บทที่ 788 อาเหยี่ยนทรงพลัง
กู้เสี่ยวซุ่นรีบลุกขึ้นพรวดทันที
แม้ท่วงท่าของเขาจะเร็วมากแต่ก็แทบไม่เกิดเสียงเลย
เขาส่งสายตาให้กู้เหยี่ยนเพื่อบอกว่า เขาจะออกไปดู รอเขาอยู่ที่นี่นะ
ในความเป็นจริง ในแง่ของอายุ กู้เสี่ยวซุ่นอายุน้อยกว่ากู้เหยี่ยนหนึ่งปี แต่ด้วยความที่ร่างกายของกู้เหยี่ยนอ่อนแอ กู้เสี่ยวซุ่นจึงรับหน้าที่ปกป้องเขา
กู้เหยี่ยนส่ายศีรษะ พร้อมส่งสายตาบอกว่าไม่ต้องไปดูแล้ว ให้ไปปลุกพวกอาจารย์เลยดีกว่า
ตกลง
กู้เสี่ยวซุ่นเอ่ยตอบในใจ จากนั้นรีบวิ่งเท้าเปล่าไปที่ห้องนอนของอาจารย์แม่หนานเซียงและอาจารย์หลู่
ขณะที่วิ่งผ่านห้องหลักเขารู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายที่กำลังแง้มเปิดประตู โชคดีที่อาจารย์หลู่เป็นช่างฝีมือที่มีทักษะมาก การแก้สลักประตูที่เขาดัดแปลงขึ้นนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
แต่ก็เป็นไปได้ว่าอีกฝ่ายจะล้มเลิกแล้วเลือกใช้วิธีพังประตูเข้ามาเลย
กู้เสี่ยวซุ่นต้องรีบทำเวลา
เขาเข้าไปเขย่าตัวอาจารย์อาจารย์แม่หนานเซียง
อาจารย์แม่หนานเซียงสะดุ้งพรวดขึ้นมาทันที ขณะที่กำลังจะอ้าปากร้อง กู้เสี่ยวซุ่นก็รีบเข้ามาเอามือปิดปากไว้ได้ทัน
เขาเพิ่งเรียนรู้มาจากกู้เหยี่ยนหมาดๆ
ได้ใช้แล้วจริงๆ
เมื่อเห็นท่าทีของลูกศิษย์เป็นแบบนี้ อาจารย์แม่หนานเซียงรู้ได้ในทันทีว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น
จากนั้นนางใช้ขาเตะสามีของนางให้ตื่น
“เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้น!” อาจารย์หลู่โพล่งหน้าตั้ง
อาจารย์แม่หนานเซียงถลึงตาใส่เขาพร้อมกับเอ็ด “เบาๆ สิ! มีคนมาที่นี่!”
เขาจึงเริ่มระวังตัวมากขึ้น
อาจารย์แม่หนานเซียงมักจะนอนฝั่งด้านนอกเพราะนางมักจะตื่นกลางดึก
อาจารย์หลู่ข้ามตัวนางแล้วลงจากเตียง หยิบขวานที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาแล้วเดินไปทางประตู
ส่วนอาจารย์แม่หนานเซียงรีบสวมรองเท้าและเสื้อคลุมอย่างรวดเร็วแล้วเดินตามเข้าไปที่ห้องโถง
แกร่ก
ในที่สุดกลอนประตูก็ถูกสะเดาะออก
ประตูเรือนถูกผลักให้เปิดจากด้านนอก พร้อมมีชายชุดดำก้าวเข้ามา
โดยหารู้ไม่ว่ามีลำแสงจากขวานกำลังรอต้อนรับอยู่
อย่างไรก็ดี ชายชุดดำคนนั้นเป็นคนมีกำลังภายใน หากเป็นโจรกระจอกป่านนี้คงถูกสับร่างจนเหลือครึ่งท่อนแล้ว
ชายชุดดำรีบถอยหลังหนึ่งก้าวและหาทางหลบหลีกลำขวานของอาจารย์หลู่ แม้ตัวจะหลบได้ ทว่าชายเสื้อของเขากลับถูกขวานสับเข้าให้จนฉีกขาด
ชายชุดดำอีกสี่คนที่อยู่ข้างหลังพอเห็นดังนั้นจึงรีบชักกระบี่ขึ้น
หนึ่งในนั้นรีบผลักชายชุดดำคนแรกออกแล้วแทงกระบี่เล็งไปที่อาจารย์หลู่
แววตาอาจารย์แม่หนานเซียงวาวโรจน์ขึ้นทันที “คิดจะทำร้ายสามีข้ารึ ฝันไปเถอะ!”
