“ฟิลิสจัง! ไปทางนั้นแล้ว!”
“เข้าใจแล้ว! โดร่าาา!”
ฉันทุบหัวของสัตว์อสูรที่ดูคล้ายแกะที่ริงกะไล่ต้อนมาสุดแรงเลย
มันเป็นสัตว์อสูรที่ฉันชอบซัดมันให้กระเด็นในช่วงนี้เลยล่ะ ทั้งอ่อนแอ ทั้งจัดการง่าย ที่สำคัญกว่านั้นคือ เนื้อของมันก็อร่อย แถมเรายังได้ขนจากมันมาด้วยนะ
“โอ้! สมกับเป็นฟิลิสจังเลย!”
“วะฮะฮะฮ่า! แน่นอนอยู่แล้ว! ถ้างั้น มาตัดขนมันกันเถอะ”
“อื้อ!”
ผ่านมาซักพักใหญ่แล้ว นับจากที่ฉันเริ่มเดินทางมากับริงกะ
ก็ ฉันไม่แน่ใจเหมือนกันว่านานขนาดไหนแล้ว เป็นเรื่องปกติของแวมไพร์หรือเผ่าพันธุ์ที่อายุยืนอื่นๆ นั่นแหละ ที่การรับรู้เวลาจะเพี้ยนไปน่ะ
ถึงฉันจะหละหลวมไปบ้าง แต่ฉันยึดมั่นเรื่องวันและเวลาที่สัญญาเอาไว้นะ แค่การรับรู้เรื่องของเวลาค่อนข้างจะหยาบไปหน่อยเท่านั้นเอง ฉันเลยไม่รู้เหมือนกันว่าผ่านมากี่เดือนกี่ปีแล้วนับตั้งแต่ที่ฉันเริ่มออกเดินทาง แต่ก็ ฉันคิดว่าคงไม่ถึง 3 ปีหรอกมั้ง
เพราะแบบนี้ไง พวกเผ่าพันธุ์ที่อายุยืนยาวส่วนมากเลยจำอายุของตัวเองไม่ได้น่ะ
“อื้อ! ได้ขนแกะมาแล้วเรียบร้อย! เอาไปทำฟูกดีมั้ย? หรือว่าเอาเบาะรองดี? หรือว่า เอา • หมอน • ดี?”
“…วิธีการพูดแบบนั่นมันอะไรน่ะ?”
เอาจริงๆ เลยคือ ฉันโดนความโหดร้ายจากการเดินทางทุบซะอ่วมเลยล่ะ
ตั้งแต่แรกเลยเนี่ย ฉันลืมไปสนิทเลยว่าตัวเองทำอาหาร ซักผ้า หรือตั้งเต็นท์ไม่เป็น
เนื้อที่ย่างก็เกรียมเป็นถ่าน ปลาก็ยังดิบอยู่ เสื้อผ้าที่ลองซักก็ขาดรุ่ย เสาเต็นท์ที่ประกอบขึ้นก็หักอีก
พูดชัดๆ เลยก็คือ ถ้าริงกะไม่อยู่ที่นี่ด้วย ฉันอาจจะตายไปนานแล้วก็ได้นะ
ที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ได้เนี่ย ต้องขอบคุณเธอคนนี้เลยที่ช่วยทำทุกอย่างระหว่างการเดินทางเลย ยกเว้นเรื่องต่อสู้ล่ะนะ
“ฟิลิสจัง เรียบร้อยแล้วน้า~ สเต็กเนื้อแกะไงหล้า~”
“โ――อ้!!”
สเต็กล่ะ~! น่าอร่อยสุดๆ เลย~!
อืม อร่อยจริงๆ ด้วย!
“เอาล่ะๆ ฉันล้างจานเรียบร้อยแล้วน้า~ นี่ ชานะ”
“โอ้… อุ่นดีจัง…”
ไม่น้า~ จะอันตรายไปแล้วนะถ้าเกิดฉันไม่มีริงกะอยู่ด้วยน่ะ…
…บางที ฉันก็รู้สึกว่าฉันพึ่งพาริงกะมากเกินไปแล้วสิ
ฉันรู้สึกว่าการเดินทางของฉันจะไปต่อไม่ได้เลยเนี่ย ถ้าเกิดริงกะไม่ได้ตามมาด้วย ฉันหมายถึง มันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เลยนั่นแหละ
จะดีหรือเปล่านะถ้าฉันยังพึ่งพาเธออยู่แบบนี้น่ะ……
“ฟิลิสจัง เอาของหวานด้วยมั้ย~?”
