บทที่ 357 การแข่งขันของกลุ่มอัจฉริยะฟ้าประทาน
สวี่ชิงเห็นหญิงชุดแดงก็จำนางได้
หญิงชุดแดงเห็นสวี่ชิงแล้วเช่นกัน สองตาใต้หน้ากากกลับเรียบสงบไร้ระลอกคลื่นใด
นางไม่รู้จักสวี่ชิง และไม่ได้สนใจรูปลักษณ์ภายนอกของสวี่ชิงเลยแม้แต่น้อย
นางเห็นความอัปลักษณ์น่าเกลียดของมนุษย์มามากมายตั้งแต่ยังเล็ก และเข้าใจดีว่าหน้าตานั้นเป็นเพียงเปลือกนอกเท่านั้น ต่อให้จะหน้าตาดีเพียงใด ถ้ามาหาเรื่องนาง สภาพเน่าเปื่อยหลังจากที่ฆ่า ก็เหมือนกับการเน่าเปื่อยของพวกคนหน้าตาอัปลักษณ์
ไม่แตกต่างกัน
และพริบตาต่อมาเคียวยมทูตผีร้ายของนางก็สื่อจิตเทพมา เพียงพริบตาดวงตาเรียบสงบของนางก็เกิดประกายเย็นเยียบ
“มือภูตกับเจ้าหมาบ้าอยู่ที่นี่ มือภูตอยู่บนเสาตรงหน้า ส่วนเจ้าหมาบ้าอยู่ในกลุ่มคนด้านล่าง”
หญิงชุดแดงยิ้มเย็น จ้องมองสวี่ชิงบนเสาอย่างพินิจ ถอนสายตากลับมา
ที่นี่มีกฎห้ามสังหารคน นางจึงตัดสินใจจะแอบหาโอกาส หาวิธีเล่นงานอีกฝ่ายให้ตาย
ดวงตาสวี่ชิงก็เย็นชาเช่นกัน เวลานี้ก็ปล่อยมือ ร่างร่วงลงจากเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะ
และพริบตาที่ร่างของเขาออกจากเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะ แสงมหัศจรรย์หลายสายก็ระเบิดออกมาจากเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะ
แสงนี้พรั่งพรู ทำให้คนทั้งหมดที่นี่ตกตะลึง สีหน้าพรั่นพรึง กระทั่งหลุดอุทานออกมาไม่น้อย
“แสงพวกนั้น!”
“สวรรค์!”
“นี่มันเกินไปแล้ว!!”
“สมแล้วที่เป็นศิษย์น้องของเฉินเอ้อร์หนิว ยอดเยี่ยมจริงๆ หลังจากนี้เราเรียกเขาว่าสวี่ซานหนิวกันเถอะ!”
ต้องรู้ว่าที่สวี่ชิงทะยานขึ้นไปตลอดระยะทางจนถึงพันจั้งก่อนหน้า กลายเป็นอันดับหนึ่งของคนที่เข้าร่วมครั้งนี้ กลุ่มคนที่จ้องมองอยู่เบื้องล่างก็เพียงวิพากษ์วิจารณ์กันไปมา ไม่ถึงกับอุทานตกตะลึง
ทว่าตอนนี้ พวกเขาไม่ตกตะลึงไม่ได้
เพราะแสงที่สาดออกมาจากเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะมากเกินไปจริงๆ
หลายครั้งที่คนอื่นที่ปีนเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะแล้วได้รับไปสองถึงสามสาย ถ้าดวงแย่หน่อยก็ไม่ได้ไปสักสาย ถึงอย่างไรรางวัลของเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะก็มีความเป็นไปได้อยู่หลายส่วน
แม้จะบอกว่ายิ่งปีนป่ายขึ้นไปสูง ยิ่งขับไล่วิญญาณอาฆาตมาก โอกาสที่จะได้รางวัลก็ยิ่งมากตาม แต่ตอนนี้แสงที่สาดออกมามีถึงสิบหกสาย
กลุ่มแสงสิบหกสายล้วนเปล่งประกายเจิดจ้า ดึงดูดสายตาทั้งหมด สั่นสะเทือนจิตใจพวกเขา
