“ข้อตกลง?”
“ค่ะ ฉันไม่คิดว่ามันเป็นข้อตกลงที่ไม่ดีหรอกนะคะ”
“นั่นมันก็ขึ้นกับรายละเอียดข้างในล่ะนะ”
พอท่านโนอะว่าแบบนั้น คุณลุคเซียก็ยกมือขึ้นปิดปากและหัวเราะคิกคักออกมาเบาๆ
“โปรดแต่งงานกับฉันด้วยนะคะ”
“ฮะ?”
“เอ๋!?”
“……คุณหนูจะแต่งงาน?”
“โอโตฮะ ใจเย็นก่อนน-… อะ เธอไม่อยู่นี่นา”
เดี๋ยวๆ นี่มันการประกาศที่ปุบปับเกินไปแล้วนะ
ไม่สิ แต่เดิมเธอก็เป็นคนที่มีสิทธิจะเป็นคู่หมั้นของท่านโนอะอยู่แล้ว แถมยังบอกเอาไว้แล้วด้วยว่าตกหลุมรักท่านตั้งแต่แรกเห็นเลย แบบนี้มันก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?
“เออ ขอโทษด้วยนะ ทั้งๆ ที่มาไกลขนาดนี้ แต่ฉันยังไม่คิดจะแต่งงานน่ะ”
“อย่างนั้นเหรอคะ…”
คุณลุคเซียมีสีหน้าผิดหวังออกมาให้เห็นชัดเจนเลย ดูเหมือนเธอจะชอบท่านโนอะมากจริงๆ เลยสินะเนี่ย
“ถัาอย่างนั้น เพื่อเป็นการตกลงกันครึ่งทาง ฉันพอจะขอเป็นคู่หมั้นเอาไว้ก่อนได้หรือเปล่าคะ?”
“มันก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไรอยู่ดีไม่ใช่เหรอนั่น”
“นี่เธอตั้งใจจะไกล่เกลี่ยให้เป็นแบบไหนกันแน่เนี่ย?”
“เปล่าหรอกค่ะ ไม่ใช่แบบนั้น ฉันหมายถึง ฉันอยากให้คุณยอมให้ฉันใช้ชื่อมาไว้ในนามคู่หมั้นของฉันน่ะค่ะ”
อ๊า แบบนี้เอง
ทั้งสวยทั้งฉลาด แถมยังเป็นลูกสาวของอดีตประธานาธิบดีอีก ไม่ว่ายังไงก็ต้องเป็นที่หมายตาจากผู้คนมากมายอยู่แล้ว
แต่ว่า เธอก็คงจะไม่มีความตั้งใจจะไปเจอกับคนพวกนั้นอยู่แล้วตั้งแต่แรกด้วย
เธอก็เลยอยากทำเหมือนกับหมั้นอยู่กับท่านโนอะแล้วสินะ
“ก็ ฉันไม่ได้ติดขัดอะไรขนาดนั้นหรอก แต่ถ้าฉันยอมรับข้อเสนอที่ว่านั่น แล้วฉันจะได้อะไรตอบแทนล่ะ?”
“เอาเป็นทะเบียนสมรสกับฉันพอจะได้หรือเปล่าคะ?”
“ลาก่อนนะ นี่เป็นการพูดคุยที่สนุกมากทีเดียว”
“รอเดี๋ยวก่อนค่ะ! ฉันแค่พูดเล่นเท่านั้นเอง!”
คุณลุคเซียที่เผลอหลุดพูดอะไรบ๊องๆ ออกมาอีกรอบก็โน้มน้าวจนท่านโนอะยอมอยู่ต่อจนได้ พวกเราก็เลยยังอยู่ที่นี่ต่อไปก่อนอีกพักนึง
“แล้ว ฉันจะได้อะไรตอบแทนล่ะ?”
“อะแฮ่ม ขอฉันเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้นเลยแล้วกันนะคะ การที่หมั้นหมายกับฉันอยู่จะเป็นประโยชน์กับคุณด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว คุณโนอามารีต้องเหนื่อยกับพวกรูปถ่ายดูตัวที่ถูกส่งมาจากพวกโง่เง่าพวกนั้นอย่างไม่หยุดไม่หย่อนแน่นอนใช่ไหมคะ?”
“…แบบนี้เอง แต่แค่นั้นมันไม่พอหรอกนะ”
“อย่างนั้นเหรอคะ ถ้าอย่างนั้น เรามาเซ็นสนธิสัญญาที่ว่าในอนาคต เราจะไม่มีท่าทีหรือเจตนาเป็นภัยคุกคามกับพวกคุณดีไหมคะ?”
