ตอนที่ 423 เจ้าเข้าใจด้วยหรือ
ฮ่องเต้หงอู่แสดงออกว่าใจกว้างขนาดนี้ แน่นอนว่าอิ๋นจ้าวเซียนซึ่งเป็นขุนนางย่อมชื่นใจยิ่ง แต่หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ฮ่องเต้มีรับสั่งไม่ว่าอย่างไรก็ต้องให้เขาเข้าเฝ้าฝ่าบาท แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับเป็นจี้หยวน
พูดตามจริงว่าในใจอิ๋นจ้าวเซียน เจตนาส่วนตัวของฝ่าบาทกับเจตนาส่วนตัวของจี้หยวน เขาว่าฝ่ายหลังสำคัญกว่าหน่อย
และพูดตามตรงอีกว่าท่านจี้เป็นบุคคลระดับใด ความจริงไม่ต้องเห็นแก่หน้าฮ่องเต้องค์หนึ่งด้วยซ้ำ
แต่อิ๋นจ้าวเซียนคิดว่าตามความเข้าใจของตน อาศัยฐานะสหายเชิญจี้หยวนมาเข้าเฝ้าฮ่องเต้หงอู่หน่อย จี้หยวนย่อมยินดี แต่ปัญหาคือตัวอิ๋นจ้าวเซียนเองไม่อยากทำเช่นนี้ เขาจึงครุ่นคิดลังเลอยู่นาน ก่อนกล่าวกับฮ่องเต้หงอู่
“ยากเห็นฝ่าบาทประสงค์เจอชาวบ้านคนหนึ่ง แน่นอนว่าเป็นเกียรติของสหายกระหม่อม กระหม่อมรับรู้น้ำใจของฝ่าบาท แต่… ท่านจี้ค่อนข้างแปลก เอาอย่างนี้เถิด อีกเดี๋ยวกระหม่อมไปสอนมารยาทพื้นฐานเขาหน่อย ถึงอย่างไรก็ต้องทำตามพิธีการ หลีกเลี่ยงการเกิดข้อผิดพลาด…”
ฮ่องเต้หงอู่ฟังคำพูดนี้แล้วในใจยิ่งสงสัย เสนาบดีอิ๋นเป็นอะไร สหายคนนั้นของเขาไม่อยากพบใครมากขนาดนี้เชียวหรือ
หากเป็นคนอื่นฮ่องเต้หงอู่หยางฮ่าวอาจคิดว่าเป็นการอิจฉาคนมีความสามารถ เกรงว่าสหายจะแย่งความโดดเด่นของตน ถึงขั้นว่าสหายคนนั้นอาจเป็นคนไม่ดี แต่ผู้อยู่ตรงหน้าคืออิ๋นจ้าวเซียน เรื่องแบบนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้แน่
ความจริงฮ่องเต้หงอู่มีความลับอย่างหนึ่งที่ไม่เคยบอกใครมาก่อน ถึงขั้นว่าแม้แต่ชายาคนสนิทอย่างฮองเฮากับพระสนมเต๋อเฟยยังไม่เคยกล่าวถึง นั่นก็คือช่วงที่เขาเพิ่งขึ้นครองราชย์ ความจริงเคยฝันประหลาดสองครั้ง
ครั้งแรกฝันถึงบิดาของตน ฮ่องเต้หยวนเต๋อผู้เป็นฮ่องเต้องค์ก่อน
ความฝันนี้ค่อนข้างเรียบง่าย ตอนนั้นฮ่องเต้หยวนเต๋อเพิ่งสวรรคต ยามฝันคือช่วงก่อนจัดพระราชพิธีศพ
ตอนนั้นหยางฮ่าวตกสู่สภาพตื่นตัวมากกว่าโศกเศร้าทั้งวัน ความโศกเศร้าไม่ได้เกิดขึ้นเพราะบิดาของตนทั้งหมด ส่วนหนึ่งถูกแบ่งไปเพราะการตายของอาจารย์
