“พลังเวท?”
“เรียกอีกอย่าง มันแสดงออกมาว่าแต่ละคนสามารถใช้เวทมนตร์ได้กี่ครั้ง และเวทมตร์ที่ใช้นั้นจะออกมาแข็งแกร่งขนาดไหนไงล่ะคะ”
“ถ้าวัดออกมาเป็นตัวเลขล่ะก็ นักเวทย์จตุรธาตุโดยเฉลี่ยนั้นจะมีพลังเวทอยู่ที่ประมาณ 35 ส่วนนักเวทย์หายากนั้นจะมีเฉลี่ยประมาณ 150 ก็ ถ้ามีพลังเวทเกิน 100 ล่ะก็ พวกเธอก็ไม่มีปัญหาหรอก”
ท่านโนอะยื่นอุปกรณ์วัดพลังเวทให้โอโตฮะ
โอโตฮะก็จ้องอยู่ที่มันซักพัก ก่อนที่จะ
“ต้องใช้งานได้ด้วยวิธีไหนเหรอเจ้าคะ?”
“เธอจะเหน็บไว้ใต้แขน หรือจะอมไว้ในปากก็ได้นะ”
“!?”
“โอโตฮะ?”
“ส- แสดงว่า ถ้าฉันอมมันไว้ในปากล่ะก็… ม- มันก็เหมือนกับได้ จ- จ- จูบทางอ้อมกับคุณหนูเลยน่ะสิเจ้าคะ!?”
“น่ารำคาญจริงๆ เลยนะ เวลาที่พวกวิตถารเกิดมีความคิดแสนล้ำออกมาได้แบบนี้เนี่ย”
“ขอบอกให้รู้ก่อนเลยแล้วกันนะ ฉันเป็นพวกที่ ‘เหน็บไว้ใต้แขน’ ไม่ได้อมมันไว้ในปากหรอก”
“อ- อะไรกันน่ะ!?”
ผลคือ โอโตฮะก็แค่เหน็บมันเอาไว้ใต้แขนเฉยๆ
“บ- แบบนี้เองก็… ที่อยู่ใต้แขนของคุณหนู ตอนนี้ ติดอยู่กับฉันแล้ว… ฟื้~ด… ฮ่~า…”
“นี่ ใจเย็นก่อนโอโตฮะ เลือดกำเดาเริ่มจะไหลอีกรอบแล้วนั่นน่ะ”
“ถ้ามีอาการตื่นเต้นแบบนั้น มันอาจจะทำให้ค่าวัดที่วัดได้คลาดเคลื่อนนะ ช่วยสงบใจให้ร่มๆ ก่อนค่อยวัดอีกทีแล้วกัน”
“คุโระ ช่วยเอาเครื่องวัดนั่นไปล้างทำความสะอาดทีนะ เอาให้อย่ามีแม้แต่เศษผิวหนังของใครติดหลงเหลืออยู่เชียวล่ะ”
“อ๊า! แบบนั้นมันเสียมารยาทเกินไปแล้วนะเจ้าคะ!”
หลังจากที่จัดการล้างทำความสะอาดเครื่องวัดด้วยสบู่แล้วเรียบร้อย เราก็มาจัดการเรื่องการวัดกันต่อ
โอโตฮะดูจะซึมๆ อย่างเห็นได้ชัดเลย แต่ไม่ต้องไปสนใจอะไรเรื่องนั้นหรอก
โอรันมองโอโตฮะที่ยังเสียใจไม่หาย รับเอาเครื่องวัดมา แล้วก็เหน็บไว้ที่รักแร้ตัวเองเหมือนกัน
ผลที่ได้
〚1/210〛
〚1/180〛
“เกินกว่าค่าเฉลี่ย อยู่ราวๆ 200 กัน ไม่เลวเลยนะ”
“ฟิ่ว ผมห่วงอยู่เลยครับว่าจะต่ำกว่าค่าเฉลี่ยหรือเปล่า”
“สีข้างของคุณหนู… ปากของ…”
“แล้วนี่จะซึมไปถึงไหน?”
อย่างน้อยทั้ง 2 คนก็ไม่ได้มีพลังเวทต่ำกันเลยนะ โล่งอกไปที
เวทมนตร์หายากส่วนใหญ่มักจะมาพร้อมกับการกินพลังเวทปริมาณมากๆ เพราะฉะนั้นถ้ามีพลังเวทเยอะๆ เข้าไว้ยังไงก็ต้องดีกว่าอยู่แล้ว
“ก- ก็ ตราบใดที่ทำประโยชน์ให้คุณหนูได้ ฉันก็สบายใจแล้วล่ะเจ้าค่ะ การที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยก็แปลว่าฉันจะอุทิศตัวให้ท่านได้มากกว่าด้วย!”
