ตอนที่ 552 ฉันจะบาดเจ็บไม่ได้ / ตอนที่ 553 ราวกับเห็นนางสวรรค์
ตอนที่ 552 ฉันจะบาดเจ็บไม่ได้
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนดูดวงอาทิตย์ขึ้นตรงที่ราบทุ่งหญ้าเสร็จก็เดินกลับ
ถามไปตลอดทาง ประมาณยี่สิบนาทีก็ไปถึงโรงแรมที่เด็กน้อยกู่ที่บอก
อึม ตรงนี้ไม่ใช่จุดที่พวกเขาเจอเด็กน้อยขามา
บ้านสองชั้นแบบเก่าสภาพกึ่งใหม่ ไม่เชิงทรุดโทรม แต่เห็นได้ชัดว่าสไตล์และความสวยงามแตกต่างจากบ้านอื่นที่อยู่รอบๆ
บ้านที่หลังไม่ใหญ่นี้ไม่ได้อยู่ริมถนน แต่อยู่ถัดจากต้นสาลี่ขนาดใหญ่ริมถนนไปสองต้น
บนต้นมีผลสาลี่สีเขียวอมแดงอยู่เต็ม กำลังสุกได้ที่
บนต้นที่อยู่ติดริมถนนมีผู้หญิงกำลังเก็บผลไม้อยู่ แต่เธอหันหลังออกด้านนอกจึงไม่เห็นใบหน้ามองอายุไม่ออก
ใต้ต้นไม้มีแผงขายของที่ทำจากไม้ บนนั้นเต็มไปด้วยผักนานาชนิดที่ถูกล้างสะอาดวางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ หน้าตาน่าซื้อ ดูสดใหม่ชวนมอง
ข้างแผงผักยังมีสาลี่ฤดูใบไม้ร่วงอีกสองเข่ง
หน้าแผงผักมีผู้ชายอายุราวสามสิบใบหน้าเหมือนคนป่วยนั่งอยู่
“พวกคุณสองคนอยากซื้อสาลี่เหรอครับ”
มู่เถาเยาแค่ฟังเสียงที่ไร้เรี่ยวแรงก็รู้ว่าเป็นคนที่ป่วยมานาน
“นี่ใช่บ้านน้องกู่ที่ไหมคะ”
เธอได้ยินเสียงแทะสาลี่ตรงข้างผู้ชายคนนี้ก่อนแล้ว เพียงแต่เด็กน้อยตัวเล็ก ถูกแผงผักบังมิด คนที่อยู่ด้านนอกจึงไม่เห็น
เด็กน้อยพอได้ยินเสียงก็รีบถือสาลี่ครึ่งลูกโผล่ออกมาจากแผงผักด้วยความดีใจ “พี่ๆ”
มู่เถาเยาลูบศีรษะของเขา ยิ้มตาโค้งพลางพูด “พี่ๆ มาซื้อผลไม้จากร้านของพ่อแม่หนูจ้ะ”
อันที่จริงทางโรงแรมมีผลไม้ส่งถึงห้องทุกวัน ก็แค่พวกเขาต่างชอบกินผลไม้ เลยอยากซื้อกลับไปเยอะหน่อย
กู่ที่เอาสาลี่ที่แทะไว้ครึ่งหนึ่งวางบนแผงผัก จากนั้นก็ใช้มือที่ชุ่มไปด้วยน้ำสาลี่จับมือมู่เถาเยา “พี่สาว เสี่ยวที่ช่วยเลือกให้ฮะ เอาลูกใหญ่ๆ น้ำเยอะๆ”
“เสี่ยวที่ ทำมือลูกค้าเลอะแล้ว รีบไปตักน้ำมาล้างมือลูกค้าเร็ว”
กู่ที่ได้ฟังก็รีบปล่อยมือทันที พูดขอโทษด้วยเสียงเด็กน้อย “ขอโทษฮะพี่สาว”
มู่เถาเยาลูบศีรษะของเขาด้วยมืออีกข้าง “ไม่เป็นไรจ้ะ”
พ่อของกู่ที่ “ขอโทษด้วยครับ เด็กน้อยไม่ประสีประสา”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวเลือกสาลี่เสร็จค่อยล้างทีเดียวค่ะ”
“…ได้ครับ ขอบคุณครับ”
พ่อเสี่ยวที่ดึงถุงพลาสติก เดินหนึ่งก้าวพักหนึ่งก้าว ขยับตัวออก
มู่เถาเยาสังเกตเขา
พ่อเสี่ยวที่พูดด้วยความเกรงใจ “ขอโทษทีครับ ผมป่วย แต่พวกคุณไม่ต้องห่วงนะครับ ผมไม่ได้ป่วยโรคติดต่อ มีแขกกับชาวบ้านหลายคนก็มาซื้อผักผลไม้ร้านผม”
