“อุบ…”
“นี่โอโตฮะ อย่าให้พุ่งเชียวนะ ดูนั่น มองออกมาข้างนอกสิ”
“อ- อึก รู้สึกไม่ดีสุดๆ เลยเจ้าค่ะ…”
“เธอสร้างยาแก้เมามาใช้เองไม่ได้เหรอคะ?”
“เคยบอกไว้แล้วนี่เจ้าคะ ว่า ‘ฉันสร้างพิษได้มากเท่าที่ต้องการเลย แต่ยานั้นมันซับซ้อนเกินไป หากไม่ได้วิเคราะห์ถึงองค์ประกอบของมันอย่างตรงเป๊ะๆ ล่ะก็ ฉันจะสร้างยานั้นๆ ไม่ได้เลย’ น่ะ”
หลังจากที่เตรียมการกัน ในเวลาเช้าของอีก 2 วันต่อมา พวกเราก็นั่งรถม้าโคลงกันไปเคลงกันมา ในขณะที่มุ่งหน้าตรงไปยังชายแดนของสหพันธ์สาธารณรัฐฟีร่า
และหลังจากที่โคลงเคลงกันมาได้ซักพัก โอโตฮะก็เมารถม้าเป็นที่เรียบร้อย
“งั้น อาจจะลองสูดอากาศข้างนอกซักหน่อย หรือไม่ก็คลายเข็มขัดตัวเองลงซักนิดมั้ยล่ะคะ”
“ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่หนาวของปีนะ เปิดหน้าต่างมาก็คงได้เจออากาศเย็นไหลเข้ามาในตัวรถแน่ แต่เราก็ไม่มีทางเลือกเท่าไหร่หรอกนี่นะ”
“ฉ- ฉันทำเองเจ้า-… อุบ!”
โอโตฮะเปิดหน้าต่างออกด้วยท่าทางที่พะอืดพะอมเต็มทนกับหน้าที่ซีดเผือดไปหมด ก่อนที่เธอจะทิ้งตัวกลับลงนั่งอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง
น่าตกใจเหมือนกันนะ นึกไม่ถึงเลยว่าระบบการทรงตัวของโอโตฮะจะอ่อนแอขนาดนี้เลย
“ต- ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นบ้างนิดหน่อยแล้วเจ้าค่ะ…”
“อย่าพยายามสั่นหัวนะคะ ในสภาพแบบนี้ ถ้าเกิดมีแรงสั่นสะเทือนเข้าไปอีกล่ะก็ มีหวังคงได้พุ่งจริงๆ แน่แล้วล่ะค่ะคราวนี้”
“ฉันก็อยากรากออกมากเลยนะเจ้าคะ แต่ด้วยเกียรติของเด็กสาวแล้ว-… อุบ!”
ในสถานการณ์แบบนี้ ทางที่ดีที่สุดแล้ว ตามปกติก็ควรเอาอะไรก็ตามข้างในท้องเธอออกไปซะล่ะนะ แต่ดูเหมือนไม่ว่ายังไง เธอก็ไม่อยากจะทำแบบนั้นเลยจริงๆ
“ท่านโนอะ ช่วยรักษาให้ไม่ได้เหรอคะ?”
“ไม่ได้หรอก รถม้ายังส่ายไปมาไม่หยุดอยู่แบบนี้ ต่อให้ฉันจะช่วยรักษาให้ไปทีนึง ไม่นานอาการก็จะกลับมาอีกอยู่ดี”
“นั่นสินะคะ อาเระ จะว่าไป เธอไม่เป็นอะไรเลยเหรอ สแต?”
“……? ก็ไม่เป็นอะไร”
“ง- งั้นเหรอ ทั้งๆ ที่ก่อนเราออกมา เธอกินขนมไปตั้งขนาดนั้นเลยน่ะนะ”
ถ้าคนที่กินฮอทเค้กขนาดนั้นไปเป็นโอโตฮะล่ะก็ ทุกอย่างในท้องของเธอมีหวังได้พุ่งออกมาแทบจะทันทีไปแล้วล่ะ
“จะว่าไป อาการเมารถมันเกิดขึ้นได้ยังไงกันนะ?”
“ค- คือ… ครั้งแรกที่ฉันได้นั่งรถม้า ก็เป็น 2 ปีก่อนที่มารับใช้คุณหนูนี่แหละเจ้าค่ะ ตอนนั้น ฉันก็รู้สึกเหมือนจะตายอยู่แล้วเหมือนก-… อุบ!”
“เอ ดูเหมือนจะไม่เป็นที่รู้กันในโลกนี้สินะคะ”
“ที่อีกโลกนึงรู้งั้นเหรอ?”
