ตอนที่ 537 ไปเที่ยวด้วยกัน
แขกพักอยู่ที่หมู่บ้านเถาหยวนซานจนกระทั่งใกล้เปิดเทอมถึงทยอยออกจากหมู่บ้านเถาหยวนซาน
ต่อมาเหล่าผู้สูงวัยกับพวกเด็กๆ ก็กลับเผ่าไปพร้อมมู่เถาเยากับตี้อู๋เปียน
ตอนนี้เดือนกันยายนแล้ว ทางตอนเหนือเริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง แต่ที่เผ่ายังคงเป็นฤดูร้อนแสนระอุ
พักกับทุกคนที่ตำหนักพระจันทร์ได้ไม่กี่วันตี้อู๋เปียนก็เร่งให้มู่เถาเยาพาเจ้าขาวปุยกลับไปเขาเทพจันทรา จากนั้นจะได้เตรียมออกไปเที่ยวกันสองต่อสอง
มู่เถาเยาก็ตั้งใจอยากให้เจ้าขาวปุยกลับไปดู ‘บ้าน’ หน่อย และจะใช้โอกาสนี้ให้เจ้าขาวปุยพาเที่ยวทั่วเขาเทพจันทรา เธอจึงไม่ปฏิเสธข้อเสนอของตี้อู๋เปียน
“หนูจะเที่ยวเขาเทพจันทรากับเจ้าขาวปุย อีกประมาณหนึ่งสัปดาห์จะกลับมา ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
คนตระกูลเย่ว์ไม่เป็นห่วง
ตี้อู๋เปียนแอบไม่อยากแยกจากกัน แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ ใครใช้ให้เขาไม่ใช่คนตระกูลเย่ว์ล่ะ!
“ซาลาเปาน้อย เที่ยวเขาเทพจันทราไปเมื่อไรก็ได้ ไม่งั้นรอเที่ยวกลับมาค่อยไปดีไหม เจ้าขาวปุยมันก็น่าจะกลับเองได้” ในเมื่อออกมาจากที่นั่นก็น่าจะจำทางกลับได้
“แต่เรื่องเที่ยวของพวกเราก็ไม่ได้รีบนี่คะ”
ตี้อู๋เปียน “…”
อันที่จริงเขารีบ แต่พูดไม่ได้ เพราะว่าที่พ่อตากำลังจ้องเขาเขม็ง
เย่ว์หลั่งทำเสียงฮึดฮัดอยู่ในใจ จากนั้นก็แสดงออกว่าจะไปเที่ยวด้วย
เย่ว์จือกวงกับเย่ว์จือเหิงก็อยากตามไปด้วย
พวกเขาไม่วางใจให้น้องสาวสุดที่รักอยู่ข้างนอกตามลำพังกับผู้ชายนานขนาดนั้น
พวกผู้ใหญ่ได้ฟังสามพ่อลูกก็ไม่รู้จะทำสีหน้าอย่างไรดี
สองผู้อาวุโสตระกูลตี้กับอวิ๋นไป๋ใบหน้ามีรอยยิ้ม แต่ในใจกลับเป็นเดือดเป็นร้อนแทนตี้อู๋เปียน
เป่ยซีพูดด้วยความรู้สึกขำ “สามคนพ่อลูกมีหน้าที่อะไรก็ทำไปเถอะ อย่าไปรบกวนเสี่ยวเยาเยากับอู๋เปียนเลย สองคนนี้ไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยว ตอนนี้เสี่ยวเยาเยาไม่ยุ่งก็ออกไปเที่ยวให้หนำใจค่อยกลับมานะ”
ช่วงหลายปีมานี้เธอเห็นท่าทีที่ตี้อู๋เปียนปฏิบัติต่อลูกสาวของเธอ เธอจึงเชื่อใจมาก
เย่ว์หลั่งพูดด้วยความน้อยใจ “ที่รัก…” ไม่ห่วงว่าลูกสาวสุดที่รักของเราจะถูกไอ้เสือที่จ้องตาเป็นมันตัวนี้คาบไปกินเหรอ
เป่ยซีย่อมไม่ห่วง เธอเต็มใจด้วยซ้ำ
แต่ถ้าจะแต่งงานต้องรอไปอีกหน่อย
ลูกสาวของเธองานยุ่งมาตลอด พวกเขาไม่ได้ใช้เวลากับเธอเท่าไร ย่อมไม่อยากให้รีบแต่งงานออกเรือน ยิ่งไปกว่านั้นลูกสาวก็อายุยังน้อย
“เสี่ยวเยาเยา ไม่ต้องสนพ่อกับพวกพี่ๆ ออกไปเที่ยวกับอู๋เปียนเถอะ”
“ค่ะ” มู่เถาเยาพยักหน้า จากนั้นก็พูดกับตี้อู๋เปียน “ฉันน่าจะอยู่ที่เขาเทพจันทราประมาณหนึ่งอาทิตย์นะคะพี่สาม ถ้าพี่สามมีธุระอะไรก็ไปทำก่อน พอถึงตอนนั้นออกเดินทางจากที่ไหนก็ได้”
“ฉันไม่มีธุระ จะอยู่ที่เผ่ารอเธอ”
“งั้นพี่สามก็ออกไปเดินเที่ยวกับพวกคุณปู่คุณย่าพวกอาจารย์ก็ได้ค่ะ”
“อืม เธอไม่ต้องห่วงว่าฉันจะเบื่อ เธออยู่ในนั้นก็ระวังตัวด้วย”
เย่ว์หลั่งอดมองบนใส่ไม่ได้
เขาเทพจันทราปลอดภัยมากสำหรับคนตระกูลเย่ว์! ลูกสาวออกไปเที่ยวกับหมอนี่ต่างหากที่ต้องระวังตัว!
