้เวลาอีกครู่ใหญ่ พวกเขาทุกคนถึงได้ลดปืนลง

 

“นั่น… มันอะไรน่ะ?”

 

โทริโกะถาม แต่ฉันก็ส่ายหน้า

แล้วตอนนั้นแหละ ที่ฉันเพิ่งจะรู้ตัวว่าหน้าของเธออยู่ใกล้กับฉันแบบสุดๆ ฉันเลยเผลอผงะ ถอยกรูดมาเลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหงื่อ หรือเพราะสบู่ที่เธอใช้นะ แต่พอเราอยู่ใกล้กันขนาดนั้น กลิ่นหอมจากตัวเธอก็มาถึงฉันได้เลย

 

พอฉันก้มลงไปมองที่ร่างผู้ติดต่อประเภท 4 ฉันก็คิดขึ้นมา

ร่างของคนๆ นี้เองก็มาจากเรื่องผีซักเรื่องนึงงั้นเหรอ? ไม่มีเรื่องไหนเข้ามาในหัวเป็นพิเศษเลยแฮะ ฉันเคยอ่านเรื่องผีที่เกี่ยวกับคนถูกวิญญาณจิ้งจอกเข้าสิงสู่นะ แล้วดวงตาของพวกเขาจะเฉียงขึ้นจนเป็นแนวตั้งเลย แต่มันอาจจะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เลยก็ได้ ถึงยังไง พวกประเภท 4 ที่ฉันเจอมาตลอดก็ไม่ได้จำเป็นต้องเกี่ยวอะไรกับเรื่องผีที่ฉันรู้จักนี่นา

ถ้าพวกเราก้าวพลาดไปตรงไหนแม้แต่ก้าวเดียวล่ะก็ ฉันหรือโทริโกะก็กลายเป็นเหมือนสัตว์ร้ายแบบนี้ได้เหมือนกันสินะ? เป็นสัตว์ประหลาดที่อธิบายไม่ได้ ออกทำร้ายผู้คน…?

ฉันฟังคุณซาซาสึกะออกคำสั่งให้ ‘เอาถุงเก็บศพมา’ โดยที่ละสายตาออกมาจากร่างของหมายเลข #5 ไม่ได้เลย

 

TN: โห… น่ากลัวจัง

แต่มีใครแอบเห็นอะไรหรือเปล่า ( > /// < )

ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r

[นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง

[นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง

Score 10
Status: Completed
การพบกันครั้งแรกกับ นิชินะ โทริโกะ ของเธอคือที่โลกเบื้องหลัง หลังจากได้เห็น “สิ่งนั้น” และเกือบตายไปแล้ว ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของนักศึกษามหาลัยผู้เหนื่อยล้า คามิโคชิ โซราโอะ ก็เปลี่ยนไป ในโลกเบื้องหลังนี้ที่มีอยู่เคียงคู่กับโลกของเราอันเต็มไปด้วยปริศนา มีตัวตนที่อันตรายอย่างคุเนะคุเนะและท่านฮัชชาคุที่ถูกพูดถึงกันในเรื่องผีจริงๆ นั้นปรากฏอยู่ เพื่อการวิจัย เพื่อผลประโยชน์ และเพื่อตามหาคนสำคัญ โทริโกะกับโซราโอะจึงก้าวเท้าเข้าสู่ดินแดนแสนพิลึกพิลั่นนั้น! (เรื่องนี้ แปลจาก LN ENG)

Options

not work with dark mode
Reset