บทที่109 การสังเกตของซูมู่หาน
“คุณชาย ไม่ได้จริง ๆ แขกด้านในได้ทำการเสิร์ฟอาหารไปแล้ว!”
“ให้ตายเถอะ ยังไม่ได้อีกใช่ไหม รู้หรือไม่ว่าคราวนี้เจ้าของคือใคร?สามนาที สามนาทีถ้าเรื่องนี้คุณจัดการไม่ได้ เชื่อหรือไม่ว่าให้ผู้จัดการของพวกคุณออกมาจัดการแทน?”
ชายคนนั้นพูดอย่างหยิ่งผยอง
“โอเค ฉันจะพยายามลองดู!”
พนักงานเสิร์ฟรีบเข้าไปด้านใน และอธิบายเหตุการณ์
เฉินหลินพวกเธอก็ไม่ยินยอม
เพราะอะไร พวกเราเข้ามาก่อน และนั่งลงทานข้าวแล้ว คำพูดเพียงหนึ่งคำของคุณ ให้เราเปลี่ยนโต๊ะพวกเราก็ต้องเปลี่ยน?
คุณคือใคร!
“ไม่เปลี่ยน บอกให้พวกเขา พวกเราไม่เปลี่ยน!”
เฉินหลินกล่าวด้วยใบหน้าที่เย็นชา และอารมณ์ของเธอก็ขึ้นมาทันที
“อือฮือ ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกัน ใครกัน !น้ำเสียงไม่เบาเลยนิ แม้แต่หน้าของคุณชายโจวเราก็ไม่ให้!”
ประตูของห้องโถงถูกเปิดออกอัตโนมัติ กลุ่มคนพวกนั้นก็เข้ามาโดยตรง
ภาระกำลังนี้ สถานการณ์มีความตึงเครียดเล็กน้อย
ตอนนี้แกนนำของทุกคนคือ มีพี่หม่าเฟยอยู่
บอกตามตรง ว่าลูกคนรวยธรรมดาไม่กลัวเลยสักนิด
เพราะว่า พี่หม่าเฟยตอนนี้เป็นคนของถนนการค้าจินหลิง
ในเวลานี้ ทุกคนต่างมองไปที่หม่าเฟยอย่างมีความหวัง
หม่าเฟยกระแอมในลำคอแล้วลุกขึ้นยืน
“เพื่อนๆทั้งหลาย ที่นั่งนี้เป็นที่ที่พวกเราจองไว้ก่อน เปลี่ยนน่ะเปลี่ยนไม่ได้แน่นอน และไม่มีเหตุผลแบบนี้ด้วย มิฉะนั้นเอางี้ในภายหลัง ฉันจะเลี้ยงคุณ เชิญทุกคนไปทานข้าวที่ห้องครัวของถนนการค้าจินหลิงมื้อหนึ่ง?”
หม่าเฟยยิ้มอย่างใจเย็น
เนื้อหาของคำพูดนี้มีความหลากหลายมาก เขาไม่เพียงแต่แสดงจุดยืน ยังอธิบายถึงความสัมพันธ์ของเขากับถนนการค้าจินหลิงอีกด้วย
“ให้ตายเถอะ! ตอนนี้ใคร ๆก็กล้าแอบอ้างถึงถนนการค้าจินหลิงแล้วเหรอ หรือคิดว่าฉันไม่ใช่คนของจินหลิง ก็ไม่มีเพื่อนที่แข็งแกร่งในถนนการค้าแล้วเหรอ?“
ในขณะนี้เอง มีคนเอามือไว้ในกระเป๋ากางเกงคนหนึ่งเดินออกมาจากประตู และกล่าวพร้อมราวกับว่าจะยิ้มไม่ยิ้ม
“คุณชายโจว? ที่แท้คุณนั้นเอง!”
เมื่อหม่าเฟยเห็นคนคนนี้ เดิมทีสีหน้าของเขาที่ดูแข็งกร้าวเล็กน้อย ก็ประจบสอพลอทันที
และแม้แต่หลี่ชือหานเองก็เหล่ตาเพียงเล็กน้อย
คุณชายโจวที่อยู่ตรงหน้า มีชื่อว่าโจวเจ๋อ เป็นนักเรียนของมหาวิทยาลัยเจียงหนาน เป็นคนที่มีเงินมาก และช่วงนี้ก็เล่นกับพวกคุณชายไป๋เขาอย่างมีความสุขมาก!
เมื่อไม่นานมานี้ คุณชายโจวคนนี้ยังไปร่วมงานปาร์ตี้ล่องเรือโดยเฉพาะ และว่ากันว่ายังได้รู้จักกับเจ้าพ่อใหญ่คนหนึ่ง!
