บทที่ 122 วันนี้มาเพื่อจ่ายเงิน
เฉินหลินหึงเขา
ตอนนั้นหล่อนอารมณ์ไม่ดี เมื่อเห็นเฉินเกอเดินเข้ามา จึงรู้สึกรำคาญใจ
โดยปกติหล่อนยังยับยั้งชั่งใจตัวเองได้ แต่ตอนนี้ เฉินหลินกลับตะคอกใส่เขาเต็มๆ
และยังพูดจาหยาบคายมากมายต่อหน้าทุกคน
ทุกคนต่างพากันพูดปลอบ เฉินหลินจึงค่อยๆใจเย็นลง
ตอนนี้สิ่งที่เฉินเกอคิดอยากจะทำมากที่สุด คือยกมือของตัวเองขึ้นมาตบหน้าเฉินหลินแรงๆสักหนึ่งที
ทั้งดูถูกถางถางเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
ตอนนี้กลับมาเหวี่ยงใส่เขาอีก หยามกันมากเกินไปแล้ว!
“พอแล้วเฉินหลิน เธอจะไปหาเรื่องอะไรเขามากมาย เขาอยากกินก็ให้กินสิ เธอต้องคิดดูดีๆนะ ต่อไปเธอจะเป็นครูแล้ว เป็นข้าราชการนะ!”
ทันใดนั้นติงห้าวหัวเราะพร้อมพูดขึ้น
เมื่อเห็นว่าติงห้าวมาพูดปลอบตัวเอง เฉินหลินจึงใจเย็นลง
“หึ ไอ้หมอนี่ เห็นหน้าแล้วรำคาญใจ ยังไงติงห้าวก็ดีกับฉันตลอด แม้ว่าเมื่อก่อนติงห้าวจะยากจน แต่ตอนนี้กลับพลิกชีวิตเป็นเศรษฐีแล้ว(ติงห้าวพลิกชีวิตเป็นเศรษฐีเพราะว่าบ้านเขาถูกฝ่ายรัฐบาลรื้อออก จึงได้เงินชดเชยจำนวนมาก) นายจะคิดว่าของใหม่ดีกว่าของเก่าไหม จะลืมเพื่อนอย่างฉันรึเปล่า?”
เฉินหลินขยับไปนั่งพิงติงห้าว
“ไม่มีทาง ไม่ว่าวันหลังจะเป็นยังไง เฉินหลินคือเพื่อนสนิทของฉันเสมอ!”
ติงห้าวยิ้มเสียงดัง
คำพูดนี้ทำให้หลี่ชือหานที่นั่งอยู่ด้านข้างรู้สึกอึดอัดใจขึ้นมา
อันที่จริงทุกคนที่นั่งอยู่ตรังนั้นมองออกเหมือนกันหมด บรรยากาศในค่ำคืนนี้ช่างผิดปกติ ราวกับว่าเฉินหลินกำลังเปิดศึกสงครามกับหลี่ชือหานอยู่ตลอด
ทั้งสองล้อมติงห้าวไว้ จากนั้นยื้อแย่งเขากันต่อหน้าและลับหลัง
ใช่สิ บ้านเกิดของติงห้าวจะพัฒนาทางเศรษฐกิจ เพราะบ้านเขาถูกรื้อออก ฝ่ายรัฐบาลต้องแบ่งบ้านหลายหลังให้เขา หรือว่าคงได้เงินชดเชยหลายล้านหยวน ต่อไปก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความเป็นอยู่อีกแล้ว
ไม่น่าแปลกใจว่าสาวสวยทั้งสองกำลังแย่งเขาอยู่
“เฉินเกอ มาทำตรงนี้ ฉันย่างเสร็จแล้ว!”
ซูเฉียงเวยเห็นว่าเฉินเกอกำหมัดแน่น เสมือนพร้อมจะเหวี่ยงความโกรธใส่ตลอดเวลา หล่อนจึงดึงเขามาอยู่ด้านข้าง
และเป็นเพราะซูเฉียงเวยห้ามปรามเขาไว้ก่อน
เฉินเกอจึงไม่ทำอะไร
เหอะๆ ดูถูกก็ดูถูกไปสิ รอให้ถึงวันที่เขาเปิดเผยตัวตนได้ก่อน ไม่รู้ว่าวันนั้นเฉินหลินกับหลี่ชือหานจะรู้สึกยังไง?
จะรู้สึกเสียใจกับการกระทำในวันนี้รึเปล่า?
