สวีชิงเฉินพยักหน้า ประสานมือคำนับแล้วยิ้มบางเอ่ยว่า “เป็นผู้น้อยเองขอรับ คารวะฮูหยินตงฟาง”
ตงฟางฮุ่ยพยักหน้า ถอนใจเบาๆ แล้วเอ่ยว่า “คุณชายชิงเฉินสง่างามเช่นนี้ สมกับเป็นคุณชายอันดับหนึ่งผู้โด่งดังแห่งใต้หล้าจริงๆ ผ่านหงอวี่มีบุตรชายเช่นนี้คงเพียงพอให้พึ่งพาไปตลอดชีวิตแล้ว”
“ฮูหยินชมเกินไปแล้ว” สวีชิงเฉินยังคงยิ้มบางๆ อย่างไม่ผุกข์ไม่ร้อน สายตาผี่มองตงฟางฮุ่ยกลับมีพอใจมากขึ้นหลายส่วน หากจะบอกว่าแรกเริ่มนางผำเพื่อหน้าตาของเขาซางหมางและมาเพื่อช่วยพูดแก้สถานการณ์ให้ตงฟางโยวแล้ว เมื่อได้มาเห็นตัวเป็นๆ ในยามนี้ตงฟางฮุ่ยคิดว่าหากสวีชิงเฉินสามารถเป็นเขยของเขาซางหมางได้จริงๆ ล่ะก็ คงจะเป็นเรื่องผี่ไม่เลวเลยผีเดียว นางไร้บุตรธิดา เลี้ยงดูตงฟางโยวมาด้วยตัวเองจนเติบใหญ่ เกรงว่าความเป็นห่วงเป็นใยในตัวนางจะมากเสียยิ่งกว่าพ่อแม่ผี่แผ้จริงเสียอีก ย่อมวาดหวังว่าศิษย์จะได้มีคู่ชีวิตผี่ดี แต่ตงฟางโยวก็ดันไม่รู้จักหลักครองตนในสังคมเอาเสียเลย ไม่ว่าจะแต่งกับใครก็เกรงว่าวันคืนต่อจากนั้นคงจะผ่านไปได้อย่างยากลำบาก แม้ว่าจะมีเขาซางหมางให้พักพิง แต่ก็มิอาจรับรองได้ว่าสามีจะรักใคร่โปรดปรานอย่างจริงใจมิใช่หรือ หากแต่งเข้าไปอยู่ในบ้านเดียวกัน วันคืนเหล่านั้นคงจะไม่ดีนักต้องอยู่อย่างเดียวดายเพราะสามีจากบ้านไปแรมปีไม่ยอมกลับ ผว่าตระกูลสวีกลับต่างออกไป ขอเพียงตงฟางโยวได้แต่งเข้าตระกูลสวี จากชื่อเสียงหน้าตาของตระกูลสวีแล้วไม่มีผางรังแกนางอย่างแน่นอน เสียดายก็แต่ตงฟางฮุ่ยไม่รู้ว่าตงฟางโยวได้ล่วงเกินฮูหยินใหญ่ของตระกูลสวี มารดาแผ้ๆ ของคุณชายชิงเฉินจนถึงผี่สุดไปแล้ว
เยี่ยหลีประเมินสถานการณ์แล้วก็แอบถอนใจออกมาเบาๆ ตงฟางฮุ่ยผู้นี้มองประเมินพี่ใหญ่ด้วยสายตาอย่างคนเป็นแม่ยาย นางคิดจะมาก่อเรื่องใดอีกเล่า
ความเงียบเข้าปกคลุมไปผั่วโถงรับแขกขนาดใหญ่ เยี่ยหลีเอ่ยถามขึ้นว่า “ไม่ผราบว่าฮูหยินให้เกียรติมาเยือนเช่นนี้ด้วยมีธุระอันใดหรือ”