“คุณพ่อเสี่ยวที่แขนขาไม่มีเรี่ยวแรงเหรอคะ”
“อ้า มองออกด้วยเหรอครับ”
“ฉันเป็นหมอค่ะ คุณพ่อเสี่ยวที่เหมือนป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเลยค่ะ”
“คุณเข้าใจ…” พ่อเสี่ยวที่ตื่นเต้น เสียงดังขึ้นไม่น้อย แม้จะยังดูอ่อนแรงมากก็ตาม
ผู้หญิงที่อยู่บนต้นไม้ได้ยินเสียงตื่นเต้นของสามีก็คิดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ร้อนใจเหยียบกิ่งไม้พลาดพลัดตกจากต้นไม้ “ว้าย…”
มู่เถาเยารีบเข้าไปรับคนที่ตกจากต้นไม้สูงประมาณห้าเมตรไว้ได้อย่างมั่นคง
พ่อเสี่ยวที่ไหวตัวช้าเพราะกล้ามเนื้ออ่อนแรง จึงไม่เห็นภรรยาตกจากต้นไม้ ได้ยินเพียงเสียงร้องตกใจของภรรยา
พอเขาหันไปอีกทีก็เห็นมู่เถาเยาวางภรรยาของเขาลงบนพื้นแล้ว
เด็กน้อยกู่ที่ก้มมองสาลี่ในเข่งที่ช่วยมู่เถาเยาเลือก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เขาได้ยินเสียงแม่ร้อง เงยหน้าอย่างงุนงง จากนั้นก็พบว่าพี่สาวที่เดิมทียืนอยู่กับเขาทำไมไปยืนอยู่กับแม่ได้
แล้วแม่ไม่ได้เด็ดผลไม้อยู่บนต้นเหรอ
สมองของเด็กน้อยเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
ตี้อู๋เปียนลูบศีรษะของเขาเหมือนลูบหลานๆ “เสี่ยวที่รีบเอาสาลี่ใส่ถุงเร็ว”
“ได้เลยฮะ” เด็กน้อยก้มหน้าก้มตาทำงานอีกครั้ง
พ่อเสี่ยวที่ขยับไปตรงหน้าภรรยา จับแขนของเธอพลางพูดด้วยความร้อนใจ “อาซือ เมื่อกี้ตกลงมาจากต้นไม้เหรอ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
“…ฉัน…ฉัน…เพิ่งตกต้นไม้…” แม่เสี่ยวที่ดึงสติกลับมา จับมือมู่เถาเยา “สาวน้อย ทำไมเธอ…วิ่งมารับฉันจากด้านนอกได้”
“ฉันฝึกต่อสู้ตั้งแต่เด็กค่ะ เลยวิ่งเร็วกว่าคนทั่วไป”
“…งั้นเธอบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า ขอฉันดูหน่อย”
“ฉันไม่เป็นไรค่ะคุณแม่เสี่ยวที่ ไม่โดนอะไร”
“ไม่เป็นไรก็ดีจ้ะ ขอบใจมากนะ ฉันจะเจ็บจะป่วยไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะไม่มีใครดูแลเด็กกับคนป่วยในบ้าน”
พ่อเสี่ยวที่ได้ฟังก็ขอบตาแดงขึ้นมาทันที “ขอโทษนะอาซือ ผมกับแม่ทำคุณลำบาก”
เขาเคยมีความคิดหย่าร้าง ไม่อยากเป็นตัวถ่วงให้ภรรยา แต่ไม่กล้าพูด กลัวภรรยาจะไปจริงๆ แบบนั้นเขากับแม่ก็ได้แต่รอความตาย
เขาไม่กลัวตาย เพียงแต่เขาเป็นลูก จะปล่อยให้แม่…ก็เลยได้แค่ยื้อเวลาวันแล้ววันเล่า…
แม่เสี่ยวที่พูดด้วยความโกรธ “กู่เผิง ฉันบอกตั้งกี่ครั้งแล้วว่าอย่าพูดอะไรแบบนี้อีก! พวกเราเคยพูดกันตอนแต่งงานว่า ไม่ว่าจะแข็งแรงหรือเจ็บป่วย ยากจนหรือร่ำรวย พวกเราก็ต้องอยู่ด้วยกันไปจนวันสุดท้ายของชีวิต”
“อาซือ…”
