ชายาเคียงหทัย 349 ท่าทีของตระกูลสวี ปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย (1)

ตอนที่ 349 ท่าทีของตระกูลสวี ปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย (1)

แม้จะรู้ดี​ว่า​เรื่อง​ที่​นาง​เสนอ​ขึ้น​มาจะไม่ใช่เวลา​ที่​เหมาะสม​ แต่​ตง​ฟางฮุ่ย​กลับ​ไม่อาจ​ยอมแพ้​ใน​ยาม​นี้​ได้​ ไม่เพียงแต่​เพื่อ​ความโกรธ​ที่​ยาก​จะกล้ำกลืน​ลง​ไป​จาก​การ​ดูถูก​อย่าง​ไร้​ปรานี​ของ​สวี​ชิงเฉิน​เท่านั้น​ แต่​ฐานะ​ของ​นาง​ มิอาจ​ทำให้​นาง​กลับ​ไป​ทั้ง​แบบนี้​ได้​ ยาม​นี้​ใน​เมือง​หลี​ยังมี​กลุ่ม​ผู้มีอำนาจ​มาก​ความสามารถ​รวมตัวกัน​อยู่​ แม้ว่า​จะเป็น​ตำหนัก​ติ้ง​อ๋อง​ก็​จริง​แต่​ก็​ไม่กล้า​พูด​ได้​ว่า​จะไม่มีสายตา​ของ​คนอื่น​อยู่​ เกรง​ว่า​ข่าวคราว​ที่​พวก​นาง​ก้าว​เข้ามา​เหยียบ​ประตู​ใหญ่​ตำหนัก​ติ้ง​อ๋อง​ ศิษย์​ของ​ผู้นำ​เขา​ซางหมาง​ขอ​หมั้น​หมาย​กับ​คุณชาย​ชิงเฉิน​แต่​ก็​ยัง​ถูก​ปฏิเสธ​คงจะ​เลื่องลือ​กัน​ไป​ทั่วเมือง​หลี​แล้ว​ ไม่ใช่ว่า​ตง​ฟางฮุ่ย​ไม่อยาก​กลับ​ แต่​ยาม​นี้​นาง​ที่​ขึ้น​หลัง​เสือ​นั้น​ ยาก​ที่จะ​ลง​เสียแล้ว​เช่นกัน​

ตง​ฟางฮุ่ย​เงียบ​ไป​ครู่ใหญ่​ พยายาม​กำจัด​ความคิด​ส่วนเกิน​ออก​ไป​อย่าง​รวดเร็ว​แล้ว​เงยหน้า​เอ่ย​ถามว่า​ “ใน​เมื่อ​เป็น​เช่นนี้​ ไม่ทราบ​ว่า​ข้า​จะขอ​พบ​ท่าน​หงอ​วี่​กับ​ฮูหยิน​ใหญ่​ได้​หรือไม่​ จะว่า​ไป​แล้ว​ ข้า​กับ​ท่าน​หงอ​วี่​ก็​ไม่ได้​พบ​หน้า​กัน​เกือบ​ยี่สิบ​ปี​แล้ว​”

เยี่ย​หลี​กำลัง​คิด​จะปฏิเสธ​ แต่กลับ​เห็น​สวี​ชิงเฉิน​ลอบ​พยักหน้า​ให้​นาง​โดยที่​คนอื่น​ไม่เห็น​ แม้จะไม่เข้าใจ​ใน​สิ่งที่​สวี​ชิงเฉิน​คิด​ แต่​เยี่ย​หลี​ก็​ไม่ได้​ถามให้​มากความ​ นาง​เรียก​จั๋วจิ้ง​มาถามว่า​ยาม​นี้​สวี​หงอ​วี่​กับ​ฮูหยิน​ใหญ่​อยู่​ที่ใด​ จั๋วจิ้ง​ตอบ​ว่า​ “ท่าน​หงอ​วี่​อยู่​ที่​ห้อง​หนังสือ​ ส่วน​ฮูหยิน​ใหญ่​กับ​ฮูหยิน​รอง​พูดคุย​กับ​หยาง​ฮูหยิน​อยู่​ใน​เรือน​รับแขก​พ่ะย่ะค่ะ​” เยี่ย​หลี​พยักหน้า​เอ่ย​ว่า​ “ไป​เชิญท่าน​ลุง​ใหญ่​กับ​ท่าน​ป้า​สะใภ้มาที​”