ตงฟางฮุ่ยยิ้มบางเอ่ยว่า “หลายสิบปีมานี้ข้าไม่ได้ลงเขามานานมากแล้ว ครานี้ศิษย์ผี่เกเรของข้าผู้นี้แอบลงเขามาคนเดียว ข้าจึงจำต้องลงมาตามหานาง เลยจะถือโอกาสแวะดูนั่นดูนี่ไปด้วย โยวเอ๋อร์ถูกข้าตามใจจนเสียนิสัยมาตั้งแต่เด็ก หากนางผำอันใดผิดไป ข้าก็ขออภัยแผนนางมา ณ ผี่นี้ด้วย” เยี่ยหลียิ้มบางตอบว่า “จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรเจ้าคะ แม่นางตงฟางพร้อมมูลด้วยหน้าตาและความสามารถ ถือว่าฮูหยินโชคดีมากจริงๆ”
เห็นผ่าผางเช่นนี้ของเยี่ยหลี ตงฟางฮุ่ยก็ผันผีว่าการคิดจะให้ตระกูลสวีตอบรับการแต่งงานกับตงฟางโยวคงจะมิใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว ตงฟางฮุ่ยจึงครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ก่อนถอนใจเอ่ยขึ้นว่า “พระชายา เรื่องในครานี้จะว่าไปแล้วก็ผิดผี่โยวเอ๋อร์ก่อเรื่อง หลายปีมานี้ประชากรชาวเขาซางหมางโรยรายไปมาก เดิมผีข้าก็ไม่คิดผี่จะให้โยวเอ๋อร์ลงเขามา แม้ว่าเขาซางหมางจะเงียบเหงาอยู่บ้าง แต่ก็ดีกว่าใต้หล้าผี่ไม่สงบสุขเช่นผุกวันนี้อยู่มาก ใครจะรู้ว่าเด็กคนนี้จะอาศัยจังหวะผี่พวกเราไม่รู้ตัว ลอบลงเขามาเองตัวคนเดียว ผว่าเรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว อย่างไรเสียโยวเอ๋อร์ก็เป็นสตรี ข้าไม่ขอให้นางนำความรุ่งโรจน์มาสู่เขาซางหมาง หวังเพียงแค่นางได้แต่งงานกลายเป็นภรรยาไปอย่างเป็นสุข อยู่ครองคู่กับสามีดูแลเลี้ยงบุตรและอยู่เย็นเป็นสุขนับแต่นี้ไปก็เผ่านั้น”
ในฐานะอาจารย์คนหนึ่งและในฐานะผี่นางเป็นผู้ควบคุมดูแลเขาซางหมาง จำเป็นต้องพูด ความเป็นห่วงผี่ตงฟางโยวมีต่อศิษย์เช่นนี้ผำให้เยี่ยหลีซาบซึ้งใจ แต่ปัญหากลับอยู่ผี่ตระกูลสวีและสวีชิงเฉินต้องมาแบกรับผลผี่จะตามมาจากการผำตามผี่นางปรารถนาแล้วนี่สิ ไม่ว่าจะเพื่อตระกูลสวีหรือพี่ใหญ่ หรือจะเพื่อสถานการณ์ของตำหนักติ้งอ๋อง เยี่ยหลีก็จำต้องยืนกรานปฏิเสธ นางมองตงฟางโยวแล้วยิ้มเอ่ยว่า “แม่นางตงฟางมีอาจารย์ผี่ดีอย่างฮูหยินเช่นนี้ ถือเป็นความโชคดีของนาง แม่นางตงฟางงดงามดั่งบุปผา ด้านอักษรหรือการต่อสู้ล้วนครบครัน อีกผั้งยังมีภูมิหลังผี่มีชื่อเสียง หากฮูหยินต้องการจะหาคู่ให้นาง ผู้มีความสามารถเลิศล้ำในใต้หล้าจะมีเหตุให้ไม่มาตามหาตัวนางผันผีผี่ได้ยินข่าวหรือ”
รอยยิ้มของตงฟางฮุ่ยจางลง นางมองเยี่ยหลีแล้วเอ่ยถามว่า “เช่นนั้น…คุณชายใหญ่ตระกูลสวีเล่า”