เนื้อหาความฝันคือหยางฮ่าวนอนบนเตียง จากนั้นค่อยถูกคนปลุก ตื่นมาเห็นบิดาตนนั่งอยู่ข้างเตียง ด้วยตอนนั้นลืมคิดว่าบิดาสิ้นชีพแล้ว เมื่อบิดามองเขาอยู่ในห้องนอน ยิ่งทำให้หยางฮ่าวตื่นตระหนกอยู่บ้าง คิดลงจากเตียงมาคารวะ
แต่ตอนนั้นท่าทีฮ่องเต้หยวนเต๋อต่างจากภาพจำเมื่อก่อนมาก ท่าทางเป็นกันเองอย่างยากจะเชื่ออยู่บ้าง แค่คุยกับเขาอย่างเรียบง่ายสองประโยค บอกว่าต้องจากไปแล้ว ไปยังสถานที่ห่างไกล กำชับว่าดูแลอาณาจักรต้าเจินดีๆ เมื่อเจอเรื่องยากตัดสินใจให้ถามอิ๋นจ้าวเซียน ทั้งบอกเขาว่าอย่าลืมคำพูดข้างแท่นบรรทมคนป่วยก่อนหน้านี้
รอเมื่อฮ่องเต้หยวนเต๋อจากไป หยางฮ่าวตื่นขึ้นมาบนเตียง ช่วงเวลาคือฟ้าเพิ่งสว่าง คำพูดก่อนลาจากของฮ่องเต้หยวนเต๋อ คำสั่งเสียที่บอกเขาว่าอย่าปล่อยให้อิ๋นจ้าวเซียนถูกคนทรยศทำร้ายจึงถูกกระตุ้นขึ้นมา
ครั้งที่สองฝันถึงตอนเด็ก หลังออกจากสำนักศึกษาหงเหวินเขากราบหลี่มู่ซูเป็นราชครู มีอาจารย์คอยเป็นห่วงเป็นใยเขาทั้งมากด้วยวิสัยทัศน์
วันนั้นภายในห้องหนังสือของหลี่มู่ซู หยางฮ่าวช่วงวัยประมาณสิบสี่สิบห้าปีกำลังอ่านตำรา หลี่มู่ซูหลับตาฟังอยู่ด้านข้าง คอยชี้ประเด็นสำคัญบางส่วนในตำราเป็นพักๆ มือข้างหนึ่งตบกองตำราตรงมุมโต๊ะหยางฮ่าวตลอด
เมื่ออ่านถึงช่วงเนื้อหาว่าฮ่องเต้ควรปฏิบัติตัวอย่างไร หลี่มู่ซูซึ่งหลับตาพลันตัดบทเขา เข้ามาใกล้หยางฮ่าวพลางกล่าว
‘องค์ชาย กระหม่อมอายุมากแล้ว สักวันหนึ่งต้องจากท่านไป ไม่ตายด้วยการเล่นแง่ทวนแจ้งธนูลับก็ตายเพราะเจ็บป่วยอายุมาก แต่หนทางขององค์ชายยังอีกยาวไกล อนาคตท่านต้องครองราชย์เป็นฮ่องเต้ครองราชสมบัติ!’
‘อาจารย์ ข้าคิดว่าเป็นฮ่องเต้ได้ ข้ารู้สึกเช่นนั้น!’
หยางฮ่าวยิ้มตอบอาจารย์
ในฝันสิ่งที่แปลกคือหยางฮ่าวเกือบลืมเรื่องตนเป็นฮ่องเต้ คล้ายว่ายังเป็นเด็กหนุ่มเหมือนตอนนั้น แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้นก็ยังมีลางสังหรณ์อย่างหนึ่ง ลางสังหรณ์เด่นชัดเรื่องการครองราชย์
หลี่มู่ซูพยักหน้าพลางผละมือขวาซึ่งวางบนกองหนังสือมาตลอด
‘องค์ชาย ผู้แต่งตำราพวกนี้ถือเป็นผู้มากความสามารถซึ่งไม่เคยมีมาก่อนตั้งแต่สถาปนาต้าเจิน อนาคตเมื่อองค์ชายขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้ แม้ว่ากระหม่อมอาจไม่ได้เห็น แต่ย่อมให้เขาเป็นพยาน คนผู้นี้ภักดีต่ออาณาจักรทั้งทำเพื่อปวงชนทั่วหล้า ครอบครองปราณยิ่งใหญ่เจิดจรัส เทพผียังเคารพนับถือ!’