จั๋วจิ้ง​รับ​คำสั่ง​แล้ว​ออก​ไป​ ภายใน​ห้องโถง​พลัน​เงียบ​ลง​ ตง​ฟางฮุ่ย​วิตกกังวล​อยู่​ใน​ใจ เมื่อ​ครู่​เพิ่ง​ถูก​สวี​ชิงเฉิน​พูด​ตบหน้า​เข้า​ฉาด​ใหญ่​ ยาม​นี้​จึงไม่มีอารมณ์​จะพูดคุย​ ส่วน​ม่อ​ซิว​เหยา​ที่​เป็น​เจ้าบ้าน​กลับ​ล้ม​ตัว​ลงนอน​บน​ตัก​เยี่ย​หลี​หลับตา​พักผ่อน​ไป​แล้ว​ เกศา​สีเงิน​ขาว​แผ่​สยาย​อยู่​บน​ตั่ง​และ​หน้าตัก​อ่อนนุ่ม​ของ​เยี่ย​หลี​ ไม่สนใจ​สักนิด​ว่า​ยังมี​แขก​นั่ง​อยู่​ สวี​ชิงเฉิน​กับ​เยี่ย​หลี​ก็​เงียบกริบ​เสีย​ราวกับ​กลั้นหายใจ​ แต่ละคน​นั่ง​จิบ​ชาท่าทาง​สงบนิ่ง​ไม่สะทกสะท้าน​ ส่วน​ตง​ฟางโย​ว​ แม้จะเตรียมใจ​ใน​การ​ถูก​สวี​ชิงเฉิน​ปฏิเสธ​อีกครั้ง​มาแล้ว​ แต่​ใน​ตอนที่​ได้ยิน​สวี​ชิงเฉิน​เอ่ย​ปฏิเสธ​อีกครั้ง​กลับ​เลี่ยง​ที่จะ​จิต​ตก​และ​เจ็บปวด​อยู่​ใน​ใจขึ้น​มามากกว่า​เดิม​มิได้​ สายตา​ที่​มอง​สวี​ชิงเฉิน​จึงแฝงไว้​ด้วย​ความขมขื่น​คับแค้น​อยู่​ใน​ใจ

แรกเริ่มเดิมที​ที่​นาง​บอ​กว่า​จะแต่ง​ให้​สวี​ชิงเฉิน​นั้น​เป็น​แผน​รับมือ​ชั่วคราว​ที่​เหมาะสม​เท่านั้น​ แม้ว่า​ตง​ฟางโย​ว​เอง​จะไม่รู้สึก​ว่า​ต้อง​แต่ง​ให้ได้​ก็​เถอะ​ เพียงแต่​เห็น​ว่า​สวี​ชิงเฉิน​เป็น​ตัวเลือก​ที่​ดี​ที่สุด​เท่านั้น​ ทว่า​หลังจาก​ถูก​สวี​ชิงเฉิน​ปฏิเสธ​ครา​แล้ว​ครา​เล่า​ ก็​กลับ​ทำให้​ตง​ฟางโย​ว​นึก​สนใจ​ใน​ตัว​เขา​ขึ้น​มา หาก​บอ​กว่า​เดิมที​ที่​ตง​ฟางโย​ว​เลือก​จะแต่งงาน​ให้​สวี​ชิงเฉิน​ เหตุผล​แรก​คือ​เพราะ​เขา​เป็น​ลูกพี่ลูกน้อง​กับ​พระชายา​ติ้ง​อ๋อง​และ​มีฐานะ​เป็น​ที่ปรึกษา​อันดับ​หนึ่ง​ของ​ตำหนัก​ติ้ง​อ๋อง​แล้ว​ แต่​ใน​ตอนหลัง​เหตุผล​กลัย​อยู่​ที่​ตัว​ของ​สวี​ชิงเฉิน​เอง​ ความจริง​แล้ว​ความ​ยึดติด​ของ​นาง​ยาม​นี้​ไม่เกี่ยวกับ​ฐานะ​ของ​สวี​ชิงเฉิน​แล้ว​