เป็นไปได้อย่างไรว่านี่จะไม่ทำให้ทุกคนตกตะลึง และคุณชายโจวคนนี้ ไม่ใช่คนที่ร่ำรวยธรรมดาคนหนึ่งแน่นอน
“ทำไม คุณรู้จักฉันเหรอ?”
โจวเจ๋อยิ้มจางๆ
“ทำไมจะไม่รู้จักล่ะ ฉันเล่นกับพี่อะคุนนะ และพี่อะคุนเขารู้จักคุณ!”
หม่าเฟยมีท่าทีที่ระมัดระวัง และไม่มีท่าทีที่ซ่าเหมือนเมื่อกี้เลยแม้แต่นิด!
“ให้ตายเถอะ ที่แท้ก็คนของไอ้เสี่ยวคุนคนนั้นนั่นเอง ทำไม ฉันมากินข้าว แม้แต่เปลี่ยนห้องโถงให้แค่นี้ก็ไม่สะดวกเปลี่ยนให้เหรอ?”
โจวเจ๋อยิ้มเยาะอย่างเย็นชา
“กล้าไม่เปลี่ยนที่ไหนล่ะ แต่ว่าคุณชายโจวคุณดู พวกเราเริ่มแล้ว คุณก็ถือว่าให้หน้าฉันสักครั้ง!”
“ให้ตายเถอะ อยู่ต่อหน้าฉันคุณยังมีหน้าอะไรกัน ก็แค่บอกว่าเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยน?”
โจวเจ๋อเริ่มหมดความอดทน
หม่าเฟยกลืนน้ำลายไปทีหนึ่ง
แล้วคนที่เหลือต่างก็กลืนน้ำลายเช่นกัน
คุณชายโจวคนนี้ไม่ใช่คนที่ทุกคนจะรุกรานได้
ตอนนี้ แนวนี้ของหม่าเฟย ใช้ไม่ได้เลยต่อหน้าคนอื่น และเพียงแค่ให้คุณชายไป๋พูดมาคำเดียว หม่าเฟยก็ต้องออกจากถนนการค้าโดยทันที
แม้ว่าหม่าเฟยจะรู้สึกว่าหน้าตัวเองนั้นเจ็บแบบแสบๆร้อนๆ แต่ก็กัดฟันแล้วพูดว่า“เปลี่ยน เปลี่ยนแน่นอน!”
“ไอ๊หยา อาหารเยอะขนาดนี้ จะเปลี่ยนอย่างไรล่ะ?”
เฉินหลินกล่าวอย่างละเอียดอ่อนในเวลานี้
เมื่อกี้เธอยังมีท่าทีราวกับว่าเสือตัวเมียอยู่เลย
คำพูดที่เหมือนกันพูดออกมาอีกครั้งในตอนนี้ กลับกลายเป็นเหมือนกับแกะตัวน้อย
“ให้เฉินเกอช่วยฉันยกอาหารไปที่ห้องโถงอีกห้องหนึ่งเถอะ และเอาพื้นที่หลีกออกมาให้คุณชายโจว!”
นักเรียนหญิงสมัยมัธยมตอนปลายอีกคนหนึ่งพูดขึ้น
“ดี ถ้างั้นก็ทำได้เพียงเท่านี้แล้ว!”
หม่าเฟยพวกเขาพยักหน้า
แต่โจวเจ๋อกลับมีความรู้สึกงุนงงเล็กน้อย
เฉินเกอ?
ในเวลานี้เองเขามองไปยังชายหนุ่มที่นั่งหันหลังให้เขา และนั่งทานอาหารอยู่อย่างเงียบๆ
บอกตามตรง เมื่อกี้ที่โจวเจ๋อเข้ามาก็ได้เหลือบมองไปที่เขา และก็รู้สึกว่าค่อนข้างที่จะคุ้นมากกับแผ่นหลังของเขา
แต่เมื่อถูกคนเรียกขึ้นในตอนนี้ เขาก็มีปฎิกิริยาทันที
ย้ายไปที่ด้านข้างเพื่อดูเฉินเกอ
แทบจะกรี๊ดลั่นออกมา
นี่ไม่ใช่เฉินเกอคุณชายเฉินเหรอ!
“เฉิน……นักเรียนเฉินเกอ ที่แท้คุณอยู่นี่นี่เอง!”
เมื่อนึกถึงคำตักเตือนของไป๋เสี่ยวเฟยสองสามวันก่อน โจวเจ๋อพูดอย่างสั่นๆ
และเพื่อนเลวหลายคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของโจวเจ๋อ ที่เคยเห็นตัวจริงของเฉินเกอ ต่างก็ตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก
ใครจะคิดว่า คุณชายเฉินถึงมาที่นี่ได้ และอยู่ร่วมกับเหล่าคนกลุ่มแบบนี้!