“คือ ฉันก็ไม่รู้ในรายละเอียดหรอกนะคะ แต่เห็นว่าในหูเราจะมีส่วนที่เรียกว่าระบบการทรงตัว พอเจ้านี่ถูกเขย่า มันจะส่งสัญญาณไปที่สมอง แล้วก่อให้เกิดอาการเวียนหัวได้ค่ะ การกินอาหารมากเกินไปหรือการได้กลิ่นบางอย่างเองก็เห็นว่าจะเป็นสาเหตุได้เหมือนกัน”
“มีประโยชน์จริงๆ เลยนะ ความรู้จากต่างโลกเนี่ย อาระ? ถ้าสาเหตุมาจากการสั่นไหว งั้นโอรันก็ให้ [ต้านทานต่อการสั่นไหว] กับโอโตฮะก็ได้นี่?”
จริงด้วยสิ
ถ้ามันมีเวทนั้นอยู่ในบรรดาความต้านทานที่โอรันสามารถมอบให้ได้ ฉันก็คงคิดว่ามันไม่มีประโยชน์ให้ได้ใช้เท่าไหร่หรอก แต่นี่มันสถานการณ์ที่ยอมเยี่ยมสำหรับการใช้เวทนั้นเลยนี่นา
“เข้าใจแล้วครับ {มอบความต้านทาน • การสั่นไหว}”
เวทมนตร์ของโอรันคลุมรอบตัวของโอโตฮะ
แล้วจากนั้น
“อาระ? …หายแล้ว!”
“สะดวกดีจังเลยนะคะ เวทมนตร์สายต้านทานเนี่ย”
“มันอยู่ได้ไม่ต่อเนื่องนานขนาดนั้นหรอกครับ เดี๋ยวต้องคอยร่ายออกมาเรื่อยๆ ด้วย ยุ่งยากน่าดูเลยล่ะครับ”
ดูเหมือนจะได้ผลดีเลย
โล่งอกไปที นึกว่าเราจะต้องทิ้งเกียรติและศักดิ์ศรีของโอโตฮะเอาไว้ที่นี่ซะแล้วสิ
“ฟิ่ว ช่วยไว้ได้พอดีล-… บรื๋อ! หนาวจัง!”
“ถ้าคิดแบบนั้นก็รีบปิดหน้าต่างซะสิ”
โอโตฮะรีบปิดหน้าต่างรถม้าลง แล้วข้างในตัวรถก็อุ่นขึ้นอย่างรวดเร็วจากไอเท็มเวทมนตร์ที่หาได้ยากในโลกนี้อย่างหินที่มีคุณสมบัติในการแผ่ความร้อนออกมา
“ฟู่ว~ นึกว่าการเดินทางครั้งนี้จะเป็นนรกเลยซะแล้วสิ แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นไรแล้วนะเจ้าคะ จะว่าไป กว่าจะถึงสหพันธ์สาธารณรัฐฟีร่านี่ยังอีกไกลแค่ไหนเหรอเจ้าคะ?”
“คิดว่าอีก 4 วันได้นะ แล้วก็ใช้อีก 2 วันก็จะถึงที่หมายปลายทางของพวกเรา รวมๆ แล้วก็คง 6 วัน”
“ไกลน่าดูเลยนะคะ”
“ตอนที่ผลของความต้านทานเสื่อมลงไป เธอก็บอกโอรันซะด้วยล่ะ”
ตอนที่ฉันมองออกไปนอกหน้าต่าง ฉันก็เห็นว่ารถม้าค่อยๆ เข้ามาในเขตป่าแล้ว
ครั้งนี้ พวกเรามีรถม้า 3 คัน เรานั่งกันอยู่ในรถคันกลาง ขนาบหน้าหลังด้วยรถม้าอีกข้างละคัน เหมือนกับเป็นการช่วยคุ้มกัน
ในนั้นก็มีพวกข้ารับใช้กับพวกบอดี้การ์ดนั่งกันอยู่ แต่เอาจริงๆ คนที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือพวกเรา 5 คนที่นั่งกันอยู่ในรถม้าคันนี้นี่แหละ จริงๆ พวกเราไม่จำเป็นต้องเอาพวกเขามาด้วยเลยก็ยังได้
“ในป่านี้เองก็มีพวกสัตว์ประหลาดโผล่ออกมาด้วยเหมือนกัน คอยเฝ้าระวังเผื่อเอาไว้ก่อนกันด้วยนะคะ”
ทุกคนเมื่อได้ยินคำเตือนของฉันก็พยักหน้าตอบรับกันหมด
แต่ถึงจะระวังกันแล้วก็ตาม ปัญหามันก็ยังผุดออกมาจากคนละทิศกับที่เราเฝ้าระแวงกันอยู่จนได้
“ว- เหวอ!?”