ทันใดนั้น เข็มพิษสามเล่มก็พุ่งไปทางชายชุดดำทันทีจากนิ้วของอาจารย์แม่หนานเซียง!
ชายชุดดำรีบถอยกลับจากท่าที่กำลังจะแทงอาจารย์หลู่ และใช้กระบี่ของเขาเพื่อสกัดกั้นเข็มที่กำลังพุ่งเข้ามาแทน
เขาสกัดได้เพียงแค่สองเล่ม อีกเล่มหนึ่งปักเข้าที่แขนของเขาพอดี
อาการปวดอย่างรุนแรงลุกลามขึ้นทันที ชายชุดดำขมวดคิ้วและเอ่ยด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม “มันเป็นเข็มพิษ!”
จากนั้นอาจารย์แม่หนานเซียงยิงอาวุธลับออกไปอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่แค่เข็มพิษอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีลูกดอกที่เคลือบด้วยยาพิษด้วย
ส่วนกู้เสี่ยวซุ่นไม่นิ่งเฉย เขาหยิบกล่องกลไกที่เขาเพิ่งสร้างขึ้นออกมาแล้วโยนมันไปที่กลุ่มชายชุดดำที่อยู่ตรงลาน!
“เสี่ยวซุ่น!”
สิ้นเสียงระเบิด บานประตูที่พวกเขาใช้หลบถูกแรงระเบิดยิงทะลุจนเป็นรู
อาจารย์หลู่เหงื่อตกแล้วเอ่ยกับกู้เสี่ยวซุ่น “คราวหน้าเจ้าช่วยสร้างอาวุธที่ไม่ทำร้ายคนของเราเองจะได้ไหม”
กู้เสี่ยวซุ่นยกมือเกาศีรษะตัวเอง “อ้อ”
เขาทำมันขึ้นมาหลายอัน ซึ่งอันดีๆ ส่วนใหญ่เขายกให้กู้เจียวไปหมดแล้ว
ส่วนกล่องกลไกที่ใช้งานได้ไม่ค่อยดีนักเขาเก็บไว้เอง
ซึ่งกล่องเมื่อครู่นี้ที่เขาใช้คือกล่องกลไกที่เขาทำขึ้นใหม่ ยังไม่เคยผ่านการทดสอบ
“นึกว่าคราวนี้จะสำเร็จซะอีก” เขาบ่นอุบอิบ
จากนั้นอาจารย์แม่หนานเซียงและอาจารย์หลู่รวมพลังกันจัดการผู้บุกรุกห้าคนไว้อยู่หมัด
อาจารย์แม่หนานเซียงมองดูชายชุดดำที่กลิ้งไปมาบนพื้น ขมวดคิ้วด้วยความสับสน “มีแค่ห้าคนรึ เมื่อกี้ที่ข้าได้ยินเสียงลมหายใจ เหมือนว่ามีหกคนนี่นา…”
“อ๊ากก”
ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องของกู้เหยี่ยนดังขึ้น
พวกเขาหน้าถอดสีรีบวิ่งไปทางด้านหลังเรือน!
เมื่อพวกเขามาถึงสวนหลังบ้าน ก็เห็นกู้เหยี่ยนถือท่อนไม้ไว้ในมือ โดยมีชายชุดดำนอนหมดสติอยู่บนพื้น
ทุกคน “…”
“ฝีมือเจ้ารึ” กู้เสี่ยวซุ่นเอ่ยถามด้วยสีหน้างุนงง เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
กู้เหยี่ยนยืดอกขึ้นแล้วตอบอย่างภูมิใจ “ใช่แล้ว!”
กู้เสี่ยวซุ่นยกนิ้วให้กู้เหยี่ยนอย่างอดไม่ได้ ข้าต้องมองเจ้าใหม่เสียแล้ว
“ว่าแต่” กู้เสี่ยวซุ่นมีข้อสงสัย “ในเมื่อเจ้าตีมันได้แล้ว จะร้องตะโกนอีกทำไม ข้าก็นึกว่าเจ้าถูกทำร้ายเสียอีก!”
กู้เหยียนถือไม้ขึ้นแล้วเอ่ย “ตะโกนร้องแล้วดูฮึกเหิมกว่าน่ะ”
ที่กู้เหยี่ยนสามารถโจมตีได้สำเร็จเพียงเพราะชายคนนั้นเหยียบกับดักในสวนหลังบ้านและสูดดมยาพิษที่โรยบนชายคา
ในขณะที่พวกเขากำลังคุยกัน จู่ๆ ก็มีเสียงผิวปากดังมาจากสนามหน้าบ้าน ตามมาด้วยดอกไม้ไฟที่ระเบิดอยู่บนท้องฟ้า
อาจารย์หลู่ขว้างขวานไปกระแทกชายชุดดำที่ยังดิ้นอยู่จนแน่นิ่งไป!