“อาระ ไม่เลวเลยนี่ แบบนั้นใช้ได้เลย”
ฉันสงสัยอยู่แวบนึงเลยว่าแบบนั้นจะพอจริงๆ เหรอ
ตอนนี้ สหพันธ์สาธารณรัฐกับอาณาจักรเองก็ไม่ได้อยู่มีความสัมพันธ์ที่ดีอะไรขนาดนั้นหรอก ถึงจะไม่ขนาดอาณาจักรกับจักรวรรดิก็ตามที
ไม่ว่าประเทศจะเป็นกลางแค่ไหน ก็ไม่มีอะไรรับประกันอยู่ดีว่าในอนาคตข้างหน้าจะไม่ก่อสงครามกัน
ถึงตอนนั้น ถ้าอยู่คนละฝั่งกัน ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น คุณลุคเซียก็อาจเป็นปัญหาเลยก็ได้
ถ้าเป็นแบบนั้น การสร้างความสัมพันธ์แบบพันธมิตรเอาไว้ก่อนล่วงหน้าก็อาจเป็นประโยชน์กับทางเราในหลายๆ ทางเลยก็ได้
“แบบนี้ยอมรับได้หรือเปล่าคะ คุณโนอามารี?”
“ได้เลย แล้วก็ เรียกคุณโนอามารีมันยาวออกใช่มั้ยล่ะ? แค่โนอะก็พอ”
“ถ้าอย่างนั้น ฉันขออนุญาตเรียกว่าคุณโนอะก็แล้วกันนะคะ”
ท่านโนอะผู้เกลียดการถูกใครก็ตามที่ไม่ใช่คนรับใช้ของตัวเองมาเรียกด้วยชื่อเล่น (ถึงแม้ว่าจะมีแค่ฉันคนเดียวที่เรียกท่านแบบนั้นก็ตามล่ะนะ) อนุญาตให้เรียกท่านแบบนั้นได้ งั้นก็แปลว่า
ลุคเซีย วาเลนไทน์เองก็เป็นคนที่ท่านโนอะให้การยอมรับเหมือนกันสินะ
ทั้งสองต่างจับมือกันหลังจากนั้น แล้วคนรับใช้ของคุณลุคเซีย เคร่าก็เอาชาเข้ามาพอดี
หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็คุยกันต่ออีกพักนึง ท่านโนอะกับคุณลุคเซียต่างก็ดูสนุกสนาน จนดูเหมือนกับว่าทั้งสองเป็นเพื่อนที่ถูกคอกันมากกว่าคู่หมั้นซะอีก
“จะว่าไป คุณโนอะคะ ดูเหมือนว่าวันนี้คุณโอโตฮะจะไม่อยู่ น่าเสียดายจังเลยนะคะ ในเมื่อวันนี้ฉันอยู่ที่นี่แล้วก็อยากจะทักทายเสียหน่อยแท้ๆ”
“อ่า โอโตฮะนี่ คือ จะว่ายังไงดีล่ะ”
“พวกเรากังวลว่าเธออาจเข้าไปขัดขวางการสนทนาของพวกท่านได้ เราเลยจัดการมัดเธอทิ้งเอาไว้ในรถม้าน่ะค่ะ”
“ท- ทำไมล่ะคะ?”
ฉันไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจำเป็นต้องอธิบายพื้นเพนิสัยของโอโตฮะให้ฟังอย่างไม่เต็มใจนัก
“ด้วยเหตุผลที่ว่ามาค่ะ หากเธอคนนั้นที่มีความรู้สึกดีต่อท่านโนอะเป็นพิเศษอยู่ที่นี่ด้วยแล้ว ป่านนี้เราคงจะยังคุยหัวข้อหลักกันไม่เสร็จด้วยซ้ำไปเลยล่ะค่ะ”
“บ- แบบนี้นี่เอง แต่สมกับเป็นคุณโนอะเลยนะคะ กับการเป็นที่รักใคร่ของผู้รับใช้ใต้บัญชาถึงขนาดนี้ คุณจะต้องมีความสามารถด้านการเป็นผู้นำอย่างโดดเด่นไม่ธรรมดาแน่นอนเลยค่ะ”
“ไม่หรอก เธอคนนั้นก็แค่ค่อนข้างจะเป็นตัวของตัวเองเป็นพิเศษซักหน่อยก็เท่านั้นเอง”
“พวกเราทุกคนต่างถวายสัตย์จะจงรักภักดีต่อท่านโนอะเช่นเดียวกันหมดค่ะ เพียงแต่ว่าความภักดีของโอโตฮะจะอยู่ในคนละระดับกับพวกเราเลย”
“อืม ไม่ปกติหน่อยๆ”
“ไปไกลจนขนาดว่าผมที่เป็นน้องชายฝาแฝดก็ยังอธิบายไม่ได้เลยล่ะครับ”
“พ- พวกคุณทุกคนเป็นเพื่อนกันอยู่ใช่ไหมคะ?”