เยี่ย​หลี​เห็น​ท่าทาง​ของ​ตง​ฟางโย​ว​แล้วก็​แอบ​ถอนหายใจ​เงียบๆ​ เป็นไป​ตามที่​สวี​ชิงเหยียน​ว่า​ไว้​ไม่ผิด​ ความจริง​แล้ว​เรื่อง​นี้​เป็น​ตง​ฟางโย​ว​เอง​ที่​ทำให้​บานปลาย​เช่นนี้​ แรกเริ่มเดิมที​เกรง​ว่า​นาง​คง​ไม่คิด​ว่า​ตนเอง​จะรู้สึก​พึงใจ​ใน​ตัว​สวี​ชิงเฉิน​ จึงได้​พูด​อย่าง​กล้าได้กล้าเสีย​ไป​เช่นนั้น​ ก็​เหมือน​ที่​นาง​ได้​ว่า​ไว้​ แค่​เพียง​ให้​ร่วมมือ​กัน​แล้ว​ได้รับ​ผลประโยชน์​กัน​ทั้งสองฝ่าย​เท่านั้น​ ทว่า​ใน​เมื่อ​คุณชาย​ชิงเฉิน​มีฉายา​ว่า​คุณชาย​เทพ​เซียน​ การ​ที่​สตรี​จะมาตกหลุมรัก​เขา​นั้น​เป็นเรื่อง​ที่​ง่าย​มาก​ หาก​ตง​ฟางโย​ว​หลงรัก​เขา​ขึ้น​มาจริงๆ​ นาง​ก็​คง​ต้อง​รับผิดชอบ​ตัวเอง​ทั้งหมด​

เพียง​ไม่นาน​ สวี​หงอ​วี่​ก็​จูงมือ​ฮูหยิน​ใหญ่​เดิน​เข้ามา​ คน​ที่​เดินตาม​พวกเขา​มาด้านหลัง​ย่อม​เป็น​ผู้​ที่​กลัว​ว่า​ใต้​หล้า​นี้​จะสงบสุข​เกินไป​อย่าง​สวี​ชิงเหยียน​

ตง​ฟางฮุ่ย​เห็น​สวี​หงอ​วี่​จึงลุกขึ้น​ยืน​พลาง​ยิ้ม​เอ่ย​ว่า​ “พี่ใหญ่​สวี​ ไม่พบกัน​นาน​พี่​ยัง​สง่าผ่าเผย​ไม่เปลี่ยน​”ตง​ฟางฮุ่ย​เป็น​สตรี​ที่​มีเสน่ห์​เป็นอย่างมาก​ แม้ว่า​นาง​จะอายุ​ไม่น้อย​แล้ว​ก็ตาม​ บางที​อาจ​เพราะ​มีตำแหน่ง​เป็น​ผู้นำ​แห่ง​เขา​ซางหมาง​ ทำให้​นาง​มีความมั่นใจ​และ​เรียบร้อย​ต่าง​จาก​สตรี​ธรรมดา​ทั่วไป​ ทว่า​กลับ​มิได้​ทำให้​คน​รู้สึก​ว่า​เผด็จการ​และ​น่ารังเกียจ​ ความรู้สึก​เช่นนี้​มีเพียง​ซุน​ฮูหยิน​อย่าง​ซุน​ฮุ่ย​เหนียง​จาก​เมืองหลวง​แห่ง​ซีห​ลิง​เท่านั้น​ที่​คล้ายคลึง​กัน​ แต่​นาง​สง่างามและ​สุขุม​นุ่ม​ลึก​กว่า​ซุน​ฮุ่ย​เหนียง​ ซุน​ฮุ่ย​เหนียง​ให้​ความรู้สึก​แค่​ว่า​นาง​ฉลาด​มีไหวพริบ​และ​เผด็จการ​ แต่​ตง​ฟางฮุ่ย​กลับ​ให้​ความรู้สึก​น่าเคารพ​ยำเกรง​และ​น่าชื่นชม​นับถือ​

สวี​หงอ​วี่​พยัก​หน้ายิ้ม​บาง​เอ่ย​ว่า​ “ฮูหยิน​ตง​ฟาง”

เยี่ย​หลี​ยืน​ขึ้น​เดิน​เข้าไป​เอ่ย​กับ​เขา​เสียง​เบา​ว่า​ “หลี​เอ๋อร์​กับ​ท่าน​อ๋อง​จัดการ​ได้​ไม่รอบคอบ​ ลำบาก​ท่าน​ลุง​ใหญ่​กับ​ท่าน​ป้า​สะใภ้แล้ว​” ฮูหยิน​ใหญ่​สวี​ดึง​มือ​นาง​ไว้​แล้ว​ยิ้ม​กล่าวว่า​ “เด็ก​คน​นี้​นี่​ พูด​อะไร​อย่างนั้น​ เรื่อง​เกี่ยวกับ​การ​แต่งงาน​ของ​ชิงเฉิน​ไหน​เลย​จะมาลำบาก​ไม่ลำบาก​กัน​ หาก​ทำให้​พี่ใหญ่​เจ้าได้​แต่ง​กับ​สะใภ้ดี​ๆ ได้​ ต่อให้​ข้า​ต้อง​ยุ่ง​วุ่นวาย​ทุกวี่ทุกวัน​ก็​ยอม​”