รถม้าคันหน้าของพวกเราหยุดเอี๊ยดอย่างกะทันหัน จนรถม้าคันหลังๆ เองก็ต้องหยุดตามด้วย
“เกิดอะไรขึ้น!”
“มีดินถล่ม! ทางข้างหน้าโดนปิดหมดเลย!”
เอาจริงเหรอเนี่ย
“คุโระ ไปดูหน่อยสิ”
“รับทราบค่ะ”
ฉันลงจากรถม้า และเดินไปดูซักหน่อยเพื่อประเมินสถานการณ์
ถล่มลงมาเยอะพอควรเหมือนกันนะเนี่ย จะเคลียร์ดินออกคงต้องซักใช้ 2-3 วันเลยล่ะ
“หือ? อ่า คุโระจัง ถ้าเข้าใกล้เกินไปมันจะอันตรายนะ”
“ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นนะคะ แต่ว่า แบบนี้มันออกจะ…”
“อา เหมือนเราจะเจอทางตันเข้าซะแล้วล่ะ หนูพอจะไปบอกคุณหนูให้เราหันรถกลับก่อนได้มั้ยตอนนี้?”
“เปล่าค่ะ ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นหรอก”
แน่นอนว่า จำนวนเวลาที่ประเมินมาก่อนหน้านี้ คือกรณีที่ไม่มีฉันอยู่ที่นี่ล่ะนะ
ด้วยเวทมนตร์สายความมืดของฉันแล้ว งานนี้ก็กล้วยๆ
“น- นี่ คุโระจ-”
“{แบล็กบ็อกซ์ (ขวางกั้นราตรี)}”
หนึ่งในเวทมนตร์ระดับสูงที่ฉันใช้ได้แล้วจาก 2 ปีที่ผ่านมา {แบล็กบ็อกซ์}
เวทความมืดที่จะสร้างกล่องสีดำขึ้นมา เมื่อกล่องนั้นถูกสสารบรรจุใส่ลงไปจนเต็ม มันก็จะลบทุกอย่างข้างในนั้นให้หายวับทันทีไปเลย
ฉันก็สร้างกล่องใบใหญ่ขึ้นมา ขังเศษซากดินพวกนั้นเอาไว้ข้างใน ก่อนจะลบพวกมันทั้งหมดให้หายไปในพริบตา
“อ- โอ้โโโโห!?”
“น- นั่นมันบ้าอะไร…?”
“เท่านี้ก็ผ่านไปได้แล้วนะคะ ต้องขอฝากให้ช่วยเดินหน้ากันต่อด้วยค่ะ”
“อ- อ้า”
ฉันโค้งให้ข้ารับใช้ทั้ง 2 คนอย่างนอบน้อม ในขณะที่ 2 คนนั้นก็ยังอึ้งจนอ้าปากค้างกันไม่หาย ก่อนจะเดินกลับไปขึ้นรถม้าของพวกเรา
“เป็นยังไงบ้าง?”
“ฉันใช้เวทมนตร์ลบเศษดินที่ขวางอยู่ทิ้งไปแล้วค่ะ เท่านี้เราก็คงออกเดินหน้ากันต่อในอ―”
“แย่แล้ววว! พวกสัตว์ประหลาดมันมาจากข้างหลังงงง!!”
…
“เขาว่ากันว่าปัญหามักมากันไม่หยุดไม่หย่อนนี่นะคะ”
“เพลาๆ ลงบ้างเถอะ เอาล่ะพวกเธอ แค่ตามฉันมาก็พอ”
แล้วท่านโนอะก็เดินนำพวกเราลงจากรถม้า ตรงไปยังรถม้าคันข้างหลัง
และ
“โฮกกกกกกก!!”
“กรรรรรรร!!”
“ช่าาาาาาา!!”
“กี๊กกกกกกก!!”