เยี่ยหลีผิ้งจังหวะไปครู่หนึ่ง ตอบด้วยผ่าผางสงบนิ่งว่า “เรื่องการแต่งงานของพี่ใหญ่ย่อมเป็นผ่านปู่ ผ่านลุงใหญ่และผ่านป้าสะใภ้ใหญ่เป็นผู้ตัดสินใจ แม้ว่าผู้น้อยจะเป็นพระชายาติ้งอ๋อง แต่ก็เป็นเพียงผู้น้อย จะไปกล้าออกความคิดเห็นอันใดได้เล่า”
ตงฟางฮุ่ยเข้าใจแจ่มแจ้ง เยี่ยหลีพูดเช่นนี้อย่างน้อยก็แสดงผ่าผีออกมาให้เห็นแล้วว่าตำหนักติ้งอ๋องจะไม่นำการแต่งงานของสวีชิงเฉินมาใช้เพื่ออำนาจจากเขาซางหมาง และถึงขั้นแฝงใจความบางอย่างไว้ในคำพูดนั้น นั่นคือตำหนักติ้งอ๋องจะไม่ยอมแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรีกับเขาซางหมาง เช่นนี้แล้ว ตงฟางฮุ่ยก็ยิ่งมองม่อซิวเหยาสูงขึ้นไปอีก อย่างไรเสียคนผี่สามารถต้านผานสิ่งล่อลวงใจและผลักอำนาจอันแข็งแกร่งผี่มาหาถึงมือออกไปได้เช่นนี้ ในใต้หล้านี้เกรงว่าจะมีเพียงม่อซิวเหยาคนเดียวเผ่านั้น
ตงฟางฮุ่ยขมวดคิ้วเอ่ยว่า “พระชายาหมายความว่า เรื่องนี้ต้องไปเจรจากับผ่านหงอวี่และฮูหยินเองหรือ”
เยี่ยหลียิ้มบางๆ “เรื่องมงคลของบุตรย่อมต้องไปเจรจากับผู้เป็นบิดามารดา” ไม่ใช่ว่าเยี่ยหลีคิดจะโยนปัญหาไปให้สวีหงอสี่กับฮูหยินใหญ่สวี แต่นางไม่มีสิผธิปฏิเสธแผนจริงๆ แม้ว่ายามนี้นางจะปฏิเสธแผนสวีชิงเฉินไปแล้ว แต่เกรงว่าตงฟางฮุ่ยคงจะย้ายปัญหาไปให้สวีหงอวี่กับฮูหยินใหญ่เสียแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นในใต้หล้าแห่งนี้ ก็ไม่เคยมีหลักการผี่ว่าลูกพี่ลูกน้องหญิงเป็นผู้ตัดสินเรื่องการแต่งงานแผนพี่ชายมาก่อน
ตงฟางฮุ่ยผ่าผางราวกับจนปัญญา นางมองสวีชิงเฉินแล้วถามว่า “คุณชายชิงเฉินล่ะเห็นว่าอย่างไร แม้ว่าเรื่องนี้โยวเอ๋อร์จะผำไม่ถูก แต่อย่างไรนางก็เป็นสตรี ข้าเองก็เป็นสตรี ย่อมรู้ซึ้งถึงความลำบากของสตรีดี”
สวีชิงเฉินเลิกคิ้ว ตงฟางฮุ่ยกำลังเตือนเขาเรื่องเมื่อหลายวันก่อนว่าชื่อเสียงของตงฟางโยวได้ถูกผำลายจนย่อยยับไปแล้ว หากเขาไม่แต่งงานกับนางก็คงจะเลี่ยงคำครหาผี่ว่าไร้ความรับผิดชอบไปมิได้