สวี่ชิงไม่ได้รู้สึกเกินคาด
เขาก่อนหน้านี้พบแล้วว่าขอแค่วิญญาณอาฆาตในทะเลความรู้สึกถูกทำลาย เสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะก็จะสื่อคลื่นจิตเทพรางวัลออกมา
และวิญญาณอาฆาตที่เขาทำลายไปก็สิบหกตนพอดี
ดังนั้นเขาเตรียมใจสำหรับเรื่องนี้ไว้แล้ว และคิดไว้แล้วว่าจะรับมืออย่างไรเช่นกัน
ถึงอย่างไรเรื่องนี้จะใช้ดวงอย่างเดียวมาอธิบายก็ยาก คนที่นี่ไม่ใช่คนโง่ จะต้องมีคนสงสัยแน่ และแทนที่จะให้คนคาดเดา สวี่ชิงรู้สึกว่าสู้ชี้แนวทางเองเลยจะดีกว่า
เขาจึงยกมือขวาขึ้น ฉับพลันตราประทับวิญญาณศึกเจ็ดสิบกว่าตราก็ปรากฏขึ้นบนมือ เวียนวนรอบๆ ก่อตัวขึ้นเป็นเจตจำนงต่อสู้สะเทือนสวรรค์ ครืนครันฟ้าดิน
เมื่อตราประทับวิญญาณศึกออกมาก็มีเสียงฮือฮาอีกครั้ง
ในกลุ่มคนมีชายกลางคนหน้าปรุอัปลักษณ์หนึ่ง หลังจากเห็นภาพนี้ก็ถลึงตาโต แอบสัมผัสตราสี่สิบกว่าตราที่อยู่ในร่างกายตนเอง รู้สึกเลื่อนลอยเล็กน้อย
ท่ามกลางความตกตะลึงของผู้คน ขณะที่ตราประทับวิญญาณศึกเหล่านั้นวนเวียน แสงจ้าสิบหกสายจากเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะก็พุ่งเข้าหาสวี่ชิง ล้อมรอบกายเขา กลายเป็นปราณหมอกสีต่างๆ เข้าไปที่มือของเขา
ในปราณหมอกเหล่านี้ สวี่ชิงสัมผัสได้ถึงปราณธาตุทองซ่างจางสามสาย ส่วนที่เหลือคือปราณอื่น เช่นปราณจานเหมิงรวมถึงปราณแห่งแสงซุ่ยหยางเป็นต้น
แต่น่าเสียดาย ในนี้ไม่มีวิชาสืบทอดอยู่เลย
แต่ก็เข้าใจได้ ถึงอย่างไรสิ่งที่มีอยู่น้อยที่สุดบนเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะก็คือวิชาสืบทอดนั่นเอง
ถึงอย่างไรหลังจากที่อาวุธนี้ปรากฏขึ้น ผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์มากมายหลายยุคสมัยปีนที่นี่เป็นระยะเวลาหลายต่อหลายปี ก็ปรากฏขึ้นมาแค่สามร้อยกว่าครั้งเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้นคนเหล่านั้นก็อยู่ที่ระดับสูงกว่าหนึ่งพันจั้งทั้งสิ้น ถึงจะได้สืบทอดวาสนามา
แต่สำหรับสวี่ชิง กลิ่นอายสิบหกสายนี้ก็ถือเป็นของชั้นดี โดยเฉพาะปราณธาตุทองซ่างจาง
ส่วนกลิ่นอายอื่นๆ เขาสามารถนำไปแลกเปลี่ยนกับคนอื่นได้
ดังนั้นท่ามกลางความตกตะลึงและอิจฉาของผู้คน สวี่ชิงจึงร่อนลงพื้นแล้วออกจากที่นี่ทันที
เขารู้ว่าตราประทับวิญญาณศึกของตนเองสามารถดึงความสนใจของผู้บำเพ็ญทั่วไป แต่ไม่อาจปิดบังโถงครองกระบี่ได้ ทว่าต่อให้สืบสาวราวเรื่องนี้จนถึงที่สุด เขาก็ไม่ได้กลัวเลย