“จริงด้วยนะ อ่า จะว่าไป แล้วท่านโนอะกับคนอื่นๆ มีพลังเวทกันเท่าไหร่เหรอครับ?”
“620 น่ะ”
“ฉันมี 400 ค่ะ”
“เอ๊ะ”
โอรันตกใจจนตาเบิกกว้าง ส่วนโอโตฮะตัวแข็งทื่อไปแล้ว
ได้ยินแค่นี้ก็ทำเอารู้สึกเหมือนว่าพวกเราสุดยอดไปเลยนะ
แต่น่าเสียดาย ตรงนี้ยังมีเด็กอยู่อีกคนนึงที่มีเหนือกว่าพวกเราอย่างแท้จริงอยู่ด้วย
“ส- สุดยอดไปเลยนะครับ ทั้งสองเหนือกว่าค่าเฉลี่ยไปมากกว่าเท่าตัวซะอีก”
“แต่พวกฉันน่ะเทียบสแตไม่ติดเลย เนอะ?”
“ค่ะ”
“เออ แล้วคุณสแต มีอยู่เท่าไหร่งั้นเหรอครับ?”
“1450”
““ฮะ?””
ก็ตามนั้นล่ะนะ
“1450”
“ล- ล้อเล่นใช่มั้ยเจ้าคะ?”
“ไม่ได้ล้อเล่น”
“เป็นเรื่องจริงเลยค่ะ หากเทียบกันเพียงแต่พลังเวทอย่างเดียวล่ะก็ สแตนั้นเหนือยิ่งกว่ามหาจอมเวทย์ ฮารุ ท่านโนอะในชาติก่อนอีกนะคะ”
“เป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ ผู้มีพรสวรรค์ในระดับที่หลายร้อยปีจึงจะมีซักคนเลยล่ะ”
“เอาจริงเหรอเนี่ย…”
โอโตฮะทรุดลงทั้งยืนอยู่ตรงนั้นเลย
“โดนแซง จากเด็กน้อยแบบนี้…”
“เด็กน้อย……”
“สแต ทำไมพอโดนเรียกว่าเด็กน้อยแล้วต้องโมโหด้วยล่ะ?”
เธอเพิ่งจะ 8 ขวบเอง อยู่ในขอบเขตที่จะเรียกว่าเด็กน้อยได้อยู่แล้วนี่นา
“โดนเด็กน้อย เรียกว่าเด็กน้อย ไม่ชอบ”
“อ๋า แบบนี้เอง”
เอาเถอะ ก็จริงนะที่เธอตัวเล็กกว่าค่ามาตรฐานจริงๆ
ท่านโนอะเองก็อยู่ฝั่งตัวเล็กนะ แต่ก็ยังตัวสูงกว่าโอโตฮะนิดหน่อยอยู่ดี
“เรียกใครว่าเด็กน้อยน่ะฮะ!? ฉันโตกว่าเธออีกนะ!”
“แต่ก็ เด็กกว่า คุโระอยู่ดี เด็กน้อย เย่~”
“ฮึ้ยยยย!”
“ใจเย็นก่อนน่าโอโตฮะ! ไปทำแบบนั้นกับคนที่เด็กกว่ามันน่าอายนะ!”
สแตยังยั่วโมโหโอโตฮะอยู่แบบนั้นโดยที่สีหน้านิ่งไม่เปลี่ยน ในขณะที่โอโตฮะพยายามจะเข้าไปหาสแตโดยที่น้ำตาคลอเบ้าแล้ว โดยที่มีโอรันพยายามเต็มที่เพื่อจะรั้งเธอเอาไว้
“ดีจังนะ ดูจะสนิทกันแล้ว”
“แบบนี้ ดีแล้วเหรอคะ?”