เธอเป็นเพื่อนพ้องของเรา และฉันก็เชื่อใจเธอค่ะ แต่ถ้าเป็นเรื่องในแง่ที่ว่า ‘เป็นภัยต่อท่านโนอะ’ แล้ว ก็อาจไม่มีใครน่าเชื่อใจน้อยไปกว่าเธออีกแล้วด้วยเหมือนกัน
แม้แต่ตอนนี้ที่พวกเรากำลังพูดคุยกันอยู่ เธอก็อาจจะกำลังพยายามสุดชีวิตเพื่อที่จะแกะเชือกนั่นออกให้ได้อยู่เลยด้วยซ้ำ―――
“เจอตัวแล้ววววววววววววว!!”
ก็หวังว่าเธอจะยังพยายามอยู่แบบนั้นไปตลอดแท้ๆ
“อ- โอโตฮะ!? นี่เธอแก้มัดออกมาได้ยังไงเนี่ย!?”
“ฮุ ฮุฮุฮุ… ทำกันได้นะคะ คุณคุโระ โอรัน ใช่เลยล่ะเจ้าค่ะ จะแหกทั้งเชือกทั้งกลอนมันยากลำบากสุดๆ ไปเลยล่ะเจ้าค่ะ!”
“กาวนั่นเป็นสินค้าคุณภาพสูง แบบที่แค่พิษทั่วๆ ไปไม่มีทางจะกัดละลายมันได้เลยนะคะ”
“ฮุฮุ อ่อนหัดเกินไปแล้วนะเจ้าคะ คุณคุโระ”
ในสถานการณ์ตอนนี้ โอโตฮะที่เป็นเหมือนมัดรวมของปัญหาก็กำลังมีสีหน้ายิ้มเยาะอย่างเต็มที่เลย
น่ารำคาญชะมัด
“องค์ประกอบของกาวชนิดนั้นก็เป็นสสารอันตรายจริงๆ นั่นแหละเจ้าค่ะ ด้วยการวิเคราะห์และแทรกแซงองค์ประกอบสารเคมีพวกนั้น ฉันก็ทำให้ฤทธิ์ของกาวถูกหักล้างไปจนได้ ส่วนตัวเชือก แค่ใช้กรดกัดมันจนขาด ฉันก็หลุดเป็นอิสระได้แล้วเจ้าค่ะ! ส่วนตัวแม่กุญแจนั้นง่ายดายกว่าอีกนะเจ้าคะ แค่หลอมทั้งตัวกลอนออกไปทั้งหมด ฉันก็เปิดประตูออกมาได้แล้วเจ้าค่ะ!”
“กาวตัวนั้นเป็นสินค้าที่หาซื้อได้โดยไม่ได้มีองค์ประกอบไหนถูกสร้างจากเวทมนตร์สายพิษเลยนะ เธอไม่ควรจะแทรกแซงสิ่งที่เธอไม่ได้สร้างขึ้นเองได้ไม่ใช่เหรอคะ?”
“ด้วยความรักที่ฉันให้กับคุณหนูยังไงล่ะเจ้าคะ! ที่ช่วยผลักดันให้ฉันพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งจนสำเร็จได้!”
“พอกันที สุดจะทนกับยัยลามกคนนี้แล้วค่ะ”
ความรักที่มีให้ท่านโนอะเหรอ―――ไม่สิ เลิกใช้คำสวยหรูพรรค์นั้นไปซะดีกว่า
นี่เพราะแรงผลักดันทางเพศที่มาต่อท่านโนอะ เลยทำให้ยัยนี่พัฒนาเวทมนตร์สายพิษของตัวเองขึ้นไปอีกขั้นได้ยังงั้นเหรอเนี่ย
มันน่าหงุดหงิดจริงๆ เลยนะที่อัจฉริยภาพของยัยนี่มันชอบผุดขึ้นมาจากความลามกหลายต่อหลายครั้งแบบนี้น่ะ
“เพราะแบบนั้น ฉันจึงมาที่นี่ยังไงล่ะเจ้าคะ! อีกทั้งยังเตรียมใจมาพร้อมอยู่แล้วว่าจะต้องถูกดุด่าว่ากล่าวอย่างแน่นอน!”
“เพื่อจะมา จัดการกับคู่หมั้นน่ะเหรอ?”
“ใช่เลยเจ้าค่ะ ใช่เลย ฉันมาที่นี่เพื่อจะจัดการยัยคุณหนูตระกูลวาเลนไทน์ที่บังอาจคิดจะมาเอาคุณหนูไปจากฉัน-… ไม่ใช่ซักหน่อย! ฉันไม่ทำอะไรเลยเถิดแบบนั้นอยู่แล้วเจ้าค่ะ!”