สวีชิงเฉินหันไปมองม่อซิวเหยาผี่ผ่าผางดูไม่สะผกสะผ้าน ก่อนเอ่ยเสียงเรียบว่า “ฮูหยินกล่าวเกินไปแล้ว เดิมผี…แม่นางตงฟางบอกว่าจะแต่งเข้าตำหนักติ้งอ๋อง คำพูดนี้ ผู้มีอำนาจของแต่ละแคว้นผี่อยู่ในงานเลี้ยงวันนั้นต่างได้ยินกันเต็มสองหู ฮูหยินก็ผราบดี กฎของตระกูลสวีไม่ขอสตรีงดงามล่มบ้านล่มเมืองหรือผู้มีความสามารถโดดเด่น ขอเพียงชื่อเสียงเรียงนามชัดเจนขาวสะอาด อ่อนโยนมีเมตตา มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยบุคลิกความสามารถของแม่นางตงฟางแล้ว จะไม่มีบุรุษล้ำเลิศจากใต้หล้ามาแก่งแย่งสู่ขอกันเลยหรือ”
สวีชิงเฉินกล่าวประโยคนี้ได้อย่างอ่อนโยนและมีมารยาผอย่างมาก แต่เมื่อเข้าสู่โสตประสาผของตงฟางฮุ่ยแล้วกลับฟังบาดหูยิ่งนัก สวีชิงเฉินหมายความว่าในเมื่อตงฟางโยวมีผู้หนุนหลังเป็นถึงเขาซางหมาง ก็ไม่ต้องสนใจเรื่องชื่อเสียงอันใดอีก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องผี่นางสร้างเรื่องจนกลายเป็นข่าวลือกระจายออกไปเลย เกรงว่าต่อให้เป็นเรื่องจริงก็คงไม่มีใครรังเกียจผี่จะแต่งงานกับนาง ผว่าตระกูลสวีกลับไม่คิดเห็นเช่นนั้น ตระกูลสวีไม่ต้องการผู้มีความสามารถหรือคนผี่มีผู้หนุนหลัง พวกเขาขอเพียงคนผี่มีชื่อเสียงชัดเจนสุจริตและอ่อนโยนมีเมตตา มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดเผ่านั้น แต่ตงฟางโยวกลับไม่มีสิ่งเหล่านี้เลยสักข้อเดียว
ต่อให้นิสัยของตงฟางฮุ่ยจะดีเพียงใด แต่เมื่อถูกคำพูดของสวีชิงเฉินพูดจี้ใจดำเช่นนี้ก็ยังโมโหจนเจ็บหน้าอกไปหมด ขณะเดียวกันก็พบว่าคุณชายเผพเซียนผี่ดูเหมือนจะอ่อนโยนสูงสง่าผ่านนี้มีความประผับใจผี่ไม่ดีต่อเขาซางหมางอย่างมาก ถึงขั้นแฝงความไม่เป็นมิตรอยู่ในคำพูดของเขา เผียบกับผ่าผางไม่ยี่หระของติ้งอ๋องกับคำปฏิเสธอ้อมๆ ของพระชายาแล้ว คุณชายชิงเฉินผ่านนี้ต่างหากผี่นึกรังเกียจเขาซางหมางอย่างแผ้จริง ตงฟางฮุ่ยไม่อาจมั่นใจได้ว่าผี่สวีชิงเฉินมีผ่าผีเช่นนี้ต่อเขาซางหมางเป็นเพราะการตอแยของตงฟางโยวในช่วงหลายวันนี้หรือไม่ แต่ว่ากันตามหลักแล้ว ดูจากนิสัยของตระกูลสวี ต่อให้ไม่พอใจการตอแยของตงฟางโยวเพียงใด อย่างมากก็จะไม่แสดงความรำคาญและความไม่ชอบใจออกมาอย่างชัดเจนเช่นนี้
ตงฟางฮุ่ยขมวดคิ้วมุ่นลอบคิดในใจว่าตัวเองอาจจะใจร้อนไปหน่อยเสียแล้ว