ท่านโนอะพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งนั้น ส่วนฉันก็คงกำลังมีสีหน้าเหนื่อยหน่ายอยู่ล่ะมั้ง
“ดีแล้วล่ะที่ตอนนี้สแตจะได้มีเพื่อนเล่นเพิ่ม อายุจิตใจของพวกเธอเองก็ดูจะใกล้ๆ กันด้วย”
“ก็คือ ปล่อยให้เด็กๆ ทะเลาะกันบ้างอะไรบ้าง เพื่อให้ได้คึกคักกันเป็นครั้งเป็นคราวก็อาจจะดีที่สุดแล้วสินะคะ”
พวกเราจิบชากันพลางมองทั้ง 3 คนกำลังทะเลาะเอะอะกันผ่านสายตาแบบผู้ใหญ่ในฐานะของผู้กลับชาติมาเกิด
ก็ ถ้าพูดให้ถูก โอรันเป็นคนกำลังพยายามห้ามอีก 2 คนอยู่ล่ะนะ
“ตอนนี้เริ่มเป็นกลุ่มใหญ่ขึ้นมาบ้างแล้วนะ ตอนแรกยังมีแค่ฉันกับเธออยู่เลยแท้ๆ”
“ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาก็จริง แต่ความเอะอะวุ่นวายเองก็จะเพิ่มขึ้นตามมาด้วยนะคะ ในวันข้างหน้าที่อาจมีคนมาเพิ่มอีก อะไรจะเกิดขึ้นบ้างก็ไม่รู้เลย”
“ก็ไม่เลวนะ บรรยากาศมีชีวิตชีวาแบบนี้น่ะ สนุกดีออก”
“นั่นก็มีส่วนที่จริงอยู่นะคะ”
สุดท้าย ดูเหมือนการตีกันจะจบลงด้วยเวทจิตใจของสแตที่อ้างว่าเป็นการป้องกันตัวเอง เข้าไปถึงโอโตฮะ แล้วสถานการณ์ก็สงบลงจนได้
“แฮ่ก แฮ่ก เป็นเด็กน้อยที่ไม่น่าเชื่อจริงๆ เลยเจ้าค่ะ… คุณหนูเจ้าคะ! ฉันที่อ่อนแอบอบบางโดนจอมเวทย์นั่นมารังแก ช่วยปลอบโยนฉันหน่อยนะเจ้าคะ!”
“นี่! ไม่มีศักดิ์ศรีเลยรึไงเนี่ย!?”
“ต่อหน้าความการุณของคุณหนูแล้ว ศักดิ์ศรีมันก็ไม่ต่างอะไรจากขยะหรอก!”
โอโตฮะพยายามเข้ามาออดอ้อนท่านโนอะ โดยเอาเรื่องที่แพ้ให้กับสแตมาเป็นข้ออ้าง
ดูเหมือนว่าเธอพยายามจะชนะสงครามให้ได้แม้จะแพ้ศึกมาสินะเนี่ย
“คุณหนู! ช่วยเมตตาคนแพ้คนนี้ด้วยเถอะนะเจ้าคะ!”
“น่าเสียดายจัง ฉันมีนโยบายที่จะเข้มงวดกับคนที่พ่ายแพ้ซะด้วยสิ”
“!?”
สแตเดินผ่านโอโตฮะที่กำลังช็อกมากจนมันออกมาทางสีหน้ามาแบบไม่แยแสเลย
“คุณหนู ชนะแล้ว”
“ดูท่าจะเป็นแบบนั้นสินะ”
“หัว อยากให้ลูบหน่อย”
“จ้าๆ”
“งือ~”
“กรี๊ดดดด! ทั้งที่ฉันแทบจะไม่ได้แตะตัวคุณหนูเลยด้วยซ้ำน้าาา!!”
สแตหลับตาปรืออย่างมีความสุข ส่วนโอโตฮะก็ถึงกับน้ำตาไหลพราก ราวกับนักล่าสมบัติที่ต้องเห็นสมบัติที่หมายตาไว้โดนพรากไปต่อหน้าต่อตายังไงยังงั้นเลย
นี่มันอะไรกันเนี่ย
“ฮึก กระซิก… ทั้งที่ฉันรักคุณหนูยิ่งกว่าใครแท้ๆ…”
“ถ้าหงุดหงิดขนาดนั้น ก็รีบๆ เรียนรู้เวทมนตร์เข้าซะสิ เอ้~า สแต เด็กดีๆ”
“อ๊าาาาาาาาาาา!!”
แล้วโอโตฮะก็คว้าหนังสือเวทมนตร์ของเวทมนตร์สายพิษมาตั้ง ก่อนจะไล่อ่านจากเล่มแรกด้วยดวงตาที่แดงก่ำและท่าทางที่แทบบ้าคลั่ง
“ม- มันอยู่ที่ไหนนะ… ถ้าสร้างยาขึ้นมาได้ ก็ควรจะมีอยู่ที่ไหนซักที่สิ เจ้านั่นที่ครั้งนึงเคยอ่านเจอในหนังสือผู้ใหญ่น่ะ…”
“กำลังหาอะไรอยู่เหรอคะ โอโตฮะ?”
“ก็ต้องยาเสน่ห์น่ะสิเจ้าคะ”
ฉันตบโอโตฮะเข้าจังๆ แบบไม่พูดอะไรเลยซักคำ
“โอ้ย! ทำอะไรน่ะเจ้าคะ!?”
“อายุยัง 11 แท้ๆ ไปรู้เรื่องแบบนั้นได้ยังไงกันน่ะคะ!”
“ก็มันช่วยไม่ได้นี่เจ้าคะ! ก็เมื่อก่อน ในกองหนังสือที่พวกเราได้มาอยู่ประจำมันมีหนังสือแบบนั้นอยู่ด้วยนี่นา!”