((((คิดจะทำแบบนั้นจริงๆ แน่…))))
ในตอนนั้น ในใจพวกเราทั้ง 4 คนเห็นพ้องต้องกันเป็นหนึ่งเดียวเลย
“ก่อนอื่นเลย ขออธิบายให้ชัดเจนก่อนแล้วกันนะ เราต้องลงกันจะหมั้นหมายเป็นการชั่วคราว แต่เราไม่ได้จะแต่งงานกันนะ เข้าใจมั้ย?”
“อาระ เป็นแบบนั้นเองหรอกเหรอเจ้าคะ? งั้นก็ไม่มีปัญหาเจ้าค่ะ!”
ได้ยินแบบนั้น สีหน้าของโอโตฮะก็ดูพออกพอใจน่าดูเลย
แค่ได้ยินว่าท่านโนอะไม่ได้กำลังจะแต่งงาน เธอก็เหมือนจะพอใจแล้วนะ ไม่แม้แต่จะถามรายละเอียดอะไรเพิ่มเติมเลยด้วยซ้ำ
“ที่สำคัญกว่านั้นนะโอโตฮะ เธอเข้ามาถึงที่นี่ได้ยังไง? ทุกที่ก็ต้องลงกุญแจเอาไว้ไม่ใช่เหรอ?”
“แน่นอนว่าฉันฝ่ามาด้วยการใช้กรดกัดกร่อนทุกอย่างทิ้งมาไงล่ะเจ้าคะ”
“แล้วพวกทหารคุ้มกัน”
“ตอนนี้หลับไปเพราะแก๊สยาสลบเรียบร้อยเจ้าค่ะ!”
ท่านโนอะเหนื่อยใจหนักถึงขั้นเอามือกุมหัวเลย
ได้เห็นท่านโนอะกลุ้มหนักถึงกับมือกุมขมับขนาดนี้เนี่ย ไม่ใช่ภาพที่จะได้เห็นบ่อยๆ เลยนะ
“…ลุคเซีย ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะ ฉันน่าจะเตือนเธอเอาไว้ก่อน”
“ม- ไม่หรอกค่ะ ก็ไม่ใช่ว่าฉัน-”
“โอโตฮะ”
“เจ้าค่ะ!”
“มาตรงนี้เดี๋ยวนึงสิ”
“เจ้าค่ะ!”
ยัยเด็กสาวตัวปัญหาตอบรับอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ เดินเข้าไปหาท่านโนอะอย่างว่าง่ายจนเหมือนกับว่าฉันมองเห็นภาพของหูกับหางของเจ้าหมาแสนเชื่องโผล่ออกมาให้เห็นยังไงยังงั้นเลย
“โอโตฮะ? ในตอนที่พวกเรากำลังพยายามสานสัมพันธ์อันดีกันอยู่ เธอทำอะไรลงไปยังงั้นเหรอ?”
“ฮึก!?”
ดูเหมือนในที่สุดเธอก็จะรู้สึกตัวซักทีว่าท่านโนอะกำลังโกรธมาก แต่มันก็สายเกินไปแล้วล่ะ
“สแต”
“อ- อะไรเหรอ?”
“ทำให้นังหมาไม่รักดีตัวนี้พูดอะไรไม่ได้นอกจาก ‘โฮ่ง’ ซะ ทำให้แน่ใจว่ายัยนี้จะเดิน 2 ขาไม่ได้ซะด้วยล่ะ”
“ได้”
“ค- คุณหนูเจ้าค่า!? แบบนั้นไม่เกินไปหน่อยเหรอเจ้าคะ!? เปลี่ยนเป็นสุนัขเลยนะเจ้าคะ!?”
“ใช่ ฉันจะฝึกจนกว่าเจ้าหมาบ้าเลี้ยงไม่เชื่องนี่ให้กลายเป็นหมาที่เชื่องและว่าง่าย ที่เมื่อสั่งว่าให้ ‘คอย’ ก็คอยได้ตามที่สั่งแน่นอน เตรียมใจเอาไว้ซะ”
“เอ๊ะ? เดี๋ยว เอาจริงเหรอเจ้าคะ!? สแต แบบนั้นมันมากเกินไปน้าาาาาาาาาาาา――――――!?”
โอโตฮะต้องอยู่ในสภาพแสนอดสูอยู่ 3 วันเต็มๆ กว่าที่เธอจะได้รับการยกโทษให้
TN: ตอนแรกก็มาทรงดีๆ แล้วนะ มาตอนท้ายนี่ 555
ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r