มู่เถาเยาพยักหน้า
เอากล่องยาใบน้อยกับกระเป๋าสัมภาระวางใส่ในเข่งใหญ่แล้วอุ้มเจ้าขาวปุยขึ้นมา
เย่ว์จือเหิงถือของกินเล่นสำหรับครึ่งเดือนที่ย่าเย่ว์กับยายเป่ยเตรียมไว้ให้ ไปส่งน้องสาวที่เขาเทพจันทราพร้อมทั้งทิ้งรถไว้ที่นั่น รอน้องสาวกลับลงมาค่อยใช้
มู่เถาเยาให้เจ้าขาวปุยอยู่ข้างหน้า เธอสะพายเข่งใหญ่ที่มีของอยู่เต็มเดินตามหลัง
แต่เจ้าขาวปุยเร็วเกินไป แม้มู่เถาเยาจะพยายามตามอย่างสุดความสามารถแล้วแต่ไม่นานก็ไม่เห็นเงาของมันอีก ทำได้เพียงหยุดรอมันกลับมา
นั่งอยู่บนภูเขาไฟที่หยุดปะทุสีน้ำตาลแดงสูงร้อยกว่าเมตร มู่เถาเยามองทัศนียภาพที่อยู่ในระยะสายตา
เขาเทพจันทราเป็นหมู่ภูเขาไฟที่สวยและเท่ที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมา
ที่นี่ไม่มีต้นไม้แม้แต่ต้นเดียว แต่กลับหลากสีสัน
ภูเขาหินอันงดงามที่เกิดจากลาวาไหลออกมา ถ้ำภูเขาไฟที่แสนโอ่อ่า…ล้วนดึงดูดสายตาเธอด้วยรูปร่างอันงดงามสารพัด
ดินแดนลึกลับโบราณแห่งนี้เงียบสงบ ชวนให้คนที่ได้มาเห็นมันรู้สึกถึงความพิศวงยากจะคาดเดา
มู่เถาเยาที่อยู่ตรงนี้มักรู้สึกว่าที่นี่เป็นห้วงเวลาเฉพาะที่แยกออกไป
เขาเทพจันทราเหมือนหยุดนิ่ง แต่กลับมีชีวิต
เพราะที่พื้นมีเยี่ยนหง ชวนไป๋ บนภูเขาหิมะมีเจ้าขาวปุยกับหญ้าพิษชีวิต ใต้พื้นดินยังมีเพลิงนรก มีพืชที่ไม่ทราบชนิด…
มู่เถาเยาดื่มด่ำกับทัศนียภาพโดยรอบพลางครุ่นคิดถึงความแตกต่างของเขาเทพจันทรา ไม่นานก็เห็นเจ้าขาวปุยเริ่มเข้ามาใกล้
จากจุดเล็กๆ เข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ มันยังได้ลดความเร็วลง พอถึงตอนที่มู่เถาเยาสามารถเห็นมันได้ชัด ทันใดนั้นบนขาที่นั่งขัดสมาธิก็มีสิ่งหนึ่งเพิ่มขึ้นมา
“จี๊ดๆ”
มู่เถาเยาจิ้มใบหน้าน้อยๆ ลูบขนสีขาวของมันพลางพูด “เจ้าขาวปุย วิ่งเร็วเหลือเกินนะ ฉันตามไม่ทันเลย”
ต่อให้เธอมีกำลังภายในหลายร้อยปี ความเร็วก็ยังห่างชั้นกับเจ้าขาวปุยอีกเยอะ
“จึ๊ๆ”
มันช้ากว่าปกติเยอะแล้ว ทำไมเจ้านายน้อยก็ยังตามไม่ทันอีก
เจ้าขาวปุยไม่ค่อยเข้าใจ
มู่เถาเยาหยิบถุงอาหารออกมาจากในเข่ง จากนั้นก็หยิบถุงเก็บของสดที่ภายในบรรจุผลนมหมาป่าสีขาวนวลจากในนั้นออกมา เปิดถุงหยิบผลนมหมาป่าสองผลที่ล้างแล้วตั้งแต่ที่บ้าน แบ่งให้เจ้าขาวปุยหนึ่งผล ตัวเองกินหนึ่งผล
คนกับสัตว์กินไปคุยไป (คุยไม่รู้เรื่องหรอก)
กินผลไม้เสร็จมู่เถาเยาก็อุ้มเจ้าขาวปุยขึ้น “พวกเราเดินต่อ แต่เราก็ช้าๆ หน่อยด้วยล่ะ”
คืนก่อนออกเดินทางตี้อู๋เปียนคุยกับเจ้าขาวปุยไว้แล้ว มันจึงรู้ว่าเจ้านายอยากทำอะไร ก็แค่เมื่อก่อนเร็วจนชิน เลยไม่รู้ว่าต้องช้าลงถึงขั้นไหน
จากเมื่อกี้มันก็พอจะรู้แล้ว เดี๋ยวถ้าวิ่งอีกมันจะควบคุมความเร็วขั้นสุด ไม่มีทางปล่อยให้มู่เถาเยาตามไม่ทันอีก