“ฮึ? คุณชายโจว คุณรู้จักคนจนอย่างเฉินเกอ?”
หม่าเฟยพูดขึ้นอย่างตกตะลึงในขณะนี้
ไม่รู้เป็นเพราะอะไร โจวเจ๋อแค่เรียกชื่อของเฉินเกอ หม่าเฟยและผู้ชายอีกหลายคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็พากันอิจฉา เพราะอะไรคุณชายโจวถึงรู้จักเฉินเกอ แต่ไม่รู้จักตนเอง?
เพราะอะไร!
“รู้จักหรือไม่รู้จักเกี่ยวอะไรกับคุณ แม่งเอ๊ยหลีกไปให้พ้น!”
เมื่อโจวเจ๋อได้ยินหม่าเฟยเรียกเฉินเกอเช่นนั้น ก็โกรธขึ้นมาทันที
ด่าจนหน้าของหม่าเฟยช้ำเขียวไปหมด
“นักเรียนโจวเจ๋อ คุณเองเหรอ ครั้งก่อนที่ไปเล่นที่โรงเรียนของคุณก็เจอกันครั้งหนึ่งแล้ว ใช่แล้ว ตั๋วใบนั้นของคุณหาเจอแล้วหรือยัง?”เฉินเกอวางตะเกียบลง และถามขึ้นอย่างจางๆ
เจตนาเปลี่ยนแปลงเรื่องราวที่เกิดขึ้นครั้งก่อน
“อ้อออ หาเจอแล้วหาเจอแล้ว! ขอบคุณเพื่อนนักเรียนเฉินเกอ ขอบคุณเพื่อนนักเรียนเฉินเกอจริง ๆ!”
โจวเจ๋อโค้งงอตรงเก้าสิบองศา ตลก เขาอยู่ต่อหน้าคุณชายไป๋ยังต้องแสดงความเคารพ และตอนนี้นี้ต่อหน้าของเฉินเกอ ยิ่งต้องแสดงความซื้อสัตว์ให้มากกว่านี้
“ขอบคุณเพื่อนนักเรียนเฉินเกอ!”
และเพื่อนเลวหลายคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของโจวเจ๋อ ต่างก็พยักหน้าและโค้งคำนับขอบคุณตาม
ถือว่าทักทาย
“ไม่ต้องเกรงใจ ถ้างั้นคุณชายโจวให้หน้าฉันสักครั้ง ห้องโถงก็ไม่ต้องเปลี่ยนแล้ว?”
“นั่นใช่นั่นใช่!”
โจวเจ๋อไม่รู้ว่าเฉินเกออยู่ที่นี่ทำอะไร แต่ว่าเฉินเกอพูดอะไรตนเองก็ทำตามก็ได้แล้ว จากนั้น หลังจากที่พูดไปหลายคำ ก็รีบพาคนของเขาถอยกลับออกไปทันที!
ห้องโถงทั้งห้องกลับสู่สภาวะโหมดที่เงียบสงบอย่างเมื่อสักครู่ทันที
เพราะว่าในเวลานี้เอง ทุกคนต่างมองไปที่เฉินเกออย่างอ้าปากตาค้าง คนคนนี้ ยังมีความสัมพันธ์แบบนี้ด้วยเหรอ?
นี่เป็นไปได้อย่างไร?
“เฉินเกอ คุณรู้จัก……คุณชายโจวคนนี้ได้อย่างไร?และทำไมเขาถึงขอบคุณคุณแบบนี้?”
ในใจของเฉินหลินรู้สึกอึดอัดมากที่สุด แล้วรีบถามขึ้น
“ออออ ครั้งที่แล้วเขาทำตั๋วรถบัสหาย และฉันก็เก็บให้เขา!”
what?
ทุกคนต่างลืมตาโต
โกหกผีหรือเปล่า?เก็บตั๋วรถบัสขอบคุณคุณแบบนี้?
เฉินเกอก็รู้สึกงุนงงเล็กน้อย และพูดโกหกขึ้นอย่างไร้สาระ ไม่สมกับเหตุผลเลย
“ฉันลืมแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็คงเป็นตั๋วเครื่องบิน?”
“อืมอืม?”
เฉินหลินและหลี่ชือหานต่างก็แปลกใจเล็กน้อย ตั๋วเครื่องบินก็ไม่ต้องขนาดนี้นิ
เฉินเกอเกาหัว และไม่รู้ว่าจะแต่งเรื่องอย่างไรต่อ:“ฉันลืมแล้วจริง ๆว่าเก็บตั๋วของอะไรได้ แต่ว่าเขาก็ซาบซึ้งฉันมาก ฮ่าฮ่า!”