จะจัดการกับนังเด็กสาวลามกคนนี้ยังไงดีนะ
แล้วไหนจะพวกตระกูลกิฟท์นั่นอีก เอาหนังสือแบบนั้นมาให้เด็ก ได้คิดอะไรกันบ้างมั้ยเนี่ย
“แค่ตั้งสมาธิอยู่ที่การเรียนรู้เวทมนตร์ก็พอ เอ้า โอรัน เธอเองก็ด้วยนะคะ หนังสือเวทมนตร์ของเวทมนตร์ต้านทานวางเตรียมเอาไว้ตรงนั้นแล้วเรียบร้อยค่ะ”
“เข้าใจแล้วครับ แต่ ผมกลัวว่าเธออาจจะทำอะไรอีกก็ได้”
“วางใจได้เลยค่ะ ฉันจับตาดูเธอเอาไว้อยู่”
“จริงเหรอครับ? งั้น ผมขอฝากด้วยนะครับ คุณคุโระ”
“ได้! ในเมื่อเป็นแบบนี้! ฉันจะทุ่มสุดตัวเลยเจ้าค่ะ! ฉันจะตั้งใจศึกษาและเรียนรู้เวทมนตร์ให้ได้! เท่านี้คุณหนูก็จะเอ่ยชมฉันบ้างแล้ว!”
“นั่นไม่ใช่การทุ่มสุดตัวนะ นั่นมันเรื่องปกติต่างหากค่ะ”
ถึงเธอจะพูดอะไรไร้สาระ แต่เธอก็เริ่มอ่านตั้งแต่ต้นอย่างตั้งใจเลย
โอรันเองก็ศึกษาอย่างจริงจังเหมือนกัน เขาจดบันทึกอย่างขยับขันแข็ง พลางเหลือบมาดูพวกเราเป็นระยะๆ
ไม่ว่าแรงผลักดันจะบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์ก็ตาม แต่ดูเหมือนพื้นฐานที่จริงใจและเอาจริงเอาจังจะเป็นลักษณะที่เหมือนกันของฝาแฝดคู่นี้เลยแฮะ
“ฮุฮุ… ถ้าฉันสร้างเชื้อโรคพวกนี้มาใส่ตัวเองให้ติดหวัดนิดๆ หน่อยๆ คุณหนูก็จะช่วยมาดูแลไข้ให้ฉันบ้างสินะเจ้าคะ”
“ขอบอกให้เธอรู้ไว้ก่อนเลยนะ เพราะเธอเป็นนักเวทย์พิษ โดยธรรมชาติของเธอแล้ว จะยาพิษหรือยารักษาโรคก็ใช้ไม่ได้ผลกับเธอหรอกนะ เพราะฉะนั้น จะทำให้ตัวเองป่วยก็เปล่าประโยชน์”
“!?”
“แบคทีเรียหรือไวรัสเองก็ไม่มีผลอะไรกับเธอเหมือนกัน เพราะแบบนั้น เธอก็แทบจะไม่มีทางป่วยได้เลย ไหนๆ ก็พูดแล้ว นักเวทย์ต้านทานเองก็มีความต้านทานต่อการโจมตีส่วนมากในระดับนึงมาตั้งแต่แรกอยู่แล้วด้วยนะ จะเรียกว่าเป็นคนที่มีพลังชีวิตแข็งแกร่งเลย ขนาดที่ต่อให้จะโดนมีดแทงเข้าจุดตาย เธอก็อาจจะไม่ตายก็ได้”
สะดวกดีจัง
เวทความมืดทำให้ฉันได้แค่มองเห็นในความมืดกับตรวจจับสัญญาณชีวิตเท่านั้นเอง แต่นี่มันสุดยอดกว่าอีก
“เลิกคิดเรื่องพิลึกๆ แล้วก็ตั้งใจเรียนได้แล้ว โอโตฮะ”
“อุ…”
“เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน ถ้าเธอทำได้ดีล่ะก็ ฉันจะให้รางวัลเธอนะ”
“จะเต็มที่เลยเจ้าค่ะ!!”
แล้วโอโตฮะผู้แสนซื่อก็เร่งความเร็วตัวเองขึ้นมาทันทีเลย
2-3 ชั่วโมงต่อมา ถึงจะรู้สึกเวียนหัวอยู่ก็ตาม แต่โอโตฮะก็รับเอาช็อกโกแลตที่ท่านโนอะให้เป็นรางวัลมาด้วยสีหน้าอิ่มเอิบไปด้วยความสุขเลย
TN: เฮ้อ… แปลยากจริงๆ เลย เธอจะมีคาแรคเตอร์เอกลักษณ์เยอะเกินไปแล้วนะ โอโตฮะ!!
ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r