เขาได้เงาเขาจักรพรรดิภูตมาอย่างถูกต้อง ขณะเดียวกันตอนที่ปีนก่อนหน้านี้ก็สัมผัสบางอย่างได้ว่าอักขระกับรูปสักการะบนเสา มีจำนวนมากที่อยู่ในสภาพหม่นหมอง
สภาพเหมือนกับอักขระสักการะหลังจากที่วิญญาณอาฆาตถูกเขาทำลายไม่ผิดเพี้ยน
เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้ เคยเกิดภาพเช่นเดียวกันมาก่อน
ดังนั้นสวี่ชิงจึงสงบใจ พุ่งทะยานออกไปท่ามกลางความเคารพยำเกรงจากศิษย์สำนักต่างๆ
หลังจากกลับมาก็เรียกเจ้าใบ้มาทันที ให้เขาไปหาผู้บำเพ็ญที่อยากแลกเปลี่ยนปราณมหัศจรรย์เหล่านี้ และต้องการใช้สิ่งของแลกกับปราณธาตุทองซ่างจาง
แม้เจ้าใบ้จะพูดไม่ได้ แต่มีวิธีการสื่อสารอยู่ หลังจากพยักหน้าก็รีบออกไปตามหา
สวี่ชิงนั่งลงขัดสมาธิ ขัดเกลาหล่อหลอมเขาจักรพรรดิภูตในทะเลความรู้สึกให้ค่อยๆ ฟื้นฟูกลับมาจากสภาวะเต็มอิ่ม ขณะเดียวกันก็หล่อหลอมเหล็กแหลมสีดำอีกครั้ง
ไม่นานก็ผ่านไปถึงสิบวันเช่นนี้
ในสิบวันนี้ คำวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับสวี่ชิงยังแพร่สะพัดอยู่ในเมืองมรรคาสวรรค์พ้นพันธะอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่เขาเผยตราประทับวิญญาณศึกเจ็ดสิบกว่าตราออกมาในตอนท้าย ทำให้ผู้บำเพ็ญไม่น้อยเข้าใจว่าบางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ได้รับรางวัลมากขึ้น
แน่นอนว่ายังมีการคาดเดาอื่นอยู่อีก แต่ส่วนใหญ่ยังเลื่อนลอย ดังนั้นข่าวลือเรื่องที่ตราประทับวิญญาณศึกสามารถเพิ่มรางวัลได้จึงค่อยๆ แพร่ออกไป
และที่บังเอิญก็คือมีคนตรวจสอบบันทึกโบราณ พบว่าเจ็ดร้อยปีก่อนเคยมีคนค้นพบเรื่องประมาณนี้ด้วย ตอนนั้นคนผู้นั้นก็มีพลังบำเพ็ญแก่นลมปราณวังสวรรค์เช่นกัน ระดับความสูงที่ปีนป่ายขึ้นไปสูงยิ่งกว่าถึงหนึ่งพันห้าร้อยกว่าจั้ง ได้รับรางวัลมาถึงยี่สิบกว่าสาย
ตอนนั้นอีกฝ่ายเองก็เผยตราประทับวิญญาณศึกออกมาหกสิบกว่าตรา
และต่อมาคนผู้นี้ก็ยังสำเร็จการทดสอบจนกลายเป็นผู้ครองกระบี่ และด้วยพลังบำเพ็ญเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง การปีนรอบหลังๆ ก็ยิ่งสูงขึ้น แม้จะยังพอได้รางวัลบ้าง แต่ก็ไม่ได้เกินจริงอะไร มากกว่าคนทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้น
ส่วนเรื่องสถานะอย่างละเอียดไม่ได้จดบันทึกเอาไว้
เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงมีคนส่วนหนึ่งยิ่งเชื่อมั่นว่าวิธีการสัมผัสรับรู้ตราประทับวิญญาณศึกสามารถเพิ่มความเป็นไปได้ในการได้รับรางวัล จึงเกิดกระแสสัมผัสรับรู้กันอย่างคึกคัก