หลี่มู่ซูดันกองหนังสือมาตรงหน้าหยางฮ่าววัยเยาว์ นั่นคือตำราวาทหมู่ปักษากับธรรมรู้แจ้ง
‘ท่านอ่านตำราพวกนี้ดีๆ ภายหน้าต้องอ่านมากๆ กระหม่อมต้องกลับไปแล้ว!’
‘ทราบแล้วท่านอาจารย์!’
หยางฮ่าววัยเยาว์พยักหน้ารับคำ เมื่อเปิดตำราเขาพลันนึกขึ้นได้ เขาอยู่ห้องหนังสือในบ้านอาจารย์ ถ้าอย่างนั้นอาจารย์กลับไปที่ใดเล่า
เมื่อเงยหน้ามองไปเห็นว่านอกประตูห้องหนังสือพร่ามัวอยู่บ้าง มีเงาดำหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น อาจารย์ประสานมือมาทางเขาก่อนออกจากประตูไป
จากนั้นหยางฮ่าวค่อยได้สติ เมื่อตื่นขึ้นมาจากความฝันนี้ ทุกอย่างล้วนแจ่มชัด จำได้อย่างชัดเจน มีโอกาสสูงว่าอาจารย์ซึ่งเสียชีวิตไปมาเข้าฝัน
ความฝันติดกันสองครั้งทำให้หยางฮ่าวซึ่งเดิมให้ความสำคัญกับอิ๋นจ้าวเซียนมาก ยิ่งให้ความสนใจกับตระกูลอิ๋นยิ่งกว่าเดิม ดังนั้นต่อให้อิ๋นจ้าวเซียนรู้ดีว่าฮ่องเต้องค์ปัจจุบันเชื่อใจเขา แต่ความจริงความเชื่อมั่นซึ่งหยางฮ่าวมีต่ออิ๋นจ้าวเซียนลึกซึ้งยิ่งกว่าที่อิ๋นจ้าวเซียนคาดคิดอยู่บ้าง
…
อิ๋นชิงพาองค์หญิงฉางผิงออกมาจากห้องรับแขก เลียบโถงทางเดินไปยังสวนดอกไม้ อิ๋นชิงช่างจำนรรจามาตลอด ต่อให้ตอนนี้ผู้อยู่ตรงหน้าคือองค์หญิง แม้ว่าจุดประสงค์การมาของฝ่าบาทผิดธรรมดา แต่เขายังถือว่าไม่ประหม่าเกินไป
“องค์หญิง พวกเราเดินรอบโถงทางเดินสักรอบ ผ่านสวนดอกไม้สองแห่งเพื่อชมทิวทัศน์ จากนั้นค่อยไปรอที่ห้องอาหารเถิด จวนตระกูลอิ๋นของพวกเราเทียบราชวังไม่ได้ เดินเล่นแล้วไม่มีอะไรน่าชม หากกลับไปเร็ว ฝ่าบาทกับบิดากระหม่อมคงคาดโทษ”
องค์หญิงฉางผิงมองอิ๋นชิง
“รองเสนาบดีอิ๋นไม่ชอบเดินเล่นกับข้าหรือ”
อิ๋นชิงรีบกล่าวอธิบาย
“แน่นอนว่าไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ แต่ความคิดส่วนใหญ่ของฝ่าบาทกับบิดากระหม่อมคือต้องการให้พวกเราอยู่ตามลำพังครู่หนึ่ง ข้างนอกอากาศหนาวเสียดายที่มารดากระหม่อมออกแรงคิด พวกเราไปห้องอาหารนั่งคุยกันหน้าเตาผิงไม่สบายกว่าหรอกหรือ ถึงขั้นบอกให้ห้องครัวนำของอร่อยมาได้ด้วย”
องค์หญิงฉางผิงอึ้งงัน จากนั้นค่อยแย้มยิ้ม ความจริงนางไม่ถึงขั้นชอบอิ๋นชิง แม้ไม่รังเกียจ แต่สุดท้ายก็ค่อนข้างแปลกหน้า
