บทที่144 คฤหาสน์หยุนติ่งงานได้สำเร็จลุล่วงลง
“พี่ยวี่ เป็นพวกเขาที่มาทุบน้องชายผม!”
เวลานี้ซูเจี๋ยพูดอย่างยากลำบาก
ป๊าบ!
จากนั้นสิ่งที่ตอบเขามามีเพียงเสียงตบของเจิ้งยวี่ดังมาทีหนึ่ง
“ซูเจี๋ย ฉันว่านายไปกินหัวใจหมีตับเสือมารึไง ถึงได้กล้ามาก่อเรื่องที่นี่ แถมยังหาเรื่องกับเฉิน……คุณชายหลี่อีก!”
ซูเจี๋ยโดนตบหน้ามาทีหนึ่ง
ขณะเดียวกันแม้เขาจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็หุบปากลงอย่างเชื่อฟัง
เขาไม่ใช่คนโง่ วันนี้คนที่ชื่อคุณชายหลี่คนนี้ เห็นได้ชัดมากว่ามีที่มาที่ไป และไม่ใช่พวกคนจนแบบที่หลินเจียวพูด
ถ้าไม่อย่างนั้นปกติเจิ้งยวี่ที่โอหังเช่นนี้ จะไว้หน้าหลี่ปินมากขนาดนี้ได้อย่างไร
เวลานี้จึงได้แต่ก้มหน้าลง
“ตายแล้ว เหตุการณ์นี้ช่างโหดมากจริงๆ เลย!”
หลินเยว่ที่มากับฉินเฟยก็รู้สึกตกใจมากเช่นกัน
โดยเฉพาะท่วงท่าของสาวแกร่งอย่างเจิ้งยวี่ ทำให้หลินเยว่อิจฉาอย่างยิ่ง รอเมื่อไรตนเองสามารถรู้จักคุณชายเฉินผู้ยิ่งใหญ่แบบนี้ได้บ้างคงจะดี จากนั้นเห็นลูกคนรวยคนไหนไม่เข้าตา ก็ขึ้นไปตบสักที ฮ่าๆๆ
“ถ้ารู้จักเอาตัวรอดก็รีบไสหัวไป ซูเจี๋ย นายยื่นอยู่แบบนี้ ไม่อย่างนั้นวันนี้คงเดินออกไม่ได้แน่”
เจิ้งยวี่กอดหน้าอกพูดอย่างเย็นชา
ซูเจี๋ยหนาวสั่นไปทั้งตัว
ตอนนี้อยากขอโทษกับหลี่ปินแล้วรีบไสหัวออกไป
“เดี๋ยวก่อน!”
จากนั้นก็ได้ยินหลินเจียวตะโกนเสียงดัง
“พี่ยวี่ รอก่อนสักนิด ถึงแม้ก่อนหน้านี้พวกเราจะเคยขัดแย้งกัน ก็ขอให้คุณฟังฉันพูดให้จบ หลังจากพูดจบ การที่คุณช่วยคนบางคนวันนี้ อาจจะเสียใจทีหลัง!”
หลินเจียวกอดหน้าอกไว้ เวลานี้มองทางเฉินเกออย่างเย็นชา
ราวกับมั่นใจว่าจะมองเห็นภาพที่อีกสักพักเฉินเกอจะโดนเจิ้งยวี่สับให้แหลกเป็นชิ้นๆ
“หึๆ เป็นเธอเองเหรอยัยขี้ฟ้อง เธอมีเรื่องอะไรจะพูด? ดีที่สุดเอาที่มีประโยชน์กับฉัน ไม่อย่างนั้นแค้นเก่าของพวกเราคงต้องเอามาคิดรวมกับบัญชีใหม่เลย!”
พอเจิ้งยวี่มองเห็นหลินเจียว ก็นึกถึงตอนนั้นที่ตนเองไปส่งเฉินเกอกลับมหาวิทยาลัย จนถูกผู้หญิงคนนี้ปรักปรำว่าเลี้ยงเด็ก ทำให้คุณชายเฉินสุดจะรับได้มาครั้งหนึ่ง
“ได้พี่ยวี่ ฉันอธิบายไปตามตรงเลยแล้วกัน คนที่ชื่อเฉินเกอคนนั้นเนรคุณต่อความไว้วางใจของคุณ เขามีแฟนอยู่ในมหาวิทยาลัยของพวกเรา แถมแฟนยังเป็นคนในสาขาของพวกเราด้วย!”
นี่คือไพ่ใบใหญ่ที่สุดของหลินเจียว
พูดจบยังชี้ไปทางเฉินเกอแล้วพูดว่า “นายเป็นผู้ชายก็บอกพี่ยวี่ไปซะ ที่ฉันพูดมาถูกหรือไม่!”