อาจารย์แม่หนานเซียงมองไปที่ดอกไม้ไฟเหนือศีรษะ แล้วเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “พลุนั่นมันคือการสัญญาณ! พวกมันเรียกสหายที่อยู่ใกล้ๆ ออกมา! เราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว! รีบออกไปกันเถอะ! ไม่ต้องเก็บข้าวของกันแล้ว!”
เวลานี้ ต้องเอาชีวิตให้รอดก่อน
กู้เหยี่ยนรีบเข้าไปในห้องเพื่อหยิบโคมสีทองของที่ได้มาจากงานเทศกาลโคมของกู้เจียวออกมาเพียงอย่างเดียว
ขณะที่อาจารย์แม่หนานเซียงรีบเปลี่ยนเสื้อให้เรียบร้อย แล้วหยิบหน้ากากออกมาจำนวนหนึ่ง
แม้ปากจะบอกว่าไม่ต้องเก็บของ แต่อย่างน้อยต้องพกเงินติดตัวไปบ้าง
โดยมีอาจารย์หลู่ช่วยนางยกอุปกรณ์และยาพิษต่าง ๆ ออกไป
“ลืมยาของกู้ฉังชิงไม่ได้เด็ดขาด!” เอ่ยจบอาจารย์แม่หนานเซียงก็รีบคว้าขวดยาที่อยู่บนโต๊ะออกมา
กู้เสี่ยวซุ่นและกู้เหยี่ยนรีบปลุกผู้อาวุโสเมิ่งให้ตื่น
ท่าเขาหลับลึกเกินไป เสียงดังแค่ไหนก็ไม่เป็นผล
“เฮ้อ ยอมใจจริงๆ !” กู้เหยี่ยนเริ่มสติหลุด “เสี่ยวซุ่นแบกเขาออกไปที!”
“มา ข้าเอง!” อาจารย์หลู่เอ่ยพร้อมกับยื่นตะกร้าอุปกรณ์ให้กู้เสี่ยวซุ่นแทน “พวกเจ้าไปเตรียมรถม้า”
“ขอรับ!” กู้เสี่ยวซุ่นรับคำสั่ง
จากนั้นเขาและกู้เหยี่ยนไปที่เพิงมา จูงม้าออกมาแล้วผูกกับรถม้า แล้วเปิดประตูหลัง
อาจารย์หลู่แบกร่างที่หลับสนิทของผู้อาวุโสขึ้นไว้บนหลัง
กู้เหยี่ยนและกู้เสี่ยวซุ่นเองก็ขึ้นนั่งบนรถม้าเรียบร้อย
ส่วนอาจารย์แม่หนานเซียงนั่งลงตรงที่คนขับพร้อมกับถือสายบังเหียน “เดี๋ยวข้าขับเอง! ข้าพอจะคุ้นเคยกับเส้นทางที่เมืองเซิ่งตู!”
หลังจากที่อาจารย์หลู่วางร่างของผู้อาวุโสเมิ่งไว้บนรถ ก็เข้ามานั่งข้างๆ อาจารย์แม่หนานเซียง “เดี๋ยวข้าดูลาดเลาให้”
“ก็ดีเหมือนกัน” อาจารย์แม่หนานเซียงไม่ปฏิเสธ
กลางดึกเวลาสามเกิง
รถม้าคันหนึ่งขับออกจากตรอกหยางหลิ่วและเคลื่อนตัวบนถนนอันเงียบสงบ
แม้เมืองรอบนอกจะไม่มีการจำกัดการเดินทาง แต่ในเวลาแบบนี้มักจะไม่มีรถม้าสัญจรไปมาบนถนน ทำให้รถม้าของพวกเขาเป็นที่สะดุดตามาก
“ไปทางที่รถวิ่งเยอะๆ สิ!” อาจารย์หลู่เอ่ย
“เวลานี้ถนนเส้นไหนมีรถเยอะรึ” อาจารย์แม่หนานเซียงถาม
“หอเทียนเซียง!” กู้เหยี่ยนเปิดม่านออกมาพร้อมกับให้คำตอบ
หอเทียนเซียง ที่ที่กู้เฉิงเฟิงเล่นละครและขับร้อง มีเพียงถนนเส้นนั้นที่ยังคงคึกคักในยามค่ำคืน
เป็นที่ที่ดูจะปลอดภัยที่สุด
อาจารย์แม่หนานเซียงหักเลี้ยวรถเพื่อมุ่งหน้าไปยังหอเทียนเซียง
“พวกมันอยู่นั่น! เร็วเข้า!”