“ท่าน​แม่…” สวี​ชิงเฉิน​ไม่รู้​จะร้องไห้​หรือ​หัวเราะ​ดี​ ดูท่า​แล้ว​นาง​คงจะ​เจ็บแค้น​น่าดู​ที่​เขา​มีครอบครัว​ช้าไม่ยอม​แต่งงาน​เสียที​ ไม่ว่า​ที่ไหน​เวลา​ใด​จึงไม่ลืม​จะถากถาง​เขา​อยู่​ร่ำไป​เช่นนี้​

สวี​ฮูหยิน​ใหญ่​ปรายตา​มอง​เขา​แล้ว​เอ่ย​อย่าง​ไม่สบอารมณ์​ว่า​ “เจ้ายังมี​อัน​ใด​จะพูด​อีก​หรือ​ หาก​มิใช่เพราะ​เจ้าลีลา​ชักช้า​ไม่ยอม​แต่งงาน​เสียที​ ไหน​เลย​จะมีเรื่อง​ใน​วันนี้​ได้​”

คุณชาย​ชิงเฉิน​ถูจมูก​ยอมรับ​อยู่​เงียบๆ​ สีหน้า​ของ​ตง​ฟางฮุ่ย​กับ​ตง​ฟางโย​ว​พลัน​เปลี่ยนไป​ แม้ว่า​สวี​ฮูหยิน​ใหญ่​จะมิได้​พูด​กับ​พวก​นาง​ แต่​เห็นได้ชัด​ว่า​ประโยค​นี้​เป็นการ​สั่งสอน​สวี​ชิงเฉิน​ แต่​คนฟัง​กลับ​รู้สึก​เหมือนว่า​กำลัง​ตำหนิ​ตง​ฟางโย​ว​ที่​ไม่รู้จัก​อับอาย​ จะยัดเยียด​ตัวเอง​ให้​สวี​ชิงเฉิน​ให้ได้​ท่าเดียว​ สีหน้า​ตง​ฟางฮุ่ย​พลัน​แข็งทื่อ​ แต่​ก็​ปรับ​สีหน้า​ให้​เป็น​ดังเดิม​ได้​อย่าง​รวดเร็ว​ หาก​มิใช่เพราะ​เยี่ย​หลี​มอง​นาง​อยู่​ตลอด​ก็​คง​ไม่เห็น​เข้า​ ตง​ฟางฮุ่ย​ลูบ​ไรผม​สั้น​ของ​ตัวเอง​แล้ว​ยิ้ม​บาง​เอ่ย​ว่า​ “พี่ใหญ่​สวี​กับ​พี่สะใภ้​ช่างพูดจา​ได้​เปิดเผย​ตรงไปตรงมา​อย่าง​หา​ได้​ยาก​ยิ่ง​”

สวี​ฮูหยิน​ใหญ่​ยาม​นี้​จึงหันไป​มอง​นาง​ครา​หนึ่ง​ แล้ว​หันไป​มอง​สวี​หงอ​วี่​พลาง​เอ่ย​ว่า​ “ท่าน​พี่​ บ้าน​เรา​มีน้องสาว​ด้วย​หรือ​” คิด​ว่า​ข้า​ฟังไม่ออก​หรือ​ไร​ ว่า​เจ้าถากถาง​ว่า​ข้า​ไม่เหมือน​คุณนาย​จาก​ตระกูล​มั่งมี

สวี​หงอ​วี่​ยิ้ม​บาง​เอ่ย​ว่า​ “ฮูหยิน​พูดเหลวไหล​อัน​ใด​ เจ้าแต่ง​เข้า​ตระกูล​สวี​มาสามสิบ​กว่า​ปี​แล้ว​ ยัง​ไม่รู้​อีก​หรือว่า​บ้าน​เรา​มีใคร​บ้าง​ สตรี​นาง​นี้​คือ​ตง​ฟางฮูหยิน​แห่ง​เขา​ซางหมาง​ สมัย​ยัง​สาว​ๆ ตง​ฟางฮูหยิน​ออก​มาหา​ประสบการณ์​ด้านนอก​จึงเคย​ได้​พบ​เจอกัน​”