เฉินเกอพยักหน้าตอบ “ใช่ แฟนของผมชื่อซูมู่หาน เป็นคนในสาขาของพวกเรา หึๆ หลายวันก่อนพึ่งเป็นแฟนกันเอง”
“ฮ่าๆๆ พี่ยวี่ คุณได้ยินแล้วรึยัง? เขายอมรับแล้ว เขาพูดเอง……”
หลินเจียวหัวเราะเสียงดังขึ้นมา จากนั้นรอยยิ้มของหล่อนค่อยๆ หดหายไป
ตอนแรกหล่อนยังคิดว่าจะเห็นความโกรธเคืองแบบนั้นบนหน้าเจิ้งยวี่ โมโหจนสุก แม้กระทั่งเต็มไปด้วยอารมณ์อาฆาต
โดยเฉพาะโดนผู้ชายมาหลอกเล่น ผู้หญิงด้วยกัน ใครเลยจะไม่เข้าใจอารมณ์เดือดดาลอยากฆ่าคนแบบนั้นของผู้หญิงล่ะ
ทว่าสิ่งที่หลินเจียวเห็นบนหน้าเจิ้งยวี่เป็นเพียงเจิ้งยวี่ที่มองทางตนเองด้วยความรำคาญและโกรธเคือง
“นี่เป็นเรื่องที่เธออยากจะบอกกับฉันเหรอ? หึๆ ลูกน้องคนหนึ่งของคุณชายหลี่หาเมียเท่านั้น เธอเอาพวกนี้มาบอกฉันทำไม? เธอคงไม่คิดจริงๆ ว่าลูกน้องที่นามสกุลเฉินคนนี้เป็นเด็กเลี้ยงของฉันหรอกมั้ง?”
เจิ้งยวี่หัวเราะเยาะ
“หา? ไม่ใช่เหรอ?” หลินเจียวตกใจ
“ป๊าบ!”
“ยัยขี้ฟ้อง ครั้งที่แล้วก็มาปรักปรำฉัน ตอนนี้ยังกล้าพูดจาบ้าคลั่ง”
เจิ้งยวี่ตบปากขึ้นไปแล้วทีหนึ่ง
ตบหลินเจียวจนโง่ไปหมด
ที่แท้เป็นตัวเองที่คาดเดาผิดแล้ว
“ยังไม่รีบไสหัวไปให้พ้นอีก!”
เจิ้งยวี่ด่าด้วยความโมโห
“อ่อๆ ไสหัวไปแล้ว!”
หลินเจียวถูกตบจนน้ำตาไหล ตอนนี้จับหน้าไว้อยากออกไป
“เดี๋ยวก่อน”
เป็นหลินเยว่ที่เดินออกมาแล้ว
“ทำไม?” หลินเจียวถาม
“ป๊าบ!”
หลินเยว่รวบรวมความกล้าตบไปที่หน้าของหลินเจียวทีหนึ่ง
เมื่อสักครู่ใครให้หลินเจียวคนนี้มาเหลิงขนาดนั้น มาเหยียดหยามพวกหล่อนขนาดนั้น
ตอนนี้ล่ะ แม้แต่เจิ้งยวี่ ผู้หญิงอันดับหนึ่งยังเคารพต่อคุณชายหลี่ งั้นหล่อนหลินเยว่ในฐานะเพื่อนสนิทของฉินเฟย ยังจะกลัวอะไรล่ะ!
นี่เป็นการตบหน้าคนอื่นเป็นครั้งแรกของหลินเยว่ เห็นหลินเจียวโดนตบจนมึนงงก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก ช่างสบายใจจริงๆ
เฉินเกอเพียงแค่หัวเราะ มองดูอยู่ด้านข้าง
วันนี้หลินเจียวคนนี้ขายหน้าจนถึงบ้านยายเลย ฮ่าๆ
หลังจากไล่ซูเจี๋ยพวกหลินเจียวไปแล้ว อารมณ์ผิดหวังบนหน้าของเจิ้งยวี่ถึงเผยออกมา ตอนที่เสิร์ฟอาหารไปให้พวกเฉินเกอ เกือบจะทำอาหารหกอยู่หลายครั้ง
เฮ้อ!
เมื่อสักครู่ที่เจิ้งยวี่แสดงนั้น ตอนที่ได้ยินเฉินเกอยอมรับจากปากว่ามีแฟนแล้ว
ในความเป็นจริงหัวใจของเจิ้งยวี่ถูกบีบอย่างแรงไปแล้ว
แต่ด้วยประสบการณ์มืออาชีพเป็นเวลานาน ทำให้หล่อนซ่อนตนเองไว้ได้ดีมาก
ขั้นตอนการทานข้าวย่อมไม่มีอะไร หลังทานข้าวเสร็จ ส่วนสถานที่ต่อไปที่ไปเที่ยวเล่นและพักค้างในคืนนี้ เฉินเกอเป็นคนสั่งจัดเตรียมให้หลี่ปินล่วงหน้า
มาตรฐานจัดอยู่ในประเภทค่อนข้างสูงและไม่ได้ห่างไกลเกินไปด้วย
“คุณชายหลี่ แฟนผมโทรศัพท์มาหาผมตลอดเลย” เวลานี้หยางฮุยพูดกับหลี่ปิน
พวกเขากำลังเตรียมไปภัตตาคารแบบบูไวด์เอากระเป๋าเดินทางอะไรสักหน่อย
“ได้ เหล่าหยางนายกลับไปก่อนเถอะ!”