หญิงสาวรอแต่งงานส่วนใหญ่ล้วนไม่เป็นตัวของตัวเอง นับประสาอะไรกับเชื้อพระวงศ์ ต่อให้เป็นถึงคนโปรดของเสด็จพ่อ แต่เรื่องใหญ่ทั้งชีวิตย่อมไม่อาจตัดสินใจด้วยตัวเอง
แม้ว่าอิ๋นชิงสู้เสนาบดีอิ๋นไม่ได้อยู่มาก แต่ถือว่ายังมีชื่อเสียงอยู่บ้าง อย่างน้อยยามองค์หญิงฉางผิงเห็นภาพวาดของอิ๋นชิง ฝีมือวาดภาพนับว่าไม่เลวจริงๆ
“ถ้าอย่างนั้นแล้วแต่รองเสนาบดีอิ๋น พวกเราเดินเล่นก่อนค่อยไปห้องอาหารเถิด แต่ข้ายังอยากดูห้องหนังสือจวนตระกูลอิ๋น ได้ยินว่าที่นั่นเปี่ยมปราณบุ๋นมากที่สุดในใต้หล้า”
“พ่ะย่ะค่ะ ข้อเรียกร้องนี้กระหม่อมคนแซ่อิ๋นย่อมตอบสนอง องค์หญิงเชิญทางนี้พ่ะย่ะค่ะ”
อิ๋นชิงเชิญอย่างมีมาดยิ่ง พาองค์หญิงฉางผิงเที่ยวชมจวนตระกูลอิ๋น โดยหลักคือเดินเล่นรอบสวนดอกไม้ ดูห้องหนังสือซึ่งองค์หญิงฉางผิงอยากเห็น
จวนตระกูลอิ๋นมีห้องหนังสือหลายแห่ง อิ๋นชิงกับอิ๋นจ้าวเซียนล้วนมีห้องส่วนตัว อิ๋นชิงไม่อาจพาองค์หญิงฉางผิงไปห้องหนังสือของอิ๋นจ้าวเซียนได้ แต่พานางไปดูห้องหนังสือของตนได้
เมื่อมาถึงห้องหนังสือของอิ๋นชิง องค์หญิงฉางผิงมองอย่างเหม่อลอยอยู่บ้าง
ภายในห้องแขวนภาพวาดเต็มไปหมด มีวิถีชาวบ้าน มีภูเขาแม่น้ำ มีเรือนเล็กปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่ ทั้งมีสิ่งมีชีวิตอย่างหมาบ้านกับจิ้งจอก มีปัญญาชนคล้ายเสนาบดีอิ๋นถือพู่กันเขียนอักษร ถึงขั้นว่ายังมีเซียนท่องฝ่าลมเงาร่างพร่าเลือนด้วย
ทุกภาพล้วนเหมือนจริงนัก โดดเด่นไม่ธรรมดายิ่งกว่าเหล่าผลงานซึ่งจัดแสดงข้างนอก องค์หญิงฉางผิงรับรู้ถึงความมีเอกลักษณ์ของทุกภาพวาด
เมื่อลองมองชั้นวางหนังสือกับโต๊ะหนังสือภายในห้อง ตำราล้วนกองพะเนิน บนโต๊ะสองสามตัวมีตำราหลายเล่มเปิดค้างไว้ บนนั้นมีการทำเครื่องหมายทั้งแต้มจุดวงกลมเต็มหน้า แสดงออกว่าผู้เป็นเจ้าของตั้งใจอ่านตำรา
องค์หญิงฉางผิงขออนุญาตอิ๋นชิง สุ่มหยิบตำราเล่มหนึ่งมาดูว่าอิ๋นชิงทำเครื่องหมายอะไร สิ่งที่เห็นไม่ใช่แค่การบรรยายความหมายของบัณฑิตทั่วไป ภายในนั้นมีการขยายความและการวิพากษ์วิจารณ์ แต่กลับเหมือนว่าจับประเด็นสำคัญได้ทันที เผยความเป็นจริงของเนื้อหาตำราออกมาตรงหน้า