“เอาสิ~!”
ช่างมันเถอะ!
“เผ่าพันธุ์คือ… แวมไพร์งั้นเหรอ? หายากนะเนี่ย เอาเถอะ ตราบที่พวกเธอจ่ายค่าผ่านทางได้ก็ไม่มีปัญหา ผ่านได้เลย”
ไม่กี่คืนต่อมา พวกเราก็มาถึงหมู่บ้านเอลฟ์
ถึงจะเรียกว่าหมู่บ้านเอลฟ์ก็เถอะ มันก็แค่เพราะว่าประชากรส่วนมากที่อาศัยอยู่ที่นี่คือเอลฟ์ ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเผ่าพันธุ์อื่นอยู่ที่นี่เลยหรอกนะ
แค่มองผ่านๆ ก็เห็นทั้งเผ่าคนแคระ เผ่าดาร์กเอลฟ์ กับเผ่ามนุษย์มังกรอยู่ด้วยล่ะ
“โอ้… คนพวกนี้คือเอลฟ์งั้นเหรอเนี่ย สุดยอดไปเลย! รู้สึกได้ถึงพลังเวทที่แข็งแกร่งแบบที่ไม่เคยเจอในหมู่บ้านแวมไพร์เลยล่ะ! แถมยัง มีกลิ่นหอมๆ ลอยมาด้วยสิ… โอ้ ตรงนั้นไง…”
“โธ่~ ฟิลิสจัง! อย่าเพิ่งวิ่งไปไหนสิ! ก่อนอื่น ไปหาห้องพักกับหาอะไรทานกันก่อนเถอะ!”
“…อ่า”
ฉันตามไปจองห้องพักและจองเตียงที่เอาไว้ใช้สำหรับวันนี้ให้เรียบร้อยอย่างเชื่อฟังแต่โดยดี
เป็นโรงแรมที่ดี แถมมีกลิ่นของธรรมชาติหอมๆ อยู่เต็มไปหมดเลยล่ะ
“ถ้างั้น เดี๋ยวฉันเอาขนแกะที่เหลือกับพวกของอื่นๆ ที่ขายได้ไปขายก่อนนะ ฝากไปหาร้านอาหารที่มีอาหารน่าอร่อยๆ ทีนะ ฟิลิสจัง”
“ได้เลย”
ฉันรู้สึกเหมือนฉันลากริงกะเดินไปทั่วหมู่บ้านเลย แต่พอเธอเดินแยกไป ก็สลัดความรู้สึกที่ว่าตัวเองพึ่งพาริงกะอยู่ตลอดออกไปไม่ได้จริงๆ
เอาเถอะ ฉันเริ่มจะปลงกับเรื่องนี้ไปแล้วล่ะ
ฉันเดินไปทั่วเพื่อดูตามร้านอาหารที่หลากหลายเต็มไปหมด
สรุปง่ายๆ เลย ที่นี่มีแต่ผักอย่างเดียวเลย
แค่พยายามจะหา [น] ในคำว่าเนื้อยังไม่มีเลย… พอมาคิดๆ ดูแล้วเนี่ย รู้สึกว่าจะเคยได้ยินมาว่าเอลฟ์เป็นเผ่าพันธุ์ที่กินมังสวิรัตินี่นะ
“…ฉัน อยากกินเนื้อจังเลย”
ไม่ต้องบอกก็รู้กันว่าอาหารหลักของแวมไพร์ก็คือเลือด แต่ไม่ใช่ว่าจะกินได้แต่เลือดอย่างเดียวหรอกนะ หรือที่ว่าเราต้องการสารอาหารที่มีเฉพาะในเลือดนั่นก็ไม่ใช่เหมือนกัน
ก็แค่เพราะพวกเราชอบรสชาติของเลือดมากกว่าเผ่าพันธุ์อื่นๆ เท่านั้นเอง ก็คล้ายกับการที่หลายๆ คนชอบกินเนื้อ ในแบบที่ ‘ดื่มด่ำไปกับเลือดเนื้อ’ เลย
ก่อนอื่นเลย พวกเราไม่สามารถดื่มเลือดของแวมไพร์คนอื่นได้ และเนื่องจากแวมไพร์เป็นเผ่าพันธุ์หายากที่มีการติดต่อกับเผ่าพันธุ์อื่นน้อย ฉันก็ไม่เคยดื่มเลือดอื่นนอกจากเลือดของสัตว์ป่าหรือสัตว์อสูรเลย
บอกเลยนะว่าเลือดของสัตว์อสูรน่ะอร่อยพอควรเลยล่ะ
“อืม จะเอายังไงดีนะ… หือ?”