หลี่ปินพูดไป
หยางฮุยจึงเรียกรถออกไปแล้ว
“คุณชายหลี่ๆ ให้คนคนนี้ไปด้วยสิ พาเขาไปด้วยคงขายขี้หน้า”
เวลานี้ หลินเยว่กลับมองเฉินเกอด้วยหน้าตาเบื่อหน่าย
เมื่อสักครู่ตอนที่ทานข้าว หลินเยว่เอาวีแชทของพี่เจิ้งยวี่ที่เห็นว่าเป็นไอดอลมาได้แล้ว คิดว่าต่อไปตนเองได้รู้จักผู้หญิงแกร่งแห่งจินหลิงแล้ว ต้องระวังภาพลักษณ์ของตนเองสักหน่อย
อะไรนะ?
เฉินเกอมึนงง
คนคนนี้ คือชี้มาทางตัวเอง
คาดไม่ถึงว่าตนเองในวันนี้เป็นเหมือนคนใช้ รับใช้พวกเธอสามสาวมาวันหนึ่ง ผลสุดท้ายได้รับความรังเกียจกลับมา?
“อ่า? เขาไปไม่ได้”
พอหลี่ปินฟังคำพูดนี้ก็ลนลานอยู่บ้าง
ถึงแม้จะไม่รู้ชัดเจนว่าสรุปแล้วเหล่าเฉินมีเบื้องหลังอะไร แต่หัวใจหลักของหลี่ปินตอนนี้ก็คือเฉินเกอ
“ทำไมกันคุณชายหลี่ ยังต้องให้เขาตามอยู่เหรอ?”
หลินเยว่พูดอย่างวิงวอน
“เฮ้อ ก็ได้คุณชายหลี่ คุณไม่ต้องลำบากใจ กิจกรรมต่อไปของพวกคุณ ผมจัดการให้เรียบร้อยตามที่คุณสั่งมาแล้ว คุณไปได้เลยทันที ผมออกไปก่อนนะ”
พูดแล้วเฉินเกอก็กะพริบตาส่งสัญญาณให้หลี่ปินแสดงต่อไป
หลี่ปินได้แต่พยักหน้าอย่างจำใจ
เฉินเกอกำลังจะออกไปพอดี เที่ยวมาทั้งวัน ยังเหนื่อยพอสมควร หยางฮุยก็ไปหาสวีเสีย คาดว่าเป็นเพราะหลินเจียวคุยอะไรกันในกลุ่มหอพักของพวกหล่อน ถึงทำให้สวีเสียรีบเรียกหยางฮุยไปถามสถานการณ์อย่างเร่งด่วน
สำหรับตนเองล่ะ ซูมู่หานก็ออกไปฝึก พอไม่มีอะไรทำ จึงได้แต่เตรียมกลับหอพักนอน
เวลานี้มือถือของเฉินเกอดังขึ้นมากะทันหัน
พอมองก็เห็นว่าเป็นจ้าวจื่อซิ่งโทรมา
“คุณชายเฉิน บ้านตกแต่งเสร็จทั้งหมดแล้ว และทำตามคำสั่งของคุณ สร้างโรงรถที่ตีนเขาเพื่อคุณโดยเฉพาะ งานทางสายเคเบิลบนเขาก็เสร็จลุล่วงแล้ว คุณคิดว่าคุณจะย้ายเข้ามาเมื่อไรครับ?”
“ประธานจ้าว รบกวนคุณแล้วจริงๆ คิดไม่ถึงว่าแค่เจ็ดวัน แม้แต่โรงรถก็สร้างเสร็จแล้ว สำหรับเรื่องย้ายบ้านนั้น ฉันเลือกวันได้แล้ว อีกสามวันเถอะ ส่วนกุญแจบ้าน คุณเก็บไว้ก่อน อีกสามวันตอนย้ายบ้าน คุณให้คนเข้าไปช่วยเตรียมให้ผมล่วงหน้าก่อนหน่อยแล้วกัน”
ตอนที่เฉินเกอขึ้นเขาไปเป็นเพื่อนหลินยียี เห็นว่าตกแต่งไปได้พอสมควร จึงมอบให้ถังหรานอีกสามวันจะย้ายบ้านแล้ว
“ได้ครับคุณชายเฉิน วางใจได้ จะทำให้คุณพอใจแน่นอน”
หลังจากวางสายโทรศัพท์ เฉินเกอคิดอยู่ว่าตอนนี้ในเมื่อโรงรถสร้างเสร็จแล้ว แลมโบกินีของตนเองไม่จำเป็นต้องจอดไว้ที่สวนสาธารณะเล็กๆ อีกตลอดไป เอารถไปจอดในโรงรถที่ตีนเขาของตนเองก่อนเถอะ
พอเก็บมือถือ เฉินเกอเตรียมเรียกรถ ออกไปจากถนนการค้าจินหลิง
“คนขับ รีบตามรถคันข้างหน้านั้นให้ฉันด้วย”
ส่วนที่ตามหลังมานั้น มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งเข้ามาในรถแท็กซี่ ดวงตาจ้องเฉินเกอไม่ขยับมาตลอด……