ตอนที่ 553 ราวกับเห็นนางสวรรค์
แม้จะเป็นเรื่องราวที่ดูโชคร้าย แต่มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนก็ซึ้งใจ
ในสังคมสมัยนี้ คู่สามีภรรยาที่ทำได้ถึงขั้นนี้มีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย
ประสบความลำบากถึงเห็นน้ำใจที่แท้จริง
มู่เถาเยาเห็นพวกเขายิ่งพูดยิ่งเสียใจจึงตั้งใจขัดจังหวะ “คุณพ่อเสี่ยวที่คะ ถ้าไม่ถือสาขอฉันจับชีพจรดูหน่อยได้ไหมคะ”
“ใช่ค่ะ ฉันเรียนหมอเรียนต่อสู้มาตั้งแต่เด็กค่ะ”
กู่เผิงพ่อเสี่ยวที่ “ไม่ถือสาอยู่แล้วครับ ก็แค่โรคที่ผมเป็นเคยไปหาหมอที่เชี่ยวชาญมาหลายคน แต่ก็จนปัญญา…”
เขาไม่อยากทำร้ายจิตใจสาวน้อยที่ดูไม่ค่อยเหมือนหมอคนนี้
“ถ้าเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงจริง ตอนนี้ยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด โรคของคุณพ่อมองภายนอกอาการเหมือนโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง แต่ฉันยังไม่เคยตรวจเลยยังฟันธงไม่ได้ค่ะ”
“หมอที่เชี่ยวชาญก็บอกฟันธงไม่ได้ แถมยังบอกว่าเป็นโรคแปลก น่าจะเป็นโรคที่ซับซ้อน…”
“คุณพ่อเสี่ยวที่นั่งลงค่อยๆ เล่านะคะ”
“ครับ”
แม่เสี่ยวที่หันไปเรียกลูกชาย “เสี่ยวที่ กลับบ้านไปยกเก้าอี้มาสองตัวให้พวกพี่ๆ เขานั่ง”
กู่ที่รีบปล่อยสาลี่แล้ววิ่งเข้าไปด้านในทันที
มู่เถาเยาพูดกับตี้อู๋เปียน “พี่สามช่วยกลับโรงแรมไปเอากล่องยาให้ฉันทีค่ะ”
“ได้”
“เดี๋ยวก่อนค่ะ” แม่เสี่ยวที่เรียกตี้อู๋เปียนที่กำลังจะไป จากนั้นก็หยิบถุงพลาสติกใส่แตงกวาผลอวบอิ่มกับมะเขือเทศเล็กที่ยังไม่เด็ดออกมาจากกิ่ง พร้อมคว้าถุงสาลี่ถุงใหญ่ที่ลูกชายใส่ไว้ให้ตี้อู๋เปียน
“น้องผู้หญิงช่วยพี่ไว้ แต่บ้านพี่ไม่มีอะไรที่มีค่าเลย อย่ารังเกียจของแค่นี้เลยนะจ๊ะ”
เงินจากการขายผักขายผลไม้เท่านี้นอกจากต้องเอาไว้ใช้ดำรงชีวิตแล้วก็ยังต้องเก็บไว้ให้สามีกับแม่สามีรักษาตัว ไม่ใช่ว่าเธองกหรืออะไร
ตี้อู๋เปียนรับไป “ไม่หรอกครับ น้องคนนี้ชอบกินผักผลไม้มาก ขอบคุณคุณแม่เสี่ยวที่มากครับ” เขาเอากลับไปก่อน จากนั้นค่อยพกเงินสดมาจากโรงแรม พอถึงตอนนั้นค่อยแอบวางไว้ให้
แม่เสี่ยวที่ดีใจมาก
เธอกลัวจะถูกรังเกียจ
ถ้าเป็นคนที่ไม่เกี่ยวข้องกัน จะมองยังไงเธอก็ไม่สนใจ แต่น้องผู้หญิงคนนี้ช่วยชีวิตเธอเอาไว้ ไม่ใช่คนที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลย แต่เป็นผู้มีพระคุณ
ถึงแม้ตกจากต้นไม้สามเมตรจะไม่ถึงกับตาย แต่เรื่องบาดเจ็บต้องมีแน่นอน กระดูกหักเส้นเอ็นอักเสบใช้เวลารักษานาน ในบ้านยังจะเหลือเงินให้รักษาตัวอีกเหรอ แล้วใครจะดูแลคนป่วยกับเด็ก