เขาหัวเราะด้วยความขมขื่นใจ
เฉินเกอไม่สนใจอะไรพวกเขา กลับเดินออกไปชมวิวข้างแม่น้ำกับซูเฉียงเวย
ค่ำคืนนี้ ติงห้าวเป็นคนจัดเตรียมให้ทุกคนเช็คอินโรงแรมที่นี่
เฉินเกอเห็นว่าฟ้ามืดแล้ว และสังเกตเห็นว่าซูเฉียงเวยอยากพักที่นี่ คงเป็นเพราะหล่อนหวนคิดถึงช่วงเวลาที่ได้อยู่กับพ่อเลี้ยงและแม่เลี้ยง
หลังจากที่พวกเฉินหลินเข้าไปพักผ่อน
เฉินเกอจึงไปจัดการเรื่องห้องพัก แยกห้องระหว่างเขากับซูเฉียงเวย
สรุปแล้ว ทั้งวันที่ผ่านมานี้ นอกจากเรื่องของเฉินหลิน เฉินเกอรู้สึกผ่อนคลายมาก
คิดอยากจะให้ภูเขาใหญ่ลูกนี้สร้างเสร็จไวๆ ต่อไปเขาจะได้ไปพักอยู่บนภูเขานั่นได้!
ค่ำคืนอันเงียบสงัด
เช้าวันรุ่งขึ้น เฉินเกอรีบขับรถพาซูเฉียงเวยลงเขาตั้งแต่เช้ามืด เป็นเพราะเขากลัวจะเจอพวกเฉินหลิน และจะทำให้เขาอยากลงไม้ลงมือใส่พวกนั้น
เมื่อขับถึงที่แห่งหนึ่ง จู่ๆเฉินเกอก็เบรกรถกะทันหัน
จากนั้นยิ้มและพูดขึ้น
“ยังมีเวลาอีกสักพักก่อนที่เธอจะไปทำงานและฉันต้องไปเรียน ฉันพาเธอไปทานข้าวที่ร้านอาหารมิชลินดีกว่า!”
เฉินเกอชี้ไปที่ร้านอาหารมิชลินริมถนน
“ห้ะ? เฉินเกอ ฉันเคยได้ยินเพื่อนที่ทำงานบอกว่า อาหารมิชลินแพงมากๆ มีแต่พวกคนรวยอย่างนายไปทานที่นั่น ฉันไม่เข้าไปดีกว่า!”
ซูเฉียงเวยก้มหน้าลง ส่ายหน้า
เฉินเกอหัวเราะ : “สบายใจได้ ต่อไปอยากมาทานทุกวันก็ไม่ใช่ปัญหา!”
ตั้งแต่มีเงินร่ำรวย เฉินเกอพูดจามั่นใจกว่าเมื่อก่อนเยอะขึ้นมาก
นี่คือเรื่องจริง อาหารมิชลินราคาแพงมาก แต่หากจะทานทุกวันจะเป็นปัญหาอะไรล่ะ?
เฉินเกอกดจองโต๊ะผ่านเว็บไซต์ทันที
สุดท้าย ซูเฉียงเวยจึงถูกเฉินเกอพาเข้าไปในร้านมิชลิน
“สวัสดีค่ะคุณผู้ชาย ไม่ทราบว่ามากี่ท่านคะ?”
หลังจากเข้าไปในร้าน พนักงานหญิงคนหนึ่งเข้ามาต้อนรับและยิ้มทักทาย
“สองท่านครับ จองไว้แล้วครับ!”
เฉินเกอพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึม
พนักงานหญิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะเมื่อมองดูแล้ว สองคนนี้คงไม่มีสตางค์มากพอที่จะทานอาหารในร้านมิชลินได้
แต่ด้วยจริยธรรมในหน้าที่การงาน ทำให้หล่อนต้องก้มลงพยักหน้าอย่างมีมารยาท
เมื่อกำลังจะถามว่าเฉินเกอจองที่นั่งไว้ตรงไหน
ทันใดนั้น มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามา
เมื่อเห็นเฉินเกอ หญิงสาวผู้นั้นทำสีหน้าตื่นตกใจทันที “เฉินเกอ นี่นายเหรอ? มาทานข้าวที่ร้านมิชลินเนี่ยนะ?”
“หืม? หวังเสี่ยวถี?”
เมื่อเฉินเกอเห็นหวังเสี่ยวถีที่แต่งตัวสวยงาม ใส่ชุดกระโปรงสั้นสีดำแนบเนื้อ เขาจึงรู้สึกตกใจไม่น้อย
เฉินเกอยังคงจำได้ดี เมื่องานเลี้ยงฉลองของหานเฟยเอ๋อ หญิงสาวผู้บ้าคลั่งคนนี้ก่อเรื่องสาดน้ำใส่เขา เพียงเพราะเขาไปโดนมือถือของหล่อน
ตอนนั้นเขาโมโหมาก คิดอยากจะแก้แค้นหวังเสี่ยวถีสุดท้ายผู้หญิงบ้าคลั่งคนนี้กลับหนีออกไปเร็วกว่ากระต่าย ตอนที่เขาออกไป หล่อนก็หายวับไปแล้ว
จนทำให้เฉินเกอโกรธแค้นอยู่หลายวัน
คิดไม่ถึงเลยว่าเช้าตรู่วันนี้ จะเจอหล่อนที่ร้านมิชลิน
“หึ นายอย่ามาเรียกฉันว่าหวังเสี่ยวถี ชื่อในวงการของฉันเป็นชื่อที่นายเรียกได้งั้นเหรอ? คิดไม่ถึงเลยนะ คนตกต่ำอย่างเฉินเกอจะกล้ามาในที่แบบนี้ นั่นๆๆ! ยังมีแฟนแล้วอีกด้วย?”