มีร้านนึงที่คนเต็มร้านเลย
พอฉันไปถึงที่นั่นแล้ว เหมือนจะเป็นบาร์นะ
ก็เหมือนเดิมล่ะนะ มีแต่ผัก เหมือนร้านอื่นๆ นั่นแหละ
“ยินดีต้อนรับคร้าบ! โอ้ คุณลูกค้า เป็นแวมไพร์งั้นเหรอเนี่ย? หายากจริงๆ”
“ได้ยินคนทักแบบนั้นบ่อยเลยล่ะ… เดี๋ยวเพื่อนฉันจะตามมาทีหลัง ขอจองไว้ 2 ที่ด้วยนะ”
“ได้คร้าบ!”
อืม สมกับเป็นเอลฟ์เลยแฮะ ทั้งร้าน ทั้งโต๊ะบาร์ ทุกอย่างทำจากไม้กับวัตถุดิบตามธรรมชาติหมดเลย
“โอ้ งั้นจะรอรับรายการก่อนแล้วกันนะ! จะสั่งอะไรบ้างล่ะ?”
“ผัดผักรวมใส่กุ้ยช่าย แล้วก็ ไวน์ผลไม้ซัก 2 ขวดนะ”
“ได้ ได้ ผัดผักรวมใส่กุ้ยช่าย แล้วก็ไวน์ผลไม้นะ!”
ของทานเล่นเป็น… ผักดองเหรอ ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่แฮะ แต่ต่อให้ชอบก็คง…
“……หือออออออ!?”
โอ้ย โอ้ย นี่มันอะไรกันเนี่ย!?
แล้วผักดองที่เคยกินมาที่หมู่บ้านนั่นมันอะไรน่ะ? ทำมาจากเศษผักหรือไงกัน!?
นี่มันอร่อยสุดๆ ไปเลย
“อะ คุณลูกค้า นั่นเติมฟรีนะครับ จะเอาเพิ่มหรือเปล่า?”
ฟรีด้วย!?
“…อ- เอาหรือเปล่า?”
“แน่นอน!”
ระหว่างที่ฉันกำลังดำดิ่งไปกับผักดองอยู่ อาหารก็เสร็จพอดี
ผักผักรวมใส่กุ้ยช่ายก็มาแล้ว นี่หรือว่าจานนี้เองก็
“อร่อยยยยยยยย!!”
นี่ครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่ฉันได้กินผักที่อร่อยกว่าเนื้อน่ะ!
ฉันไม่ชอบหัวหอมใหญ่นะ แต่ฉันกินมันได้หมดเลย
…โอ้ ไวน์นี่ก็…… ไวน์นี่ก็อร่อยเกินไปแล้วนะ!?
“น- นี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์นี่คงไม่แพงมากใช่มั้ย? คือมันอร่อยมากเลยก็จริง… แต่ ฉันไม่ได้เตรียมเงินมาเยอะน่ะ”
“หือ? ก็… ราคาประมาณนี้น่ะ”
ถูก!?
นี่คือเอลฟ์เหรอเนี่ย! เอลฟ์สุดยอดไปเลย! ถ้างั้นก็…
“ถ้างั้น ขอทุกรายการแนะนำของร้านมาเลยค่า! ขอไวน์ผลไม้อีก 3 ด้วยค่ะ!”
“โอ้! คุณลูกค้า สภาพคล่องใช้ได้เลยนะครับ!”
