บทที่ 672 ลู่ปู้ฝานได้รับคำชี้แนะ
บทที่ 672 ลู่ปู้ฝานได้รับคำชี้แนะ
วิถีโบราณไม่ได้เตรียมจะพำนักอยู่ที่นี่นาน หลังจากมอบพลังเช่นนี้ให้แก่ลู่ปู้ฝานแล้ว ในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหมายแฝง
“สามพันโลกเกิดขึ้นเพราะข้า อยู่ในการควบคุมของข้าแต่ในไม่ช้าข้าก็จะต้องจากที่นี่ไป สามพันโลกนี้คงจะต้องตกอยู่ในสภาวะไร้ผู้ปกครองอีกครั้ง”
ลู่ปู้ฝานคุกเข่าฟังคำพูดของวิถีโบราณ ดวงตาของเขาหดเล็กลงทันที
ความหมายของคำพูดนี้ หรือว่าจะเป็น…
วิถีโบราณยังคงยิ้มน้อย ๆ พูดทีละคำว่า “ตระกูลลู่ของเจ้านั้นไม่เลวเลย มีลู่หยวนที่สังหารกึ่งเทพจนสามารถครอบครองบัลลังก์เทพได้นับว่ามีความกล้าหาญพอสมควร แต่ว่า… ในบัญญัติของเทพนั้นไม่อาจยอมรับผู้ที่สังหารเทพได้”
ลู่ปู้ฝานยังคงคุกเข่าอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย ฟังคำพูดของวิถีโบราณความทะเยอทะยานในใจของเขายิ่งพองโตขึ้น
ท่านเซียนผู้นี้คงจะหมายความว่า ต้องการให้เขา…
วิถีโบราณทอดสายตาลงมาเอ่ยปากราวกับเป็นการประทานพรว่า “ข้าคิดว่าตระกูลลู่สมควรมีเทพปรากฏเพียงแต่ว่านิสัยของลู่หยวนนั้นดูจะไม่เหมาะสมนัก”
ลู่ปู้ฝานกำมือแน่นขึ้นทันที ดวงตาเปล่งประกายแน่วแน่ หัวใจเต้นรัวด้วยความปีติยินดีที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน!
“ข้าน้อมรับคำสั่งของท่านเซียน! ขอท่านวางใจเถิด ตระกูลลู่จะเป็นทาสรับใช้ท่านเซียนตลอดไปทุกชั่วอายุคน! ไม่มีวันทรยศหักหลัง!”
สำหรับวิถีโบราณแล้วไม่จำเป็นต้องสลักตราทาสหรืออะไรทำนองนั้น เพื่อผูกมัดความสัมพันธ์กับลู่ปู้ฝานและรับประกันว่าเขาจะไม่กบฏ
สามพันโลกผันแปรมานานแสนนาน ท่านเข้าใจดีว่าตราทาสหรือพันธสัญญาต่าง ๆ อาจสูญสลายไปด้วยเหตุผลนานัปการ เช่น พลังอำนาจที่เปลี่ยนแปลง แต่มีสายใยที่มองไม่เห็นอย่างหนึ่งที่จะผูกมัดคนผู้หนึ่งไว้อย่างแน่นหนาทำให้เขาไม่มีวันทรยศไปชั่วนิรันดร์
นั่นก็คือการมอบผลประโยชน์และความหวังให้แก่เขา!
วิถีโบราณยิ้มกว้างขึ้น “เหนือสามพันโลกยังมีท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ไพศาลกว่า ข้าหวังว่าจะได้เห็นสักคนจากตระกูลลู่ของพวกเจ้าก้าวไปถึงที่นั่น”
เมื่อได้ยินวาจานี้ ไม่เพียงแต่ลู่ปู้ฝานแม้แต่สมาชิกคนอื่น ๆ ของตระกูลลู่ต่างก็เผยแววตาตื่นเต้น!
ความว่างเปล่าสั่นไหวอีกครั้ง แล้วร่างของวิถีโบราณก็หายวับไป!
ลู่ปู้ฝานลุกขึ้นยืนเป็นคนแรกรอบกายแผ่ซ่านพลังอำนาจแห่งกฎเกณฑ์!
ผู้คนที่เหลือต่างหันมาทางลู่ปู้ฝานที่ยืนอยู่ตรงกลางก้มศีรษะคำนับด้วยความเคารพ!