หลังจากโกหกไป เฉินเกอก็กินอิ่มพอประมาณแล้ว
รู้สึกว่าอยู่ต่อไปอีกก็ไม่มาความหมายอะไร
เลยหาข้ออ้างบอกกับพวกเขาว่าตัวเองมีธุระ ต้องจากไปก่อน และจากนั้นก็เดินจากไป
หลังจากที่เฉินเกอจากไปแล้ว คนในห้องโถงต่างก็มองหน้ากัน
เมื่อกี้เฉินเกอไม่ได้พูดความจริงอย่างแน่นอน
แต่ว่าทำไมคุณชายโจวถึงรู้จักเขาล่ะ?
ทำไมคนที่รู้จักไม่ใช่ตัวเอง และถ้าหากว่ารู้จักตนเองแบบนี้ ก็คงจะแบบนั้นแบบนั้นแล้ว!
มีคนที่อิจฉา และก็มีอย่างหลี่ชือหานและเฉินหลิน ที่รู้สึกมันไม่ใช่รสชาติในใจ
พวกเขามีความหวาดกลัวแม้แต่เล็กน้อย เฉินเกอคงไม่ใช่ว่าดวงจะเปลี่ยนไปขนาดนี้หรอกมั้ง ได้ขึ้นรถอย่างคุณชายโจว และหาได้งานดี ๆ ใช่แน่ ต้องเป็นแบบนี้จริง ๆแน่
ถ้าเป็นเช่นนี้ ในใจของหลี่ชือหานและเฉินหลินต้องเสียใจตายในภายหลังมากแน่ ๆ
กลัวฉากนี้จะมาถึงมาก!
เฮ้อ กังวลมาก!
“ฮ่าฮ่า คาดว่าคุณชายโจวไม่เอาอะไรกับเขาหรอก เพราะว่าเรื่องของขอบคุณ แค่ครั้งสองครั้งก็เพียงพอแล้ว ไอ้ยากจนคนนี้ ยังจะสามารถให้คุณชายโจวทำอะไรตอบแทนเขาจริงเหรอ? เป็นไปไม่ได้แน่นอน!”
ราวกับว่าเห็นความกังวลของทุกคน หม่าเฟยกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้ม
ในใจของทุกคนก็รู้สึกโล่งขึ้นเล็กน้อย
เฉินเกอจากไปแล้ว อันที่จริงเมื่อกี้ เฉินเกอสามารถฉีกหน้าของคนกลุ่มนี้ได้อย่างสมบูรณ์!
แต่ว่า คำนึงถึงมิตรภาพเล็ก ๆน้อย ๆที่เคยมีกับหลี่ชือหาน ก็เลยไว้หน้าให้เธอหน่อยดีกว่า และไม่ว่าตอนนี้หลี่ชือหานจะเป็นอย่างไร อย่างน้อยๆเมื่อก่อนเธอก็เคยช่วยเหลือตัวเอง
และครั้งนี้ ถือว่าสองคนได้หายกันแล้ว!
หลังจากสัมผัสท้อง เฉินเกอก็รู้สึกกินได้พอประมาณแล้ว และไม่รู้ว่าซูเฉียงเวยพวกเขาทานข้าวกันหรือยัง เอากลับไปให้พวกเขาสักหน่อยดีกว่า
เฉินเกอวิ่งกลับไปที่ซูเฉียงเวยอีกครั้ง
แม้แต่ในเวลาเจ็ดวันข้างหน้า
เฉินเกอไม่มีอะไรทำก็มักจะชอบไปที่ซูเฉียงเวย เพื่อพูดคุย ดูเด็ก ๆ และการใช้ชีวิตแบบไม่มีอารมณ์ซึมเศร้าแบบนี้ ทำให้เฉินเกอสบายใจมาก
ดีกว่าอยู่โรงเรียนอีก
และความสัมพันธ์ระหว่างเฉินเกอและซูเฉียงเวยยิ่งอยู่ยิ่งใกล้ชิดกันมากขึ้น
และได้เพิ่มวีแชทของซูเฉียงเวย ทั้งสองคนก็คุยติดต่อผ่านวีแชทบ่อย ๆ
จะบอกว่าเฉินเกอตกหลุมรักซูเฉียงเวยหรือเปล่า? เฉินเกอก็ไม่สามารถตอบได้ ชอบผู้หญิงคนนี้ไหมเขาก็ยังคงชอบ
และในช่วงหกเจ็ดวันที่พูดคุยกันบ่อยครั้งกับซูเฉียงเวย บางทีการตอบกลับซูมู่หานก็ล่าช้ามาก
จนกระทั่งในคืนนี้ จู่ ๆซูมู่หานก็ถามขึ้น:
“เฉินเกอ นอกจากฉันแล้ว คุณยังคุยกับผู้หญิงคนอื่นอีกด้วยใช่หรือไม่?”