โอโห! ไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่ฉันจะซัดผักจนเต็มท้องแบบนี้น่ะ!
เอลฟ์สุดยอด! ตั้งแต่วันนี้ไป ฉันจะเป็นเอลฟ์แล้ว!
ฉันนั่งอยู่ในร้าน แล้วก็ดื่มต่อเนื่องมา 2 ชั่วโมงแล้ว
“วะฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮ่า! วะฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮ่า! เอลฟ์นี่สุดยอดจริงๆ เลย!! ฉันขอเป็นเด็กอยู่ที่นี้ตั้งแต่วันนี้ไปเลย! เนื้ออะไรไม่สนแล้ว!”
“โ―อ้! เพื่อนร่วมชาติคนใหม่ของเรา!?”
“แวมไพร์จะเป็นเอลฟ์เหรอ!! มุกนี้ใช้ได้เลยนะเนี่ย!”
“ฟุฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ขอผักมาเพิ่มอีกหน่อย!”
ตอนนี้ ฉันเมามาก แถมกำลังคึกสุดๆ ไปเลย
นี่แหละ นี่แหละความสำราญของการออกเดินทางที่แท้จริงเลยล่ะ!
เอาล่ะ ดื่มต่อ แก้วต่อป-…
“ฟิลิสจัง?”
…พอฉันหันไปทางเสียงนั้น ก็เห็นริงกะยืนยิ้มอยู่
ฉันสร่างเมาทันทีตอนนั้นเลย
“ฟิลิสจัง… ฉันบอกว่า ฝากให้เธอหาร้านอาหารไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมเธอถึงกินก่อนเลยล่ะ?”
“อะ ……ด- เดี๋ยว ไม่ใช่นะ ริงกะ คือนี่น่ะ…”
นี่มันอะไรกันเนี่ย
ริงกะ น่ากลัวจัง
ทั้งๆ ที่เธอก็ยิ้มอยู่ตลอดแท้ๆ แต่ไม่รู้ทำไม ฉันถึงรู้สึกกลัวมากเลย
อีกเรื่องที่น่ากลัวคือฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมฉันถึงกำลังกลัวอยู่ ทั้งๆ ที่มีสมองอัจฉริยะแบบนี้เนี่ยนะ
ฉันกลัวจนขยับตัวไปไหนไม่ได้เลย
“แถม เธอยังทั้งดื่มทั้งกินไปตั้งเยอะโดยไม่ได้ขอก่อนเลยเหรอ… นี่ ฟิลิสจัง ทั้งๆ ที่ฟิลิสจังบอกเองนี่ว่าเป็นอัจฉริยะอย่างนู้นอย่างนี้ แต่จริงๆ เธอเป็นคนโง่งั้นเหรอ?”
“…เปล่านะ …คือ…”
ริงกะที่ค่อยๆ เดินตรงเข้ามาช้าๆ นี่น่ากลัวมากเลย
ถ้ามองไปรอบๆ นี่ ขนาดลูกค้าคนอื่นยังกลัวเหมือนกันเลย
“กินไปตั้งขนาดนี้… ถ้าเกิดเงินมีไม่พอจะทำยังไงล่ะ? นี่… ฟิลิสจัง… นี่…”
“เห… ค- คือ… ข- ขอโทษ…”
“ทำไมเธอต้องกลัวด้วยล่ะ ฟิลิสจัง? ฉันไม่ได้พยายามทำให้เธอกลัวเลยนี่นา ฟิลิสจัง? ฉันแค่โมโหนิดหน่อยเองไม่ใช่เหรอ ฟิลิสจัง? ฉันจะไม่โทษที่เธอมาดื่ม แล้วก็ลืมฉันไปสนิทเลย… เนอะ ฟิลิสจัง?”
“อึกกกก!”
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
ฉันตัดสินใจแน่วแน่เลยว่าจะไม่ทำให้ริงกะโมโหอีกอย่างเด็ดขาด
อีกอย่างนึงคือ ฉันตัดสินใจว่าจะไม่ขัดใจริงกะเกินไปด้วย
TN: ริงกะยืนยิ้ม พลางมีตัวอักษรบางตัวอยู่ในบรรยากาศข้างหลัง
ゴゴゴゴ
ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r