“ขอแสดงความยินดีกับบรรพบุรุษ!”
รอยแผลเป็นที่พาดผ่านใบหน้าของลู่ปู้ฝานยังคงมีเลือดซึม เมื่อเขายิ้มออกมามันยิ่งดูน่าสะพรึงกลัวมากขึ้น!
“พวกเจ้าใต้หล้านี้จะเป็นของตระกูลลู่ของข้าแล้ว!”
ลู่ปู้ฝานยืดตัวตรงสายตามองไปยังที่ไกลช่องทางลวงตาปรากฏขึ้นในสายตาของเขา!
โลกแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยวิถีโบราณเพื่อช่วยเหลือพวกเขาที่เข้าไปในเกาะสังหารเซียน คนของตระกูลลู่ถูกสร้างขึ้นมาโดยเฉพาะ
มิฉะนั้นในการต่อสู้ระหว่างซ่งชิงกับลู่หยวนพวกเขาที่เป็นสามัญชนคงจะสูญสลายไปนานแล้ว!
ตอนนี้โลกที่ถูกสร้างขึ้นมานี้ลู่ปู้ฝานสามารถควบคุมได้แล้ว!
เพียงแค่ลู่ปู้ฝานต้องการโลกเล็ก ๆ แห่งนี้ก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามใจ พลังเช่นนี้ไม่เคยมีใครได้เห็นมาก่อน
ความรู้สึกที่สามารถเล่นงานสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกได้อย่างง่ายดายนี้ ทำให้ลู่ปู้ฝานรู้สึกปลาบปลื้มยินดีอย่างบ้าคลั่ง
“พวกเจ้าลุกขึ้นเถิด”
ลู่ปู้ฝานมองไปยังช่องทางลวงตานั้น มันคือทางออกที่ลู่ปู้ฝานสร้างขึ้น “พวกเราควรไปดูสนามรบกันได้แล้ว อย่าทำให้ท่านเซียนผิดหวัง!”
“ได้!”
บนเกาะสังหารเซียน ในพื้นที่หนึ่ง
มหาจักรพรรดิแดนเซียน เทพจำนวนมากและลู่หยวนแต่ละฝ่ายต่างอยู่คนละทาง
ร่างที่ถูกเมฆบดบังนั้นไม่ได้สั่นคลอนไปกับคำดูถูกที่ลู่หยวนปล่อยออกมาแต่อย่างใด
คำสั่งจากสวรรค์ดังขึ้น เสียงอันทรงอำนาจยังคงดังต่อไป “พลังแห่งวิถีปล่อยให้เจ้าเติบโตมาถึงขนาดนี้ทำให้เจ้าได้อยู่ในหมู่เทพของข้า ช่างน่าอับอายสิ้นดี!”
เสียงแหลมหัวเราะออกมาก่อนจะกล่าวว่า “พลังแห่งวิถีสองอย่างนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะอยู่เฉย ๆ เด็กคนนี้อาจเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งของพวกมัน ที่มาถึงที่นี่ก็เพื่อลองสำรวจท่าทีของพวกเราเท่านั้น”
“ท่าที?”
เสียงอันทรงอำนาจหัวเราะเยาะ “พวกข้าอยู่ในบัลลังก์เทพ พวกมันอยู่ในตำแหน่งพลังแห่งวิถี ต่างคนต่างมีอาณาเขตของตน ไม่ก้าวก่ายกัน มันสำรวจท่าทีแล้วจะเป็นอย่างไร? พวกข้ามีท่าทีหรือไม่ พวกมันจะทำอะไรได้? หรือว่ามันนั่งตำแหน่งพลังแห่งวิถีจนเบื่อแล้ว ตอนนี้อยากจะลองชั่งดูว่าบัลลังก์เทพของข้านั่งสบายหรือไม่ งั้นรึ?!”
เมื่อคำพูดนี้ถูกเอ่ยออกมาเหล่าเทพที่อยู่เหนือเมฆต่างหัวเราะเบา ๆ แต่ละองค์แสดงความดูแคลนออกมาในรอยยิ้มราวกับว่าความเป็นไปได้ที่กล่าวถึงในคำพูดเมื่อครู่นั้นเป็นเพียงเรื่องตลกขบขันเท่านั้น
“พอเถอะ ไม่ว่าพลังแห่งวิถีจะหมายถึงอะไรก็ตามการละเมิดกฎก็คือการละเมิดกฎ! คนที่ต้องตายก็ต้องตาย!”