จนกระทั่ง…วันที่สิบหลังจากที่สวี่ชิงปีนป่ายเสร็จ หญิงชุดแดงคนหนึ่งก็เดินมา และเริ่มปีนป่ายเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะ การปรากฏตัวของนางดึงดูดความสนใจจากผู้คนไม่น้อย เพราะตัวตนของนางนั้นไม่ธรรมดา
ธิดาเทพลัทธินอกวิถี ชิงชิว
ความเร็วของนางน่าตกตะลึงยิ่งกว่า ขณะที่รุดหน้า สุดท้ายก็ไปถึงความสูงหนึ่งพันจั้งที่เหนือกว่าสวี่ชิงไปแล้ว ขณะที่มีเสียงฮือฮา นางก็ยังไม่หยุด และปีนป่ายต่อไป
จนสุดท้ายนางก็มาถึงระดับความสูงหนึ่งที่พันห้าร้อยจั้ง กลายเป็นอันดับหนึ่งของผู้เข้าร่วมครั้งนี้ ตอนนี้จึงปล่อยมือลงมา ได้รับแสงไปสองสาย
และเมื่อสวี่ชิงกับชิงชิวขึ้นเป็นอันดับหนึ่งตามลำดับ ก็เหมือนกระตุ้นศิษย์สำนักต่างๆ ที่เดิมไม่คิดจะมาปีนป่ายเหล่านั้น ในวันต่อมาจึงมีศิษย์ที่เก็บงำพลังต่อสู้บางคนปรากฏตัวผุดเป็นดอกเห็ด
คนที่ผ่านหกร้อยจั้งได้มีไม่น้อย ผ่านแปดร้อยจั้งไปมีบางส่วน กระทั่งที่ข้ามระดับความสูงหนึ่งพันจั้งก็ยังมีถึงเจ็ดแปดคน
ในเจ็ดแปดคนนี้มีสามคนมาจากสำนักเล็กๆ คนอื่นเป็นสำนักใหญ่ เช่นลัทธินอกวิถี พันธมิตรแปดสำนัก สำนักเซียนลำบารมี
ของลัทธินอกวิถีเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง ส่วนของพันธมิตรแปดสำนักทำให้สวี่ชิงรู้สึกเกินคาด นั่นคือซือหม่าหรูจากสำนักล่าสิ่งประหลาด ก่อนหน้าหญิงสาวคนนี้เหมือนจะปิดด่าน ไม่ปรากฏตัวออกมาเลย ตอนนี้ออกมาก็ขึ้นไปถึงหนึ่งพันจั้ง
ส่วนผู้บำเพ็ญที่มาจากสำนักเล็กๆ มีชายหนุ่มคนหนึ่งอายุราวๆ สิบหกสิบเจ็ดปี ระดับความสูงที่เขาปีนได้คือหนึ่งพันสี่ร้อยจั้ง รองจากหญิงชุดแดงชิงชิวเท่านั้น
แต่หญิงชุดแดงอย่างชิงชิวก็ไม่ใช่ที่หนึ่งอีกแล้ว
ตำแหน่งอันดับหนึ่งถูกผู้บำเพ็ญกลางคนจากสำนักเล็กๆ คนหนึ่งได้ไปครอง ผู้บำเพ็ญกลางคนหน้าปรุ คนนี้ปกติชอบวิพากษ์วิจารณ์อยู่ในกลุ่มคน โดยเฉพาะชอบพูดเกี่ยวกับเรื่องมิตรภาพระหว่างสวี่ชิงกับเฉินเอ้อร์หนิว
ตอนแรกเริ่มการปีนป่ายของเขา เกิดเสียงหัวเราะขึ้นไม่น้อย
แต่ไม่นานเสียงหัวเราะก็ค่อยๆ เลือนหายไป
หลังจากเขามาถึงหนึ่งพันจั้ง เสียงหัวเราะก็เปลี่ยนเป็นความสั่นสะเทือน
จนกระทั่งเขาไปถึงหนึ่งพันห้าร้อยจั้ง ความสั่นสะเทือนก็แปรเป็นความสะพรึง
และความสูงสุดท้ายของเขา คือหนึ่งพันเก้าร้อยจั้ง
ตำแหน่งนี้ ทำให้คนที่เห็นทั้งหมดหวาดผวา กระทั่งมีคนเริ่มสงสัยอายุและพลังบำเพ็ญของคนผู้นี้แล้ว ดูอย่างไรเขาก็คือวัยกลางคน
แต่กฎของที่นี่คือคนที่จะเข้าร่วมทดสอบผู้ครองกระบี่จะอายุเกินยี่สิบห้าปีไม่ได้ แต่ไม่มีกฎบอกว่าคนที่จะปีนป่ายห้ามเกิน