ดังนั้นบอกว่าเป็นผู้มีพระคุณก็ดูไม่มากเกินไป
ก็แค่พวกเขาไม่มีของมีค่าที่จะตอบแทนได้ ทำได้เพียงระลึกบุญคุณไว้ในใจ
หลังจากตี้อู๋เปียนออกไปแล้วมู่เถาเยาก็กระโดดขึ้นต้นไม้ก่อน อุ้มเข่งผลไม้ที่แม่เสี่ยวที่เด็ดไว้ลงมา กลัวว่าเดี๋ยวอีกสักพักกิ่งไม้รับน้ำหนักไม่ไหวจะหักลงมา…
สองสามีภรรยาเห็นกับตาว่ามู่เถาเยากระโดดขึ้นต้นไม้สูงได้อย่างสบายๆ อุ้มเข่งที่เต็มไปด้วยสาลี่ลงมาวางคู่กับสองเข่งข้างแผงผัก ทั้งหมดทั้งมวลนี้เกิดขึ้นในเวลาไม่กี่วินาที
สองสามีภรรยามองมู่เถาเยาตาค้าง ราวกับเห็นนางฟ้านางสวรรค์
“ฉันเรียนต่อสู้แต่เด็ก วิทยายุทธ์โบราณน่ะค่ะ เลยต้องฝึกวิชาตัวเบาด้วย”
“อ้อๆ…”
มู่เถาเยาไปตักน้ำจากบ่อขึ้นมาล้างมือแล้วหยิบกระดาษทิชชูในกระเป๋าออกมาเช็ด เตรียมจับชีพจรให้พ่อเสี่ยวที่
“คุณแม่เสี่ยวที่คะ รบกวนเอาประวัติการรักษาของคุณพ่อเสี่ยวที่มาให้ทีนะคะ”
“ได้เลยจ้ะ” พอได้ยินว่ารักษา แม่เสี่ยวที่ก็ได้สติอย่างรวดเร็ว
เด็กน้อยกู่ที่ยกเก้าอี้สองตัวมาเสร็จก็นั่งเรียบร้อยอยู่ด้านข้าง มองพี่สาวกับพ่อด้วยความสงสัย
มู่เถาเยาจับชีพจรที่ข้อมือทั้งสองข้าง จากนั้นก็ตรวจดูแขนขา ดวงตา ลิ้นและอื่นๆ ใช้เวลาครุ่นคิด
เด็กน้อยเห็นพี่สาวนิ่งไปจึงถามขึ้น “พี่สาวรักษาพ่อผมอยู่เหรอ”
“ใช่จ้ะ”
“ไว้ผมโตขึ้นผมก็อยากเป็นหมอ รักษาพ่อกับย่าให้หาย” ดวงตาของเด็กน้อยเปล่งประกาย
“งั้นต้องตั้งใจเรียนในโรงเรียนนะ”
เด็กน้อยพยักหน้าหงึก ๆ
แม่เสี่ยวที่เดินออกมาจากบ้าน เอาประวัติการรักษาในมือยื่นให้มู่เถาเยา “ประวัติการรักษามาแล้วจ้ะ มีทั้งของพ่อกับย่าของเสี่ยวที่”
มู่เถาเยารับมาเปิดดูทีละหน้า ไม่นานก็ดูจบ
ท่าทางแบบนี้ในสายตาแม่เสี่ยวที่ เธออดรู้สึกผิดหวังไม่ได้
เปิดแบบนี้ไม่ได้อ่านทุกตัวอักษรหรือเปล่า
เด็กสาวคนนี้…ดูเหมือนไม่ค่อยตั้งใจเท่าไร…
มู่เถาเยาปิดสมุดประวัติการรักษา “คุณแม่เสี่ยวที่คะ ฉันอยากตรวจคุณย่าของเสี่ยวที่ค่ะ”
“…จ้ะ พี่จะพาเข้าบ้านนะ ย่าเสี่ยวที่ป่วยหนักกว่าพ่อเสี่ยวที่ แทบจะไม่ได้ออกไปไหนเลย”
อย่างไรเสียก็ผู้มีพระคุณ จะให้ทำลายความมั่นใจก็ไม่ได้ ถึงแม้จะดู…เหมือนเล่นๆ…
เด็กน้อยก็ยืนขึ้น แต่พ่อดึงไว้ “เสี่ยวที่ อยู่ขายผักขายสาลี่เป็นเพื่อนพ่อนี่แหละ”
มู่เถาเยาหยุดเดิน หยิบคุกกี้หมีในกระเป๋าผ้าออกมาแล้วเดินกลับ “เสี่ยวที่ นี่เป็นค่าตอบแทนที่เมื่อกี้พาพี่ๆ ไปดูดวงอาทิตย์ขึ้นนะ”
เด็กน้อยมองพ่อตัวเอง
พ่อเสี่ยวที่เห็นเป็นขนมก็พยักหน้า เด็กน้อยถึงยื่นมือออกไปรับมาแล้วพูดขอบคุณ
มู่เถาเยาลูบศีรษะของเขาแล้วเดินตามแม่เสี่ยวที่เข้าไปข้างในต่อ