เมื่อได้ยินเสียงของพวกโจรดังขั้น อาจารย์แม่หนานเซียงรีบกำบังเหียนไว้แน่นกว่าเดิม “แย่ละ! พวกมันตามมาแล้ว!”
คราวนี้พวกมันไม่ได้มาแค่ห้าคน แต่มากันถึงสิบคน
มือสังหารสิบคนกระโดดข้ามกำแพง ตามเสียงกีบม้าและล้อรถมาอย่างรวดเร็ว
พวกมันเริ่มเข้าใกล้พวกเขาขึ้นเรื่อยๆ
“ข้าเห็นรถม้าแล้ว!”
“ลงมือเลย! จำไว้ว่าให้เก็บเด็กสองคนไว้! ที่เหลือฆ่าทิ้งอย่าให้เหลือ!”
“ขอรับ!”
ชายชุดดำถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม ห้าคนทางด้านซ้าย และอีกห้าคนทางด้านขวา จากนั้นทำการขนาบข้างรถม้า
เมื่อสายบังเหียนถูกฟันจาด ม้าเจ้ากรรมก็รีบวิ่งวุ่นและหายตัวไปในถนน
เวลานี้ไม่มีใครสนใจม้าที่วิ่งออกไป
จากนั้นพวกมันพากันล้อมตัวรถ
“ฝีมือใคร” คนที่เป็นหัวหน้าตะโกนถาม “บอกแล้วใช่ไหมว่าเด็กสองคนนั้นห้ามเป็นอะไรไป! เกิดฟันพลาดขึ้นมาจะว่ายังไง!”
ทุกคนพากันก้มหน้าลง
หัวหน้าโจรจึงสั่งให้ลูกน้องที่ยืนอยู่ข้างๆ “เจ้า ไปดูที!”
“ขอรับ!”
จากนั้นเขาใช้กระบี่ยาวฟันกำแพงรถม้าที่พังทลายลง และแล้วก็พบว่าไม่มีใครอยู่ในรถม้าแม้แต่คนเดียว
เขาหันไปบอกหัวหน้า “ลูกพี่! พวกมันไม่อยู่ที่นี่ขอรับ!”
หัวหน้าโจรหรี่ตาลง “แยกกันไปหา พวกมันหนีไปไหนได้ไม่ไกลหรอก!”
“พวกมันไปแล้วหรือยัง”
ณ ร้านค้าแห่งหนึ่งที่ปิดร้านแล้ว อาจารย์แม่หนานเซียงกระซิบถามขึ้น
อาจารย์หลู่เอาตัวแนบผนังแล้วยื่นหัวออกไปช้าๆ “เหมือนว่าออกไปแล้วนะ”
“ฟิ้ว” อาจารย์แม่หนานเซียงทิ้งตัวพิงกำแพงแล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก “รังสีของคนกลุ่มนี้แตกต่างจากเมื่อกี้ พวกเขาต้องเป็นทหารหน่วยกล้าตายแน่ๆ คงจะรับมือยาก”
ทันใดนั้นสีหน้าของกู้เหยี่ยนก็เริ่มแปลกไป
กู้เสี่ยวซุ่นสังเกตเห็นความผิดปกติจึงเอ่ยถาม “เจ้าเป็นอะไรหรือไม่ อาการกำเริบอีกแล้วรึ”
“ไม่ใช่” กู้เหยี่ยนส่ายศีรษะ “ข้าแค่รู้สึกได้ว่า… อันตราย!”
ทันทีที่เขาเอ่ยจบ ก็มีกระบี่จากไหนไม่รู้พุ่งเข้ามากลางอากาศ
อาจารย์หลู่และอาจารย์แม่หนานเซียงช่วยกันดึงร่างเด็กสองคนหลบออกไป
กลายเป็นว่ากะละมังที่ถูกแรงกระบี่ปริศนาเกิดแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ผู้อาวุโสเมิ่งผู้ซึ่งถูกมัดไว้กับหลังของอาจารย์หลู่ถูกเขย่าอย่างแรงจนสะดุ้งตื่น
ทว่าวินาทีถัดมา หัวของเขาก็เกิดกระแทกเข้ากับกำแพงและสลบไป
อาจารย์หลู่คิดในใจ เมื่อครู่นี้ข้าชนอะไรไปหรือเปล่านะ แต่ไม่เห็นจะรู้สึกเจ็บตรงไหน