เมื่อถูกแซงไป หญิงชุดแดงอย่างชิงชิวก็เลือกปีนขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้แม้จะยังเหนือกว่าไม่ได้ แต่ก็มาถึงหนึ่งพันแปดร้อยกว่าจั้งแล้ว
ส่วนคนอื่น ก็พากันปีนป่ายอีกหลายครั้ง
ชั่วขณะหนึ่ง อัจฉริยะฟ้าประทานผุดขึ้นมา ทั่วทั้งเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะจึงคึกคักเหลือประมาณ
และตอนนี้เอง เขาจักรพรรดิภูตในทะเลความรู้สึกของสวี่ชิงก็หล่อหลอมเสร็จสิ้น รอยแตกหายไปแล้ว ทั่วทั้งร่างดูสมจริงมากขึ้น หน้าตาก็คล้ายคลึงกับสวี่ชิงไปแล้วเจ็ดส่วน
โดยเฉพาะท่วงทำนองเต๋า ยิ่งแผ่จำกายทั่วทะเลความรู้สึกของสวี่ชิง ทำให้จิตวิญญาณของสวี่ชิงถูกหล่อเลี้ยง และยิ่งแข็งแกร่งขึ้น สายตาก็ยิ่งดูมีจิตวิญญาณมากขึ้น
และการหล่อหลอมเหล็กแหลมสีดำก็ราบรื่นมาก ถึงแม้เจ้าใบ้จะยังไม่ได้แลกเปลี่ยนมาทั้งหมด แต่ก็แลกปราณธาตุทองซ่างจางมาให้สวี่ชิงได้ถึงเจ็ดสาย
และนี่ยิ่งทำให้รอยแตกของเหล็กแหลมสีดำหายไป เข้าสู่ขั้นตอนการหลอมเป็นอาวุธเวท
เห็นเป็นเช่นนี้ ดวงตาสวี่ชิงก็เปล่งประกาย เขาเตรียมตัว…จะปีนเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะอีกครั้ง
“ครั้งนี้จะต้องได้ปราณธาตุทองซ่างจางให้มากพอ!”
พร้อมหับความคิดนี้ สวี่ชิงก็เคลื่อนไหว
และการเคลื่อนไหวของเขา ก็ดึงดูดความสนใจอย่างรวดเร็ว ถึงอย่างไรหลายวันนี้ทุกคนกำลังเฝ้ารอสวี่ชิงปีนอีกครั้งอยู่ จะดูว่าเขาจะกลับไปเป็นที่หนึ่งได้อีกครั้งหรือไม่
ไม่ใช่แค่ศิษย์ทั่วไปที่คิดเช่นนี้ เหล่าอัจฉริยะฟ้าประทานที่มีชื่อบนเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะในช่วงนี้ก็เช่นกัน แต่ละคนจับจ้องไปที่สวี่ชิง
ดังนั้นขณะที่สวี่ชิงมาถึงเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะแล้วกระโจนขึ้นไปปีนป่าย อัจฉริยะฟ้าประทานเหล่านี้ก็เคลื่อนไหวเช่นกัน
หญิงชุดแดงพุ่งออกไปคนแรก ตรงไปที่เสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะ แข่งขันกับสวี่ชิงในอีกทางหนึ่ง
อัจฉริยะฟ้าประทานคนอื่นก็เช่นเดียวกัน คนที่ไปได้สูงกว่าหนึ่งพันจั้งทั้งหมดเข้าร่วม
ในนี้รวมไปถึงผู้บำเพ็ญกลางคนหน้าปรุคนนั้นด้วย หลังจากที่เขากะพริบตาปริบๆ ก็กระโจนขึ้นไปเริ่มปีนป่ายเช่นกัน
ภาพนี้ ดึงดูดความสนใจผู้บำเพ็ญทั้งหมดในเมืองมรรคาสวรรค์ทันที และดึงดูดสายตาของบรรพจารย์จากสำนักต่างๆ ด้วย กระทั่งโถงครองกระบี่บนท้องฟ้าก็ยังจดจ้องมาทางนี้
นี่คือการแข่งขันของกลุ่มอัจฉริยะฟ้าประทาน!