เมื่อหวังลี่น่าหันไปเห็นหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านข้างเฉินเกอ จึงพูดเหยียดเขาทันที
“หวังลี่น่า เธอรู้จักสองคนนี้ด้วยเหรอ?”
ด้านข้างของหวังลี่น่ายังมีหนุ่มรูปหล่อตัวสูงยืนอยู่ด้วย เขาใช้สายตาอันเยือกเย็นมองไปคนทั้งสองที่อยู่ตรงหน้า
“แน่นอนว่าต้องรู้จัก เด็กยากจนที่อยู่ห้องเดียวกับหานเฟยเอ๋อไงล่ะ คุณชายลี่นายบอกว่ามิชลินเป็นร้านอาหารที่แพงที่สุดในจินหลงแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมสองคนนี้ถึงเข้ามาทานได้ล่ะ? ดูรูปลักษณ์การแต่งตัวของพวกเขาสิ!”
หวังเสี่ยวถีทนไม่ได้จนเขย่าแขนของคุณชายลี่
หล่อนมามิชลิน เดิมทีกำลังทานอาหารอย่างมีความสุข เพราะที่นี่ทั้งหรูหราและมีระดับ
ผู้หญิงไงล่ะ ฟุ้งเฟ้อเป็นธรรมดา
โดยเฉพาะตอนนี้ หวังเสี่ยวถีกับคุณชายลี่เลือกที่นั่งตรงริมหน้าต่าง คนแถวนั้นเดินไปมา สามารถมองเห็นได้ชัดเจน
สายตาที่คนพวกนั้นมองเข้ามา ทำให้หวังเสี่ยวถีรู้สึกดีเหลือเกิน
จริงสิ เมื่อพูดถึงคุณชายลี่ ขอแนะนำชายผู้นี้สักเล็กน้อย
คุณชายลี่ผู้นี้เป็นนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยเจียงหนาน และเป็นทายาทเศรษฐีเช่นกัน หลงรักหวังเสี่ยวถีจากการดูไลฟ์สดของหล่อน คืนนั้นจึงให้รางวัลหล่อนสองหมื่นเหรียญ ตอนนี้หวังเสี่ยวถีจึงเริ่มตกหลุมรักชายผู้นี้แล้ว!
ตอนแรก ทั้งสองกำลังนั่งทานข้าวกันอย่างมีความสุข
แต่กลับคาดไม่ถึงว่าขณะเดินกลับมาจากห้องน้ำ กลับเจอเฉินเกอไอ้ขี้แพ้คนนี้
ดูไร้ค่าเกินไปแล้ว!
“เอ่อๆ เธออย่าเพิ่งใจร้อนสิเสี่ยวถีเหมือนที่เธอพูดไง สองคนนี้อาจจะมาทำงานที่ร้านนี้ก็ได้ จะมาทานข้าวได้ยังไงกันล่ะ?”
คุณชายลี่รีบพูดปลอบหล่อน
“หึ ฉันไม่สน ไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่อยากเห็นเขา เช้าๆแบบนี้ ซวยจริงเลย! เธอน่ะ ไปบอกผู้จัดการร้านเดี๋ยวนี้เลยนะ ถ้าจะหาพนักงาน ก็ต้องใช้คนมีระดับหน่อย ไม่เช่นนั้นคนรวยอย่างพวกฉัน จะมาทานอาหารที่นี่ได้อย่างไรกัน?”
หวังเสี่ยวถีโวยวายพลาง หันไปพูดด้วยเสียงเยือกเย็นกับพนักงานหญิงที่ยืนอยู่ด้านข้างเฉินเกอพลาง
“ห้ะ? ด้วยความเคารพค่ะคุณผู้หญิง พวกเขาไม่ใช่พนักงานที่ร้านค่ะ! น่าจะเป็นแขกที่จะเข้ามาทานอาหารที่ร้านค่ะ”
พนักงานหญิงพูดติดๆขัดๆตอบหวังเสี่ยวถี เพราะตั้งแต่ตอนแรกที่ดูถูกเฉินเกอ หล่อนจึงไม่ทันได้ระวังน้ำเสียง
“ให้ตายสิ ไม่ใช่พนักงาน?”
หวังเสี่ยวถีตกใจตะลึง
แต่เฉินเกอรู้สึกเริ่มทนไม่ไหว
ใช้สายตาอันเยือกเย็นมองพนักงานหญิง : “คุณพูดจบแล้วยัง! โต๊ะที่ผมจองไว้ล่ะ? พาผมไปเดี๋ยวนี้ วันนี้ผมตั้งใจมาชิมอาหารของร้านคุณ!”