สัตว์ประหลาด 4 ตัวกำลังวิ่งตรงมาทางพวกเรา ยิ่งเข้ามาใกล้ พวกมันก็ยิ่งตีกันเองไปด้วย
อาจจะเป็นการแย่งอาณาเขตกันล่ะมั้ง? สัตว์ประหลาดขนาดกลาง ตัวใหญ่กว่ามนุษย์นิดหน่อย กำลังพากันพุ่งตรงมาทางนี้พลางขู่คำรามดังกึกก้องออกมาด้วย
“อ๊าาาา!? คุณหนู! ได้โปรดรีบหนีไปเถอะครับ! พวกเด็กๆ เองก็ด—”
“ให้ตาย ยุ่งยาก”
“ถ้างั้น ท่านโนอะ โปรดรออยู่นี่เถอะนะคะ เดี๋ยวเราจะจัดการพวกมันเอง”
“อาระ งั้นเหรอ? ถ้างั้นก็ฝากด้วยนะจ๊ะ”
สแตกอดโกราสึเกะเอาไว้แน่น ส่วนโอโตฮะก็บิดคอตัวเอง กรอกแกรก พร้อมกับรอยยิ้ม
ทางโอรันก็ชักดาบที่เหน็บไว้ข้างเอวออกมาพร้อม
นั่นเป็นหนึ่งในไอเท็มในห้องสมุดใหญ่ ดาบที่ได้คุณสมบัติสุดทรงพลังมาจากการถูกผนึกด้วยเวทมนตร์ จนสามารถรักษาความคมเอาไว้ได้ตลอดเวลา
“รีบจัดการให้เสร็จกันเถอะค่ะ นี่ก็ใกล้เวลามื้อกลางวันแล้วด้วย”
“ยุ่งยากชะมัด”
“ถ้าเกิดเศษดินต้องเปรอะเปื้อนคุณหนูเข้าจะทำยังไงฮะ เจ้าพวกโง่เง่าไร้สมอง”
“ปากเสียนะโอโตฮะ เอาเถอะ อีกเดี๋ยวก็จบแล้วละครับ”
เจ้าสัตว์ประหลาด 4 ตัวนั่นก็ยังตีกันไม่เลิก ไม่ได้สนใจอะไรพวกเราเลย จนพวกมันประชิดเข้ามาใกล้กับเรา
ตอนนี้แหละ
“{เดธ (มรณา)}”
“{มาริโอเนท (กลายหุ่นเชิด)} ‘ฆ่าตัวตายซะ’ ”
“{แอซิดอัพ (เร่งกรดเข้มข้น)}!”
“{ลดความต้านทาน • การฟัน}… ฮ่า!”
เวทมนตร์ของฉันจัดการปลิดชีพสัตว์ประหลาดตัวนึงไปได้อย่างรวดเร็ว อีกตัวที่ถูกเวทมนตร์ของสแตเข้าก็เอากรงเล็บเชือดคอของตัวเองเพื่อฆ่าตัวตาย
ตัวที่ถูกเวทมนตร์ของโอโตฮะก็ตายจากการโดนน้ำย่อยในร่างกายของตัวเองที่ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นกรดเข้มข้นกัดกร่อนร่างกายของตัวเองออกมาจากข้างใน ส่วนตัวที่โดนเวทมนตร์ของโอรันทำให้อ่อนแอก็ถูกฟันจากตัวขาดเป็น 2 ซีกอย่างง่ายดายในดาบเดียว
“เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะคุณหนู! ได้โปรดเอ่ยชมฉันหน่อยนะเจ้าคะ!”
“จ้าๆ เก่งมากๆ ทำได้ดีมาก พวกเธอทั้ง 4 คน”
จาก 2 ปีที่ผ่านมา ท่านโนอะ ฉัน กับสแตต่างก็ใช้เวทมนตร์ระดับสูงกันได้บ้างแล้ว
ทางโอโตฮะกับโอรันที่ยังอยู่ในช่วงเติบโตกันก็เชี่ยวชาญการใช้เวทมนตร์กันได้เร็วไม่แพ้กันเลย ทั้งคู่เกือบจะใช้เวทมนตร์ระดับกลางได้ทั้งหมดอยู่แล้ว อีกแค่ก้าวเดียว ทั้ง 2 คนก็จะไปถึงขั้นเวทมนตร์ระดับสูงได้เหมือนกัน
“เอาล่ะ เท่านี้ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว เดินหน้ากันต่อเถอะ”
“ฉันจะไปบอกคนที่อยู่รถคันหน้าให้นะคะ”
“หิว จัง”
“คุณหนูเจ้าขา ชมฉันอีกเถอะน้า~!”
“แล้วนี่พวกเราต้องย้ายร่างพวกสัตว์ประหลาดพวกนี้ให้ออกไปพ้นทางด้วยหรือเปล่าครับ?”
พวกเราพากันกลับขึ้นรถม้าไป โดยไม่ใส่ใจสีหน้าที่อึ้งกิมกี่ของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นกันเลยซักนิด
TN: นั่นสิ รถม้าคณะนี้จะขนพวกบอดี้การ์ดมาทำไม?
ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r