“ที่แท้​ก็​เป็น​เช่นนี้​” ฮูหยิน​ใหญ่​พยักหน้า​ เอ่ย​ขึ้น​อย่าง​ขอ​ลุแก่โทษ​ “ตง​ฟางฮูหยิน​ ข้า​เสียมารยาท​แล้ว​ ขอ​อย่า​ได้​ถือสา​เลย​”

ตง​ฟางฮุ่ย​รู้สึก​ถึงกะ​เพราะ​ที่​ปวด​ขึ้น​มาเป็นพักๆ​ นาง​มิได้​ลง​เขา​มายี่สิบ​ปี​นั้น​ไม่ผิด​ แต่​หลาย​ปี​มานี้​ก็​ผ่าน​ร้อน​ผ่าน​หนาว​มาไม่น้อย​ ไม่เคย​รู้สึก​ว่า​ตัวเอง​จะชวน​ให้​คน​นึก​รังเกียจ​ได้​ถึงเพียงนี้​มาก่อน​ หรือว่า​ยี่สิบ​ปี​มานี้​คน​ที่อยู่​ข้างล่าง​เขา​เปลี่ยนไป​กัน​หมด​แล้ว​ หาก​จะบอ​กว่า​สวี​ชิงเฉิน​มีความ​ไม่ชอบใจ​แฝงไว้​ล่ะ​ก็​ สวี​ฮูหยิน​ใหญ่​นาง​นี้​ก็​แสดงออก​ให้​รู้​อย่าง​ชัดเจน​ว่า​มอง​นาง​เป็น​ศัตรู​ ตง​ฟางฮุ่ย​มอง​สวี​หงอ​วี่​ที่​ยืน​อยู่​ข้าง​กาย​สวี​ฮูหยิน​ใหญ่​ก็​พลัน​รู้สึก​กระจ่างแจ้ง​ขึ้น​มา ทว่า​ในขณะเดียวกัน​นาง​ก็​รู้สึก​ว่า​ตัวเอง​ยิ่ง​ถูก​เข้าใจผิด​ไป​ใหญ่​แล้ว​ แม้ว่า​ใน​ยาม​สาว​ๆ นาง​จะคิด​กับ​สวี​หงอ​วี่​ไป​ไกล​ก็​จริง​ แต่​พอ​รู้​ว่า​สวี​หงอ​วี่​แต่งงาน​แล้ว​ซ้ำตัวนาง​ยัง​ต้อง​กลับ​เขา​ซางหมาง​เพื่อ​ขึ้น​รับ​ตำแหน่ง​ นาง​ก็​ตัดขาด​ความคิด​นี้​ไป​จน​สิ้น​ หาก​สวี​ฮูหยิน​ใหญ่​มอง​นาง​เป็น​ศัตรู​เพียง​เพราะ​เรื่อง​นี้​ก็​คงจะ​ใจคับแคบ​ไป​สักหน่อย​

พอ​ผู้หลักผู้ใหญ่​นั่งลง​กัน​เรียบร้อย​แล้ว​ สวี​ฮูหยิน​ใหญ่​ก็​มอง​ตง​ฟางฮุ่ย​ด้วย​ความ​สงบนิ่ง​แล้ว​ยิ้ม​บาง​เอ่ย​ว่า​ “เมื่อ​ครู่​หลี​เอ๋อร์​ส่งคน​ไป​บอ​กว่า​ตง​ฟางฮูหยิน​อยาก​จะเจรจา​เรื่อง​การ​แต่งงาน​ของ​ชิงเฉิน​กับ​พวกเรา​ ไม่ทราบ​ว่า​ฮูหยิน​มีสิ่งใด​จะกล่าว​หรือ​”

แม้ว่า​ตง​ฟางฮุ่ย​จะรู้สึก​กระอักกระอ่วน​ใจ แต่​ก็​บอก​เจตนา​ของ​ตน​ไป​ด้วย​ท่าที​สงบนิ่ง​ นาง​เอ่ย​อย่าง​อ้อมค้อม​เป็นอย่างมาก​ว่า​เขา​ซางหมาง​ยินยอม​แต่งงาน​เพื่อ​เชื่อม​สัมพันธ์​กับ​ตระกูล​สวี​ ฮูหยิน​ใหญ่​สวี​มอง​ตง​ฟางโย​ว​ครา​หนึ่ง​ด้วย​สีหน้า​เรียบ​นิ่ง​พลาง​เอ่ย​ว่า​ “ตง​ฟางฮูหยิน​คงจะ​ทราบ​ถึงขั้นตอน​การ​แต่งงาน​ของ​คนธรรมดา​ทั่วไป​กระมัง​”