ตำรา ภาพวาด ภาพที่ร่างไม่เสร็จ อักษรที่เขียนค้าง…เดิมทุกอย่างนี้ควรทำให้ห้องหนังสือยุ่งเหยิง แต่กลับเป็นระเบียบอย่างน่าประหลาด มีเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์ท่ามกลางกลิ่นหมึกเลือนราง
องค์หญิงฉางผิงเองเป็นหญิงฉลาดรู้หนังสือ ในใจเกิดคลื่นสะเทือนอยู่บ้างอย่างอดไม่ได้
‘ไม่เหมือนอย่างที่หลายคนพูดกัน ดูท่าว่าคงถอดแบบบิดามา…’
องค์หญิงฉางผิงมองอิ๋นชิงซึ่งในที่สุดก็เขินอายอยู่บ้างอย่างหาได้ยาก
“รองเสนาบดีอิ๋น ฝีมือวาดภาพของท่านดีขนาดนี้ ช่วยวาดภาพเหมือนข้าสักภาพเป็นอย่างไร”
“องค์หญิงรับสั่ง อิ๋นชิงย่อมทำตาม เอาล่ะ เราใช้เวลาดูห้องหนังสือนานกว่าที่คาด ครานี้ไม่ต้องไปห้องอาหารล่วงหน้าแล้ว องค์หญิง พวกเราควรไปแล้ว มิฉะนั้นคงไม่ทันเสวย”
“ได้ๆๆ ข้าทราบแล้ว!”
ทั้งสองคนเดินไปอีกทางมุ่งหน้าสู่ห้องอาหาร ผ่านเรือนรับรองซึ่งจี้หยวนอยู่ไกลๆ ยามองค์หญิงฉางผิงหันมองซ้ายขวา นางเห็นว่าตรงลานเรือนรับรองมีชายชุดขาวคนหนึ่งนั่งวางกระดานหมากหน้าโต๊ะหิน ก่อนถามอิ๋นชิงซึ่งค่อนข้างคุ้นเคยกันแล้ว
“รองเสนาบดีอิ๋น คนผู้นั้นเป็นใคร ไม่เหมือนข้ารับใช้จวนพวกท่าน”
อิ๋นชิงเห็นภาพด้านข้างของจี้หยวน เขาเดินพลางกล่าวอธิบายกับองค์หญิง
“คนผู้นี้คือผู้อาวุโสจากบ้านเกิด ยากมาเป็นแขกที่เมืองหลวง อาศัยอยู่จวนกระหม่อมชั่วคราว ค่อนข้างชอบความสงบ พวกเราไม่ไปรบกวนเขาดีกว่า”
“อืม!”
เมื่อทั้งสองคนเดินผ่านไป ความจริงจิตใจของจี้หยวนไม่ได้อยู่ที่กระดานหมากนานแล้ว แค่แสร้งทำท่าถือตัวหมากเท่านั้น ผู้ทำแบบเดียวกันยังมีจิ้งจอกซึ่งนั่งอยู่ใต้โต๊ะอีกตัว รวมถึงนกกระดาษตัวหนึ่งซึ่งโรยตัวลงบนไหล่จี้หยวน แน่นอนว่าไม่ได้หยิบเทียบเจตกระบี่ออกมา มิฉะนั้นคงคึกคักยิ่งกว่าเดิม
หูอวิ๋นชะโงกมองห่างออกไป ก่อนทำหน้าสงสัย
“ท่านจี้ หญิงสาวข้างกายอิ๋นชิงเป็นใครหรือ”
“น่าจะเป็นองค์หญิง ดูท่าทางจากการพานางเดินเล่นลำพัง จุดประสงค์การมาจวนตระกูลอิ๋นของฮ่องเต้คงน่าสนุกแล้ว”
หูอวิ๋นอึ้งงันครู่หนึ่ง เงยหน้ามองจี้หยวน
“ผู้หญิงคนนี้จะมาเป็นภรรยาของอิ๋นชิงหรือ”
คำพูดนี้จี้หยวนฟังแล้วอึ้งงันเล็กน้อย ก้มมองจิ้งจอกตัวนี้
“จิ้งจอกฝึกปราณกลางป่าเขาอย่างเจ้า เข้าใจมากขนาดนี้เชียว”