เสียงอันทรงพลังดังขึ้น คำสั่งจากเทพพลันแผ่ขยายออกไปกลายเป็นพลังเทพต่าง ๆ ห่อหุ้มพื้นที่ทั้งหมดในชั่วพริบตา
เหล่ามหาจักรพรรดิแห่งแดนเซียนก็นับว่าตอบสนองได้รวดเร็ว พวกเขาหลบหนีไปไกลในทันทีออกจากขอบเขตที่ถูกพลังเทพห่อหุ้ม
“ไอ้หนุ่ม ข้าจะลองดูว่าเจ้าจะทนการโจมตีของข้าได้กี่ครั้ง!”
เสียงนั้นดังขึ้นอย่างฉับพลัน ทุกตัวอักขระแฝงไปด้วยพลังอันทรงพลัง!
สามพันโลกทั้งหมดถูกพลังนี้กระทบ!
ความว่างเปล่าทั้งหมดเริ่มแตกสลายในขณะนี้!
หลุมดำไร้ก้นปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าที่แตกสลาย ลมพายุสั่นสะเทือนกวาดล้างทุกสิ่งรอบข้าง!
เหล่ามหาจักรพรรดิที่หนีออกจากการห่อหุ้มของพลังเทพก็ไม่ได้รู้สึกดีขึ้น พวกเขาต่างสละพลังทั้งหมดของตนเพียงเพื่อให้ยืนหยัดอยู่ได้อย่างยากลำบาก!
ผู้คนเหล่านี้ล้วนแสดงแววตาหวาดกลัว พลังเทพเช่นนี้หากใช้โจมตีเข้ามาพวกเขาคงตายไม่เหลือซากแต่แรกแล้ว!
แต่ภายใต้ความหวาดกลัวนั้น กลับซ่อนความทะเยอทะยานที่ยากจะปิดบังไว้!
เพียงแค่ลู่หยวนตกจากบัลลังก์เทพ พวกเขาก็มีโอกาสขึ้นครองตำแหน่งนั้นได้ หากได้ยืนอยู่ในตำแหน่งนั้นก็จะเป็นผู้ครอบครองพลังอันยิ่งใหญ่เช่นกัน!
ความปรารถนาในพลังอันสูงส่งนี้ทำให้บรรดามหาจักรพรรดิแห่งแดนเซียนต่างใจเต้นรัว!
ลู่หยวนอยู่ท่ามกลางพลังเทพที่ห่อหุ้ม เมื่อพลังเทพกดทับลงมา พลังเทพของตัวเขาเองก็ปรากฏขึ้น!
เห็นได้ชัดว่าร่างของลู่หยวนเปล่งประกายเจิดจ้า นอกเหนือจากอาภรณ์เดิม เกราะเทพก็ก่อตัวขึ้นในชั่วพริบตาต้านทานพลังเทพที่กดลงมาได้อย่างแข็งแกร่ง!
เขายกมือขึ้นชี้นิ้วไปยังทิศทางหนึ่ง
เซียวเทียนและฮ่วนซิงไป๋ที่ถูกพลังเทพของลู่หยวนห่อหุ้มไว้แต่แรกนั้น ถูกส่งออกไปในชั่วพริบตา!
ขณะนี้เซียวเทียนมีสีหน้าจริงจัง เขาอยากจะขึ้นไปช่วยลู่หยวนอย่างยิ่ง แต่ก็รู้ดีว่าพลังของตนในตอนนี้ หากก้าวออกจากวงคุ้มครองที่ลู่หยวน ส่งมาให้ก็จะต้องตายแน่!
เซียวเทียนจึงระงับความคิดในใจแล้วมุ่งปกป้องฮ่วนซิงไป๋ที่อยู่ข้าง ๆ อย่างเต็มที่!
ฮ่วนซิงไป๋ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นับตั้งแต่ได้รับพลังเทพนั้นมาดเขาก็ตกอยู่ในภวังค์แห่งการรู้แจ้งอย่างต่อเนื่อง นั่งขัดสมาธิอยู่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าเมื่อใดจึงจะตื่นขึ้นมาได้!