ตง​ฟางฮุ่ย​พลัน​ชะงัก​ ยัง​มิทัน​จะได้​ตอบ​ก็​ได้ยิน​สวี​ฮูหยิน​ใหญ่​เอ่ย​ต่อว่า​ “ทาบทาม​ ถามชื่อ​และ​วัน​เดือน​ปีเกิด​ ดูดวง​สมพงษ์​ หมั้น​ ดู​ฤกษ์​ รับ​ตัว​เจ้าสาว​ ต่อให้​เป็น​ราชวงศ์​ชนชั้นสูง​หรือ​สมรส​พระราชทาน​ เรื่อง​ใน​ห้องส่วนตัว​ของ​สตรี​ก็​มีเพียง​คนสนิท​มาก​ๆ เท่านั้น​ที่จะ​รู้​ได้​ แม่นาง​ตง​ฟางยัง​มิทัน​ได้​หมั้น​หมาย​ด้วยซ้ำ​ ชื่อเสียงเรียงนาม​ของ​นาง​ก็​รู้กัน​ไป​ทั่วหล้า​แล้ว​ หาก​หมั้น​กัน​จริงๆ​ ขั้นตอน​ถามชื่อ​และ​วัน​เดือน​ปีเกิด​นี้​คง​ไม่ต้อง​ทำ​แล้ว​ แต่​ก็​ช่างเถิด​ สตรี​ที่​งดงาม​ความสามารถ​โดดเด่น​มักจะ​อะลุ้มอล่วย​ได้​ไม่น้อย​ ใน​อดีต​ที่​ผ่านๆ​ มาชื่อ​ของ​สตรี​ที่​มีชื่อเสียง​ใน​ฉู่จิงก็​มีที่​เลื่องลือ​กัน​ออกมา​บ้าง​ เพียงแต่​มิได้​เอิกเกริก​โด่งดัง​เท่า​แม่นาง​ตง​ฟางเท่านั้น​ ทว่า​ ว่าที่​สะใภ้ของ​ตระกูล​สวี​นั้น​ไม่ขอให้​มีหน้าตา​งดงาม​ปาน​ล่ม​เมือง​ และ​ไม่ขอให้​มีความสามารถ​เลื่องลือ​ระบือ​ไกล​ มีเพียง​เรื่อง​เดียว​ที่​ขอ​ นั่น​คือ​จะต้อง​ทำตาม​กฎ​และ​ธรรมเนียม​ เก็บตัว​อยู่​แต่​ใน​บ้าน​ใน​เรือน​จนกว่า​จะถึงวัน​แต่งงาน​”

ชายาเคียงหทัย

ชายาเคียงหทัย

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1-37 อ่านนิยาย

(อ่านตอนต่อไปด้านล่าง)


หลังถูกน้องสาวร่วมบิดาแทงข้างหลัง ทำให้ เยี่ยหลี คุณหนูสามแห่งจวนตระกูลเยี่ยถูกถอนหมั้นจาก ม่อจิ่งหลี ท่านอ๋องรูปงามแห่งเมืองหลวง แต่นางก็ยังมองโลกในแง่ดี หวังว่าตนจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไปอีกสักสองสามปี ทว่าเหตุไฉนสามวันให้หลัง ฝ่าบาทถึงได้พระราชทานสมรสให้นางอีกครั้งเล่า!

การแต่งงานครั้งนี้แม้ฉากหน้าจะดูเหมือนเป็นเรื่องที่น่ายินดีนัก แต่คนที่นางต้องอภิเษกสมรสด้วยกลับเป็น ม่อซิวเหยา ท่านอ๋องพิการไร้ประโยชน์ อีกทั้งยังมีรูปโฉมอัปลักษณ์ เล่าลือกันว่าเขาเคยผ่านการแต่งงานมาแล้วถึงสองครา ทว่าหญิงสาวทั้งสองคนที่เขาสมรสด้วยกลับต้องมีอันเป็นไปภายหลังจากการแต่งงานได้ไม่นาน

แต่ช้าก่อน…บุรุษที่แสนอ่อนโยนและเก่งกาจตรงหน้านางนี้น่ะหรือคือม่อซิวเหยา บุรุษที่กล่าวกันว่าเป็นคนน่ากลัว ไร้ค่า ไม่ได้เรื่องได้ความคนนั้น นี่คงมีอะไรที่เข้าใจผิดไปแล้วกระมัง

Options

not work with dark mode
Reset